ตอนที่ 363 เกาอี้และเฉียวหยามาถึงแล้ว
ผู้ชายที่มาพร้อมกับฉวนเหวินเฟิงทำเอากู้ฉินเซียงทั้งตกใจและตะลึง ผู้ชายคนนั้นคือเจียงซู่ เจียงซู่มากับฉวนเหวินเฟิงได้อย่างไร? พวกเขาเป็นเพื่อนกันอย่างนั้นหรือ?
ตอนที่กู้ฉินเซียงโทรหาฉวนเหวินเฟิงเพื่อเชิญเขามารับประทานอาหารร่วมกัน ฉวนเหวินเฟิงบอกว่าเขามีนัดกับเพื่อนคนหนึ่งของเขาแล้ว กู้ฉินเซียงจึงเชิญเพื่อนของฉวนเหวินเฟิงมาร่วมทานข้าวด้วย กลายเป็นว่าเพื่อนของฉวนเหวินเฟิงคือเจียงซู่ พวกเขารู้จักกันได้อย่างไร? แม้ว่ากู้ฉินเซียงจะมีความคิดมากมายในใจ แต่ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะถามตอนนี้ เขาเดินเข้าไปต้อนรับพวกเขาทันที “ยินดีที่ได้พบท่านครับ คุณฉวน!”
“คุณกู้ ขอโทษทีที่ทำให้คุณรอพวกเรา” ฉวนเหวินเฟิงกล่าว เขย่ามือทักทายกู้ฉินเซียง
“ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็เพิ่งมาถึง” กู้ฉินเซียงเอ่ย
“นี่คือเจ้าของร้านวัสดุก่อสร้างซูรีคอนสตรัคชั่น ‘เจียงซู่’” ฉวนเหวินเฟิงแนะนำเจียงซู่กับกู้ฉินเซียง
“อะไรนะครับ?” กู้ฉินเซียงทำหน้าเหวอ เขามองเจียงซู่และเอ่ยถามว่า “เจียงซู่ นายกลายเป็นเจ้าของร้านวัสดุก่อสร้างตั้งแต่เมื่อไหร่?”
กู้ฉินเซียงได้ยินชื่อซูรีคอนสตรัคชั่นมากก่อนที่ช่วงนี้ค่อนข้างมีชื่อเสียง แต่ไหนเลยจะคิดว่าเจียงซู่เป็นเจ้าของ เจียงซู่ที่เขาไม่เคยเห็นหัวคนนั้นอ่ะนะ
เกิดอะไรขึ้นกันแน่? อยู่ๆเจียงซู่กลายเป็นเจ้าของซูรีคอนสตรัคชั่นที่มีมูลค่าทรัพย์สินหลายล้านหยวนได้อย่างไร? กู้ฉินเซียงคิดกับตัวเอง
ได้ยินเช่นนั้น ฉวนเหวินเฟิงก็ประหลาดใจ “พวกคุณรู้จักกันหรือ?”
“อ๋อ คุณกู้เป็นพี่ชายภรรยาผมเองครับ” เจียงซู่ตอบ
เจียงซู่กับฉวนเหวินเฟิงรู้เพิ่งจักกันได้ไม่นาน แต่พูดคอกันถูกใจ ไม่อย่างนั้นฉวนเหวินเฟิงคงไม่มาทานข้าวกับกู้ฉินเซียงพร้อมกับเจียงซู่ กู้ฉินเซียงมีธุระพูดคุยกับเขา และคงไม่เหมาะหากพาคนที่ไม่รู้จักกันมาทานข้าวด้วย
“พี่ภรรยา?” ฉวนเหวินเฟิงตกใจนิดหน่อย ไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์ของพวกเขา แต่เป็นเพราะกู้ฉินเซียงไม่ทราบว่าเจียงซู่เป็นเจ้าของร้านซูรีคอนสตรัคชั่น ดูท่าว่าพวกเขาคงไม่สนิทสนมกันเท่าที่ควร
ฉวนเหวินเฟิงเป็นนักธุรกิจที่ชาญฉลาด เขามองออก แต่ไม่ได้พูดออกไป
“ผมยืมเงินจากเพื่อนมาเปิดร้านครับ” เจียงซู่อธิบายต่อกู้ฉินเซียง
ใครกันที่ให้เขายืมเงินมากกว่าสิบล้านหยวน? คุณนายฮ่าวที่ให้กู้ม่านกับกู้ชิงยืมเงินไปซื้อร้านเสริมสวยน่ะหรือ? เจียงซู่ก็ยืมเงินจากคุณนายฮ่าวด้วยหรือ?
เมื่อเห็นว่าเจียงซู่กลายเป็นคนรวยขึ้นมา กู้ฉินเซียงก็รู้สึกกระอักกระอ่วนในใจ
ฉวนเหวินเฟิงมีความประทับใจที่ไม่ดีต่อกู้ฉินเซียง เนื่องจากทัศนคติของเขาต่อเจียงซู่ แต่เขาจะไม่ปฏิเสธที่จะไม่ร่วมมือกับกู้ฉินเซียง ตราบใดที่บริษัทของกู้ฉินเซียงมีข้อเสนอที่สามารถตอบสนองความต้องการของเขาได้ เขาก็ยังจะทำงานร่วมกับกู้ฉินเซียง
“เข้าไปข้างในกันเถอะครับ” กู้ฉินเซียงพูดกับฉวนเหวินเฟิง จากนั้นพวกเขาทั้งสามคนก็เดินเข้าไปข้างใน
ตอนที่พวกเขาเข้าไปยังด้านใน กู้หนิงก็มาถึงพอดี เธอไม่ได้เจอพวกเขา
เมื่อเดินเข้าไปยังห้องโถง โทรศัพท์กู้หนิงก้ดังขึ้น คนที่โทรมาคือเฉียวหยา ทันใดนั้นกู้หนิงก็นึกขึ้นมาได้ว่าเฉียวหยากับเกาอี้มาถึงเมือง F เวลาประมาณนี้ เธอรีบตอบว่า “พวกเธอมาถึงแล้วเหรอ?”
“เพิ่งลงจากเครื่องบินค่ะ” เฉียวหยาตอบ
“นั่งแท็กซี่มาหาฉันที่โรงแรมเฉินหยวน” กู้หนิงเอ่ย
“ได้ค่ะ” เฉียวหยาตอบ
“บอส ใครโทรมาเหรอ?” ฮ่าวหรันตอบ
“เพื่อนน่ะ พวกเขาจะมากินข้าวกับพวกเรา” กู้หนิงตอบ
“ผู้หญิงหรือผู้ชาย?” ฉู่เพ่ยหานนึกถึงเลิ่งเชาถิงขึ้นมาทันที “พวกเขาเป็นแฟนกัน” กู้หนิงตอบ
“อ๋อเหรอ!” ฉู่เพ่ยหานนึกว่าเป็นเลิ่งเชาถิง อดหงุดหงิดใจนิดหน่อยไม่ได้
“เข้าไปข้างในกันเถอะ” กู้หนิงและคนอื่นๆพากันเดินไปยังห้องอาหาร
หลังจากสั่งอาหาร กู้หนิงก็หยิบเอาจี้หยกที่เตรียมไว้ให้พวกเขาออกมา “นี่ของพวกนาย เพ่ยหานได้ไปแล้วตอนวันเกิด”
“ว้าว!” ทุกคนดีใจมากและขอบคุณกู้หนิง
เธอวางกล่องไว้บนโต๊ะ ให้เพื่อนๆมาหยิบเอง
ครึ่งชั่วโมงต่อมาก่อนที่อาหารจะถูกเสิร์ฟบนโต๊ะ เกาอี้และเฉียวหยามาถึงโรงแรมแล้ว
เกาอี้และเฉียวหยาไม่ทราบว่ากู้หนิงกำลังรับประทานอาหารกับเพื่อน ๆ ของเธอ ดังนั้นพวกเขาจึงประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นกลุ่มวัยรุ่นในห้อง
“บอส” เกาอี้และเฉียวหยาเอ่ยทักกู้หนิง
“เข้ามาสิ! กินข้าวกันก่อน แล้วค่อยไปสนุกกันในคลับเฮาส์ก่อนกลับ” ในฐานะผู้คุ้มกันกู้หนิง เกาอี้และเฉียวหยาต้องคอยดูแลเธอ
และพวกเขาก็หิวข้าวมากหลังจากนั่งเครื่องบินหลายชั่วโมง ในฐานะนักฆ่า พวกเขาไม่รู้สึกเหนื่อยเลย และต้องคอยดูแลกู้หนิงจนกว่าจะกลับไปที่เฟิ่งหัวแมนชั่น
“ได้ครับ/ค่ะ บอส” เกาอี้และเฉียวหยาปฏิบัติตามคำสั่งของกู้หนิงโดยไม่ลังเล
เพื่อนๆของกู้หนิงมองเกาอี้และเฉียวหยาสลับกับกู้หนิง พวกเขาอยากจะถามแต่ก็ไม่มีใครอ้าปากถามอะไร
เมื่อเกาอี้และเฉียวหยานั่งลง กู้หนิงก็แนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกับเพื่อนของเธอ “นี่คือเกาอี้และเฉียวหยา พวกเขาทำงานให้ฉัน”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ/ค่ะ!” เพื่อนๆกู้หนิงเอ่ยทัก เกาอี้และเฉียวหยาพยักหน้ารับเบาๆ
“คนนั้นคือฉู่เพ่ยหาน หยูหมิงซี ฮ่าวหรัน มู่เค่อ อ้ายยี่ และจางเทียนปิง”
เกาอี้และเฉียวหยายังคงเงียบเว้นแต่กู้หนิงจะถาม มีบรรยากาศเย็นยะเยือกรอบตัวคนทั้งสอง ไม่ง่ายเลยที่พวกเขาจะปล่อยตัวเป็นไปตามธรรมชาติ แต่เมื่อเวลาผ่านไป บรรยากาศก็เริ่มผ่อนคลาย
หลังจากทานข้าวเสร็จเรียบร้อย พวกกู้หนิงก็บังเอิญเจอเจียงซู่ที่ห้องโถงโดยบังเอิญ
“ลุงเจียง!” กู้หนิงร้องทักเจียงซู่ ไม่สนใจกู้ฉินเซียง
ตอนที่ 364 เกมคิกบ็อกซิ่ง
“สวัสดีค่ะ/ครับ ลุงเจียง” พวกเพื่อนกู้หนิงต่างทักทายเจียงซู่
“สวัสดีเด็กๆ มากินข้าวด้วยกันเหรอ?” เจียงซู่เอ่ยถาม
“ใช่ค่ะ” กู้หนิงเป็นคนตอบ
“กำลังจะกลับบ้านหรือว่า...?” เจียงซู่ถาม
“ยังค่ะ จะไปต่อกันอีก เดี๋ยวค่อยกลับค่ะ” กู้หนิงตอบ
“ดูแลตัวเองด้วยล่ะ”
หลังจากนั้นกู้หนิงและเพื่อนก็จากไป พวกเธอขึ้นแท็กซี่สองคัน
ทั้งฉวนเหวินเฟิงและเจียงซู่ต่างขับรถกันมาเอง แต่ทั้งคู่ดื่มแอลกอฮอล เลขาของฉวนเหวินเฟิงจะเป็นคนพาเขากลับ แต่เจียงซู่ไม่มีเลขา ฉวนเหวินเฟิงจึงพูดกับเขาว่า “ซู่ นายเมาแล้ว ให้คนขับรถของโรงแรมขับรถนายไปส่งที่บ้านดีกว่า”
“ผมก็คิดอย่างนั้น” เจียงซู่ตอบ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เมามากมาย แต่ขับรถกลับเองไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่ อาจถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรจับได้
เมื่อคนขับรถของโรงแรมขับรถของเจียงซู่มาจอดตรงด้านหน้า กู้ฉินเซียงก็ยิ่งอิจฉาเจียงซู่หลังจากเห็นรถของเขาเป็น เมอร์เซเดส-เบนซ์ นึกถึงเมื่อก่อนที่เจียงซู่คอยอิจฉาเขาอยู่ตลอดเวลาแล้วก็นึกหงุดหงิดใจ ทุกอย่างเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ!
กู้หนิงเคยบอกเจียงซู่ไม่ให้โอ้อวด ฉวนเหวินเฟิงเป็นคนรวยเหมือนกัน แต่เขาใช้รถราคาไม่ถึงล้าน
คนรวยส่วนใหญ่ไม่ขับรถที่หรูหราเกินไป ยิ่งคนๆนั้นมั่งคั่งมากเท่าไร เขาก็จะยิ่งสมถะมากขึ้นเท่านั้น ตรงกันข้าม มีแต่คนที่ไม่รวยเท่านั้นที่ชอบอวดความมั่งคั่งของตน
กู้ฉินเซียงอยากกระชากตัวเจียงซู่มาไต่ถาม แต่ทำไม่ได้เพราะฉวนเหวินเฟิงอยู่ที่นี่ด้วย
ดังนั้นหลังฉวนเหวินเฟิงขึ้นรถและจากไป กู้ฉินเซียงก็รีบดึงตัวเจียงซู่ไว้ “นี่ รอเดี๋ยว”
“อะไร?” เจียงซ่ถาม เขาจงใจอยู่ให้ห่างจากกู้ฉินเซียง
“คืองี้ ในเมื่อแกเป็นเพื่อนของคุณฉวน...” ไม่ต้องรอให้เขาพูดจบก็เห็นลิ้นไก่ จุดประสงค์ของเขาค่อนข้างชัดเจน เขากังวลว่าเจียงซู่จะพูดเรื่องความสัมพันธ์ที่ไม่ดีของพวกเขาในตระกูลกู้กับฉวนเหวินเฟิง และมันอาจทำให้เขาไม่ได้ทำข้อตกลง แม้ว่าวันนี้ฉวนเหวินเฟิงจะไม่ได้แสดงท่าทีที่ไม่ดีต่อกู้ฉินเซียง และเน้นย้ำคุณสมบัติและคุณภาพเป็นองค์ประกอบในการตัดสินใจที่สำคัญที่สุด กู้ฉินเซียงก็ยังกังวลอยู่ดี เขาหวังว่าเจียงซู่จะช่วยเขาให้ได้ทำงานกับฉวนเหวินเฟิง
เจียงซู่รู้ว่ากู้ฉินเซียงคิดอะไร และพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่เขาจะพูดจบประโยค “ผมเชื่อว่าคุณฉวนเป็นนักธุรกิจที่มีความยุติธรรม ตราบใดที่บริษัทของพี่ได้มาตรฐาน เขาย่อมเลือกข้อเสนอของพี่เอง ผมช่วยอะไรไม่ได้หรอก ผมเป็นเพียงคนนอก พูดอะไรไม่ได้”
พูดจบ เจียงซู่ก็ก้าวขาขึ้นรถทันที กู้ฉินเซียงหัวเสีย แต่ถึงจะหัวเสียอย่างไรตอนนี้เขาไม่กล้ามีเรื่องกับเจียงซู่ เพราะกว่าเจียงซู่จะพูดไม่ดีถึงเขาให้ฉวนเหวินเฟิงฟัง หากเป็นเช่นนั้นเขาคงชวดงานนี้
พวกกู้หนิงมาถึงตี้ฮ่าวในเวลาต่อมา เมื่อเดินมาถึงแผนกต้อนรับ ฉู่เพ่ยหานก็กล่าวว่า “บอส มาตรงนี้ๆ มาดูกันว่าเธอจะจับได้รับรางวัลที่หนึ่งอีกไหม!”
พนักงานต้อนรับแปลกใจเล็กน้อยที่พบว่ากู้หนิงคือเด็กสาวที่ได้รับรางวัลที่หนึ่งเมื่อครั้งที่แล้ว คนกว่าสองพันคนมาสถานที่แห่งนี้เพื่อความสนุกสนาน น้อยมากที่ชนะรางวัล พวกเขาอยากรู้เหมือนกันว่าครั้งนี้กู้หนิงจะได้รางวัลที่ 1 อีกหรือไม่
“เอ่อ ฉันคงดวงดีมากถ้าฉันชนะรางวัลอีก!” กู้หนิงพูดติดตลก ความจริงเธอก็ชนะได้ถ้าเธอต้องการ แต่ไม่อยากมานั่งอธิบาย
เพื่อไม่ให้เพื่อนๆผิดหวัง กู้หนิงตัดสินใจเลือกรางวัลที่ 3 ซึ่งพวกเธอจะได้ส่วนลด 50%
เมื่อมือของกู้หนิงเอื้อมเข้าไปในกล่องซองจดหมายสีแดง ทุกคนต่างกังวลและสงสัย ราวกับว่ามันเป็นเกมที่ดุเดือด กู้หนิงใช้ตาทิพย์ หยิบซองจดหมายสีแดงที่มีรางวัลที่สามออกมา ฉู่เพ่ยหานก็คว้ามาเปิดโดยไม่ลังเล
“รางวัลที่ 3!” แม้ว่าจะไม่ใช่รางวัลที่ 1 แต่รางวัลที่ 3 ก็น่าประหลาดใจพอๆกัน
“บอส เธอนี่โชคดีชะมัด! ฉันไม่เคยได้ราวัลมาก่อน”
“ใช่แล้ว!” พนักงานต้อนรับต่างก็ประหลาดใจกับโชคของกู้หนิง ไม่นานพนักงานก็พาพวกกู้หนิงไปยังห้องรับรองส่วนตัว
ฉู่เพ่ยหานได้ทำการจองห้องที่วิวที่ดีที่สุดไว้แล้ว
“เดี๋ยวจะมีแข่งต่อยมวย ถ้าพวกเธอเบื่อก็ร่วมลงแข่งสนุกๆได้” กู้หนิงหันไปพูดกับเกาอี้และเฉียวหยา เธอเห็นประกาศที่ประตูตอนที่พวกเธอเดินเข้ามา
ในฐานะนักฆ่ามืออาชีพ เกาอี้และเฉียวหยาไม่ได้ขาดเงินเลย พวกเขามีเงินออมกว่าพันล้านหยวนในธนาคารสวิส แม้ว่าพวกเขาจะถูกไล่ล่าโดยองค์กรนักฆ่า แต่บัญชีธนาคารของพวกเขายังปลอดภัย
“ครับ” เกาอี้ตอบ ดวงตาเป็นประกาย
ปกติเขาจะฝึกมือกับเฉียวหยา แต่ส่วนใหญ่เขาไม่ได้ใช้แรงเต็มที่เผื่อว่าทำเฉียวหยาบาดเจ็บ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกไม่ค่อยสนุกเท่าที่ควร
“อะไรนะ? พวกเขาสู้ได้ด้วยเหรอ?” ฉู่เพ่ยหานและคนอื่นๆสนใจขึ้นมา
“การแข่งขันต่อยมวยเปิดให้ทุกคนที่ต้องการความท้าทาย ส่วนตี้ฮ่าวจะเป็นคนวางเดิมพัน ถ้านายชนะ เงินรางวัลจำนวนหนึ่งแสนหยวนจะเป็นของนาย แต่ถ้านายแพ้ก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายอะไร นายยังสามารถกำหนดอัตราส่วนการเดิมพันได้อีกด้วย” กู้หนิงอธิบายกฎให้เกาอี้ฟัง จากนั้นก็หันไปพูดกับเพื่อนๆว่า “เกาอี้จะร่วมแข่งมวยด้วย พวกนายสามารถพนันข้างเขาได้ เขาชนะแน่” กู้หนิงมั่นใจ
เธอไม่แน่ใจว่าเกาอี้จะชนะในการแข่งขันชกมวยอาชีพได้หรือไม่ แต่เธอเชื่อว่าเขาสามารถทำได้ในเกมคิกบ็อกซิ่งได้
“จริงหรือ?” ได้ยินกู้หนิงพูดเช่นนั้นก็ไม่มีใครสงสัยคำพูดของเธอ
“ฉันเอาด้วย” ฮ่าวหรันพนันข้างเกาอี้ เขาพนันหนึ่งแสนหยวน
“ฉันด้วย!” ฉินซีหุน จางเทียนปิง มู่เค่อ และฉู่เพ่ยหานก็ลงพนันข้างเกาอี้
“ฉันด้วยๆ!” อ้ายยี่ลงพนันห้าหมื่นหยวน
หยูหมิงซีไม่มีเงิน เธอเลยไม่ได้ร่วมพนันด้วย
มันเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำเงิน กู้หนิงไม่อยากให้หมิงซีพลาดมัน
“หมิงซี เธอยืมเงินฉันแสนหยวนก่อนได้ ลงเล่นกับพวกเราเถอะ” กู้หนิงเอ่ย
“อะไรนะ? เอ่อ...” หยูหมิงซีไม่ค่อยแน่ใจเพราะเธอไม่เคยเล่นพนันมาก่อน