Your Wishlist

ทะลุมิติมายุค 1980 ช่างหัวพวกมันสิ! (ตอนที่ 83 - 85: อันตรายยามค่ำคืน, สุขและทุกข์ผสมปนเป, ฝึกมาตั้งแต่เด็ก)

Author: Carefree Leaf-Talk/ BuaElla แปล

หลังจากสรุปเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ซูฮั่นหยวนก็ฉีกบทออกเป็นชิ้น ๆ ไม่มีทางที่เธอจะกลายมาเป็นแค่ตัวละครเสริม! เธอไม่เคยเป็นคนขี้ขลาด! เพื่อจัดการกับคนใจร้ายเหล่านี้ เธอจะปล่อยให้พวกเขาทำตามใจไม่ได้! มีสามคำสำหรับขยะพวกนี้คือ ‘ไปตายซะ!’

จำนวนตอน :

ตอนที่ 83 - 85: อันตรายยามค่ำคืน, สุขและทุกข์ผสมปนเป, ฝึกมาตั้งแต่เด็ก

  • 23/09/2567

ตอนที่ 83: อันตรายยามค่ำคืน

 

ซูฮั่นหยวนถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วหันไปขอบคุณจินเฉิน “ขอบคุณค่ะ คุณหมอจิน”

 

“ไม่เป็นไร” จินเฉินตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ “ดูแลตัวเองดี ๆ ล่ะ”

 

หลังจากลงจากรถแล้ว ซูฮั่นหยวนรู้สึกว่าคุณหมอจินคนนี้ไม่ได้เย็นชาและหงุดหงิดอย่างที่เธอคิดไว้ในตอนแรก เธอคิดไปว่าอาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้เขาทำงานหนักเกินไป ต่อให้เป็นคนเหล็กก็ยังต้องเหนื่อยล้าเป็นธรรมดา

 

จินเฉินก้มหน้าลงเล็กน้อยและมองตามร่างของซูฮั่นหยวนที่ค่อย ๆ ลับหายไปจากสายตา

 

เขาก้มมองฝ่ามือตัวเอง และมุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เป็นการยืนยันอย่างหนึ่ง...เธอช่างแตกต่างจริงๆ

 

แต่ว่า...การกระทำของเขาเมื่อครู่ไม่ค่อยน่าไว้วางใจไปหน่อยหรือเปล่านะ?

 

เมื่อซูฮั่นหยวนมาถึงบ้านของผู้จัดการจาง ปรากฏว่าไม่มีใครอยู่เลย มีเพียงเด็ก ๆ และคุณย่าจางที่บ้านเท่านั้น

 

เธอตั้งใจจะพูดคุยเรื่องรายงานของโรงงานกับผู้จัดการจาง แต่เมื่อเขาไม่อยู่ เธอจึงสอนหนังสือให้เด็ก ๆ ก่อน สองชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเธอสอนเสร็จ เวลาก็ล่วงเลยไปเกือบสามทุ่มแล้ว แต่ผู้จัดการจางก็ยังไม่กลับมา

 

ดูเหมือนผู้จัดการจะยุ่งมาก ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่อยากรบกวนเขา

 

หลังจากออกจากบ้านของตระกูลจางแล้ว ซูฮั่นหยวนยืนรอรถอยู่หน้าบ้าน เธอคิดจะไปที่โรงพิมพ์เพื่อตรวจสอบดู ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เธอต้องทำให้หนังสือพิมพ์ของโรงงานถูกพิมพ์ออกมาให้ได้

 

ซูฮั่นหยวนคิดตามที่หัวหน้าหนิ่วบอก ถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งสามจะทำงานล่วงเวลาทั้งวันพรุ่งนี้ ก็อาจจะไม่สามารถเขียนร่างต้นฉบับได้ ทำไมเธอไม่จัดการเรื่องนี้เสียตอนนี้ล่ะ?

 

หากเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นมา หัวหน้าหนิ่วก็คงลำบากและผู้จัดการโรงงานก็จะต้องโกรธแน่ ๆ

 

ซูฮั่นหยวนดูจุดหมายของรถเมล์เที่ยวสุดท้าย รถคันนี้ไม่สามารถไปถึงโรงพิมพ์โดยตรงได้ เธอจึงต้องเปลี่ยนรถระหว่างทาง เธอขึ้นรถและนั่งไปประมาณยี่สิบนาทีก่อนที่จะลงแล้วเปลี่ยนไปขึ้นรถอีกคัน

 

น่าเสียดายที่รถเมล์คันสุดท้ายของสายถัดไปหยุดวิ่งไปแล้ว เธอคำนวณเงินที่มีอยู่ในกระเป๋าและพบว่ามีเงินพอสำหรับนั่งแท็กซี่กลับไปที่โรงงานได้พอดี

 

โชคดีที่เส้นทางที่เหลือไม่ไกลมาก เธอจึงคิดว่าเดินไปแทนก็คงจะได้

 

ตอนนี้เวลาล่วงเลยไปเกือบสามทุ่ม เมื่อรถเมล์สายสุดท้ายหยุดวิ่งแล้ว ถนนก็แทบจะไม่มีคนเดินอยู่ เธอเดินอยู่คนเดียวบนถนนที่เงียบสงัด รู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก

 

ซูฮั่นหยวนเร่งฝีเท้าขึ้น หวังว่าจะถึงโรงพิมพ์ให้เร็วที่สุด

 

เธอเดินข้ามถนนใหญ่สองเส้นก่อนจะต้องข้ามถนนที่แคบและยาวกว่านี้เล็กน้อยเพื่อไปยังถนนอีกสาย ซึ่งโรงพิมพ์ตั้งอยู่บนถนนสายนั้น

 

เมื่อเห็นว่าความหวังอยู่ตรงหน้า ซูฮั่นหยวนเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นเพื่อให้ถึงจุดหมายโดยไว

 

ถนนเส้นนี้ยาวมาก แต่มีเพียงเสาไฟถนนแค่สองเสา แสงสว่างก็อ่อนแรงสะท้อนลงพื้น ทันใดนั้น ลมหนาวแรงพัดผ่าน และมีเสียงหวีดหวิวที่ไม่น่าพึงใจดังมาจากข้างทาง

 

เธอขดตัวอยู่ในเสื้อโค้ต ฝังแขนไว้แนบลำตัว และเดินเร็ว ๆ พร้อมกับก้มศีรษะลง

 

“โอ๊ย! ดึกขนาดนี้แล้วยังมีคนเดินผ่านที่นี่อีกแฮะ!” เสียงขี้เกียจและฟังดูตื่นเต้นดังขึ้น ราวกับเสียงของนักเลง

 

ทันใดนั้น เสียงอื่น ๆ ก็ประสานกันขึ้นตามมา “แล้วยังเป็นผู้หญิงด้วย!”

 

“แม่นี่กล้าจริง ๆ เลยนะ เดินคนเดียวตอนกลางค่ำกลางคืนแบบนี้ ไม่มีใครบอกเหรอว่ามันอันตรายสำหรับผู้หญิง”

 

ซูฮั่นหยวนหยุดเดินทันทีและเงยหน้าขึ้น เห็นเงามืดของคนหลายคนเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า โชคร้ายจริง ๆ!

 

เธอเจอพวกนักเลงท้องถิ่นเข้าให้แล้ว!

 

ซูฮั่นหยวนตัดสินใจหันหลังกลับและเดินกลับไปทางเดิมทันที แต่ก็พบว่ามีคนกำลังค่อย ๆ ล้อมเธอไว้

 

"จะไปไหนน้องสาว คืนนี้พวกพี่ชายเหงาพอดี ทำไมน้องสาวไม่มานั่งคุยกับพี่ชายหน่อยล่ะ? ไปดูหนังกันดีกว่าไหม?"

 

"พี่ชายมีหนังดี ๆ ให้ดูอยู่นะ"

 

หลังจากเสียงนั้นพูดจบ ก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นเป็นชุด เห็นได้ชัดว่าทุกคนรู้ดีว่า ‘หนังดี’ ที่พูดถึงนั้นหมายถึงอะไร!

 

ซูฮั่นหยวนก็เข้าใจดีเช่นกัน นี่คงเป็นกลุ่มคนเลวในสังคมที่รวมตัวกันทำสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควรกัน

 

เธอแค่โชคร้ายที่ผ่านเข้ามายังบริเวณที่พวกเขาหยุดพักในเวลานั้น ทำให้ต้องมาเจอกับพวกเขา

 

ตอนที่ 84: สุขและทุกข์ผสมปนเป

 

“อย่ามาเล่นตลกกันแบบนี้นะ!” ซูฮั่นหยวนพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองและทำเสียงให้ดูสงบ “ฉันมากับแฟนของฉัน เขาอยู่ข้างหลังนี่เอง! เขาเป็นทหารในกองทัพ กำปั้นเขาแข็งมากเลยนะจะบอกให้!”

 

“จริงหรือ?”

 

“แต่ฉันว่าเธอกำลังโกหกอยู่นะ”

 

“ให้แฟนทหารของเธอออกมาสิ มาดูกันว่ากำปั้นใครแข็งกว่ากัน!”

 

เห็นได้ชัดว่าคนพวกนี้ไม่เชื่อคำพูดของเธอเลยแม้แต่น้อย

 

ในตอนกลางคืนที่เธอถือกระเป๋าเดินผ่านถนนแคบ ๆ แบบนี้ ไม่มีใครเชื่อว่าเธอกำลังออกเดตกับแฟนหนุ่ม

 

โอ้ย สวรรค์!

 

ซูฮั่นหยวนสาปแช่งในใจ ทำไมเธอถึงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วยนะ

 

หรือคืนนี้เธอจะต้องจบลงแบบนี้จริง ๆ?

 

ในขณะที่เธอกำลังวิตกกังวล จู่ ๆ เธอก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากที่ไกล ๆ เธอหันไปและเห็นเงาร่างสูงเพรียวเดินเข้ามาจากซอยแคบ ๆ นั้น

 

“ถอยห่างจากเธอซะ!” ชายคนนั้นเตือนพวกอันธพาลอีกครั้ง

 

“โอ้! พ่อพระมาช่วยรึ?”

 

“ดูเหมือนจะอย่างนั้นนะ”

 

พวกอันธพาลเหล่านี้สูบบุหรี่พร้อมกับโยกขาอย่างไม่สนใจใคร แสดงท่าทางหยิ่งยโส

 

“ไง! อยากเป็นฮีโร่ช่วยสาวน้อยในยามยากเหรอพวก? งั้นต้องดูนะว่าตัวเล็กแบบนี้จะทนโดนตีได้หรือเปล่า!”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า! ดูมันสิ ตัวบางเหมือนไก่เลยว่ะ

 

ซูฮั่นหยวนฟังพวกนั้นพูดเรื่องไร้สาระ ชัดเจนเลยว่าพวกเขากำลังจะลงไม้ลงมือ เธอหันมองไปยังเงาร่างที่กำลังใกล้เข้ามาด้วยความกังวล เมื่อแสงจากโคมไฟถนนที่มืดสลัวสะท้อนบนใบหน้าหล่อของจินเฉิน เธอไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือกังวลดี

 

หรืออาจจะเป็นความรู้สึกที่ปนเปกัน!

 

เธอดีใจที่คืนนี้เธอไม่ต้องเผชิญกับเรื่องนี้คนเดียวและมีคนมาช่วยได้ทันเวลา แต่เธอก็กังวลเพราะจินเฉินเป็นศัลยแพทย์ มือของเขาถูกใช้ในการผ่าตัด ไม่ใช่การต่อสู้

 

แม้ว่ามือทั้งคู่ของเขาจะถือว่าเป็นมือที่ช่วยชีวิตผู้อื่น แต่…เขาจะสู้ได้เหรอ?

 

ซูฮั่นหยวนเป็นกังวลมาก เธอคิดว่าคืนนี้จินเฉินอาจจะได้สัมผัสกับความโหดร้ายของโลกนี้ การโดนซ้อมดูเหมือนจะหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

“หมอจิน!” ซูฮั่นหยวนร้องเรียก

 

จินเฉินหยุดเดินห่างจากเธอไม่ถึงสองเมตรและมองตรงเข้ามาในดวงตาของเธอ “ยืนนิ่งอยู่ทำไม? ยังไม่รีบมาหาผมอีก”

 

“อ้าว เมื่อกี้บอกว่าเป็นทหาร ทำไมตอนนี้กลายเป็นหมอซะล่ะ” หนึ่งในพวกนักเลงหัวเราะเยาะ “ผู้หญิงพวกนี้ชอบโกหกอะไรอย่างนี้”

 

ใครสนกันยะ?

 

ซูฮั่นหยวนอยากจะไปหาจินเฉิน แต่ชายคนนั้นคว้าแขนของเธอไว้ “อยากไปเหรอ? ได้สิ จูบฉันตรงนี้ก่อนสิ”

 

“แค่ก แค่ก…ฮ่า…” ซูฮั่นหยวนไอและอยากจะถ่มน้ำลายใส่หน้าเขา ไอ้คนหน้าด้าน!

 

แต่พอคิดถึงความได้เปรียบทางกายของทั้งสองฝ่าย เธอก็ทำได้เพียงก้มลงและถ่มน้ำลายลงพื้นแทน

 

จินเฉินเหมือนจะอ่านใจเธอออก เขาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะก้าวเข้ามาและผลักชายที่อยู่รอบตัวเธอออกไป เขาจับแขนของเธอแล้วดึงเธอออกจากวงล้อมของพวกนักเลงและยืนบังเธอไว้ข้างหลัง

 

ซูฮั่นหยวนถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะกระซิบเบา ๆ ว่า “ขอบคุณค่ะ หมอจิน แต่... คุณจะสู้พวกเขาไหวหรือคะ”

 

จินเฉินไม่ได้ตอบคำถามของเธอ แต่เขาหันไปพูดกับพวกนักเลงแทนว่า “ช่วยหลีกทางให้หน่อย ให้เรื่องนี้จบลงที่คืนนี้เถอะ”

 

ตอนที่ 85: ฝึกมาตั้งแต่เด็ก

 

"หมอนี่พูดว่าอะไรนะ?" หัวหน้าแก๊งนักเลงหรี่ตาถามคนข้างๆ

 

"มันบอกว่าจบได้แล้ว"

 

"ฮ่า แค่เพราะมันบอกว่าจบก็จบงั้นเรอะ กล้าดียังไง! ไม่กลัวตายเลยใช่ไหม ไม่รู้จักถามยมบาลดูก่อนหรือไงถึงคิดจะมาชิงอาหารจากปากข้าได้! พี่น้อง ไหนๆ ก็ว่างอยู่แล้ว ออกแรงสักหน่อยเถอะ เป็นหมอแล้วยังไงวะ"

 

เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นหัวหน้าแก๊งนี้ เมื่อหัวหน้าพูดอย่างนั้น ลูกน้องย่อมไม่มีทางขัดขืน

 

"ลุย!"

 

ผู้ชายสองสามคนเริ่มสะบัดแขนสะบัดขา พวกเขายิ้มอย่างน่ากลัวและพุ่งเข้าหาจินเฉิน

 

จินเฉินเลิกคิ้วและพูดเย็นชา “จะว่าไปก็นานมากแล้วที่ฉันไม่ได้ออกกำลังกาย อยากตายก็เข้ามา” เขาเลิกคิ้วท้าทาย

 

ซูฮั่นหยวนรู้สึกใจเต้นแรง ความกังวลทำให้เธอแทบจะเป็นลม

 

"ถอยไปอยู่ข้างๆ!" จินเฉินเตือนเธอ ก่อนจะกำหมัดและเข้าประจันหน้าตรงๆ

 

ความเร็วและพลังของเขาดูเหมือนจะไม่ใช่สิ่งที่หมอธรรมดาสามารถทำได้ แต่มันเป็นสิ่งที่มีเพียงคนที่ผ่านการฝึกฝนอย่างเข้มงวดมาหลายปีถึงจะทำได้

 

การเคลื่อนไหวของเขาทำให้นักเลงพวกนั้นตกตะลึง

 

พวกนักเลงเปลี่ยนแผนกันใหม่โดยพยายามล้อมจินเฉินไว้ตรงกลาง ทว่าจินเฉินรู้ทัน เขาจึงเตะหนึ่งคนล้มลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ทะลุช่องว่างออกมาและไปยืนอยู่ด้านหลังของคนที่เหลือ เขาจับแขนคนหนึ่งและบิดทันที

 

"โอ๊ย! เจ็บ!" ชายคนนั้นทำอะไรไม่ได้ เขางอขาและยกหัวขึ้นด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด

 

"อยากรู้ว่าการที่แขนถูกดึงออกจากข้อไหม" จินเฉินพูดเสียงต่ำ

 

"ไม่ ไม่ ไม่! ไม่อยาก!" นักเลงรีบตอบ

 

"อย่าปอดแหกสิวะ มันไม่กล้าทำจริงหรอก" ชายอีกคนพ่นก้นบุหรี่ออกจากปาก ม้วนแขนเสื้อขึ้นและชกเข้าที่หน้าหล่อๆ ของจินเฉิน

 

"ระวัง!" ซูฮั่นหยวนตะโกนขึ้น

 

จินเฉินปล่อยคนที่อยู่ข้างหน้าและเตะเขาออกไป จากนั้นก็ยกมือขึ้นและจับข้อมือของอีกฝ่าย เขาจ้องอีกฝ่ายด้วยสายตานิ่งเฉย และภายใต้สายตาของทุกคน เขาบิดแขนอีกฝ่ายจากด้านหน้าลำตัวไปด้านหลังอย่างแรง

 

ในขณะนั้น หัวหน้าแก๊งนักเลงตกตะลึง จินเฉินออกแรงบิด เสียงกรีดร้องอันโหยหวนหลุดออกจากปากของชายที่ถูกบดแขน

 

เมื่อจินเฉินปล่อยมือ แขนของเขาดูเหมือนจะไร้กระดูก ห้อยอยู่ข้างลำตัวอย่างไร้การควบคุม

 

"แขนหลุด…มันหลุดจริงๆ..."

 

จินเฉินถอยหลังไปหนึ่งก้าว ปัดฝุ่นออกจากตัว ก่อนจะหันไปบอกซูฮั่นหยวนว่า “รออะไรอยู่ล่ะ ยังไม่ไปอีก”

 

ตอนนั้นเองซูฮั่นหยวนก็คลายความกังวลเกี่ยวกับจินเฉิน เธอยกนิ้วโป้งให้เขาพร้อมพูดว่า “ยอดเยี่ยมมากเลย คุณหมอจิน!ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะเก่งขนาดนี้ ฉันนึกว่าคุณจะแพ้ซะอีก”

 

"ผมฝึกมาตั้งแต่เด็ก" จินเฉินยิ้มเล็กน้อย

 

ความจริงแล้ว ไม่ใช่แค่ตอนเด็กเท่านั้น แต่ตอนนี้เขาก็ยังคงออกกำลังกายทุกวัน สำหรับเขา ถ้าอยากจะทำอาชีพแพทย์ต่อไป เขาต้องมีร่างกายที่แข็งแรง

 

แม้เขาจะดูผอม แต่กล้ามเนื้อของเขาก็แฝงอยู่ภายใต้เสื้อผ้าที่บางเบา

 

พละกำลังที่พุ่งออกมาจากกล้ามเนื้อของเขานั้นไม่ควรมองข้าม

 

"ดึกขนาดนี้แล้ว ทำไมถึงยังเดินเตร็ดเตร่อยู่แถวนี้" จินเฉินถาม

 

"ฉันต้องไปโรงพิมพ์น่ะค่ะ มีงานที่ต้องพิมพ์" ซูฮั่นหยวนตอบ ขณะเดียวกันก็มองไปยังพวกนักเลงที่อยู่ในสภาพย่ำแย่ "ฉันไม่คิดเลยว่าจะเจอคนพวกนี้ที่นี่"

 

“ไปกันเถอะ ผมจะไปเป็นเพื่อนคุณเอง” จินเฉินเสนอตัว

 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป