ท่านเจ้าคุณเอาใจออกห่าง คุณหญิงเอิบเลยต้องพึ่งหมอผี หวังยาเสน่ห์จะเอาผัวรักกลับคืนมา แต่อนิจจา นางได้หมอผีเป็นผัวแทน!!!!
ท่านเจ้าคุณเอาใจออกห่าง คุณหญิงเอิบเลยต้องพึ่งหมอผี หวังยาเสน่ห์จะเอาผัวรักกลับคืนมา แต่อนิจจา นางได้หมอผีเป็นผัวแทน!!!!
ความลับในห้องเล็กๆ..
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป
เช้าวันนั้นอากาศแจ่มใส นางแย้มขอตัวออกจากเรือนเล็กของผู้เป็นนาย เพื่อไปทำธุระส่วนตัว ขณะที่คุณหญิงเอิบยังนอนนิ่งอยู่ในห้องอย่างเหม่อลอย จิตใจยังคงว้าวุ่นถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา แม้จะผ่านคืนอันร้อนแรงกับพ่อหมอไกรเพื่อทำพิธีเสริมเสน่ห์ แต่ความสัมพันธ์กับเจ้าพระยาสุรเดชก็ยังคงแฝงไปด้วยความห่างเหินเช่นเดิม
นางลุกขึ้นแต่งตัวเตรียมพร้อมออกจากเรือนเพื่อตามหาแม่แย้มที่ตอนนี้น่าจะกลับมาแล้ว นางต้องการพูดคุยและปรึกษาเรื่องการใช้ยาเสน่ห์ครั้งต่อไป
แต่สิ่งที่พบกลับทำให้นางต้องหยุดชะงัก
เดินไปถึงเรือนครัว นางได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ดังมาจากห้องเล็กที่อยู่ด้านหลัง นางใจเต้นแรง รู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติ จึงค่อยๆ ย่องเข้าไปอย่างเงียบเชียบ เงาที่ลอดผ่านรอยแยกของประตูทำให้นางต้องกลั้นหายใจ
"ข้าไม่อยากเชื่อว่าจะเจอเรื่องแบบนี้!" เสียงในใจของนางร้องออกมาเมื่อเห็นภาพตรงหน้า
เจ้าพระยาสุรเดชนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ไผ่ ดวงตาเต็มไปด้วยความหฤหรรษ์ ขณะที่แม่แย้มคุกเข่าอยู่ตรงหน้า มือของนางวางบนหน้าตักของเจ้าคุณ พร้อมหัวเราะคิกคักอย่างสนิทสนม
คุณหญิงเอิบกัดริมฝีปากแน่น สายตาของนางเต็มไปด้วยความผิดหวังและความเจ็บปวด นางไม่อยากเชื่อว่าบ่าวที่ไว้ใจมาตลอดจะกล้าทำเรื่องเช่นนี้กับสามีของนาง
ทันใดนั้น เสียงบานประตูถูกผลักอย่างแรง นางก้าวเข้าไปในห้องอย่างไม่เกรงกลัว สายตาของนางจ้องตรงไปยังแม่แย้มด้วยความโกรธเกรี้ยว
"แย้ม! เจ้ากำลังทำอะไร!" เสียงของคุณหญิงเอิบดังจนทั้งสองคนสะดุ้ง
แม่แย้มรีบผละออกจากเจ้าคุณเดชด้วยความตกใจ ใบหน้าซีดเซียวราวกับเห็นผี ขณะที่เจ้าคุณเดชลุกขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แต่ยังคงรักษาท่าทีสงบนิ่ง
"คุณหญิงเอิบ... นี่ไม่ใช่เรื่องของเจ้า..." เจ้าคุณเดชเริ่มพูด แต่ยังไม่ทันจะจบประโยค คุณหญิงเอิบก็ชี้นิ้วไปที่แม่แย้ม
"เจ้าหักหลังข้า! ทำไมถึงกล้าทำเรื่องเช่นนี้ เจ้ารู้ดีว่าข้ารักท่านเจ้าคุณเพียงใด แต่เจ้ากลับทำเรื่องเช่นนี้กับข้า!" น้ำเสียงของนางสั่นสะท้านด้วยความเสียใจและความโกรธ
แม่แย้มก้มหน้าหลบสายตา น้ำตาคลอเบ้าราวกับสำนึกผิด
"คุณหญิง... บ่าวไม่ได้ตั้งใจ บ่าว..."
"หยุด!" คุณหญิงเอิบตัดบท นางหันหลังออกจากห้องทันที น้ำตาไหลอาบแก้มขณะเดินกลับไปยังเรือนของตัวเอง
-------
ยามราตรีเหน็บหนาวดั่งเหมันต์ แม้จะไม่มีลมพัด แต่ความเย็นเยียบกลับโอบล้อมหัวใจของคุณหญิงเอิบจนสั่นสะท้าน นางก้าวเข้าไปในเรือนของตน น้ำตายังคงไหลรินอาบแก้ม ราวกับล้างความเจ็บปวดในอก หากแต่ไม่อาจชำระล้างความขมขื่นที่กัดกร่อนจิตใจ
เสียงฝีเท้าหนักหน่วงดังตามหลังมาไม่ทันไร ประตูเรือนก็ถูกผลักเปิด เจ้าพระยาสุรเดชยืนเด่นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยโทสะ แสงจากตะเกียงน้ำมันสะท้อนดวงตาอันดุดันของเขาจนวาวโรจน์
"เอิบ!" เสียงที่เปล่งออกมานั้นราวกับฟ้าผ่า คุณหญิงเอิบสะดุ้งเฮือก หันกลับไปมองชายที่ครั้งหนึ่งนางเคยคิดว่าเป็นที่พึ่ง แต่บัดนี้เขาเป็นเพียงเงาแห่งฝันร้าย
"ท่านเจ้าคุณ..." นางเอ่ยเสียงแผ่ว แต่ยังไม่ทันที่นางจะกล่าวต่อ มือหยาบของเขาก็คว้าคอนางไว้แน่น บีบจนลมหายใจแทบขาด
"เจ้ามันตัวปัญหา! ข้าอดทนมานานเกินพอแล้ว!" เสียงของเขาดุดัน "เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ถึงได้ทำตัวเช่นนี้ เอาแต่ตามราวีข้าไม่หยุดหย่อน!"
นางพยายามดิ้นรนแต่ไร้ผล ร่างบอบบางของนางมิอาจต่อสู้แรงของชายผู้มีอำนาจ "ปล่อยข้า... ท่านเจ้าคุณ..." นางกระซิบเสียงแผ่ว
"เจ้ามันไม่สมควรแม้แต่มาเป็นเมีียของข้า!" เจ้าพระยาสุรเดชตะโกนลั่น เสียงดังก้องไปทั่วเรือน "ข้าช่วยยกระดับชีวิตเจ้า เจ้ากลับทำตัวไร้ค่าไม่รู้คุณ! รู้หรือไม่ว่าเป็นบุญของเจ้าเพียงใดที่ข้ายอมแต่งงานด้วย!"
คำพูดนั้นเหมือนมีดคมกริบกรีดลงกลางใจของนาง น้ำตาของนางหลั่งไหลไม่หยุด "เหตุใดท่านพูดเช่นนี้..."
เขาแค่นหัวเราะ "เพราะบิดาเจ้ายศต่ำกว่าข้า หากมิใช่เพราะเจ้าเป็นเมียพระราชทาน ข้าจะทนอยู่กับเจ้ามาจนถึงทุกวันนี้หรือ!"
น้ำตาแห่งความอดสูท่วมท้นดวงหน้า นางมองเขาด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความเจ็บปวด
"ข้าหวังว่าพี่ชายเจ้าจะได้ตำแหน่งใหญ่โต หากรู้ว่าตระกูลเจ้าจะพังพินาศเช่นนี้ ข้าคงไม่ยอมยกเจ้าเป็นภรรยาเอกดอก!"
เมื่อสิ้นคำ เจ้าพระยาสุรเดชผลักนางจนล้มลงไปนอนกองกับพื้น ร่างของนางสั่นสะท้าน หัวใจของนางราวกับถูกบดขยี้จนแทบแหลกสลาย
แต่แล้วนางเงยหน้าขึ้น น้ำตายังไหลริน แต่แววตากลับเปล่งประกายความเด็ดเดี่ยว
"ทำร้ายเมียพระราชทานที่กษัตริย์ทรงมอบให้ ท่านรู้หรือไม่ว่ามีความผิดเช่นไร?"
คำพูดของนางทำให้เขาหยุดนิ่งไปชั่วขณะ
"แต่ก่อนท่านดีกับข้าเหลือเกิน นั่นคือการเสแสร้งดอกหรือ" นางกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เจ้าคุณเดชเบือนหน้าหนีไม่ตอบคำ แววตาของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เพียงครู่เดียวเขาก็กลับมาเป็นคนเดิม
"เจ้ามันปากเก่งนัก! อย่าอ้างชื่อผู้อื่นมาเป็นเกราะกำบังของเจ้าเลย!" เขาตวาด ก่อนจะเดินหุนหันออกจากเรือน ทิ้งให้นางนั่งคู้ตัวอยู่เพียงลำพัง
เสียงฝีเท้าของเจ้าพระยาสุรเดชค่อยๆ จางหายไปในความมืด แต่เสียงสะอื้นของคุณหญิงเอิบกลับดังขึ้นแทนที่ ร่างของนางทรุดอยู่บนพื้นด้วยความสิ้นหวัง แต่ลึกลงไปในดวงตาที่เปียกชุ่มด้วยน้ำตานั้นมีประกายของความแค้นอันเร้นลับ
"ข้าจะไม่ยอมให้อีกต่อไป..." นางกระซิบเบาๆ กับตัวเอง พร้อมกับกุมมือแน่น ราวกับปณิธานใหม่กำลังถูกจุดประกายขึ้นในใจ....