ตอนที่ 365 กู้ฉินหยุน
อีกอย่างเงินจำนวนหนึ่งแสนหยวนค่อนข้างมากในความคิดของหยูหมิงซี ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าเสี่ยงเล่นพนัน
“ผ่อนคลายน่า พวกเราไม่แพ้หรอก ปกติฉันก็ไม่ได้สนับสนุนให้เล่นการพนันหรอก แต่ครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่จะทำเงิน ไม่ต้องห่วงนะ ถ้าผลออกมาไม่ดี ฉันจะรับไว้เอง” กู้หนิงเอ่ย
กู้หนิงเป็นคนใจกว้างแต่ไม่ใช่คนโง่ เธอรู้ว่าเมื่อไหร่ควรใช้เงินเมื่อไหร่ไม่ควรใช้
“ใช่หมิงซี ครั้งนี้ฟังบอสเถอะ” ทุกคนโน้มน้าวหยูหมิงซีให้ร่วมสนุกกับพวกเขา สุดท้ายหยูหมิงซีจึงยอมเล่นด้วย แม้ว่าเธอจะยังกังวลอยู่มาก
การแข่งคิกบ็อกซิ่งจะยังไม่เริ่มจนกว่าจะสี่ทุ่ม ตอนนี้สองทุ่มครึ่ง ดังนั้นพวกเขาจึงสนุกกับการดื่มและพูดคุยกันระหว่างรอการแข่งขัน
เกาอี้และเฉียวหยาไม่ดื่มแอลกอฮอล์ พวกเขาเลือกดื่มน้ำผลไม้รวมทั้งหยูหมิงซีด้วย ส่วนคนอื่นดื่มเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์
…
ที่บ้านตระกูลกู้...สมาชิกในครอบครัวกำลังนั่งดูทีวีที่ห้องนั่งเล่น มียายกู้หนิง หลินหลี่หยวน กู้เซียวเซียว และกู้ฉินหยุนที่เพิ่งกลับมาจากเมืองหลวง
กู้ฉินหยุนเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดีในระดับหนึ่ง แต่ยามที่เขานั่งบนโซฟา เอาเท้าพาดวางบนโต๊ะ เล่นเกมไปด้วยสบถไปด้วย ทำให้เขาดูเป็นเด็กหนุ่มมารยาทแย่ในทันที
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นผู้ชายสบถ แต่ก็ไม่สุภาพที่จะทำต่อหน้าผู้หญิง เช่น ยาย มารดา และน้องสาวของเขา อย่างไรก็ตาม คนในครอบครัวกู้ฉินเซียงชินเสียแล้ว บางครั้งกู้ฉินเซียงก็ตำหนิลูกชายสำหรับพฤติกรรมหยาบคายของเขา แต่แม่ของเขาหรือยายของกู้หนิงจะเถียงแทนหลานรักทุกครั้งไป
กู้ฉินหยุนเป็นหลานชายคนโตในตระกูล ดังนั้นหญิงชราจึงตามใจเขามาก ดังนั้นกู้ฉินหยุนจึงมีนิสัยเสียยิ่งกว่ากู้เซียวเซียว เขามักมีเรื่องทะเลาะชกต่อยอยู่เป็นประจำ
ตอนนี้เขาโตขึ้นและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นกว่าเดิม แต่เขาได้รับนิสัยแย่ๆมากมายจากครอบครัวของเขา ตัวอย่างเช่น เขาเห็นแก่ตัวเหมือนครอบครัวของเขา หากใครหาเรื่องหรือได้ผลประโยชน์มากกว่า เขาจะทำทุกอย่างเพื่อแก้แค้นโดยไม่คิดถึงผลลัพธ์ ในสายตาของเขา มีเพียง ย่า พ่อแม่ และน้องสาวเท่านั้นที่เป็นครอบครัวของเขา และเขาจะปกป้องและดูแลครอบครัวของเขาเท่านั้น
เมื่อเขากลับมาจากวิทยาลัยช่วงปิดเทอมฤดูหนาว เขาได้ยินว่ากู้หนิงตบกู้เซียวเซียว และบังคับให้เธอต้องย้ายโรงเรียน กู้ฉินหยุนโกรธมาก ต้องการสอนบทเรียนแก่กู้หนิง ทว่าพวกเขาไม่ทราบที่อยู่หรือหมายเลขโทรศัพท์ของกู้หนิง ดังนั้นเขาจึงต้องรอจนกว่าพวกเขาจะมารวมตัวกันที่งานรวมญาติ
กู้ฉินเซียงกลับมาบ้านอารณม์ไม่ดี แต่กู้ฉินหยุนก็ยังไม่หยุดสบถ “หุบปากของแกเสียที! กลับห้องแกไปซะ!” กู้ฉินเซียงตะคอกใส่ลูกชาย นี่เป็นครั้งแรกที่กู้ฉินเซียงโมโหใส่กู้ฉินหยุน กู้ฉินหยุนและคนอื่นในบ้านจึงตกใจจนต้องนิ่งไปพักหนึ่ง
“ฉินเซียง แกเป็นบ้าอะไร ห้ะ!” แม่ของกู้ฉินเซียงไม่พอใจที่เขาตวาดใส่หลานรัก
“ผมเป็นอะไรน่ะหรือ? รู้มั้ยวันนี้ผมเจอใคร? ไอ้บ้าเจียงซู่! แม่รู้มั้ยว่าตอนนี้มันเป็นใคร? มันเป็นเจ้าของร้านซูรีคอนสตรัคชั่น! มันมีเงินเป็นสิบๆล้าน ขับเบนซ์!” กู้ฉินเซียงโกรธจัด
“อะไรนะ?” ทุกคนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เป็นไปไม่ได้ที่เจียงซู่จะมีเงินเป็นสิบๆล้านและขับรถเบนซ์
“เขาไปเอาเงินจากไหนมาทำธุรกิจ?” หลินหลี่หยวนถาม หน้าของเธอแสดงออกถึงความอิจฉา เธอเคยชินกับการเป็นคนรวยมากกว่าพวกเขา แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
กู้ม่านและกู้ชิงมีร้านเสริมสวยที่มีมูลค่าหลายล้านหยวน ส่วนเจียงซู่มีธุรกิจร้านขายวัสดุก่อสร้างที่มีมูลค่าหลายสิบล้าน ญาติจนๆของเธอกลายเป็นคนรวยเพียงชั่วข้ามคืนได้อย่างไร?
“ผมคิดว่าคุณนายฮ่าวน่าจะเป็นคนให้พวกเขายืมเงิน” กู้ฉินเซียงเอ่ย ตระกูลฮ่าวมีทรัพย์สินหลายพันล้านหยวน ดังนั้นเงินสิบล้านหยวนจึงไม่มีความหมายสำหรับพวกเขา
หลินหลี่หยวนอิจฉาอีกแล้ว เพราะคุณนายฮ่าวไม่เคยเห็นเธอในสายตา แต่ปฏิบัติต่อกู้ม่านและกู้ชิงเหมือนเป็นเพื่อนสนิท
“พวกมันทำได้ยังไง! กู้ชิงกับกู้ม่านตอนนี้เป็นคนรวยแล้ว ก็ควรแบ่งเงินให้ฉันด้วยสิ ฉันเป็นแม่ของพวกมันนะ!” หญิงชราไม่พอใจมาก เธอไม่เคยหยุดที่จะรีดไถเงินจากลูกสาวทั้งสองคน และยิ่งรู้ว่าเจียงซู่รวยมีเงินเป็นสิบๆล้าน เธอก็ยิ่งรอส่วนแบ่งความร่ำรวยนี้ไม่ไหว แม้ว่าตัวเองจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลยก็ตาม
กู้ฉินหยุนและกู้เซียวเซียวไม่คิดว่าความร่ำรวยของเจียงซู่และกู้ม่านเป็นของพวกเขา แต่ก็ไม่พอใจที่ญาติจนๆของพวกเขากลายเป็นคนรวยปุบปับ
“ลูกค้าของผมดันเป็นเพื่อนของมันน่ะสิ ผมอยากให้มันช่วยเรื่องเจรจาข้อตกลงแต่มันปฏิเสธ!” กู้ฉินเซียงยอมรับว่าเจียงซู่สามารถช่วยเขาคุยกับฉวนเหวินเฟิงได้
“อะไรนะ? มันกล้าทำแบบนั้นได้ยังไง!” หญิงชราตะโกนเสียงดัง “เดี๋ยวแม่จะโทรหามันเดี๋ยวนี้” ว่าแล้วหญิงชราก็หยิบโทรศัพท์ออกมา แต่ถูกกู้ฉินเซียงห้ามเอาไว้ “แม่ ขอล่ะ อย่าเข้ามายุ่งเลย ถ้ามันพูดไม่ดีเรื่องผมกับลูกค้า ผมต้องชวดงานนี้แน่”
“ไอ้เจียงซู่มันไม่กล้าหรอก!” หญิงชราโกรธจัด
“เป็นไปได้สิคะ ครั้งก่อนกู้หนิงก็ทำลายงานของคุณพ่อไม่ใช่เหรอ?” กู้เซียวเซียวเอ่ย เธอยังคิดว่าเป็นความผิดของกู้หนิง ไม่เคยโทษตัวเองเลย
“อะไรนะ? นังเด็กกู้หนิงยังทำลายงานของพ่อเหรอ? ฉันต้องสั่งสอนนังเด็กสารเลวนี่ซะแล้ว!” กู้ฉินหยุนโกรธมาก เขาตัดสินใจจะชกหน้ากู้หนิงสักตั้ง ยังไงเขาก็ไม่ใช่สุภาพบุรุษอยู่แล้ว การต่อยผู้หญิงจึงเป็นเรื่องทำได้ง่ายดาย
อันที่จริงกู้ฉินเซียงรู้ดีว่าข้อเสนอของบริษัทของเขาไม่ดีพอ แต่เขาลังเลที่จะยอมรับ ดังนั้นเขาจึงได้แต่โทษกู้หนิงสำหรับความล้มเหลวของเขาเอง
“แล้วตอนนี้เราควรทำยังไง? ถ้าหากเจียงซู่ทำลายงานของคุณอีก?” หลินหลี่หยวนร้อนใจ
“ผมก็ไม่รู้” กู้ฉินเซียงตอบ เขาเกือบหมดความอดทน ถ้าเขารู้เขาคงไม่กระวนกระวายใจจนจะเป็นบ้าแบบนี้ เป็นเพราะข่าวของเจียงซู่จึงทำให้บรรยากาศในครอบครัวกู้ฉินเซียงไม่น่าอภิรมณ์ แม้ว่ากู้ฉินเซียงห้ามไม่ให้แม่ของตนโทรหาเจียงซู่ แต่หญิงชราก็ไม่วายโทรไปบ่นให้กู้ฉินหยางลูกชายอีกคนฟัง
กู้ฉินหยางก็ตะลึงกับเรื่องนี้เช่นกัน แต่เขาได้เรียนรู้บทเรียนของเขาแล้วหลังจากได้รับคำเตือนจากกู้หนิงครั้งล่าสุด
ตอนที่ 366 เกาอี้ชนะ
กู้ฉินหยางเองก็อิจฉาเจียงซู่เหมือนกัน แต่เขารู้ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขา เขาไม่มีสิทธิ์เข้าไปก้าวก่ายทรัพย์สินของใคร ตอนนี้เจียงซู่ กู้ชิง และกู้ม่านเป็นคนรวยแล้ว เป็นการไม่ฉลาดหากเขายังดื้อดึงหาเรื่องพวกเธออีก
กู้ฉินเซียงทำงานหนักมาเป็นเวลากว่าสิบปีเพื่อที่จะเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จซึ่งมีทรัพย์สินเพียง 20 ล้านหยวน ในขณะที่กู้ชิงและกู้ม่านรวยขึ้นในเวลาอันสั้น!
กู้ฉินหยางไม่ใช่คนโง่ เขารู้ว่าตอนนี้เขาต้องไว้หน้าพี่สาวน้องสาวของตัวเองบ้าง ดังนั้นเขาจึงไม่โวยวายและฟังแม่บ่นตลอดเวลา หลังจากวางสายจากแม่ กู้ฉินหยางบอกภรรยาของเขา เว่ยอูหลาน ถึงเรื่องที่แม่โทรมา เว่ยอูหลานก็คิดแบบเดียวกับสามี เธออิจฉาเจียงซู่ก็จริงแต่เข้าใจได้ว่าตอนนี้พวกเธอต้องให้ความเคารพเขา การเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งเดียวที่คงอยู่ และวงล้อแห่งโชคชะตาก็เปลี่ยนไป!
เจียงซู่กลับมาบ้านและเล่าเรื่องวันนี้ให้กู้ชิงและกู้ม่านฟัง พวกเธอคิดอยู่แล้วว่าครอบครัวกู้ฉินเซียงไม่ช้าหรือเร็วก็ต้องรู้จนได้ ในขณะเดียวกันก็กังวลว่าครอบครัวของกู้ฉินเซียงจะสร้างปัญหาให้พวกเธออีก
เมื่อเวลาเกือบสี่ทุ่ม พิธีกรหนุ่มรูปหล่อก็เดินขึ้นไปบนเวทีและกล่าวต้อนรับเล็กน้อย “สุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ ยินดีต้อนรับสู่ตี้ฮ่าวคลับเฮ้าส์! คืนนี้เรามีการแข่งขันคิกบ็อกซิ่ง มีนักมวยจากตี้ฮ่าวสามคน และผู้เข้าแข่งขันจะได้สู้กับหนึ่งในสามคนนี้ หากชนะจะได้รับจะได้กลับบ้านพร้อมกับเงินหนึ่งแสนหยวน แต่หากแพ้ ไม่ต้องกังวลครับ ไม่ต้องจ่ายอะไรเลย”
“ดังนั้นเราจะวางเดิมพันเพื่อความสนุก คุณอาจกำหนดอัตราส่วนการเดิมพันได้ แต่ขอเตือนไว้ก่อนนะครับ เพราะคุณต้องจ่ายเงิน หากคุณแพ้” พิธีกรกล่าว
หลังจากนั้น ชายสามคนก็เดินออกไปยืนอยู่บนเวที นักมวยหมายเลข 1 รูปร่างสูงและมีกล้าม นักมวยหมายเลข 2 รูปร่างสันทัด ขณะที่นักมวยหมายเลข 3 มีรูปร่างผอมและเตี้ย อย่างไรก็ตาม พวกเขาทั้งหมดเป็นนักมวยอาชีพ ไม่ควรตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอก
คนส่วนใหญ่มาที่นี่คืนนี้เพื่อเล่นเกมคิกบ็อกซิ่ง หลายคนสนใจที่จะท้าทาย ในเวลาเดียวกัน มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่กล้ากำหนดอัตราส่วนการเดิมพัน ยกเว้นคนที่รวยมากหรือมั่นใจมาก
เกาอี้ไม่รีบ อยากจะดูการชกของพวกเขาก่อน
ผู้ชมหลายคนขึ้นไปบนเวทีเพื่อท้าทายนักมวยทั้งสาม แต่ไม่มีใครสามารถอยู่บนเวทีได้นานกว่าห้านาที
หลังจากนั้นไปพักใหญ่ก็ไม่มีใครเอาชนะนักมวยทั้งสามคนได้
ถึงเวลาของเกาอี้แล้ว เขาขึ้นไปบนเวที ท้าทายนักมวยหมายเลข 2 คนส่วนใหญ่เลือกลงพนันข้างนักมวยหมายเลข 2 ยกเว้นพวกกู้หนิง
อัตราต่อรองคือ 1:1
เมื่อเห็นว่าผู้ชมส่วนใหญ่เดิมพันนักมวยหมายเลข 2 กู้หนิงกก็หัวเราะ พวกเขาสามารถชนะได้มากกว่าสิบล้านหยวนในครั้งนี้ เมื่อเกาอี้ชนะ เงินจะเป็นของเขา
กู้หนิงและเฉียวหยายังคงใจเย็น ในขณะที่ฉู่เพ่ยหานและคนอื่นๆเริ่มประหม่า
เกมก็เริ่มต้นขึ้น
“เถี่ยจุน เถี่ยจุน เถี่ยจุน!” ผู้ชมที่อยู่ด้านล่างเวทีตะโกนชื่อนักมวยหมายเลข 2 เพื่อให้กำลังใจเขา แต่เสียงที่สนับสนุนเกาอี้แทบไม่ได้ยินจากเสียงโห่ร้องของผู้ชม
ทันทีที่การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น เกาอี้และเถี่ยจุนก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
นักมวยของตี้ฮ่าวชนะอย่างต่อเนื่องในคืนนี้ ดังนั้นเถี่ยจุนจึงหยิ่งผยอง แม้ว่าเกาอี้จะมั่นใจมากพอที่จะกำหนดอัตราส่วนการเดิมพัน
เถี่ยจุนชกเกาอี้เต็มๆ แต่เกาอี้หลับได้ ทันใดนั้นเกาอี้ก็จับแขนของเถี่ยจุนรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด
ฉากนี้ทำเอาคนชมตะลึงไปตามๆกัน ไม่มีใครเชื่อสายตาตัวเอง
“พระเจ้า! เป็นไปไม่ได้!”
“จริงๆหรือ?”
ผู้ชมเริ่มเถียงกัน
“ว้าว อี้เก่งมาก!” ฮ่าวหรันตะโกนด้วยความตื่นเต้น
ไท่จุนเองก็ประหลาดใจเช่นกัน และพยายามดิ้นรนเพื่อล้มเกาอี้
เถี่ยจุนเป็นนักมวยมืออาชีพ เกาอี้จึงยังไม่สามารถล้มเขาได้ภายในเสี้ยวนาที แต่ก็ไม่ง่ายสำหรับเถี่ยจุนที่จะล้มเกาอี้เช่นกัน
ตอนนี้ เถี่ยจุนไม่กล้าดูหมิ่นเกาอี้ เพราะเขารู้ว่าเขาได้พบกับคู่ต่อสู้ที่ทรงพลัง หลังจากนั้นเถี่ยจุนโจมตีเกาอี้อีกครั้งอย่างเต็มกำลัง หมัดหนักของเขาพุ่งเข้าหาเกาอี้โดยไม่ลังเล
เกาอี้หลบหมัดของเขาได้อีกครั้ง ทว่าต้องถอยไปด้านหลัง และเมื่อเถี่ยจุนพยายามจะชกอีกครั้ง เกาอี้ก็เตะสวนกลับ
แม้ว่าเถี่ยจุนจะพยายามหลบแล้วแต่ก็มิวายถูกเตะที่น่อง เขาถอยหลังไปสองสามก้าว รู้สึกเจ็บปวดที่น่องอย่างมาก
ภายในเวลาสั้นๆ เถี่ยจุนก็เสียเปรียบเกาอี้อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งทำให้ผู้ที่เดิมพันกับเขารู้สึกกังวล พวกเขาตะโกนให้กำลังใจเขาอีกครั้ง “เถี่ยจุน สู้ๆ! เถี่ยจุน สู้ๆ! เถี่ยจุน สู้ๆ!”
เถี่ยจุนรู้ว่าศึกนี้ไม่ง่ายที่จะเอาชนะ เขาไม่สบอารมณ์อย่างมาก เขาดึงการทรงตัวกลับมาอีกครั้งและเริ่มโจมตีเกาอี้ด้วยกำปั้นและหมัดในคราวเดียว เกาอี้ขยับตัวหลบอย่างไว ครั้งนี้เขาเคลื่อนไหวเร็วกว่าเถี่ยจุน เห็นได้ชัดว่าเกาอี้มีทักษะการต่อสู้ดีกว่ามาก หากการแข่งขันยังดำเนินต่อไป คนที่แพ้ต้องเป็นเถี่ยจุน ทันใดนั้นเถี่ยจุนก็ถูกเกาอี้เตะจนตกเวทีเสียงดัง เกาอี้เป็นฝ่ายชนะ
“อย่างนั้นแหละ! ใช่!”
ไม่มีใครจะดีใจไปกว่าคนที่พนันข้างเกาอี้ซึ่งก็คือพวกกู้หนิง
ตั้งแต่ต้นจนจบ หยูหมิงซีแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ โชคดีที่ผลออกมาเป็นเกาอี้ที่ชนะ
“อะไรกันเนี่ย? ทำไมฉันไม่พนันข้างเกาอี้!”
“ใครจะรู้ว่าเขาจะชนะกันเล่า!”
ผู้ชมเริ่มเถียงกันอีกครั้ง พวกเขาเสียใจที่พนันผิดข้าง
“ฉันขอท้านาย!” นักมวยตี้ฮ่าวหมายเลข 1 พูดกับเกาอี้