ตอนที่ 87: วิ่งสิบรอบก่อนเอาของฝาก
ขณะรอที่เจียงซู่กลับมาถึงบ้าน ทุกคนกำลังพักผ่อน
ในขณะอีกด้านหนึ่ง หลินหลี่หยวนที่ถูกกู้หนิงทำให้อับอายโมโห เธอไม่ได้ช้อปปิ้งต่อและตรงกลับบ้านเลย
เมื่อเธอมาถึงบ้าน หลินหลี่หยวนก็สบถใส่กู้หนิงให้แม่สามีฟัง
“เกิดอะไรขึ้น?” แม่สามีเอ่ยถาม ถึงจะรู้ว่าหลินหลี่หยวนสบถด่ากู้หนิงและกู้ม่าน แต่เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
หลินหลี่หยวนเลยเล่าทุกอย่างให้แม่สามีฟัง
“อะไรนะ นังเด็กไม่มีพ่อข่มขู่เธอวันนี้อย่างนั้นเหรอ? วันนี้ไม่ใช่วันจันทร์เหรอ? ทำไมนังเด็กนั่นไม่อยู่ที่โรงเรียน?” หญิงชราแปลกใจ
ได้ยินแบบนั้นหลินหลี่หยวนก็นึกได้ว่าวันนี้เป็นวันจันทร์แต่กู้หนิงกลับไม่ได้อยู่ในโรงเรียน
“ใครจะรู้ บางทีอาจจะหยุดเรียนไปแล้วก็ได้”
พอพูดออกไปแบบนั้นหลินหลี่หยวนก็คิดว่าเป็นจริง และค่อยๆรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อย
“ถ้ามันหยุดเรียนจริง ก็สมควรแล้ว ใครบอกมันไม่ยอมขอโทษเซียวเซียวและยังตะคอกใส่แม่อีก” หญิงชราพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เธอไม่มีความเห็นใจสงสารผู้เป็นหลานสาวเลยสักนิด
“กู้ชิงกล้าขัดคำสั่งแม่ปล่อยให้กู้ม่านกับกู้หนิงมาอยู่กับเธองั้นรึ?” หญิงชราถาม
“หนูเองก็ไม่รู้ เธอบอกว่าเปล่า” ถึงแม้กู้ชิงจะปฏิเสธ แต่หลินหลี่หยวนไม่เชื่อ ค่าเช่าบ้านข้างนอกแพงจะตาย กู้ม่านกับกู้หนิงจะเอาเงินจากไหนมาจ่าย?
“ไม่ แม่ต้องโทรไปหาเธอ” หญิงชราดูเหมือนจะชื่นชอบที่เห็นกู้ม่านกับกู้หนิงตกที่นั่งลำบาก เธอหยิบมือถือออกมาและโทรหากู้ม่านทันที
น่าเสียดายที่กู้ม่านไม่รับสาย
กู้ม่านจงใจไม่รับโทรศัพท์
แม่ของเธอโทรมาหลังจากที่พวกเธอมีเรื่องโต้เถียงกันกับหลินหลี่หยวน แม่ต้องโทรมาต่อว่าเธอแน่ ดังนั้นกู้ม่านจึงไม่ต้องการรับสาย
วันนี้เจียงซู่เดินดูรอบๆในตลาดขายวัสดุก่อสร้าง มีพื้นที่ดีๆที่เหมาะแก่การเปิดร้านแต่พวกมันเล็กเกินไป
เจียงซู่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านั้น แต่ตัวร้านตั้งอยู่ข้างนอกตลาดวัสดุก่อสร้าง มันมีขนาดใหญ่และสังเกตเห็นได้ง่าย พื้นที่ขนาดสามร้อยตารางเมตร ค่าเช่าต่อปีอยู่ที่ห้าแสนหยวน
ถ้าหากธุรกิจของเขามีกำไร เขาก็จะได้ค่าสาธารณูปโภคคืนภายในไม่กี่เดือน แต่ถ้าธุรกิจของเขาไม่มีกำไร การดำเนินการต่อไปก็จะยากขึ้น
หลังจากที่กู้หนิงรับฟังข้อมูล เธอคิดว่าควรเลือกร้านขนาดใหญ่ดีกว่า ดังนั้นเธอจึงสนับสนุนเจียงซู่ให้เลือกพื้นที่ตรงนี้
แม้ว่าเจียงซู่จะคิดว่ามันมีความเสี่ยงอยู่บ้าง แต่เขาก็ดีใจเพราะเขาเองก็ชอบพื้นที่ตรงนี้เหมือนกัน
กู้หนิงเข้าใจความกังวลเจียงซู่ เธอบอกเขาทำให้ดีที่สุด เขาไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเงิน
ก่อนที่กู้หนิงจะเข้านอน เธอคุยกับเพื่อนๆในกลุ่มครอบครัวนักสู้” เธอบอกพวกเขาว่าพรุ่งนี้จะเริ่มฝึกแล้ว และใครที่ไม่มาปรากฏตัวก่อนหกโมงยี่สิบจะไม่ได้ของฝาก
เมื่อพากันรู้แล้วแบบนั้น ทุกคนก็ให้สัญญาว่าจะไปให้ตรงเวลาพรุ่งนี้
เช้าวันต่อมา กู้หนิงตื่นตีห้าครึ่งและออกจากบ้านตีห้าสามสิบห้า
เฟิ่งหัวแมนชั่นอยู่ห่างจากโรงเรียนราวๆเจ็ดถึงแปดกิโลเมตร ใช้เวลายี่สิบห้านาทีในการวิ่งไป
เมื่อเธอมาถึงก็เป็นเวลาหกโมงเช้า เธอเดินไปซื้ออาหารเช้าและพบกับหยูหมิงซีระหว่างทางโดยบังเอิญ
“หนิงหนิง เธอกลับมาแล้ว!” เมื่อเห็นกู้หนิง หยูหมิงซีตื่นเต้นมากๆ เธอวิ่งเข้าไปหาและเอาแขนไปคล้องแขนกู้หนิงเอาไว้แน่น
พวกเธอดูสนิทสนมกันมาก แต่มันก็ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาของเพื่อนสนิท
ถึงแม้กู้หนิงจะไม่ชอบสัมผัสร่างกายกับคนอื่น เธอยอมรับเฉพาะแค่เพื่อนเท่านั้น
“เธออยากกินอะไร? ฉันเลี้ยงเอง!” หยูหมิงซีเอ่ย
หยูหมิงซีเป็นเพื่อนสนิทกู้หนิง ดังนั้นเธอจึงไม่ปฏิเสธความหวังดี “หมั่นโถวกับนมถั่วเหลืองละกัน ขอบใจมาก!”
พวกเธอมีเวลาไม่มาก ดังนั้นกินแค่หมั่นโถวกับนมถั่วเหลืองเพราะมันสะดวกสุด
ทั้งกู้หนิงและหยูหมิงซีซื้อหมั่นโถวกับนมถั่วเหลือง พวกเขาเดินเข้าไปในโรงเรียนด้วยกัน
“หนิงหนิง เธอบอกฉันได้ไหมว่าของฝากเป็นอะไรหรอ?” หยูหมิงซีสงสัย
“โทษที ฉันยังบอกไม่ได้ จะเอาให้ดูตอนที่ทุกคนมาถึงกันหมดแล้ว” กู้หนิงตอบ
“ได้” หยูหมิงซีผิดหวังเล็กน้อย
เดินไปได้ครึ่งทางพวกเธอเจอกับมู่เค่อ
เพราะพวกเธอทั้งสองต่างสวมชุดยูนิฟอร์มโรงเรียน ดังนั้นมู่เค่อจึงจำไม่ได้จากที่เห็นด้านหลังในตอนแรก แต่เขาจำเสียงพวกเธอได้
“เฮ้ บอส หมิงซี”
เขาวิ่งเข้ามาหาทันที
“บอส ของฝากฉันล่ะ?” มู่เค่อก็ถามหาของฝากเหมือนกัน
“หนิงหนิงบอกว่าจะเอาให้ดูเมื่อทุกคนมาถึงแล้ว” หยิงซีตอบคำถามมู่เค่อก่อนกู้หนิง
มู่เค่อก็รู้สึกผิดหวังเช่นเดียวกับหมิงซี
เมื่อทั้งสามมาถึงสนามฟุตบอลก็เป็นเวลาหกโมงสิบนาที ฉู่เพ่ยหานก็มาถึงในนาทีต่อมา เธอถามหาของฝากแต่ก็ได้รับคำตอบเช่นเดียวกัน
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ฮ่าวหรันและเพื่อนก็มาถึง พวกเขาวิ่งมาที่นี่
“บอส ของฝากล่ะ?” ฮ่าวหรันถามด้วยคสามตื่นเต้น
“วิ่งสิบรอบก่อน คนสุดท้ายยกเว้นหมิงซีจะได้รับของฝากหลังจากคาบเช้า” พูดจบกู้หนิงก็เริ่มออกวิ่ง
สิบรอบก็สี่กิโลเมตร
ไม่!!!!!!!!!!!!
เมื่อได้ยินแบบนั้นเด็กหนุ่มก็ตะโกนร้องด้วยความเศร้าสลด นี่มันทรมานกันแล้ว! คนสุดท้ายจะได้ของฝากหลังคาบเช้า ไม่มีใครอยากจะเป็นคนสุดท้าย
ไม่มีใครกล้าเถียงกู้หนิงเว้นแต่จะอยากถูกต่อย ดังนั้นพวกเขาจึงวิ่งตามเธอในท้ายที่สุด
ดูเหมือนว่าฮ่าวหรันกับเพื่อนจะเอาชนะฉู่เพ่ยหานและมู่เค่อไม่ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจแข่งกันเอง
พวกเขากลายมาเป็นคู่แข่งกันเพื่อของฝากกู้หนิง
จริงๆแล้วตั้งแต่ออกสตาร์ท ฮ่าวหรัน ฉินซีหุนและจางเทียนปิงก็ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
กู้หนิงวิ่งนำพวกเขาไปสามรอบ เธอรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อยแต่ไม่มาก นั่นเพราะเธอแข็งแรงกว่ามาก
เธอวิ่งจากเฟิ่งหัวแมนชั่นมาที่โรงเรียนเจ็ดถึงแปดกิโลเมตร แต่เธอเพียงแค่หายใจหอบนิดหน่อย เธอไม่ได้รู้สึกเหนื่อยมากมายอะไร
นอกจากกู้หนิงแล้ว ฉู่เพ่ยหานเป็นคนที่แกร่งที่สุดท่ามกลางกลุ่มเพื่อน
ถึงแม้กู้หนิงจะไม่รู้เบื้องหลังฉู่เพ่ยหานดี แต่เธอเชื่อว่าฉู่เพ่ยหานต้องได้รับการฝึกฝนจากผู้เชี่ยวชาญแน่
ตอนที่ 88: บอส เธอสุดยอดไปเลย!
ฉู่เพ่ยหานนั้นช้ากว่ากู้หนิงเพียงหนึ่งนาทีหลังจากที่พวกเธอทั้งคู่วิ่งครบสิบรอบ
คนธรรมดาใช้เวลาสามนาทีสามสิบวินาทีถึงสี่นาทีในการวิ่งหนึ่งกิโลเมตร ยิ่งคุณวิ่งนานเท่าไหร่คุณก็ยิ่งรู้สึกเหนื่อย
กู้หนิงใช้เวลา 13 นาทีในการวิ่งสี่กิโลเมตรในขณะที่ฉู่เพ่ยหานใช้เวลา 14 นาที
หลังจากวิ่งเสร็จ ฉู่เพ่ยหานแทบหมดเรี่ยวแรง แต่เธอยังคงรักษาสมดุลร่างกายไว้ได้
มู่เค่อวิ่งครบสิบรอบแล้ว ช้ากว่าฉู่เพ่ยหานไปหนึ่งนาที
เขาเกือบจะล้มลงกับพื้น
คนต่อมาคือหยูหมิงซีผู้ซึ่งวิ่งห้ารอบก็อ่อนเพลียเหมือนกัน แต่หลังจากฝึกมาหลายวัน หยูหมิงซีก็แข็งแรงขึ้นแล้ว
กลุ่มสุดท้ายคือฮ่าวหรัน ฉินซีหุนและจางเทียนปิง พวกเขาใช้เวลายี่สิบนาทีในการวิ่งสิบรอบ
“ฮ่า ฮ่า ฉันไม่ใช่คนสุดท้าย” ฮ่าวหรันหัวเราะดีอกดีใจ ราวกับว่าการที่ไม่ใช่คนสุดท้ายจะไม่ได้เป็นคนถูกฆ่า
“ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ฉันก็แค่รอคาบเช้าจบก็เท่านั้นเอง” จางเทียนปิงเอ่ยสบายๆ
“เอาน่า ฉันไม่ทำแบบนั้นหรอก ฉันแค่อยากให้พวกนายกระตือรือร้น
“อะไรนะ? บอส เธอนี่มันเจ้าเล่ห์จริงๆ!” ทุกคนพูดขึ้นพร้อมกัน เสียงของพวกเขาอ่อนระโหยโรยแรง
กู้หนิงไม่ใส่ใจ เธอนั่งลงบนสนามหญ้าพร้อมกับกระเป๋าเป้สะพายหลังขณะที่คนอื่นๆกรูเข้ามาล้อมรอบเธอ
“จริงๆแล้วฉันไม่รู้จะซื้ออะไรดี ฉันเลือกก็เลยสุ่มๆเลือกมา นี่สำหรับคุณชายทั้งสี่”
กู้หนิงหยิบกล่องกระดาษสี่อันออกมาและโยนให้เด็กหนุ่มทั้งสี่คนโดยตรง
“ว้าว บอส นี่มันแบรนด์เมืองนอกเลยนะเนี่ย!” ฮ่าวหรันพูดเสียงดังเมื่อเห็นโลโก้บนกล่อง
“โว้ว บอส นี่เธอเก็บเงินได้รึไงเนี่ย?” มู่เค่อถาม
ฉินซีหุนและจางเทียนปิงก็มองมาที่กู้หนิงอย่างสงสัยแกมทึ่ง
พวกเขาทุกคนล้วนรู้ถึงพื้นฐานครอบครอบครัวของกู้หนิง แค่แบรนด์ในประเทศเธอก็แทบจะไม่มีเงินซื้อแล้ว
แต่เธอกลับซื้อแบรนด์เมืองนอกเป็นของฝาก
“แบรนด์อะไร?” ฉู่เพ่ยหานเอ่ยถามและฉวยกล่องมาจากมู่เค่อ เพียงแค่มองแวบแรก เธอก็ตกใจ
“อาร์มานี่!”
เธอก็หันมาจ้องกู้หนิงอย่างประหลาดใจ
กู้หนิงไม่ได้ตอบคำถามพวกเขา แต่เอาถุงออกมาให้ฉู่เพ่ยหาน
เมื่อทุกคนเห็นโลโก้บนถุง พวกเขาก็เบิกตากว้าง นี่มันลังโคม!
ฉู่เพ่ยหานโยนกล่องกระดาษกลับไปที่มู่เค่อทันที เธอหมดความสนใจสิ่งที่อยู่ภายในกล่อง
“บอส นี่เธอเก็บเงินได้จริงๆเหรอ? เธอใจดีมากเลย!” ฉู่เพ่ยหานรับของฝากมาและถามด้วยความตกใจ
กู้หนิงไม่ได้ตอบคำถามของเธอ แต่หยิบเอาของฝากหยูหมิงซีออกมาและมอบมันให้หยูหมิงซี
“ว้าว กระเป๋าเงิน”
ฮ่าวหรันเปิดกล่องของเขาออก
“น้ำหอม บอส ฉันรักเธอจัง! เธอรู้ไหมว่าฉันชอบน้ำหอมมาก!” ฉู่เพ่ยหานดีใจ เธอเข้ามากอดกู้หนิง
กู้หนิงไม่รู้ว่าฉู่เพ่ยหานชอบน้ำหอมมากแค่ไหน แต่ทุกครั้งที่เห็นฉู่เพ่ยหาน เธอจะได้กลิ่นน้ำหอมตลอด
“โอ้ว ของฝากของฉันเป็นมือถือ!” หยูหมิงซีเปิดออกดู เธอทั้งตื่นเต้นดีใจและประหลาดใจที่เห็นมือถือข้างใน
แม้ว่าเธอจะมีโทรศัพท์อยู่แล้ว แต่มันเก่าและเป็นของมือสอง เธอรู้สึกอายที่จะหยิบมันออกมาใช้
“หนิงหนิง มันต้องแพงมากๆแน่” หยูหมิงซีชอบมันมาก แต่มันก็แพงเกินไปสำหรับเธออยู่ดี
“ใช่ บอส อาจจะฟังดูรุนแรงไปหน่อย แต่พวกเราทุกคนรู้ว่าบ้านเธอเป็นยังไง แล้วเธอเอาเงินที่ไหนมาซื้อของฝากแพงๆแบบนี้?” ฉู่เพ่ยหานถามออกมาตรงๆ พวกเขาไม่สามารถมองข้ามความจริงข้อนี้ไปได้
ทุกคนที่เหลือก็จ้องมาที่กู้หนิงเป็นจุดเดียวกัน พวกเขาไม่พูดอะไรแต่ใบหน้าแสดงถึงความสับสนงุนงง
กู้หนิงรู้สึกอบอุ่นในหัวใจที่เพื่อนของเธอเอาใจใส่เธอ ถึงแม้เธอจะบอกพวกเขาได้ไม่มาก แต่ก็พอบอกได้บางเรื่อง
ดังนั้นกู้หนิงจึงบอกพวกเขาว่าเธอได้ช่วยชีวิตผู้ชายคนหนึ่ง และได้ได้รับหยกจักรพรรดิซึ่งมีมูลค่าสิบล้านหยวนเป็นรางวัล
แน่นอนว่าเธอไม่ได้บอกว่าไปทำอะไรที่เมือง G
“อะไรนะ? หยกจักรพรรดิ? สิบล้านหยวน?”
เมื่อรู้กันแบบนั้นทุกคนก็แน่นิ่งไปด้วยความตกใจ มันมหัศจรรย์มาก ไม่อยากจะเชื่อ!
ยกเว้นมู่เค่อและฉินซีหุน ก็ไม่มีใครรู้เรื่องหยกมากนัก แต่พวกเขาทั้งหมดเคยได้ยินเกี่ยวกับหยกจักรพพรดิ มันเป็นหยกประเภทสูงสุดและมีราคาแพงมาก
นั่นถึงเป็นเหตุผลว่าทำไมมันถึงราคาสิบล้านหยวน
ไม่รวมหยูหมิงซี พวกเขาส่วนใหญ่มาจากครอบครัวที่ร่ำรวยโดยเฉพาะอย่างยิ่งจางเทียนปิงที่มีสินทรัพย์หลายล้านหยวนด้วยตัวเขาเอง อย่างไรก็ตามไม่มีใครในพวกเขามีสิบล้านหยวน
แม้แต่ร้านเครื่องประดับของมู่เค่อ เขามีสินทรัพย์หลายล้านหยวนเท่านั้นไม่ถึงสิบล้าน
ดังนั้นสิบล้านหยวนจึงเป็นเงินจำนวนมากในสายตาของพวกเขา
นอกจากนี้เครื่องประดับในร้านมู่เค่อก็มาจากหยกระดับต่ำ แหวนหนึ่งวงจึงมีราคาแค่หลักร้อยหยวนเท่านั้น
“บอส เธอสุดยอดไปเลย!” ฮ่าวหรันชมเชย
ทุกคนที่เหลือเห็นด้วย
หยูหมิงซีอิจฉาแต่ก็ไม่ได้ริษยา เธอรู้ว่าเธอไม่สามารถทำอย่างนั้นได้
“แต่ บอส ทำไมเธอไม่ให้พวกเราดูก่อนที่จะขาย?” มู่เค่อบ่น
“ใช่ๆ! ฉันตื่นเต้นที่ได้เห็นหยกจักพรรดิมากกว่าซุปเปอร์สตาร์ซะอีก!” ฉินซีหุนกล่าว
“ไม่ ไม่ ฉันอยากเจอซุปเปอร์สตาร์โดยเฉพาะไอดอลของฉัน ซู่จีฟาน” ฉู่เพ่ยหานกลายเป็นคนขี้อายขึ้นมาในทันทีและเต็มไปด้วยความรัก ทุกคนต่างขนลุกทันที
“เอาล่ะ ฉันไม่ต้องการให้คนอื่นรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ กลัวถูกปล้น” กู้หนิงกล่าว
“แน่นอน บอส พวกเราจะไม่บอกคนอื่นอย่างแน่นอน”