ตอนที่ 113: ถูกสะกดรอยตาม
เป็นที่เข้าใจได้ถึงสิ่งที่เขาพูดออกมา ไม่มีใครเคยได้หยกถึงสี่ก้อนพร้อมกันมาก่อน
ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คน!
ทุกคนหันมามองที่กู้หนิง ราวกับว่าเธอเป็นตัวประหลาด รวมทั้งอาจารย์ไป๋ อาจารย์หยวนและประธานไป๋
ถึงแม้อาจารย์หยวนจะรู้ว่ากู้หนิงก็เป็นคนหนึ่งที่ได้หยกระดับสูงและระดับกลางหลายก้อนเมื่ออาทิตย์ก่อน แต่หินของเธอก็ไม่ได้มีหยกอยู่ทุกก้อน แต่ผู้หญิงคนนี้มีหยกอยู่ในหินของเธอทุกก้อน เธอต้องไม่ธรรมดากว่ากู้หนิง
ส่วนกู้หนิงไม่แคร์ว่าใครจะคิดอย่างไร
อาจารย์ไป๋ขยับเข้าไปดูหยกใกล้ๆ “อืม สีเขียวสดใส เส้นสีคมชัดเป็นแถบๆ แต่ละเส้นสีเรียงเป็นแถว เหมือนผ้าไหม แถบสีเขียวมีการกระจายในทิศทางที่แน่นอน และผลึกเจไดต์ นั้นมีความยาวและรูปแบบเส้นใยละเอียด ดังนั้นจึงเป็นหยกประเภทไหมระดับปานกลางถึงสูง”
ดูเหมือนว่าอาจารย์ไป๋จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในการดูหยก
ไม่นาน หยกสีม่วงก็ตัดออกมา
“ห้าสิบล้านหยวน!”
อาจารย์ไป๋เอ่ยปากเป็นคนแรก เขาเองก็ต้องการหยกม่วงเช่นเดียวกัน
ถึงแม้ห้าสิบล้านหยวนจะไม่ใช่ราคาที่ดีที่สุดของหยกก้อนนี้ แต่ก็สูงมากพอที่แสดงให้เห็นถึงความคลั่งไคล้ของเขาที่มีต่อมัน ไม่ใช่ทุกคนที่เต็มใจจะจ่ายเงินจำนวนมากไปกับหยก
บางคนหลังถอยตั้งแต่ราคาเปิดประมูลห้าสิบล้านหยวน แต่ก็ยังมีคนที่ยังอยากแข่งประมูลอยู่
“ผมคิดว่าอาจารย์ไป๋ต้องชอบหยกม่วงมากๆแน่ แต่ผมเองก็ชอบมันมากเหมือนกัน ผมขอประมูลห้าสิบห้าล้านหยวน!” ชายวัยกลางคนเอ่ยขึ้น
แน่นอนว่าทุกคนสามารถเข้าร่วมประมูลด้วยความยุติธรรม แต่อาจารย์ไป๋เป็นที่นับหน้าถือตาและมีอิทธิพล ดังนั้นทุกคนจึงแสดงออกให้เห็นว่าพวกเขานั้นเคารพอาจารย์ไป๋
“ในเมื่อคุณเองก็ชอบมันเหมือนกัน งั้นเรามาสู้กันสักตั้ง! หกสิบล้านหยวน!” อาจารย์ไป๋กล่าว
คนที่ใจป้ำที่สุดถึงจะได้มันไปครอง
ได้ยินบทสนทนาระหว่างอาจารย์ไป๋กับชายคนนั้น กู้หนิงก็นึกถึงอาจารย์ฝูกับจ้าวหยูเฟิง พวกเขาก็แข่งกันประมูลเมื่ออาทิตย์ก่อน แต่อาจารย์ฝูเป็นคนชนะ
ครั้งนี้ กู้หนิงคิดว่าอาจารย์ไป๋มีโอกาสชนะมากกว่า
“หกสิบล้านหยวน!”
“หกสิบห้าล้านหยวน!”
“เจ็ดสิบล้านหยวน”
“เจ็ดสิบห้าล้านหยวน!”
“แปดสิบล้านหยวน!”
เมื่ออาจารย์ไป๋ประมูลไปที่ราคาแปดสิบล้าน ชายคนนั้นลังเล ราคาของมันเกือบถึงจุดที่เกินเอื้อม
ถ้าหยกถูกใช้ทำเครื่องประดับ มันสามารถทำกำไรได้อย่างน้อยยี่สิบล้านหยวน และถ้าหากราคาของหยกพุ่งสูงขึ้นกว่านี้ การประมูลครั้งนี้คงไม่ได้ทำผลกำไรให้เขา
สุดท้าย เขาจึงยอมแพ้ อาจารย์ไป๋ชนะการประมูลที่แปดสิบล้านหยวนสำหรับหยกม่วง เขาตัวสั่นด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“อาจารย์ฝูมาอวดต่อหน้าฉันเมื่ออาทิตย์ก่อน เขาได้หยกข้าวเหนียวและหยกแก้วมาอย่างละอัน เล่นเอาซะอิจฉา! ตอนนี้ฉันมีหยกม่วงแล้ว ซึ่งราคาแพงกว่าของเขามาก! ฉันจะเอาไปอวดเบ่งต่อหน้าเขามั่ง เขาจะต้องอิจฉาฉัน! ฮ่า ฮ่า” อาจารย์ไป๋ดีอกดีใจเหมือนเด็กๆ
อย่างที่มีคนเคยกล่าวไว้ ยิ่งแก่ก็ยิ่งทำตัวเหมือนเด็ก
ได้ยินแบบนั้น กู้หนิงก็อยากจะหัวเราะขึ้นมา แต่เธอต้องทำให้ตัวเองดูเคร่งขรึม ในขณะเดียวกัน เธอก็อดคิดกับตัวเองไม่ได้ว่า อาจารย์ฝูคงต้องอิจฉามากๆแน่! ถ้าอาจารย์ฝูรู้ว่าหยกม่วงจากอาจารย์ไป๋ได้มาจากเธอ และเขาคงมาต่อว่าเธอเรื่องนี้ด้วย
คิดแบบนี้แล้ว กู้หนิงก็รู้สึกห่อเหี่ยวใจนิดหน่อย
หยกไหมที่มีขนาดครึ่งหนึ่งของลูกบาสเกตบอล ถูกซื้อไปโดยชายวัยกลางคนผู้นั้น ราคาของมันอยู่ที่ห้าสิบล้านหยวน
ถึงแม้มันจะน่าเสียดาย ที่เขาไม่ได้หยกม่วงมาครอบครอง แต่หยกไหมก็พอปลอบประโลมใจเขาได้
กู้หนิงทำเงินไปได้ทั้งหมดสามร้อยสี่สิบห้าล้านหยวน
“พระเจ้า! เธอทำเงินได้สามร้อยสี่สิบห้าล้านหยวนในครั้งเดียว ฉันคิดว่าหินที่เธอซื้อมาราคาแค่ไม่กี่ล้านหยวนเท่านั้นเอง”
“ใช่ๆ อิจฉาเธอชะมัด”
“ทำไมฉันไม่ดวงดีอย่างนี้บ้าง!”
“อยากเป็นผู้หญิงคนนั้นจัง”
“ยังมีหยกในก้อนหินของเธอ ที่อยู่ในรถเข็นอีกหรือเปล่า?”
“ใครจะไปรู้!”
กู้หนิงตัดหินสี่ก้อน ที่มีหยกมูลค่าสูงไปเรียบร้อยแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าหินที่เหลือของเธอในรถเข็นจะมีหยกอีกหรือเปล่า
ทุกคนตอนนี้ต่างอิจฉาเธอ สายตาหลายคู่มองมาทางเธอด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
เธอรู้ว่ามีบางคนจับจ้องเธออยู่ ตั้งแต่ตอนที่เธอทำเงินได้มากมาย แต่เธอไม่กลัว
กู้หนิงรู้สึกว่าสามร้อยสี่สิบห้าหยวนเพียงพอตามที่เธอต้องการแล้ว และถึงเวลาที่จะหยุดอยู่แค่นี้ เธอสัมผัสได้ว่าเธอจะต้องมีเรื่องยุ่งยากตามมา ถ้าหากยังพนันหินไปเรื่อยๆ เธอไม่ได้กลัวมีเรื่อง แต่เธอไม่ชอบมันก็เท่านั้นเอง
ดังนั้นกู้หนิงจึงห่อก้อนหินที่เหลือ และเตรียมที่จะจากไป
มีบางคนที่รอให้กู้หนิงตัดหินต่อ พวกเขารู้สึกผิดหวังไปตามๆกัน แต่พวกเขาก็ไม่ได้บังคับเธอ
ถึงแม้น้ำหนักของหินจะหนักหนึ่งร้อยปอนด์ แต่ก็ไม่ได้ถือว่าหนักมากสำหรับกู้หนิง แต่ตอนนี้เธอสวมรองเท้าส้นสูง และมันไม่สะดวกเอาซะเลย ดังนั้นเธอจึงซื้อรถเข็นของร้าน และใช้มันบรรทุกก้อนหินกลับไปที่รถ
ก่อนที่เธอจะเดินออกไป นักธุรกิจค้าอัญมณีหลายคนก็เข้ามายื่นนามบัตรพวกเขาให้เธอ พวกเขาล้วนต้องการให้เธอติดต่อกลับมา ถ้าหากเธอมีหยกอีกในครั้งหน้า
กู้หนิงรับนามบัตรมาด้วยความยินดี แต่ตัวเธอเองยังไม่ได้ทำนามบัตร เธอเลยไม่ได้แลกเปลี่ยนนามบัตรตัวเองกับพวกเขา และเธอก็ไม่ได้บอกชื่อและเบอร์โทรของตัวเอง เพราะเธอไม่ต้องการให้พวกเขารู้ตัวตนที่แท้จริงของเธอ
หลังจากที่กู้หนิงออกจากร้านไปได้สักพัก เธอรู้สึกว่ามีใครบางคนสะกดรอยตามเธอมา แต่เธอยังคงนิ่งใจเย็น
ยังมีผู้คนหลายคนอยู่รอบๆบริเวณนี้ สตอล์คเกอร์ยังไม่มีโอกาสเข้ามาทำร้ายเธอได้ หรือต่อให้มันมีแผนจะทำร้ายเธอ กู้หนิงมั่นใจว่าเธอเอาชนะได้แน่นอน
แค่เพียงวันนี้มันไม่สะดวกสำหรับเธอที่จะสู้กับใคร เธออยากจะหลีกเลี่ยงปัญหาถ้าทำได้
ระหว่างทางเดินไปที่รถ เธอก็โทรหาโจวเจิ้งหงให้มารับเธอ เธอบอกให้เขารอในรถและไม่ต้องโผล่หน้าออกมา
กู้หนิงเดินไปที่ทางเข้าถนนขายของเก่าอย่างปลอดภัย ถนนสายนี้มีคนอยู่จำนวนมากเกินไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอออกจากถนนขายของเก่า มีถนนเส้นใหญ่อยู่เบื้องหน้า โจวเจิ้งหงกำลังรอเธออยู่ในรถ กู้หนิงเดินตรงไปที่รถ และทิ้งสตอร์คเกอร์ไว้เบื้องหลัง
เธอเข้ามานั่งในรถแล้วมองกระจกข้าง เธอสังเกตเห็นผู้ชายหลายคนมองไปยังทิศทางที่เธอนั่งรถจากไป พวกเขาขึ้นรถ ไล่ตามเธอมาติดๆ
กู้หนิงขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย ดูท่าพวกมันไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆ!
“ลุงโจว ทักษะการขับรถลุงเป็นไงบ้าง?” กู้หนิงถาม
โจวเจิ้งหงไม่รู้จุดประสงค์แท้จริงของคำถามเธอ เขาจึงตอบกลับว่า “ผมขับรถมาสิบสองปีแล้ว คิดว่าก็ไม่แย่เท่าไหร่”
“ตอนนี้พวกเราถูกตาม รบกวนลุงช่วยขับรถให้เร็ว และสลัดพวกมันให้หลุด แน่นอนว่าต้องปลอดภัยด้วย” กู้หนิงกล่าว
ตอนที่ 114: ไม่สุภาพ?
“อะไรนะ?” โจวเจิ้งหงตื่นตระหนก เขาพยายามควบคุมตัวเองให้ใจเย็น จากนั้นก็ขับเร็วขึ้น และโฟกัสไปที่ถนน
มีชายสามคน อายุประมาณสามสิบ อยู่ในรถที่กำลังขับตามกู้หนิง เมื่อเห็นว่ารถเธอเร่งความเร็วขึ้น พวกเขาคิดว่าเธอคงรู้ตัวแล้ว
“หัวหน้า เธอรู้ตัวแล้วหรือครับ?” ผู้ชายที่เป็นคนขับถามขึ้น
“อาจจะ” ผู้ชายที่นั่งอยู่เบาะหลังตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก และมีความไม่พอใจแฝงอยู่ในน้ำเสียง
“พวกเราควรตามเธอต่อไหมครับ?” ผู้ชายที่นั่งเบาะหน้าถามขึ้น
“แน่นอนสิ ทำไมถึงไม่ล่ะ? พวกเราไม่อาจปล่อยให้เธอจากไปพร้อมกับเงินมากขนาดนั้นได้” เขากล่าวด้วยความละโมบในแววตา ดังนั้นพวกเขาจึงตามกู้หนิงต่อไป เห็นได้ชัดว่าทักษะการขับรถของพวกเขานั้นยอดเยี่ยม ดูเหมือนว่าโจวเจิ้งหงจะไม่สามารถสลัดหลุดไปได้ง่ายๆ
กู้หนิงขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ
เมื่อพวกเขาออกจากพื้นที่ที่มีคนเยอะ และอยู่ไกลจากพื้นที่จอแจ กู้หนิงจึงบอกโจวเจิ้งหงหยุดรถ “ฉันคิดว่าพวกเราคงสลัดพวกมันไม่หลุด จอดรถไว้ข้างทางค่ะ พวกเราไม่อาจให้พวกมันตามเราไปตลอดทางได้ คงต้องจัดการตอนนี้”
“บอส...” โจวเจิ้งหงกังวลเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะรู้ว่ากู้หนิงจะแข่งแกร่งและเก่งมาก แต่เขาไม่รู้ว่าพวกนั้นมีความสามารถมากแค่ไหน ถ้าหากพวกมันมีพละกำลังมากกว่ากู้หนิงล่ะ?”
“ใจเย็นค่ะ ไม่เป็นอะไรหรอก” กู้หนิงเข้าใจว่าเขาห่วงเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่โทษเขาที่สงสัยในการตัดสินใจของเธอ โจวเจิ้งรู้ว่าไม่มีใครเปลี่ยนใจเธอได้ เมื่อเธอได้ตัดสินใจไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงทำตามคำสั่งของเธอ
โจวเจิ้งหงจอดรถข้างทาง กลุ่มชายที่ตามมารู้สึกงุนงง อย่างไรก็ตาม ไม่สำคัญว่าจะเกิดอะไรขึ้น มันเป็นโอกาสของพวกเขาแล้ว พวกเขาจอดรถขวางรถกู้หนิงไว้ด้านหน้า เพื่อไม่ให้พวกเธอขับหนีไปได้
“ลุงโจว ลุงอยู่ในรถ ห้ามออกมา” กู้หนิงสั่งเขา จากนั้นก็เปิดประตูรถออกไป เธอเปลี่ยนจากรองเท้าส้นสูงมาเป็นผ้าใบเพื่อความสะดวก
โจวเจิ้งหงที่กังวลความปลอดภัยกู้หนิง แต่เขาไม่กล้าขัดคำสั่งเธอ นอกจากนี้ เขารู้ตัวว่าถ้าเขาออกไปจะเป็นภาระให้เธอเปล่าๆ เขาทำได้เพียงภาวนาให้กู้หนิงปลอดภัย
เมื่อกู้หนิงออกจากรถไป ผู้ชายร่างสูงใหญ่สามคนเดินมาหาเธอ กู้หนิงใช้ตาทิพย์ของเธอทันที เพื่อดูว่าพวกเขามีปืนหรือไม่
โชคดี พวกเขาไม่มีปืน ตอนนี้กู้หนิงยิ่งมั่นใจว่าเธอสามารถเอาชนะพวกเขาได้
ผู้ชายสามคนไม่คิดว่ากู้หนิงจะลงจากรถ และเดินเข้ามาหาพวกเขาอย่างใจเย็น พวกเขารู้สึกแปลกใจระคนสงสัย แต่ถึงอย่างนั้น ผู้หญิงคนเดียวก็ไม่มีทางเอาชนะผู้ชายอย่างพวกเขาได้ และผู้ชายที่ยังอยู่ในรถ คงกลัวพวกเขาจนไม่กล้าออกมา
“ส่งเงินทั้งหมดของเธอกับหินที่เหลือมาให้พวกเราซะ ไม่อย่างนั้นเธอเจอดีแน่!” พวกเขาข่มขู่ แม้ว่าพวกเขาจะไม่แน่ใจว่าหินส่วนที่เหลือจะมีหยกรึเปล่า แต่พวกเขาได้เห็นกับตาว่ากู้หนิงตัดหินสี่ก้อนและได้หยกทุกก้อน พวกเขาเชื่อว่ามันเป็นไปได้มาก ที่หินส่วนที่เหลือจะมีหยกอยู่ข้างใน แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่พลาดมันเด็ดขาด
“โอ้ ยังไงดีล่ะ?” กู้หนิงยกมุมปากขึ้นยิ้ม เลิกคิ้วขึ้นด้วยความไม่ชอบใจ
พวกเขาหงุดหงิดกับท่าทีของกู้หนิง ชายคนหนึ่งพูดเสียงเข้ม “เธอจะให้หรือไม่ให้พวกเรา?”
“ถ้าแกต้องการ ก็เข้ามาเอาเองสิ แต่ขอเตือนก่อนนะ ถ้าไม่อยากตายก็ไสหัวไปซะ!”
“โว้ว ขอดูหน่อยสิว่าเธอมีดีอะไร” พูดจบ พวกเขาก็สาวเท้าเข้ามาหากู้หนิง ยังไม่ทันเดินไปได้ไกล จู่ๆพวกเขาก็หยุดและถอยหลังกลับอย่างรวดเร็ว พวกเขาจ้องกู้หนิง ความหวาดกลัวปรากฏบนใบหน้าพวกเขาแต่ละคน
กู้หนิงไม่อยากเสียเวลาและพลังงานไปกับการต่อสู้ ดังนั้นเธอจึงควักเอาปืนออกมาเล็งไปที่พวกเขา
พวกเขาหวาดกลัว แต่ยังสงสัยว่าปืนจริงหรือปืนปลอมกันแน่ โจวเจิ้งหงก็รู้สึกกลัวด้วยเช่นเดียวกัน เขาไม่เชื่อว่าปืนนั่นเป็นของจริง เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะมีปืนจริงๆไว้ครอบครอง
“ยะ อย่าเอาปะ ปืน ปลอม มา ขู่พวกเราซะให้ยาก” ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่พวกเขาก็ไม่กล้าขยับไปข้างหน้า
“ก็ลองดูสิ ถ้าอยากรู้ว่าเป็นของจริงหรือเปล่า” กู้หนิงพูดพลางทำสีหน้าข่มขู่ ปืนขึ้นลำ เตรียมพร้อมที่จะยิง ผู้ชายทั้งสามถอยหลังห่างออกไปด้วยความหวาดหวั่น
ปืนเป็นของจริง?
“แล้ว แล้วพวกเราจะทำยังไงต่อดีครับ?” ชายผู้เป็นลูกน้องเอ่ยถามเสียงเครียด ถ้าปืนเป็นของจริง จุดจบของพวกเขาคือตายสถานเดียว
“จะทำอะไรได้? หนีก่อนสิวะ กลับ!”
เมื่อพวกเขาล่าถอยกลับไป กู้หนิงก็กลับมาที่รถ โจวเจิ้งหงถามทันทีที่เธอเข้ามานั่งข้างใน “บอส ปืนจริงหรือปลอมครับ?”
“จริง ได้มันมาเมื่ออาทิตย์ก่อน หนูแอบเก็บมันไว้ และตั้งใจจะส่งคืนเจ้าหน้าที่ทหารพรุ่งนี้” กู้หนิงไม่ปิดบังความจริง
ตอนนี้เป็นเวลาสี่โมงเย็น
ตอนที่กู้หนิงออกจากถนนพนันหิน อาจารย์ไป๋ก็โทรหาอาจารย์ฝู และเล่าให้เขาฟังทุกอย่าง อาจารย์ฝูทั้งอิจฉาและโมโหในคราวเดียวกัน
เขาเสียใจที่ไม่ยอมไปข้างนอกกับอาจารย์ไป๋วันนี้ แต่อยู่เล่นกับหลานชายที่บ้านแทน เขาเลยพลาดโอกาสดีๆที่จะได้หยกมาครอบครองอีกสักก้อนสองก้อน
ได้ยินว่าเป็นผู้หญิงที่เป็นเจ้าของหยกที่ถูกตัดออกมาติดๆกันถึงสี่ก้อน ปฏิกิริยาแรกของอาจารย์ฝูคิดว่าต้องเป็นกู้หนิง เขาจึงถามอาจารย์ไป๋ไปตรงๆ แต่อาจารย์ไป๋บอกว่าไม่ใช่ ถึงแม้อาจารย์ไป๋จะไม่รู้จักกู้หนิง แต่อาจารย์หยวนรู้จักเธอ ถ้าผู้หญิงคนนั้นเป็นกู้หนิงจริงอาจารย์หยวนก็ย่อมต้องบอกเขาไปแล้ว อีกอย่างเธอดูมีอายุมากกว่ากู้หนิง
อาจารย์ฝูก็มีความรู้สึกแบบเดียวกันกับอาจารย์ไป๋และอาจารย์หยวน
เกิดอะไรขึ้น? ทำไมหญิงสาวถึงได้พนันหินเก่งแบบนี้? เรื่องแปลกๆแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!
จากนั้นไม่นาน ไวรัลเรื่องนี้ก็เป็นกระแสไปทั่วโลกออนไลน์ หัวข้อข่าวพาดว่า “Shocking News: หญิงสาวสามารถพนันหินได้หยกถึงสี่ก้อนต่อเนื่อง ที่ถนนพนันหินในเมือง G มูลค่ารวมกว่าสามร้อยสี่สิบห้าล้านหยวน”