หลังจากสรุปเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ซูฮั่นหยวนก็ฉีกบทออกเป็นชิ้น ๆ ไม่มีทางที่เธอจะกลายมาเป็นแค่ตัวละครเสริม! เธอไม่เคยเป็นคนขี้ขลาด! เพื่อจัดการกับคนใจร้ายเหล่านี้ เธอจะปล่อยให้พวกเขาทำตามใจไม่ได้! มีสามคำสำหรับขยะพวกนี้คือ ‘ไปตายซะ!’
หลังจากสรุปเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ซูฮั่นหยวนก็ฉีกบทออกเป็นชิ้น ๆ ไม่มีทางที่เธอจะกลายมาเป็นแค่ตัวละครเสริม! เธอไม่เคยเป็นคนขี้ขลาด! เพื่อจัดการกับคนใจร้ายเหล่านี้ เธอจะปล่อยให้พวกเขาทำตามใจไม่ได้! มีสามคำสำหรับขยะพวกนี้คือ ‘ไปตายซะ!’
ตอนที่ 83: อันตรายยามค่ำคืน
ซูฮั่นหยวนถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วหันไปขอบคุณจินเฉิน “ขอบคุณค่ะ คุณหมอจิน”
“ไม่เป็นไร” จินเฉินตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ “ดูแลตัวเองดี ๆ ล่ะ”
หลังจากลงจากรถแล้ว ซูฮั่นหยวนรู้สึกว่าคุณหมอจินคนนี้ไม่ได้เย็นชาและหงุดหงิดอย่างที่เธอคิดไว้ในตอนแรก เธอคิดไปว่าอาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้เขาทำงานหนักเกินไป ต่อให้เป็นคนเหล็กก็ยังต้องเหนื่อยล้าเป็นธรรมดา
จินเฉินก้มหน้าลงเล็กน้อยและมองตามร่างของซูฮั่นหยวนที่ค่อย ๆ ลับหายไปจากสายตา
เขาก้มมองฝ่ามือตัวเอง และมุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เป็นการยืนยันอย่างหนึ่ง...เธอช่างแตกต่างจริงๆ
แต่ว่า...การกระทำของเขาเมื่อครู่ไม่ค่อยน่าไว้วางใจไปหน่อยหรือเปล่านะ?
เมื่อซูฮั่นหยวนมาถึงบ้านของผู้จัดการจาง ปรากฏว่าไม่มีใครอยู่เลย มีเพียงเด็ก ๆ และคุณย่าจางที่บ้านเท่านั้น
เธอตั้งใจจะพูดคุยเรื่องรายงานของโรงงานกับผู้จัดการจาง แต่เมื่อเขาไม่อยู่ เธอจึงสอนหนังสือให้เด็ก ๆ ก่อน สองชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเธอสอนเสร็จ เวลาก็ล่วงเลยไปเกือบสามทุ่มแล้ว แต่ผู้จัดการจางก็ยังไม่กลับมา
ดูเหมือนผู้จัดการจะยุ่งมาก ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่อยากรบกวนเขา
หลังจากออกจากบ้านของตระกูลจางแล้ว ซูฮั่นหยวนยืนรอรถอยู่หน้าบ้าน เธอคิดจะไปที่โรงพิมพ์เพื่อตรวจสอบดู ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เธอต้องทำให้หนังสือพิมพ์ของโรงงานถูกพิมพ์ออกมาให้ได้
ซูฮั่นหยวนคิดตามที่หัวหน้าหนิ่วบอก ถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งสามจะทำงานล่วงเวลาทั้งวันพรุ่งนี้ ก็อาจจะไม่สามารถเขียนร่างต้นฉบับได้ ทำไมเธอไม่จัดการเรื่องนี้เสียตอนนี้ล่ะ?
หากเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นมา หัวหน้าหนิ่วก็คงลำบากและผู้จัดการโรงงานก็จะต้องโกรธแน่ ๆ
ซูฮั่นหยวนดูจุดหมายของรถเมล์เที่ยวสุดท้าย รถคันนี้ไม่สามารถไปถึงโรงพิมพ์โดยตรงได้ เธอจึงต้องเปลี่ยนรถระหว่างทาง เธอขึ้นรถและนั่งไปประมาณยี่สิบนาทีก่อนที่จะลงแล้วเปลี่ยนไปขึ้นรถอีกคัน
น่าเสียดายที่รถเมล์คันสุดท้ายของสายถัดไปหยุดวิ่งไปแล้ว เธอคำนวณเงินที่มีอยู่ในกระเป๋าและพบว่ามีเงินพอสำหรับนั่งแท็กซี่กลับไปที่โรงงานได้พอดี
โชคดีที่เส้นทางที่เหลือไม่ไกลมาก เธอจึงคิดว่าเดินไปแทนก็คงจะได้
ตอนนี้เวลาล่วงเลยไปเกือบสามทุ่ม เมื่อรถเมล์สายสุดท้ายหยุดวิ่งแล้ว ถนนก็แทบจะไม่มีคนเดินอยู่ เธอเดินอยู่คนเดียวบนถนนที่เงียบสงัด รู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก
ซูฮั่นหยวนเร่งฝีเท้าขึ้น หวังว่าจะถึงโรงพิมพ์ให้เร็วที่สุด
เธอเดินข้ามถนนใหญ่สองเส้นก่อนจะต้องข้ามถนนที่แคบและยาวกว่านี้เล็กน้อยเพื่อไปยังถนนอีกสาย ซึ่งโรงพิมพ์ตั้งอยู่บนถนนสายนั้น
เมื่อเห็นว่าความหวังอยู่ตรงหน้า ซูฮั่นหยวนเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นเพื่อให้ถึงจุดหมายโดยไว
ถนนเส้นนี้ยาวมาก แต่มีเพียงเสาไฟถนนแค่สองเสา แสงสว่างก็อ่อนแรงสะท้อนลงพื้น ทันใดนั้น ลมหนาวแรงพัดผ่าน และมีเสียงหวีดหวิวที่ไม่น่าพึงใจดังมาจากข้างทาง
เธอขดตัวอยู่ในเสื้อโค้ต ฝังแขนไว้แนบลำตัว และเดินเร็ว ๆ พร้อมกับก้มศีรษะลง
“โอ๊ย! ดึกขนาดนี้แล้วยังมีคนเดินผ่านที่นี่อีกแฮะ!” เสียงขี้เกียจและฟังดูตื่นเต้นดังขึ้น ราวกับเสียงของนักเลง
ทันใดนั้น เสียงอื่น ๆ ก็ประสานกันขึ้นตามมา “แล้วยังเป็นผู้หญิงด้วย!”
“แม่นี่กล้าจริง ๆ เลยนะ เดินคนเดียวตอนกลางค่ำกลางคืนแบบนี้ ไม่มีใครบอกเหรอว่ามันอันตรายสำหรับผู้หญิง”
ซูฮั่นหยวนหยุดเดินทันทีและเงยหน้าขึ้น เห็นเงามืดของคนหลายคนเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า โชคร้ายจริง ๆ!
เธอเจอพวกนักเลงท้องถิ่นเข้าให้แล้ว!
ซูฮั่นหยวนตัดสินใจหันหลังกลับและเดินกลับไปทางเดิมทันที แต่ก็พบว่ามีคนกำลังค่อย ๆ ล้อมเธอไว้
"จะไปไหนน้องสาว คืนนี้พวกพี่ชายเหงาพอดี ทำไมน้องสาวไม่มานั่งคุยกับพี่ชายหน่อยล่ะ? ไปดูหนังกันดีกว่าไหม?"
"พี่ชายมีหนังดี ๆ ให้ดูอยู่นะ"
หลังจากเสียงนั้นพูดจบ ก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นเป็นชุด เห็นได้ชัดว่าทุกคนรู้ดีว่า ‘หนังดี’ ที่พูดถึงนั้นหมายถึงอะไร!
ซูฮั่นหยวนก็เข้าใจดีเช่นกัน นี่คงเป็นกลุ่มคนเลวในสังคมที่รวมตัวกันทำสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควรกัน
เธอแค่โชคร้ายที่ผ่านเข้ามายังบริเวณที่พวกเขาหยุดพักในเวลานั้น ทำให้ต้องมาเจอกับพวกเขา
ตอนที่ 84: สุขและทุกข์ผสมปนเป
“อย่ามาเล่นตลกกันแบบนี้นะ!” ซูฮั่นหยวนพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองและทำเสียงให้ดูสงบ “ฉันมากับแฟนของฉัน เขาอยู่ข้างหลังนี่เอง! เขาเป็นทหารในกองทัพ กำปั้นเขาแข็งมากเลยนะจะบอกให้!”
“จริงหรือ?”
“แต่ฉันว่าเธอกำลังโกหกอยู่นะ”
“ให้แฟนทหารของเธอออกมาสิ มาดูกันว่ากำปั้นใครแข็งกว่ากัน!”
เห็นได้ชัดว่าคนพวกนี้ไม่เชื่อคำพูดของเธอเลยแม้แต่น้อย
ในตอนกลางคืนที่เธอถือกระเป๋าเดินผ่านถนนแคบ ๆ แบบนี้ ไม่มีใครเชื่อว่าเธอกำลังออกเดตกับแฟนหนุ่ม
โอ้ย สวรรค์!
ซูฮั่นหยวนสาปแช่งในใจ ทำไมเธอถึงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วยนะ
หรือคืนนี้เธอจะต้องจบลงแบบนี้จริง ๆ?
ในขณะที่เธอกำลังวิตกกังวล จู่ ๆ เธอก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากที่ไกล ๆ เธอหันไปและเห็นเงาร่างสูงเพรียวเดินเข้ามาจากซอยแคบ ๆ นั้น
“ถอยห่างจากเธอซะ!” ชายคนนั้นเตือนพวกอันธพาลอีกครั้ง
“โอ้! พ่อพระมาช่วยรึ?”
“ดูเหมือนจะอย่างนั้นนะ”
พวกอันธพาลเหล่านี้สูบบุหรี่พร้อมกับโยกขาอย่างไม่สนใจใคร แสดงท่าทางหยิ่งยโส
“ไง! อยากเป็นฮีโร่ช่วยสาวน้อยในยามยากเหรอพวก? งั้นต้องดูนะว่าตัวเล็กแบบนี้จะทนโดนตีได้หรือเปล่า!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ดูมันสิ ตัวบางเหมือนไก่เลยว่ะ
ซูฮั่นหยวนฟังพวกนั้นพูดเรื่องไร้สาระ ชัดเจนเลยว่าพวกเขากำลังจะลงไม้ลงมือ เธอหันมองไปยังเงาร่างที่กำลังใกล้เข้ามาด้วยความกังวล เมื่อแสงจากโคมไฟถนนที่มืดสลัวสะท้อนบนใบหน้าหล่อของจินเฉิน เธอไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือกังวลดี
หรืออาจจะเป็นความรู้สึกที่ปนเปกัน!
เธอดีใจที่คืนนี้เธอไม่ต้องเผชิญกับเรื่องนี้คนเดียวและมีคนมาช่วยได้ทันเวลา แต่เธอก็กังวลเพราะจินเฉินเป็นศัลยแพทย์ มือของเขาถูกใช้ในการผ่าตัด ไม่ใช่การต่อสู้
แม้ว่ามือทั้งคู่ของเขาจะถือว่าเป็นมือที่ช่วยชีวิตผู้อื่น แต่…เขาจะสู้ได้เหรอ?
ซูฮั่นหยวนเป็นกังวลมาก เธอคิดว่าคืนนี้จินเฉินอาจจะได้สัมผัสกับความโหดร้ายของโลกนี้ การโดนซ้อมดูเหมือนจะหลีกเลี่ยงไม่ได้
“หมอจิน!” ซูฮั่นหยวนร้องเรียก
จินเฉินหยุดเดินห่างจากเธอไม่ถึงสองเมตรและมองตรงเข้ามาในดวงตาของเธอ “ยืนนิ่งอยู่ทำไม? ยังไม่รีบมาหาผมอีก”
“อ้าว เมื่อกี้บอกว่าเป็นทหาร ทำไมตอนนี้กลายเป็นหมอซะล่ะ” หนึ่งในพวกนักเลงหัวเราะเยาะ “ผู้หญิงพวกนี้ชอบโกหกอะไรอย่างนี้”
ใครสนกันยะ?
ซูฮั่นหยวนอยากจะไปหาจินเฉิน แต่ชายคนนั้นคว้าแขนของเธอไว้ “อยากไปเหรอ? ได้สิ จูบฉันตรงนี้ก่อนสิ”
“แค่ก แค่ก…ฮ่า…” ซูฮั่นหยวนไอและอยากจะถ่มน้ำลายใส่หน้าเขา ไอ้คนหน้าด้าน!
แต่พอคิดถึงความได้เปรียบทางกายของทั้งสองฝ่าย เธอก็ทำได้เพียงก้มลงและถ่มน้ำลายลงพื้นแทน
จินเฉินเหมือนจะอ่านใจเธอออก เขาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะก้าวเข้ามาและผลักชายที่อยู่รอบตัวเธอออกไป เขาจับแขนของเธอแล้วดึงเธอออกจากวงล้อมของพวกนักเลงและยืนบังเธอไว้ข้างหลัง
ซูฮั่นหยวนถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะกระซิบเบา ๆ ว่า “ขอบคุณค่ะ หมอจิน แต่... คุณจะสู้พวกเขาไหวหรือคะ”
จินเฉินไม่ได้ตอบคำถามของเธอ แต่เขาหันไปพูดกับพวกนักเลงแทนว่า “ช่วยหลีกทางให้หน่อย ให้เรื่องนี้จบลงที่คืนนี้เถอะ”
ตอนที่ 85: ฝึกมาตั้งแต่เด็ก
"หมอนี่พูดว่าอะไรนะ?" หัวหน้าแก๊งนักเลงหรี่ตาถามคนข้างๆ
"มันบอกว่าจบได้แล้ว"
"ฮ่า แค่เพราะมันบอกว่าจบก็จบงั้นเรอะ กล้าดียังไง! ไม่กลัวตายเลยใช่ไหม ไม่รู้จักถามยมบาลดูก่อนหรือไงถึงคิดจะมาชิงอาหารจากปากข้าได้! พี่น้อง ไหนๆ ก็ว่างอยู่แล้ว ออกแรงสักหน่อยเถอะ เป็นหมอแล้วยังไงวะ"
เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นหัวหน้าแก๊งนี้ เมื่อหัวหน้าพูดอย่างนั้น ลูกน้องย่อมไม่มีทางขัดขืน
"ลุย!"
ผู้ชายสองสามคนเริ่มสะบัดแขนสะบัดขา พวกเขายิ้มอย่างน่ากลัวและพุ่งเข้าหาจินเฉิน
จินเฉินเลิกคิ้วและพูดเย็นชา “จะว่าไปก็นานมากแล้วที่ฉันไม่ได้ออกกำลังกาย อยากตายก็เข้ามา” เขาเลิกคิ้วท้าทาย
ซูฮั่นหยวนรู้สึกใจเต้นแรง ความกังวลทำให้เธอแทบจะเป็นลม
"ถอยไปอยู่ข้างๆ!" จินเฉินเตือนเธอ ก่อนจะกำหมัดและเข้าประจันหน้าตรงๆ
ความเร็วและพลังของเขาดูเหมือนจะไม่ใช่สิ่งที่หมอธรรมดาสามารถทำได้ แต่มันเป็นสิ่งที่มีเพียงคนที่ผ่านการฝึกฝนอย่างเข้มงวดมาหลายปีถึงจะทำได้
การเคลื่อนไหวของเขาทำให้นักเลงพวกนั้นตกตะลึง
พวกนักเลงเปลี่ยนแผนกันใหม่โดยพยายามล้อมจินเฉินไว้ตรงกลาง ทว่าจินเฉินรู้ทัน เขาจึงเตะหนึ่งคนล้มลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ทะลุช่องว่างออกมาและไปยืนอยู่ด้านหลังของคนที่เหลือ เขาจับแขนคนหนึ่งและบิดทันที
"โอ๊ย! เจ็บ!" ชายคนนั้นทำอะไรไม่ได้ เขางอขาและยกหัวขึ้นด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด
"อยากรู้ว่าการที่แขนถูกดึงออกจากข้อไหม" จินเฉินพูดเสียงต่ำ
"ไม่ ไม่ ไม่! ไม่อยาก!" นักเลงรีบตอบ
"อย่าปอดแหกสิวะ มันไม่กล้าทำจริงหรอก" ชายอีกคนพ่นก้นบุหรี่ออกจากปาก ม้วนแขนเสื้อขึ้นและชกเข้าที่หน้าหล่อๆ ของจินเฉิน
"ระวัง!" ซูฮั่นหยวนตะโกนขึ้น
จินเฉินปล่อยคนที่อยู่ข้างหน้าและเตะเขาออกไป จากนั้นก็ยกมือขึ้นและจับข้อมือของอีกฝ่าย เขาจ้องอีกฝ่ายด้วยสายตานิ่งเฉย และภายใต้สายตาของทุกคน เขาบิดแขนอีกฝ่ายจากด้านหน้าลำตัวไปด้านหลังอย่างแรง
ในขณะนั้น หัวหน้าแก๊งนักเลงตกตะลึง จินเฉินออกแรงบิด เสียงกรีดร้องอันโหยหวนหลุดออกจากปากของชายที่ถูกบดแขน
เมื่อจินเฉินปล่อยมือ แขนของเขาดูเหมือนจะไร้กระดูก ห้อยอยู่ข้างลำตัวอย่างไร้การควบคุม
"แขนหลุด…มันหลุดจริงๆ..."
จินเฉินถอยหลังไปหนึ่งก้าว ปัดฝุ่นออกจากตัว ก่อนจะหันไปบอกซูฮั่นหยวนว่า “รออะไรอยู่ล่ะ ยังไม่ไปอีก”
ตอนนั้นเองซูฮั่นหยวนก็คลายความกังวลเกี่ยวกับจินเฉิน เธอยกนิ้วโป้งให้เขาพร้อมพูดว่า “ยอดเยี่ยมมากเลย คุณหมอจิน!ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะเก่งขนาดนี้ ฉันนึกว่าคุณจะแพ้ซะอีก”
"ผมฝึกมาตั้งแต่เด็ก" จินเฉินยิ้มเล็กน้อย
ความจริงแล้ว ไม่ใช่แค่ตอนเด็กเท่านั้น แต่ตอนนี้เขาก็ยังคงออกกำลังกายทุกวัน สำหรับเขา ถ้าอยากจะทำอาชีพแพทย์ต่อไป เขาต้องมีร่างกายที่แข็งแรง
แม้เขาจะดูผอม แต่กล้ามเนื้อของเขาก็แฝงอยู่ภายใต้เสื้อผ้าที่บางเบา
พละกำลังที่พุ่งออกมาจากกล้ามเนื้อของเขานั้นไม่ควรมองข้าม
"ดึกขนาดนี้แล้ว ทำไมถึงยังเดินเตร็ดเตร่อยู่แถวนี้" จินเฉินถาม
"ฉันต้องไปโรงพิมพ์น่ะค่ะ มีงานที่ต้องพิมพ์" ซูฮั่นหยวนตอบ ขณะเดียวกันก็มองไปยังพวกนักเลงที่อยู่ในสภาพย่ำแย่ "ฉันไม่คิดเลยว่าจะเจอคนพวกนี้ที่นี่"
“ไปกันเถอะ ผมจะไปเป็นเพื่อนคุณเอง” จินเฉินเสนอตัว