เมื่อหูชื่อเหวินลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นปี1970แล้วเธอกลับมาเกิดใหม่เป็นรูมเมทของแม่ ความตั้งใจในครั้งนี้มีเพียงอย่างเดียวคือเธอจะหาสามีใหม่ให้แม่เอง ส่วนพ่อที่ไม่เอาไหนนะเหรอ เตะเขาไปให้ไกลๆเลย!!
เมื่อหูชื่อเหวินลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นปี1970แล้วเธอกลับมาเกิดใหม่เป็นรูมเมทของแม่ ความตั้งใจในครั้งนี้มีเพียงอย่างเดียวคือเธอจะหาสามีใหม่ให้แม่เอง ส่วนพ่อที่ไม่เอาไหนนะเหรอ เตะเขาไปให้ไกลๆเลย!!
หูชื่อเหวินรู้สึกว่าการทำงานอย่างหนักหลายวันที่ผ่านมาล้มเหลวมาก นอกจากจะไม่ได้รับอะไรเลยยังทำให้ผิดหวังอีกด้วย
สำหรับยุวชนหญิงที่หาให้พ่อของเธอ เธอยังคงคิดว่าหลี่หยงฟางเหมาะสมที่สุด
ส่วนของแม่เธอนั้นยังไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ มีคนเข้าตาอยู่ 2-3 คนแต่ก็ไม่เหมาะกับแม่หรือไม่ก็พวกเขาดันชอบเธอแทน
ไม่รู้ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับแม่และหยินเหวินกั๋วกันแน่ ช่วงนี้หูชื่อเหวินเลยไม่ได้ถามจางหมิงเยี่ยน เกี่ยวกับชายผู้นั้นอีกเลย แม่มีแต่ความรู้สึกดีๆ ต่อเขา แต่เขากลับมีสายตาไร้ซึ่งความรักเมื่อมองแม่จนเธอยังสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน สายตาเหมือนกับที่เขาใช้มองยุวชนคนอื่นๆ ที่ไม่สำคัญ
การที่เขาเอาแต่ย้ำว่าอย่ายุ่งเรื่องความรักของคนอื่นนั่นอาจจะหมายความว่าเขาไม่ได้ชอบแม่หรือไม่ก็ไม่ได้ชอบเธอมากมายนักก็เป็นได้
แต่เธออยากให้แม่ได้มีโอกาสทำความรู้จักผู้ชายคนอื่นๆ ก่อนเพื่อให้แม่ได้เห็นข้อดีข้อเสียของแต่ละคน จะได้ไม่เอาตัวเองไปแขวนไว้บนต้นไม้ต้นเดิมตลอดเวลา เผื่อจะมีโอกาสเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง
หูชื่อเหวินคิดเปรียบเทียบจากการแต่งงานของตัวเอง
แน่นอนว่าถ้าแม่สามารถละลายก้อนน้ำแข็งเดินได้อย่างหยินเหวินกั๋วแล้ว เขาจะเป็นคู่ครองที่ดีของแม่ได้ อย่างไม่น่ากังขา
ถ้าเขามีความรู้สึกต่อแม่ของเธอจริงๆ การที่แม่คุยกับผู้ชายคนอื่นมากขึ้น เขาอาจรู้สึกเหมือนมีเข็มนับพันเล่มทิ่มแทงใส่ตัวเขา เขาอาจจะตระหนกแล้วได้คิดว่า ควรหยุดทำตัวปากไม่ตรงกับใจแล้วทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแม่เธอจริงจังมากขึ้น
หลังอาหารเย็นจางหมิงเยี่ยนก็ไปซ้อมเพราะจะมีการแสดงในอีกสองสามข้างหน้า
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าหูลี่อิงหยุดมีส่วนร่วมในการแสดงเพราะโกรธที่เปลี่ยนนักร้องนำ เธอก็จะมีการแสดงเดี่ยวหรือไม่ก็เต้นทุกครั้งที่มีงานสังสรรค์
ดีแล้วที่เป็นแบบนั้นเธอรู้สึกโล่งใจมาก การร้องเพลงเดี่ยวค่อนข้างง่ายแต่การเต้นรำนั้นยากเธอกลัวว่าเธอจะกลายเป็นนักเต้นไม่สมประกอบ ตั้งแต่เด็กแม่ของเธอส่งไปโรงเรียนยุวชนเพื่อเรียนเต้นเป็นเวลาหนึ่งเดือน แต่เธอกลับไม่ได้สนใจที่จะเต้นรำเอาแต่ยืนนิ่ง
จะให้ขึ้นเวทีไปเปิดเผยความลับของตัวเองรึไง?
หูชื่อเหวินไม่อยากอยู่ที่หอ จึงได้ไปซ้อมการแสดงกับจางหมิงเยี่ยน
ยุวชนส่วนใหญ่ที่มีพรสวรรค์ในการร้องเพลงและเต้นรำมักจะมีบุคลิกที่ร่าเริง
หูชื่อเหวินเจอต้นไม้ขนาดใหญ่จึงนั่งพักบริเวณโคนต้น สายตาก็กวาดมองหาเป้าหมายไปเรื่อย
ทันใดนั้นก็ถูกดึงดูดด้วยเสียงหัวเราะและเสียงเอะอะของผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง
เธอมองผ่านฝูงชนจำนวนมากไป เดี๋ยวก่อน… นั้นพ่อของเธอนี่!หูเต๋อหลิน!
หูชื่อเหวินเห็นพ่อกำลังถือซอเอ้อร์หูไว้ในมือขณะนั่งบนเก้าอี้ พูดคุยกับคนอื่นอย่างมีความสุขระหว่างการเล่น ทำให้หญิงสาวที่อยู่รอบๆ ปรบมือและหัวเราะด้วยความประหลาดใจ
เฮ้อ… พ่อของเธอนี่ช่างเป็นตัวดึงดูดผู้หญิงจริงๆ
เธอรู้อยู่แล้วว่าพ่อเป็นคนมีความสามารถมากมายตั้งแต่ยังเด็ก เขาสามารถเล่นซอเอ้อร์หู , หีบเพลง , ขลุ่ย และฮาโมนิก้าได้ ตอนเด็กเธอก็ได้เรียนวิธีเล่นฮาโมนิก้ามาจากเขา
แต่เธอไม่เคยได้ยินพ่อเล่นซอเอ้อร์หูมาก่อน เพราะได้ยินมาว่าที่บ้านเคยมีเอ้อร์หูแต่ว่ามันหักพังไปตอนที่พ่อกับแม่ทะเลาะกัน
เมื่อเห็นพ่อนั่งร้องเพลงและเล่นดนตรีด้วยความมั่นใจก็ทำให้นึกถึงผู้หญิงคนนั้นหลี่หยงฟาง ในเวลานี้เธอควรจะอยู่ใกล้ๆ พ่อไม่ใช่หรือ?
เมื่อมองไปรอบๆ ก็พบเธอเข้าพอดี!
หลี่หยงฟางกำลังแอบอยู่หลังต้นไม้ด้วยใบหน้าบึ้งตึง
เธอจึงเดินย่องเข้าไปอย่างเงียบๆ ได้ยินเสียงหลี่หยงฟางพึมพำจากตรงนั้น
“ให้ตายเถอะ! หูเต๋อหลินคนพวกนั้นตาบอดหรือไง? ทำไมชอบมายุ่งกับเขากันนักนะ! ฉันเกลียดพวกเธอ!”
ขณะที่พูดหลี่หยงฟางก็ถอนหญ้าเล็กๆ ที่ขึ้นตรงพื้นดินอย่างเกรี้ยวกราด
อ๊ะ! เสียงนี้เต็มไปด้วยความหึงหวง ไหน้ำส้มหกส่งกลิ่นเปรี้ยวโฉบไปไกลหลายไมล์
หูชื่อเหวินย่องไปด้านหลังต้นไม้ตบไหล่หลี่หยงฟาง
“นี่สหาย!”
“ว้าย!”
หลี่หยงฟางสะดุ้งโหยงปล่อยหญ้าในกำมือ เธอกำลังใจจดจ่ออยู่กับการคร่ำครวญ การจู่โจมกะทันหันจึงสร้างความตกใจให้กับเธอเป็นอย่างมาก
“ใครนะ! อยากตายใช่ไหม!”
โห! แม่พริกขี้หนู! หูชื่อเหวินยิ้มพยายามทำเสียงให้เป็นมิตร
“เธอคือหลี่หยงฟางใช่ไหม?”
“มีอะไร?” หลี่หยงฟางกระชากเสียง เธอจำยุวชนหญิงตรงหน้าได้ เธอคนนี้เป็นหนึ่งในสองดอกไม้งามของไร่เซิ่งหยางทั้งยังโด่งดังในงานสังสรรค์ทุกงาน มีเพียงไม่กี่คนที่ไม่รู้จักเธอ แต่เธอมายุ่งอะไรด้วย?
“เธอชอบหูเต๋อหลินใช่ไหม?” แม้ว่าหูชื่อเหวินจะถาม แต่ด้วยน้ำเสียงบอกได้ว่าเธอรู้อยู่เพียงแค่อยากได้ความแน่ชัดเท่านั้น
“ใครจะชอบใคร แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ? "
ขณะที่หลี่หยงฟางก้มหน้าลงด้วยความอายก็จำบางอย่างขึ้นมาได้ ดวงตาของเธอเบิกกว้างถามหูชื่อเหวินด้วยความโกรธ
“ฮ่าฮ่า!” เมื่อเห็นภาพลักษณ์ของหลี่หยงฟาง หูชื่อเหวินก็คิดว่าท่าทางแบบนี้ดูน่ารักเกินไปสักหน่อย เธอจึงสำรวจหญิงสาวด้วยการมองขึ้นและลง
หลี่หยงฟางสูงประมาณ 163 ซึ่งพอดีกับพ่อที่สูง 175 ร่างกายอวบอิ่ม ใบหน้ากลมเล็กเหมือนผลแอปเปิลสีแดง ให้ความรู้สึกอยากกัดกิน ดวงตาคู่นี้ก็กลมโตเต็มไปด้วยประกาย
ริมฝีปากค่อนข้างบางแต่มีรูปทรงที่สวยงามดูเป็นคนพูดเก่ง
ผิวอาจจะคล้ำไปสักหน่อย แต่โดยส่วนใหญ่พวกเขาทำงานกลางแจ้งก็จะผิวคล้ำจากการตากแดดตลอดทั้งปี รวมไปถึงพ่อแม่ของเธอที่แต่เดิมมีผิวขาว
ใช่! พ่อของเธอก็ผิวขาวเช่นกัน ชาติก่อนตอนเด็กๆ เธอจึงขาวมาก มีแต่คนบอกว่าเธอเหมือนตุ๊กตากระเบื้องกันทั้งนั้น
รูปร่างหน้าตาค่อนข้างดีและนิสัยใจคอก็เหมาะสม ยิ่งหูชื่อเหวินมองมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกพอใจมากขึ้น
“เธอคิดจะทำอะไร?”
หลี่หยงฟางถูกหูชื่อเหวินมองอย่างไม่เป็นธรรมชาติ เธอรู้ว่าเธอไม่ได้หน้าตาดูแย่มากนัก
ในไร่มียุวชนชายแอบชอบเธออยู่บ้าง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มียุวชนหญิงมองเธออย่างโจ่งแจ้ง
“ก็แค่ถามเท่านั้น ว่างๆ ฉันชอบเป็นแม่สื่อให้คนอื่น เลยมีความคิดที่จะทำให้หูเต๋อหลินสนใจเธอขึ้นมา ถ้าเธอต้องการฉันจะสอนวิธีให้แต่ถ้าไม่เอา ฉันจะไปหาผู้หญิงคนนั้น เพราะดูเหมือนเธอจะชอบหูเต๋อหลินอยู่เหมือนกัน?” หูชื่อเหวินรู้สึกว่าตัวเองกำลังเป็นหมาป่าหางใหญ่ที่พยายามล่อลวงเหยื่อซึ่งเป็นกระต่ายขาวตัวเล็ก
ชาติก่อนเธออายุสี่สิบย่อมรับมือกับผู้หญิงธรรมดาที่อายุยี่สิบต้นๆ ในยุคนี้ได้สบายอยู่แล้ว
เธอไม่รู้หรอกว่าใครเป็นใคร ก็แค่พูดแล้วชี้ไปมั่วๆ เพื่อยั่วยุหลี่หยงฟางเท่านั้น
“ฉันไม่อนุญาตให้เธอช่วยจ้าวหยวนหยวน!”
อะไรนะ? ใครคือจ้าวหยวนหยวน พ่อดูเหมือนจะมีคนสนใจเยอะจริงๆ แต่ทำไมถึงไม่ตอบรับใครสักคน? เพราะว่าความสวยของแม่งั้นหรือ?
“ถ้าอย่างนั้นเธออยากรู้ไหมว่าจะทำให้หูเต๋อหลินสนใจเธอด้วยวิธีไหน?”
หูชื่อเหวินยังคงเกลี้ยกล่อมต่อไป
“ทำไมเธออยากช่วยฉัน?”
หลี่หยงฟางไม่ใช่คนโง่ คนที่ไม่คุยกับใครมาก่อนอยู่ๆ ก็โผล่มาพูดว่าต้องการจะช่วยไม่มีทางที่คนแบบนี้บอกว่าไม่มีจุดประสงค์เลยใครจะไปเชื่อ!