เสียงคำรามของท้องฟ้าที่ดังสนั่นหวั่นไหว ช่วยปลุกคืนที่เงียบสงัดให้ตื่นจากภวังค์ราวกับราตรีที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไป จะว่าไปแล้วก็เหมือนดังความสุข ที่มักอยู่กับเราแค่ไม่นาน ใช่ เหมือนกับ wonderland
เสียงคำรามของท้องฟ้าที่ดังสนั่นหวั่นไหว ช่วยปลุกคืนที่เงียบสงัดให้ตื่นจากภวังค์ราวกับราตรีที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไป จะว่าไปแล้วก็เหมือนดังความสุข ที่มักอยู่กับเราแค่ไม่นาน ใช่ เหมือนกับ wonderland
นายอาร์ตลืมตาตื่นขึ้นมาในความมืดก่อน
จะเอื้อมมือไปหยิบนาฬิกาบนหัวเตียงขึ้นมาดู
หน้าปัดนาฬิกาถูกๆนั้นบอกว่าตอนนี้ตี 4 นิดๆแล้ว
ทำให้อาร์ตต้องลุกขึ้นโดยอัตโนมัติ
เขาสะบัดหัวไปมาเพื่อไล่ความง่วงออกไป
ก่อนจะทำกิจวัตรประจำวันอย่างที่เคย
อย่างเช่นเก็บที่นอนหรือล้างหน้าแรงฟัน
ไม่นานนักเขาก็ทำกิจกรรมต่างๆเสร็จ
ก่อนจะก้าวเท้าเดินออกไปข้างนอก
ลำปางหนาวมาก ......
ครับ แม้เวลาตอนนี้จะเป็นตี 4 แล้ว
แต่บรรยากาศหน้าหนาวของจังหวัดลำบางก็ทำให้ท้องฟ้าตอนตี 4
ยังดูมืดค่ำไม่ต่างกับตอนกลางคืนเลย
แถมในบริเวณวัดก็เต็มไปด้วยต้นไม้นานาชนิด
ยิ่งชวนให้บรรยากาศดูวังเวงเข้าไปอีก
นี่ถ้าใครมาอยู่ในวัดตอนนี้ก็คงกลัวไม่กล้าก้าวเท้าออกไปไหนแน่ๆ
แต่ไม่ใช่กับอาร์ต ....... ตั้งแต่เขาจำความได้เขาก็อยู่ที่นี่มา 14 ปีแล้ว
บรรยากาศเงียบๆวังเวงๆแบบนี้เป็นสิ่งที่เขาคุ้นตาอยู่แล้ว
เขาใส่รองเท้าอย่างเร่งรีบก่อนจะรีบวิ่งไปที่กุฏิหลวงพ่อ
พอไปถึงเขาก็เอาย่ามคู่กายมาใส่ให้เรียบร้อย
เพื่อจะทำงานประจำของเด็กวัดนั่นก็คือตามหลวงพ่อไปบิณฑบาต
จะว่าไปวัดแห่งนี้ก็ไม่ถือว่าเล็กนัก
เพราะหลวงพ่อที่เป็นเจ้าอาวาสถือเป็นพระนักพัฒนาชื่อดัง
ลูกศิษย์ลูกหาท่านก็มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านธรรมดา
จนไปถึงเศรษฐีใหญ่ระดับพ่อเลี้ยงของจังหวัด
วัดแห่งนี้จึงมีคนเข้าออกไม่ขาดสายในแต่ละวัน
เงินปัจจัยที่ญาติโยมนำมาถวายจึงมีมากมาย
โดยที่หลวงพ่อไม่จำเป็นต้องทำเครื่องรางของขลังเลย
ส่วนเงินปัจจัยเหล่านั้น
หลวงพ่อก็ไม่ได้เอามาสร้างสิ่งปลูกสร้างอะไร
แต่นำกลับมาพัฒนาชาวบ้าน
จนชื่อเสียงของท่านเป็นที่ชื่นชมทั่วกัน
การเดินบิณฑบาตนี้ใช้ระยะทางที่ไกลไม่น้อย
จากวัดเข้าตัวหมู่บ้านรวมระยะทางก็หลายกิโลอยู่
อีกทั้งสองข้างทางก็มีชาวบ้านที่ศรัทธานำของมาใส่บาตรไม่ขาดสาย
ระยะทางที่ไกลบวกกับน้ำหนักของในย่าม
ถือเป็นการออกกำลังกายชั้นดี
ร่างกายที่อยู่ในวัยแตกเนื้อหนุ่มของนายอาร์ตจึงสูงใหญ่
มีมัดกล้ามเล็กน้อย ดูแข็งแรงกว่าเด็กวัยเดียวกัน
หน้าตาคมเข้มที่เป็นสัญญาณว่าโตขึ้นพ่อคนนี้ต้องเป็นหนุ่มเนื้อหอมนั้น
ถูกซ่อนไว้ด้วยท่าทีสงบเสงี่ยมเรียบร้อยของเจ้าตัว
"ใกล้สอบแล้วนี่ เป็นอย่างไรบ้างล่ะเจ้าอาร์ต"
หลวงพ่อเอ่ยถามหลังจากการเดินบิณฑบาตจบลง
"ครับ ตอนนี้ผมอ่านหนังสือทบทวนทุกคืนครับหลวงพ่อ"
เด็กหนุ่มตอบกลับ
"กุฏิที่หลวงพ่อให้ผมไปอยู่เงียบมาก
เหมาะกับการอ่านหนังสือทบทวนจริงๆครับ"
"ดีแล้ว เราน่ะโตแล้ว ควรจะแยกออกไปอยู่คนเดียวได้แล้ว
ไหนจะต้องเรียนต้องอ่านอีก อยู่หลายคนมันวุ่นวาย ..... เออ
ที่จริงใกล้สอบแบบนี้ไม่ต้องตามหลวงพ่อไปบิณฑบาตก็ได้
ให้ไอ้อ่ำไปแทนดีกว่า เราจะได้พักผ่อนให้เพียงพอ"
หลวงพ่อกล่าวก่อนกำลังจะเดินจากไป
"ไม่เป็นไรครับพลวงพ่อ ผมเดินได้ครับ"
ตั้งแต่เล็กจนโตเขาก็ได้หลวงพ่อเลี้ยงดู
พระคุณของหลวงพ่อมีมากมาย
การได้เดินตามรับใช้หลวงพ่อนี้จึงเป็นสิ่งที่เขาภูมิใจที่สุด
หลวงพ่อเองก็ไม่ได้ตอบอะไรนายอาร์ตต่อ
แต่ท่านก็แบ่งอาหารที่ได้จาการบิณฑบาต
ให้นายอาร์ตเอาไปเป็นอาหารเช้า
วัดแห่งนี้นอกจากเขาแล้ว หลวงพ่อยังรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไว้อีกหลายคน
และพอเด็กคนไหนที่ต้องเรียนหนังสือโตขึ้น
หลวงพ่อก็จะแบ่งกุฏิว่างๆให้แยกไปอยู่
ทำให้อาร์ตได้มีมุมสงบในการอ่านหนังสือ
ที่เขาต้องมุ่งมั่นเช่นนี้ก็เพราะต้องการทุนเรียนดีจากโรงเรียน
ถึงแม้วัดแห่งนี้จะพอส่งเสียค่าเล่าเรียนให้เขาได้
แต่เขาก็ไม่ต้องการเป็นภาระให้วัด
แล้วเงินนั้นก็น่าจะนำไปช่วยเด็กคนอื่นมากกว่า
แต่ถึงเรื่องค่าเล่าเรียนจะไม่ใช่ปัญหา
แต่ค่าใช้จ่ายๆอื่นๆก็ยังมีอยู่ เขาจึงต้องทำงานรับจ้างต่างๆจากชาวบ้าน
ซึ่งชาวบ้านรอบวัดก็ยินดี
พวกเขาไว้ใจเด็กวัดที่นี้เพราะเชื่อมั่นในการสั่งสอนของหลวงพ่อ ......
และหนึ่งในงานที่อาร์ตทำประจำก็คือการซื้อกลับแกล้มให้ตาก่ำ
สัปเหร่อของวัด
"ไอ้อาร์ต มึงจำคำกูไว้ ผู้หญิงมันเหี้ย
พวกแม่งมีแต่จะมาหลอกมึง แล้วก็ทิ้งมึงไป"
พอแกเริ่มเมาก็จะพูดพล่ำแบบนี้ตลอด เมียแกหนีไปกับชู้
แกก็เลยเอาแต่เมาทั้งวัน
มันก็เลยเป็นหน้าที่อาร์ตที่จะต้องคอยมาซื้อกลับแกล้มให้แก
แล้วก็นั่งฟังแกพล่ามเรื่องเดิมซ้ำไปซ้ำมา
"ผู้หญิงมันแย่อย่างงั้นเลยเหรอ" เด็กหนุ่มก็ได้แต่คิดในใจ
วันต่อมา .... อาร์ตและเพื่อนๆอีก 3-4 คนถูกหลวงพ่อเรียกไปพบ
เมื่อไปถึงก็เห็นชายสูงวัยแต่งตัวดีสวมเครื่องประดับทำจากทอง
บ่งบอกถึงฐานะ อาร์ตรู้จักเขา "พ่อเลี้ยงณรงค์" เศรษฐีใหญ่
ประจำจังหวัด
"อืม ..... หน่วยก้านดีทุกคนเลยครับหลวงพ่อ"
พ่อเลี้ยงหันมามองพวกเขาก่อนจะไปพนมมือพูดคุยกับหลวงพ่อต่อ
"พวกเอ็งน่ะ .... เดี๋ยวตามไปช่วยงานที่บ้านพ่อเลี้ยงเขาน่ะ
แล้วตั้งใจทำงานล่ะ ให้สมกับที่ข้าไว้ใจ" หลวงพ่อกล่าว
"ไม่ต้องห่วงน่ะน้องๆ .... เดี๋ยว พี่จะให้ค่าตอบแทนเต็มที่"
พ่อเลี้ยงพูดบอกอย่างเป็นกันเอง
งานที่ให้พวกอาร์ตมาช่วยวันนี้ก็ไม่มีอะไรมาก
แค่เพียงจัดแต่งสวน เอาต้นไม้ที่พ่อเลี้ยงซื้อมาลงมาปลูก
งานที่เริ่มตั้งแต่ช่วงสายคืบหน้าไปมาก
พอถึงช่วงบ่าย 3 ก็ใกล้เสร็จ
ต้นไม้ใหญ่ๆนำลงสวนหมดแล้วเหลือเพียงนำต้นเล็กมาจัดแต่งเท่านั้น
"นี่พวกเธอ พักได้แล้ว มากินน้ำก่อนสิ
เนี่ยน้ำหวานพวกนี้เตยทำเองกับมือเลยน่ะ"
เสียงใสๆปลุกอาร์ตให้ตื่นจากการทำงาน
เจ้าของเสียงชื่อคุณหนู 'ใบเตย'
ลูกสาวเพียงคนเดียวของพ่อเลี้ยงณรงค์
ทันทีที่อาร์ตได้เห็นเธอครั้งแรกก็ตื่นตะลึงในความสวย
ใบหน้ารูปไข่ที่ชวนมอง
ดวงตาเรียวเล็กที่เต็มไปด้วยความสดใส
ริมฝีปากบางๆที่มาพร้อมกับรอยยิ้มตลอดเวลา
ผิวพรรณที่สวยใสที่ได้รับการบำรุงอย่างดี
รูปร่างขนาด 32-23-33 ที่เติมโตสมกับวัยของสาวอายุ 16
ถึงแม้มันจะไม่ใหญ่โตเหมือนกับสาวที่โตเต็มตัว
แต่มันก็ดูดีที่สุดในสายตาของเขาทีเดียว
เด็กสาวเองก็รับรู้ว่าที่คนกำลังมองมาที่เธอ
เมื่อเธอหันมองกับไปก็เห็นเจ้าของดวงตานั้น
เป็นเด็กหนุ่มที่น่าจะอายุอ่อนกว่าเธอ
แต่มีรูปร่างหน้าที่หล่อเหลาไม่น้อย
มันทำให้เธอหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาทันที
เธอยิ้มตอบเขาก่อนจะหันหน้าหลบด้วยความเขินอาย
แม้หลังจากวันนั้นสวนก็ตกแต่งเสร็จเรียบร้อย
แต่พ่อเลี้ยงก็ยังมีงานมาให้เด็กวัดพวกนื้ทำอีกเสมอๆ
ทำให้อาร์ตได้เข้านอกออกในบ้านพ่อเลี้ยงเป็นประจำ
จากทีแรกที่เขาได้แต่มองคุณหนูใบเตยอยู่ห่างๆ
เขาก็ได้มีอากาสพูดคุยกับคุณหนูมากขึ้น
ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว
"คุกกี้อร่อยไหมอาร์ต"
ใบเตยเอ่ยถามหลังจากนำคุกกี้
ที่เธอพึ่งอบเองหมาดๆมาให้อาร์ตลองชิม
"อร่อยมากครับคุณหนู" อาร์ตพูดตอบทั้งๆที่มีคุกกี้อยู่เต็มปาก
"อาร์ตตตตตตต บอกกี่ทีแล้วอย่าเรียกคุณหนู
ให้เรียกพี่ใบเตยก็พอไง" สาวร้องว่าขึ้นมาทันที
"คะ ... ครับ พี่ใบเตย ... ว่าแต่เรียกใบเตยเฉยๆไม่ได้เหรอครับ"
นายอาร์ตเริ่มต่อรอง
"ไม่ได้ ~~~~~ เธอเด็กกว่าชั้นต้องเรียกชั้นพี่เข้าใจไหม"
ใบเตยทำเสียงสูงใส่
แต่สำหรับอาร์ตมันเป็นเสียงที่น่ารักที่สุดเท่าที่เขาได้ยินมา
สำหรับเขาในตอนนี้ นี่คงเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดแล้ว
การที่อาร์ตเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาเรียน
ทำให้เขาไม่เคยสนใจผู้หญิงที่ไหน แต่การที่เขาได้ใกล้ชิด 'พี่ใบเตย'
ในวันนี้ ทำให้เขาได้เรียนรู้ความสุขอีกรูปแบบหนึ่ง
ความสุขที่เขาเรียกกันว่าความรัก
"กูเห็นมึงกับคุณหนูใบเตยสนิทกัน"
ตาก่ำขี้เมาพูดขึ้นเมื่อเขาเอากลับแกล้มไปส่ง
หน้าแปลกที่วันนี้แกไม่ได้เริ่มประโยค
ด้วยการด่าเมียให้เขาฟังเหมือนทุกวัน
"อยู่ห่างๆคุณหนูเขาไว้ดีกว่า กูขอเตือน"
อาร์ตชักสีหน้าขึ้นมาทันที
เขาเดินจากไปโดยไม่สนใจตำก่ำที่อยู่ข้างหลัง
เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมใครๆก็ต้องขัดขวงความรักเขา
เพราะไม่ใช่ตาก่ำคนแรกที่พูดแบบนี้
คนอื่นที่เห็นความผิดปกติในความสัมพันธ์ของเขา
กับพี่ใบเตยก็จะมาพูดแบบนี้กับเขาทั้งนั้น
"อย่าไปสนใจพวกผู้ใหญ่เลยอาร์ต เขาไม่เข้าใจเราหรอก"
เธอตอบกับเขา แม้เธอจะพยามกลบเกลื่อนน้ำเสียงแค่ไหนแต่เขาก็รับรู้ได้
ถึงความเศร้าใจที่เธอมีไม่แพ้กัน