เมื่อหูชื่อเหวินลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นปี1970แล้วเธอกลับมาเกิดใหม่เป็นรูมเมทของแม่ ความตั้งใจในครั้งนี้มีเพียงอย่างเดียวคือเธอจะหาสามีใหม่ให้แม่เอง ส่วนพ่อที่ไม่เอาไหนนะเหรอ เตะเขาไปให้ไกลๆเลย!!
เมื่อหูชื่อเหวินลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นปี1970แล้วเธอกลับมาเกิดใหม่เป็นรูมเมทของแม่ ความตั้งใจในครั้งนี้มีเพียงอย่างเดียวคือเธอจะหาสามีใหม่ให้แม่เอง ส่วนพ่อที่ไม่เอาไหนนะเหรอ เตะเขาไปให้ไกลๆเลย!!
“ก็บอกแล้วไงว่าว่างๆ ฉันชอบทำตัวเป็นแม่สื่อ!”
หลังจากพูดจบเธอก็มองหลี่หยงฟางด้วยท่าทางเย็นชาเพื่อสื่อความหมายเป็นทำนองว่า
“ฉันคิดว่าพูดไปเธอต้องไม่เชื่อ” แปะอยู่บนหน้า
“ถ้าจะให้พูดตามตรงก็คือฉันกับจางหมิงเยี่ยนเป็นเพื่อนกัน เธอก็รู้ใช่ไหมว่าเขาชอบไล่ตามเธอ แต่ว่าจางหมิงเยี่ยนไม่ชอบเขา เธออึดอัดใจมาก เธอไม่ใช่คนช่างพูดด้วยนี่สิ! ส่วนเธอ… ไม่รู้สิ ฉันคิดว่าแทนที่จะไปไล่ตามหูเต๋อหลินสู้ทำให้เขาเปลี่ยนเป้าหมายจะดีกว่า เธอคิดแบบนั้นไหมล่ะ?”
หูชื่อเหวินสังเกตท่าทางของหลี่หยงฟางขณะที่พูด เธอค่อนข้างผ่อนคลายและเริ่มครุ่นคิด
“แต่ฉันก็จะหาคนแบบสุ่มๆ ไม่ได้ คนนั้นจะต้องมีความเหมาะสมกับเขา ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ประสบความสำเร็จในการจับคู่ ใช่ไหมล่ะ?”
“งะ…งั้นเหรอ เธอหมายความว่าฉันเหมาะกับหูเต๋อหลินใช่ไหม?”
หลี่หยงฟางมองไปที่หูชื่อเหวินอย่างไม่เชื่อ แต่ในดวงตากับมีประกายความสุขวาบผ่าน
“ถูกต้อง! ฉันมองหายุวชนหลายคนในสวนและแอบสังเกตผู้หญิงที่ชอบอยู่รอบตัวเขาในบางครั้ง ฉันคิดว่าเธอนี่แหละตัวเลือกที่ใช่สำหรับเขา! เธอไม่ใช่คนเสแสร้งแล้วก็ไม่ได้ไร้สาระเหมือนคนอื่น มีนิสัยร่าเริง ใจดีหน้าตาดีกว่าผู้หญิงพวกนั้นตั้งเยอะ!”
หูชื่อเหวินยังคงผายลมเป็นสีรุ้ง ใครบ้างจะไม่ชอบคำชมที่ไม่ต้องเสียเงินแบบนี้? อย่างไรก็ตามเธอไม่มีอะไรจะเสีย ตอนนี้เธอเตรียมพ่นคำเยินยอออกไป ไม่ว่าเขาจะเป็นพ่อของเธอชาติที่แล้วหรือไม่! เขาก็เป็นผู้อาวุโสของเธอ!
“เธอพูดจริงหรือ?” หลี่หยงฟางก้มหน้าแดงก่ำอย่างเขินอาย แต่ในใจเธอมีความสุขมาก ไม่รู้เลยว่าหูชื่อเหวินจะเกลี้ยกล่อมได้เก่งขนาดนี้
“จริงสิ! ถ้าไม่ใช่แล้วฉันจะเลือกเธอทำไม? ในการทำหน้าที่เป็นแม่สื่อ ฉันจะต้องหาคู่ที่ดีและเหมาะสมกัน ไม่เช่นนั้นจะถือว่าเป็นความผิดมหันต์เชียวนะ”
“จริงสินะ!”
หลี่หยงฟางลดความระมัดระวังตัวเองลงอย่างสิ้นเชิง
“ก่อนอื่นเธอต้องบอกฉันก่อนว่าทำไมถึงชอบหูเต๋อหลิน ถ้าบอกไม่ได้หรือแค่เรื่องบังเอิญฉันจะไม่ช่วยเธอ!”
เธอมีความรับผิดชอบพอที่จะช่วยพ่อและแม่ให้มีความสุขตลอดชีวิต ดังนั้นนี่คือสิ่งที่ควรถาม
“คือ… จริงๆ แล้วฉันแอบชอบเขามาตั้งแต่เด็กเพราะว่าเราเป็นเพื่อนบ้านกัน อยู่ตรงข้ามกัน..แบบนี้…”
หูชื่อเหวินไม่รู้มาก่อนเพราะพอพ่อและแม่แต่งงานกันก็แยกบ้านจากคุณปู่ คุณย่าของเธอเสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ ปู่ก็แต่งงานใหม่ทำให้พ่อมีแม่เลี้ยงตั้งแต่ยังเด็ก แต่ก็ได้มีโอกาสไปเยี่ยมคุณปู่อยู่บ้าง
หลังจากพ่อแม่หย่าร้างกันไม่นาน ตอนเธออายุ 12ปี ปู่ก็เสียชีวิต ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่ได้ไปบ้านของปู่อีก จึงไม่รู้จักเพื่อนบ้านของปู่เลย
“แม่ของพี่เต๋อหลินเสียชีวิตเร็ว น้องชายของเขาก็เสียชีวิตหลังจากที่เกิดมาไม่นาน ลุงหูต้องดูแลลูกสี่คนในฐานะผู้นำของครอบครัว สุดท้ายเขาก็ไม่มีทางเลือกจนต้องแต่งงานกับป้าหูคนปัจจุบัน เธอไม่สนใจเด็กๆ เลยด้วยซ้ำ ทั้งยังพาลูกชายอีกสี่คนติดมาด้วยตอนแต่งงาน ลุงหูเลยต้องเลี้ยงครอบครัวใหญ่ด้วยตัวคนเดียว วันๆ หนึ่งเขายุ่งมาก พี่สาวต้าเยี่ยนเป็นทั้งพ่อและแม่ตั้งแต่เธออายุได้สิบขวบ เธอดูแลพี่สาวหง น้องชายคนเล็กและพี่เต๋อหลิน”
หูชื่อเหวินรู้ว่าหลี่หยงฟางหมายถึงใคร พี่สาวเยี่ยนคือป้าใหญ่ของเธอในชาติก่อน ส่วนพี่สาวหงเป็นป้าคนรองของเธอและน้องชายของเธอก็คือคุณลุง
“พี่น้องสี่คนนี้ดูแลกันดีมาก แต่ลูกๆ ข้างบ้านมักจะรังแกเพราะไม่มีแม่และพ่อก็ไม่ได้ดูแล แม่เลี้ยงก็ไม่ใส่ใจ พี่สาวต้าเยี่ยนจึงเป็นเหมือนผู้พิทักษ์ของพี่น้องทั้งหลาย เธอเป็นแม่ตัวแสบที่มีชื่อเสียงโด่งดังในซอย ไม่มีใครกล้ายุ่งกับลูกสาวคนโตของตระกูลผู้เฒ่าหู ทั้งไม่กล้ายั่วยุลูกคนไหนในตระกูลนี้ ว่ากันว่าถ้าทำตัวไม่ดีใส่ คนนั้นเตรียมรับมือกับพี่ต้าเยี่ยนมาอาละวาดที่หน้าประตูบ้านได้เลย”
หูชื่อเหวินหัวเราะนี่คือสไตล์ของป้าฉันจริงๆ ในตอนนั้นป้าของฉันเก่งมาก เธอเลี้ยงพ่อและน้องๆ มา ทุกคนจึงให้ความเคารพและนับถือเธอเสมอ
“ต่อมาพี่สาวต้าเยี่ยนต้องไปทำงาน พี่เต๋อหลินก็โตขึ้นแล้ว ตอนนี้ก็ไม่มีใครกล้ามายุ่งเกี่ยวเช่นกัน พี่เต๋อหลินจึงรับช่วงต่อจากพี่สาวคอยปกป้องพี่น้องของตัวเอง พี่หงเป็นคนขี้ขลาดส่วนน้องชายของเขาก็เก็บตัว ถ้าหากใครมารังแกพี่เต๋อหลินก็จะเริ่มสร้างปัญหาให้กับทั้งครอบครัวในสองสามวัน
ไม่ว่าจะเป็นการโยนแมวหรือหนูตายเข้าบ้านกลางดึก ทุบกระจกขู่กลางดึก หรือไม่ก็ตีฆ้องตีกลองเสียงดังให้ตื่นทั้งบ้าน
หลังจากนั้นไม่นานพี่เต๋อหลินก็เป็นเหมือนหัวโจกของเด็กๆ แถวนั้น ทั้งเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงต่างพากันติดตามเชื่อฟังเขา ถึงฉันยังเป็นเด็กแต่ก็เต็มใจติดตามพี่เต๋อหลินเช่นกัน เขามักจะขับรถพาฉันกลับบ้านโดยบอกว่าเป็นเพราะฉันเป็นเด็กผู้หญิงเรียนหนังสือไม่เก่ง ฉันจึงวุ่นวายอยู่รอบๆ ตัวเขา ฮิฮิ แต่ไม่รู้สิ… ตอนนั้นฉันชอบไปยืนรอพี่เต๋อหลินเลิกเรียนแล้วก็ไปวิ่งเล่นกับเขา ฉันชอบแกล้งหกล้มเพื่อให้พี่เต๋อหลินจับฉันให้ลุกขึ้นแล้วพากันวิ่ง”
หูชื่อเหวินไม่นึกเลยว่าพ่อจะมีแฟนคลับมากมายตั้งแต่ยังเด็ก โดยเฉพาะผู้หญิงคนนี้ที่ชื่นชมเขามาตลอด สายตาของพ่อจะต้องแย่ขนาดไหน? ทำไมไม่เห็นความดีงามของหญิงสาวคนนี้เลยแม้แต่น้อย
“แต่พอฉันโตขึ้น พี่เต๋อหลินก็ไม่ชอบเล่นกับฉันอีกต่อไป เขาว่าฉันชอบทำเสียงเอะอะโวยวายแล้วก็หลบหน้าฉัน…” เมื่อหลี่หยงฟางพูดสิ่งนี้ดวงตาของเธอก็กลายเป็นสีแดง
หูชื่อเหวินตบมือของเธอเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ
“เธอไม่รู้หรอกว่าตอนเด็กๆ ฉันชอบพี่เต๋อหลินมากขนาดไหน เขาเขียนหนังสือได้อ่านหนังสือเยอะ ฉันรู้ว่าภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ไม่มีอะไรที่เขาไม่เข้าใจ เวลาฟังเขาเล่าเรื่อง ‘The Romance’ ‘สามก๊ก’ และ ‘ฉุยหู่จ้วน’ เขาพูดเก่งมาก ดีกว่านักเล่าเรื่องพวกนั้นเสียอีก!”
เดี๋ยวก่อน! แม่หนู…สายตาเธอพร่ามัวหรือไง? เขาพูดภาษาท้องถิ่นได้เท่านั้น หากเขาเก่งกว่านักเล่าเรื่องก็ไปเป็นนักเล่าเรื่องแล้วสิ? แต่อย่างว่าสมัยนั้นไม่มีความบันเทิง ไม่มีทีวี มีเพียงวิทยุดังนั้นการฟังนิทานของพ่อทุกวันอาจจะคล้ายการฟังวิทยุ อืม… ก็คงจะน่าสนใจกว่าฟังวิทยุก็เป็นได้
“พี่เต๋อหลินมีหนังสือเยอะมาก เขามักจะทะเลาะกับพี่สาวต้าเยี่ยนเพราะเขาชอบสะสมหนังสือ เขามักจะใช้ไหวพริบหลอกครอบครัวให้ซื้อหนังสือให้ถ้ามีเงินเหลือ ต่อมาพี่สาวต้าเยี่ยนรู้เข้าเธอแทบจะเผาหนังสือพวกนั้นให้ไหม้เป็นเถ้าถ่าน แต่สุดท้ายแม่ของฉันก็ขอร้องเธอเอาไว้
ตอนนั้นพี่เต๋อหลินช่วยพี่ชาย หรือไม่ก็ช่วยคนอื่นทำโน่นทำนี่ โดยมีรางวัลคือหนังสือ นอกจากนี้เขายังเป็นผู้นำในกลุ่มของยุวชนแดง แต่เขาไม่เคยทำร้ายคนดีๆ เขาแค่ปกป้องครอบครัวของตัวเอง เพราะมีแค่ผู้ที่สวมปลอกแขนสีแดงเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์มีเสียง
ต่อมาเขารู้ว่าครูของเขามีหนังสือโบราณอยู่เล่มหนึ่ง เขาพยายามขอยืมแต่ครูก็ไม่ยอมตกลง สุดท้ายเขาก็เล่นตลกกับครูคนนั้นบังคับให้เขายอมยืมหนังสืออ่านจนได้”