หลังจากสรุปเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ซูฮั่นหยวนก็ฉีกบทออกเป็นชิ้น ๆ ไม่มีทางที่เธอจะกลายมาเป็นแค่ตัวละครเสริม! เธอไม่เคยเป็นคนขี้ขลาด! เพื่อจัดการกับคนใจร้ายเหล่านี้ เธอจะปล่อยให้พวกเขาทำตามใจไม่ได้! มีสามคำสำหรับขยะพวกนี้คือ ‘ไปตายซะ!’
หลังจากสรุปเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ซูฮั่นหยวนก็ฉีกบทออกเป็นชิ้น ๆ ไม่มีทางที่เธอจะกลายมาเป็นแค่ตัวละครเสริม! เธอไม่เคยเป็นคนขี้ขลาด! เพื่อจัดการกับคนใจร้ายเหล่านี้ เธอจะปล่อยให้พวกเขาทำตามใจไม่ได้! มีสามคำสำหรับขยะพวกนี้คือ ‘ไปตายซะ!’
“เดี๋ยวก่อน!” ซูฮั่นหยวนเรียกทั้งสองคนไว้ “ในเมื่อเราต้องเตรียมงานเลี้ยง พวกเรามาพูดคุยเรื่องนี้ด้วยกันดีไหม? ช่วยตัดสินใจเกี่ยวกับธีมของงานกันดีกว่า เวทีจะเป็นแบบไหน? ต้องมีการแสดงกี่ชุด”
“เธอไม่ต้องห่วงเรื่องพวกนี้หรอก” หลินชิงอี้ขัดจังหวะเธอด้วยรอยยิ้ม “ปกติเธอก็ไม่ค่อยพูดและสื่อสารกับคนอื่นได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ฉันไม่รู้ว่าเธอจะสามารถสอบถามความเห็นจากแผนกอื่นได้หรือเปล่า ฉันว่าเธอทำรายงานกระดานดำดีกว่านะ”
ซูฮั่นหยวนพูดไม่ออก
จากความทรงจำของเจ้าของเดิม หลินชิงอี้มักจะไม่เป็นมิตรกับเธอมาโดยตลอด หากมีงานใดในแผนกประชาสัมพันธ์ที่จะทำให้หล่อนโดดเด่นหล่อนจะขันอาสาทำเองตลอด ส่วนพวกงานการทำรายงานบนกระดานดำภายใต้แสงแดดอันเจิดจ้าจะถูกผลักดันไปที่เธอซูฮั่นหยวน
ทุกครั้งที่รายงานกระดานดำเสร็จ หลินชิงอี้จะคอยหาข้อแก้ต่าง ๆ และสั่งให้เจ้าของร่างเดิมแก้ไขซ้ำแล้วซ้ำเล่า ท้ายที่สุดก็แย่งเอาผลงานเป็นของตัวเอง
รังแกกันเกินไปแล้ว!
“ฉันว่าไม่ดี” เธอโต้แย้งอย่างตรงไปตรงมา “มีกระดานดำทั้งหมดสี่กระดานในโรงงาน หนึ่งอันที่ทางเข้า สองอันในโรงงาน และอีกอันในห้องนั่งเล่น ฉันไม่สามารถจัดการทั้งหมดได้ด้วยตัวเองหรอกนะ”
“การเตรียมงานเลี้ยงก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากเช่นกัน! ทำไมเธอถึงจู้จี้จุกจิกในเวลาแบบนี้นะ งานก็ต้องแบ่งกันทำสิ จริงไหม? รายงานกระดานดำไม่ได้ยุ่งยากขนาดนั้น ไม่จำเป็นต้องให้ทุกคนทำ แค่เธอคนเดียวก็พอแล้ว!” หลินชิงอี้มักฉวยผลประโยชน์เล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ทุกครั้งที่มีโอกาส
“เข้าใจแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเราก็ระดมความคิดช่วยกันแล้วกัน!”
“เธอหมายถึงอะไร ระดมความคิดช่วยกันอะไร? ไปทำรายงานกระดานดำของเธอก็พอแล้ว!”
“ใช่แล้วฮั่นหยวน เธอเก่งเรื่องนี้ออก ไปทำรายงานกระดานดำเถอะ” เจียงกัวเข้าข้างหลินชิงอี้อย่างเป็นธรรมชาติ
“จะบ้าเหรอ ข้างนอกหนาวจะตาย หิมะก็ตกด้วย ถ้าฉันทำคนเดียวฉันก็ต้องยืนข้างนอกทั้งวันน่ะสิ ส่วนพวกเธอสองคนก็หมกตัวอยู่ในห้องอบอุ่นขณะช่วยกันวางแผนงานเลี้ยง ในเมื่อไม่มีใครอยากทำรายงานกระดานดำ ฉันจะบอกหัวหน้าโดยตรงว่าพวกเธอดูถูกงานนี้ กลัวจะสกปรก เหนื่อย และหนาว!” ในเมื่อหน้าด้านไร้ยางอายกันนัก เธอก็แค่ฉีกชั้นหนังหน้าเสแสร้งของพวกเขาออกซะ ซูฮั่นหยวนหยิบสมุดบันทึกขึ้นมาแล้วเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว
ในช่วงใกล้สิ้นปี หลินชิงอี้ต้องการชิงดีชิงเด่นเพื่อชิงตำแหน่งพนักงานดีเด่นแห่งปี หากเรื่องร้องเรียนนี้แพร่ออก เธอจบเห่แล้ว!
หลิงชิงอี้ตกตะลึงและถามว่า “ผู้หญิงคนนั้นพูดว่าอะไรนะ?”
“เธอบอกว่าเธอจะฟ้องหัวหน้า!” เจียงกัวกลืนน้ำลาย “เธอกล้าขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“หยุดเธอเร็วเข้า! จะปล่อยเธอไปไม่ได้!” หลินชิงอี้รีบวิ่งออกไป ใกล้จะสิ้นปีแล้ว การคัดเลือกก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้น เธอไม่สามารถปล่อยให้ซูฮั่นหยวนทำลายแผนการของเธอได้
ซูฮั่นหยวนยังเดินไปได้ไม่ไกล หลินชิงอี้จึงวิ่งตามทันและพูดว่า “ฮั่นหยวน ไม่เอาน่า เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เอง พวกเราช่วยกันทำรายงานกระดำดีไหม”
“การแบ่งงานต้องชัดเจน!” ซูฮั่นหยวนเลิกคิ้วยียวน
“ก็ได้ ก็ได้ ก็ได้! ฉันฟังเธอ” หลินชิงอี้แค้นใจเหลือจะกล่าว “พวกเราไปรวบรวมรายการและเอกสารก่อนแล้วค่อยหารือกันเกี่ยวกับรายงานกระดานดำตอนที่เรากลับมา”
“เอาแบบที่เธอพูดแล้วกัน” ซูฮั่นหยวนเห็นด้วย
ทั้งสามเพิ่งเสร็จสิ้นการพูดคุยเรื่องนี้เมื่อหัวหน้าหนิ่วหงเซี่ยกลับมา
หลินชิงอี้ดีใจที่ปฏิกิริยาตอบสนองของเธอรวดเร็ว มิฉะนั้นหากหัวหน้าเห็นคงเป็นหายนะแน่
“ซูฮั่นหยวน” หนิ่วหงเซี่ยกวักมือให้ตามไป เมื่อทั้งสองมาถึงมุมที่เงียบสงบ หัวหน้าหนิ่วก็กล่าวว่า “พี่ชายของเธอมาที่โรงงานเพื่อตามหาเธอ เขาบอกว่าพ่อของเธอเข้าโรงพยาบาล เขาบอกให้เธอรีบไป”