ตอนที่ 151: จ่ายค่าเสียหาย
หวังต้าเฉิงนิ่งชะงัก เขาคิดว่าสี่แสนหยวนน่าจะเพียงพอแล้วแต่เธอเรียกเขาตั้งหนึ่งล้านห้าแสนหยวน!
เขาไม่คิดว่า V5 จะมีรายได้ต่อสัปดาห์มากขนาดนี้ มากกว่าชาร์มบาร์ของเขาเสียอีก
หวังต้าเฉิงอิจฉาจนแทบบ้า
สำหรับค่าชดเชยความเสียหายของเฟอร์นิเจอร์และค่าตกแต่งใหม่ หวังต้าเฉิงพยายามบังคับตัวเองให้ยอมรับมันแต่เขาไม่อยากจ่ายค่าทำขวัญของพนักงานและค่าชื่อเสียงที่เสียหายของ V5 นี่มันปล้นกันชัดๆ!
หวังต้าเฉิงโต้กลับด้วยความโกรธจัด “นี่เธอพยายามจะปล้นฉันใช่ไหม? ฉันยอมจ่ายแค่ค่าข้าวของเสียหายยกเว้นค่าทำขวัญพนักงานกับค่าชื่อเสียงของV5”
ถึงอย่างนั้นเขายังต้องจ่ายถึงเจ็ดแสนเจ็ดหมื่นหยวนซึ่งมากกว่าที่เขาคาดการณ์เอาไว้มาก
“ฉันไม่สนว่านายจะรับได้หรือไม่ได้ ถ้าไม่จ่ายก็อย่าคิดว่าจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัย” กู้หนิงขู่ เธอโหดร้ายกับฝ่ายตรงข้ามเสมอ
“เธอ…” หวังต้าเฉิงตกตะลึง
“หวังต้าเฉิง รีบๆจ่ายซะ! รู้ไหมว่า V5 มีแก๊งฉิงเป็นแบ็คอัพ! นายอยากมีเรื่องกับแก๊งฉิงหรือไง?!” เฉินเหล่าเอ้อร์พูดขัดขึ้น ตอนนี้เขาอยากออกไปจากที่นี่เต็มแก่และรีบไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด เขาเจ็บเจียนตายอยู่แล้ว
“อะไรนะ?” หวังต้าเฉินเกือบเป็นลม
แก๊งฉิง? V5 มีแก๊งฉิงเป็นแบ็ค? เป็นไปได้ยังไง? เขาไม่อยากจะเชื่อแต่เฉินเหล่าเอ้อร์บอกเขาเองกับตัว เขาจึงต้องเชื่อ
หวังต้าเฉิงหยุดโวยวายและยอมจ่ายค่าเสียหายในที่สุด ครั้งนี้ถือว่าเขาสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่
เขาไม่ได้เอาเงินสดติดตัวมามากจึงเลือกโอนเงินแทน ฮ่าวหรันเซ็นสัญญาค่าชดเชยเผื่อกรณีมีปัญหาในอนาคต ถึงเขาจะไม่กลัวหวังต้าเฉิงแต่ต้องป้องกันไว้ก่อนดีกว่า
หลังจากนั้นหวังต้าเฉิงและเฉินเหล่าเอ้อร์พร้อมนักเลงก็พากันกลับไปอย่างรวดเร็วและพนักงาน V5 ได้รับเงินทำขวัญไปคนละหนึ่งหมื่นหยวน พนักงานการเงินจะโอนเข้าบัญชีทุกคนพรุ่งนี้เช้า
V5 จำเป็นต้องตกแต่งร้านใหม่ พนักงานทุกคนไม่ต้องมาทำงานพวกเขาจึงลางานแต่ผู้จัดการร้านและพนักงานการเงินเป็นผู้ดูแลหารตกแต่งร้านใหม่ทั้งหมดยังคงต้องมาทำงาน
หลังจากเสร็จเรื่องฮ่าวหรันก็ชวนทุกคนไปดื่มกินกันต่อเพื่อขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ อย่างไรก็ตามก่อนที่พวกเขาจะจากไปฮ่าวหรันต้องการถามฉู่ซวนเฟิงเพื่อความแน่ใจก่อน
เขาเดินไปหาฉู่ซวนเฟิงถามว่า “พี่ฉู่ พี่เพิ่งใช้ชื่อแก๊งฉิงขู่พวกมันไป ไม่เป็นไรแน่เหรอครับ?”
“ไม่เป็นไร หัวหน้าแก๊งฉิงในเมือง F เป็นเพื่อนพี่เอง พวกเขาจะช่วยดูแล V5 เอง” ฉู่ซวนเฟิงกล่าว
เพื่อปกปิดตัวตนที่แท้จริงของเขา เขาจึงไม่บอกฮ่าวหรันว่าเขาเองเป็นผู้นำจื่อฉีกรุ๊ปในแก๊งฉิง เขาไม่ต้องการให้กู้หนิงและเพื่อนของน้องสาวตีตัวออกห่างจากน้องสาวของเขาเพราะตำแหน่งของเขาในแก๊งฉิง มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ฉู่เพ่ยหานจะมีเพื่อนสนิท
อย่างไรก็ตามฉู่ซวนเฟิงกลับเป็นฝ่ายประหลาดใจเสียอีก
“อะไรนะ? พี่ฉู่รู้จักหัวหน้าแก๊งฉิงในเมือง F ด้วยเหรอครับ? สุดยอดไปเลย!” ฮ่าวหรันทึ่งกับข่าวที่ได้รู้ เขามองฉู่ซวนเฟิงด้วยสายตาชื่นชม
ฉินซีหุน จางเทียนปิงและมู่เค่อต่างก็มีปฏิกิริยาแบบเดียวกัน
“พระเจ้า! เจ๋งสุดๆ! พี่รู้จักหัวหน้าแก๊งฉิงด้วย? เขาต้องเป็นคนที่แข่งแกร่งมาก! ผมโคตรตื่นเต้นเลย!” ฉินซุหุนกล่าว
“ฉันด้วย ฉันด้วย” จางเทียนปิงเสริม
“พวกนายตื่นเต้นทำไมกัน? พวกนายไม่รู้จักหัวหน้าแก๊งฉิงเมือง F ซะหน่อย! พูดตามตรงฉันก็ตื่นเต้นเหมือนกัน แม้ว่าเราจะไม่รู้จักหัวหน้าสาขาเมือง F แต่พวกเราก็เป็นเพื่อนกับพี่ฉู่!ใช่ไหมครับ?" มู่เค่อหันไปหาฉู่ซวนเฟิง
“พี่ฉู่ จากนี้ไปหนุนหลังพวกเราด้วยนะครับพี่!” ฮ่าวหรันพูดขึ้น
ฉู่ซวนเฟิงเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เด็กวัยรุ่นพวกนี้ไม่เหมือนที่เขาคิดไว้ แต่เขาก็รู้สึกโล่งอกที่เห็นว่าพวกเขาไม่มีท่าทีหวาดกลัว
ฉู่เพ่ยหานเองก็คิดเช่นเดียวกัน
พวกเขาไม่รู้เลยว่าหัวหน้าจื่อฉีกรุ๊ปกำลังยืนอยู่ต่อหน้าต่อตาพวกเขาในขณะนี้ ถึงอย่างนั้นทั้งฉู่เพ่ยหานและฉู่ซวนเฟิงก็ยังคงปิดปากเงียบไม่บอกภูมิหลังครอบครัวพวกเขา
ในสายตาของเด็กหนุ่มนั้นแก๊งฉิงค่อนข้างน่ากลัว แต่มันก็น่าตื่นเต้นมากๆที่ได้รู้จักคนสำคัญของแก๊ง พวกเขาเป็นเด็กแหกคอกแต่ไม่แหกกฎ ถึงแม้แก๊งฉิงจะเป็นแก๊งลึกลับแต่ไม่ใช่แก๊งชั่วช้า พวกเขารู้สึกหวาดกลัวแต่ก็ถูกดึงดูดในคราวเดียวกันยกเว้นอ้ายยี่และหยูหมิงซี พวกเขาไม่คิดว่าแก๊งเหล่านี้น่าดึงดูดที่ตรงไหน แต่ก็ไม่ได้รังเกียจขนาดนั้น
ส่วนกู้หนิงเธอไม่ได้ตื่นเต้นแต่ถือว่าเป็นข่าวดีถ้าเธอมีความสัมพันธ์ที่ดีกับแก๊งฉิง
“อะไรกัน? พวกนายจะทรยศฉันแล้วเหรอ?” กู้หนิงพูดเสียงเรียบมองพวกเขาที่กำลังตื่นเต้นดีใจ
พวกเขาเงียบไปทันที หลังจากนั้นไม่นานก็เปลี่ยนน้ำเสียงพูดว่า “เปล่าซะหน่อย เธอเป็นบอสของพวกเราเสมอ!”
“ใช่ๆ อย่าโมโหพวกเราเลยบอส”
“ใช่ ใช่” พวกเขาทั้งหมดพูดพร้อมกัน
“ไม่เป็นไร ฉันล้อเล่น!” กู้หนิงหัวเราะออกมา จากนั้นก็เดินออกมาเป็นคนแรกตามมาด้วยคนที่เหลือ พวกเขาจะไปดื่มกันดังนั้นเลยไม่มีใครขับรถ พวกเขาจึงเรียกแท๊กซี่ไปที่ร้านอาหารทะเลและจองห้องส่วนตัวขนาดใหญ่
ฮ่าวหรันเพิ่งได้เงินค่าชดเชยเสียหายก้อนใหญ่ ดังนั้นพวกเขาเลยสั่งอาหารเครื่องดื่มเต็มที่
ระหว่างอาหารมื้อดึก ฉู่ซวนเฟิงก็ได้รับโทรศัพท์จากซื่อตู้เย่ ซื่อตู้เย่ถามว่าเขาอยู่ที่ไหนตอนนี้ ฉู่ซวนเฟิงบอกหัวหน้าของเขาโดยไม่คิดอะไรว่าเขากำลังกินมื้อดึกกับน้องสาวและเพื่อนๆ ของเธอ เขายังบอกที่ตั้งของร้านแก่ซื่อตู้เย้
ตอนที่ 152: พบกับซื่อตู้เย่
ซื่อตู้เย่เพิ่งมาถึงเมือง F เขาบอกว่าจะมาที่ร้านอาหารภายในยี่สิบนาทีซึ่งนั่นทำให้ฉู่ซวนเฟิงตกใจเป็นอย่างมาก เขายังไม่ทันได้พูดอะไรซื่อตู้เย่ก็วางสายไปแล้ว ฉู่ซวนเฟิงมึนงงอยู่สักพัก
คนอื่นที่อยู่บนโต๊ะสังเกตว่าเขาเงียบไป พวกเขามองมาพลางทำหน้าสงสัย
“พี่คะ มีอะไรหรือเปล่า?” ฉู่เพ่ยหานถามพี่ชายของเธอด้วยความเป็นห่วง
ทันทีที่ได้ยินเสียงฉู่เพ่ยหาน ฉู่ซวนเฟิงก็ได้สติกลับมา เขาเพิ่งทำตัวเสียมารยาทไปเมื่อครู่เลยยิ้มเจื่อนๆพลางอธิบายว่า “อืม เพื่อนพี่คนหนึ่งจะมาที่นี่ ไม่ว่าอะไรนะ?”
แม้ว่าฉู่ซวนเฟิงจะไม่แน่ใจว่าซื่อตู้เย่จะมาจริงหรือเปล่า เขาก็ก็รู้สึกดีขึ้นที่ได้บอกออกไป
“ไม่แน่นอนอยู่แล้วครับ”
“เพ่ยหาน มานี่หน่อยพี่มีอะไรจะบอกเธอ” ฉู่ซวนเฟิงดึงแขนน้องสาวมาอีกทาง
คนอื่นที่เหลือสงสัยว่าเรื่องอะไรแต่ไม่มีใครเอ่ยถามขึ้น
“อะไรเหรอ?” ฉู่เพ่ยหานงุนงง
ฉู่ซวนเฟิงกระซิบที่หูน้องสาวพูดว่า “เอ่อ ซื่อตู้เย่จะมาที่นี่ พี่ไม่รู้ว่าเขาจะเข้ามานั่งกับพวกเราหรือเปล่าแต่อยากบอกให้เธอรู้เอาไว้ว่าถ้าเขามาทำตัวปกตินะ!”
“หา อะไรนะ? บอสซื่อตู้เย่จะมาหรอ?” ฉู่เพ่ยหานตกใจกลัวเหมือนผีกำลังจะออกมา บนโลกใบนี้ไม่มีอะไรจะทำให้ฉู่เพ่ยหานกลัวมากไปกว่าซื่อตู้เย่อีกแล้ว
ซื่อตู้เย่ทำตัวดีกับเธอ เขาห่วงใยเธอและส่งของขวัญมาเกิดมาให้ทุกปีและให้อั่งเปาปีใหม่เสมอแต่เธอไม่อาจทนกับบรรยากาศกดดันที่ทรงพลังอำนาจที่อยู่รอบตัวเขาได้
“ทะ ทำไมเขาถึงอยากจะมาที่นี่ล่ะ? ทำไมเขาไม่ให้พี่ไปหาเขาแทน?” ฉู่เพ่ยหานไม่เข้าใจว่าทำไมซื่อตู้เย่ที่เป็นหัวหน้าใหญ่ของแก๊งฉิงต้องมาหาฉู่ซวนเฟิงเอง นี่ไม่ใช่ตัวเขาเลยสักนิด!
ฉู่ซวนเฟิงเองก็ไม่รู้ว่าอันที่จริงซื่อตู่เย่สนใจกู้หนิง กู้หนิงคือเป้าหมายของเขา ใช่แล้ว ซื่อตู้เย่มาที่นี่เพราะกู้หนิง
ความจริงเขาวางแผนจะมาเจอกู้หนิงที่เมือง G เขาได้ตรวจสอบเที่ยวบินจากเมือง F ไปยังเมือง G ในวันนี้เพื่อดูว่ากู้หนิงจะไปเมือง G หรือไม่ เขาจะได้บินจากเมือง F ไปเมือง G ทันที
เขาไม่แน่ใจว่ากู้หนิงเป็นเพื่อนกับฉู่เพ่ยหานหรือเปล่า เขาเลยอยากจะมาตรวจสอบให้แน่ใจด้วยตัวเอง
นี่เป็นครั้งแรกที่ซื่อตู้เย่สนใจผู้หญิง เอ่อ จะเรียกว่ากู้หนิงเป็นผู้หญิงก็ยังไม่ได้เพราะเธอเป็นแค่เด็กสาววัยรุ่น
ซื่อตู้เย่เป็นคนคิดแล้วลงมือทำเสมอ ตั้งแต่ที่เขาสนใจกู้หนิงเขาเลยตัดสินใจที่อยากจะรู้จักเธอให้มากขึ้น ถึงแม้เขาจะเป็นหัวหน้าแก๊งฉิงเขาก็ยังมีชีวิตปกติธรรมดาเหมือนคนอื่น
ยี่สิบนาทีต่อมาซื่อตู้เย่ก็มาถึงร้านอาหาร เขาโทรเรียกให้ฉู่ซวนเฟิงออกมาหาเขาข้างนอก
ฉู่ซวนเฟิงวิ่งออกไปข้างนอกทันที เมื่อเขาออกมาจ้างนอกร้านก็เห็นซื่อตู้เย่ยืนอยู่ริมถนนตามมาด้วยคนสำคัญของแก๊งฉิงอีกสองคน
“บอส คุณมีเรื่องด่วนที่ต้องจัดการเหรอครับ?” ฉู่ซวนเฟิงถาม
“ไม่มีอะไร ฉันแค่หิว” ซื่อตู้เย่สั่งสองคนที่ตามมาด้วยว่า “พวกนายสองคนไปรอในรถ ซวนเฟิงนำทาง”
ผู้ชายสองคนที่ตามซื่อตู้เย่มาด้วยนั่งรออยู่ในรถ
“เอ่อ บอส พวกเราจะไปนั่งกับเพ่ยหานเหรอครับ?” ฉู่ซวนเฟิงถามด้วยความไม่แน่ใจ เขาไม่เชื่อว่าหัวหน้าใหญ่แก๊งฉิงจะกินข้าวร่วมกับเด็กม.ปลายซึ่งนั่นไม่ใช่เขาเลยสักนิดเดียว
“มีปัญหาเหรอ?” ซื่อตู้เย่ถามเสียงเย็นเหมือนกำลังข่มขู่ลูกน้อง ฉู่ซวนเฟิงรีบปฏิเสธเสียงแข็ง “ไม่แน่นอนครับ เชิญทางนี้”
ฉู่ซวนเฟิงไม่กล้าพูดแม้ว่าเขาจะคิดว่ามันไม่เหมาะสมก็ตาม
“แต่บอสครับ พวกเขาไม่รู้ว่าผมเป็นหนึ่งในแก๊งฉิง ดังนั้น…” ฉู่ซวนเฟิงพูดยังไม่ทันจบประโยค ซื่อตู้เย่ขัดขึ้นมาก่อนว่า “เข้าใจแล้ว”
จากนั้นฉู่ซวนเฟิงก็เดินนำซื่อตู้เย่เข้าไปข้างใน
ซื่อตู้เย่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีดำ เขามีใบหน้าหล่อเหลาและรูปร่างดี บรรยากาศสูงส่งของจักรพรรดิแผ่ออกมาจากตัวเขา ทุกคนทึ่งทันทีที่เห็นเขาเดินเข้ามาโดยเฉพาะเด็กหนุ่มที่คิดว่าเขาช่างหล่อร้ายกาจและเท่สุดๆ
ส่วนกู้หนิงกลับสัมผัสถึงรังสีสังหารจากตัวเขา เขาต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ
ถ้ากู้หนิงทายถูกผู้ชายคนนี้อาจมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับแก๊งฉิงและอยู่ในตำแหน่งที่สูง เขาอาจเป็นหัวหน้าของแก๊งฉิงที่ฉู่ซวนเฟิงพูดถึง
อย่างไรก็ตามเป็นแค่การคาดเดาของกู้หนิงเท่านั้น เธอไม่มั่นใจว่าตัวเองเดาถูก
ในขณะเดียวกันสายตาของซื่อตู้เย่ก็ตกลงที่กู้หนิงทันทีที่เข้าก้าวเท้าเข้ามาในห้องอาหารส่วนตัว ใบหน้าของเขาเรียบเฉยไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ
“นี่เพื่อนของพี่ นามสกุลซื่อตู้ พวกเธอเรียกเขาว่าพี่ซื่อตู้ก็ได้” ฉู่ซวนเฟิงแนะนำผู้มาใหม่
ได้ยินแบบนั้นทุกคนก็เรียกเขาว่าพี่ซื่อตู้
ฉู่ซวนเฟิงได้เตรียมเก้าอี้ไว้ให้ซื่อตู้เย่แล้วอยู่ระหว่างเขาและฉู่เพ่ยหาน ฉู่ซวนเฟิงเชิญเขานั่งลงก่อนที่จะแนะนำเด็กหนุ่มสาววัยรุ่นรอบโต๊ะให้เขารู้จัก
แม้ว่าซื่อตู้เย่ที่เป็นหัวหน้าแก๊งฉิงจะไม่จำเป็นต้องรู้จักพวกเขา แต่เพื่อความสุภาพและมีมารยาทฉู่ซวนเฟินจำต้องแนะนำให้รู้จัก
เริ่มแรกฉู่ซวนเฟิงแนะนำคนที่อยู่ทางด้านซ้ายมือเขาก่อน
ฮ่าวหรัน ฉินซีหุน จางเทียนปิง อ้ายยี่ มู่เค่อ หยูหมิงซีและกู้หนิง
เมื่อเขาแนะนำกู้หนิง ซื่อตู้เย่พูดขึ้นว่า “ฉันเคยเห็นเธอที่ข้างนอกโรงแรมฮวงเติ้งในเมือง G”
ได้ยินเขาพูดแบบนั้นกู้หนิงก็ประหลาดใจ แต่พอนึกได้ว่าตอนนั้นเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นเธอถึงกับบางอ้อ แสดงว่าเขาต้องอยู่กับฉู่ซวนเฟิงในตอนนั้นสินะ
“เอ่อ ตอนนั้นพวกเราอยู่ด้วยกันน่ะ” ฉู่ซวนเฟิงอธิบาย
กู้หนิงพยักหน้าไม่พูดอะไร
ส่วนคนที่เหลือรู้ว่ากู้หนิงเคยไปที่เมือง G ดังนั้นพวกเขาจึงไม่คิดว่าคำพูดของซื่อตู้เย่ไม่ผิดปกติอะไร
“เก่งดีนะ สนใจลองสู้กับฉันดูหน่อยไหม?” ซื่อตู้เย่ชักชวน
“ได้สิคะ” กู้หนิงตอบด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น
ไม่ผิดแน่ ผู้ชายคนนี้ต้องเก่งกว่าฉู่ซวนเฟิงและเธอเองก็สนุกกับการแข่งกับคนที่มีฝีมือ การประลองฝีมือกับคนเก่งทำให้เธอพัฒนาตัวเองอยู่เรื่อยๆ