เธอไม่ได้รักเขา แต่หลังจากรู้ว่าผู้หญิงที่เขากำลังจะแต่งงานด้วยนั้นเป็นศัตรูคู่แค้น เธอจึงตัดสินใจเข้าหาเขา ทำให้เขาสับสน มึนงง พัวพันเขาด้วยวิธีต่างๆ นานา
เธอไม่ได้รักเขา แต่หลังจากรู้ว่าผู้หญิงที่เขากำลังจะแต่งงานด้วยนั้นเป็นศัตรูคู่แค้น เธอจึงตัดสินใจเข้าหาเขา ทำให้เขาสับสน มึนงง พัวพันเขาด้วยวิธีต่างๆ นานา
"ฮัลโหล ชิงชิง"
"ตายยากจริงนะ" จ้าวชิงพูดอย่างร่าเริง "บังเอิญจัง ฉันว่าตอนเที่ยงจะโทรหาเธอ ไม่คิดว่าเธอจะโทรหาฉันก่อน”
"อืม" ไป๋เซินเซินคุยกับจ้าวชิงสองสามคำก่อนพุ่งตรงเข้าประเด็น "ชิงชิง ฉันอยากถามว่าเธอเคยได้ยินชื่อเว่ยเหลียนเหิงบ้างไหม"
“ทำไมจะไม่เคยได้ยิน เขาเป็นประธานบริษัทของฉันเอง แต่ว่าฉันไม่ค่อยได้เจอเขาหรอก ทำงานมาสองสามปี เคยเจอเขาแค่ไม่กี่ครั้งเอง”
“อ้อ”
“ทำไมจู่ๆ ถามถึงประธานบริษัทของฉันล่ะ มีอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันเพิ่งเห็นรูปของเขาในนิตยสารแล้วคิดว่าเขาหล่อดี เลยโทรมาถามเธอเฉยๆ”
“ฮ่า ฉันไม่คิดว่าเธอจะเป็นพวกบ้าผู้ชายด้วย” จ้าวชิงหัวเราะเสียงใส “ครั้งแรกที่ฉันเห็นเขาบนเรือสำราญ 'หัวเซี่ยซุยโฉว่' ฉันเองยังคิดว่าเขาหล่อจนวัวตายควายล้ม ผู้หญิงหลายคนนี่นะกรี๊ดเขาจนเสียงแทบแตก แต่ก็นะ เขากำลังจะแต่งงานเร็วๆ นี้แล้ว และงานแต่งก็จะจัดบนเรือสำราญ”
ไป๋เซินเซินเบ้ปากนิดหนึ่งก่อนจะถามต่อว่า “แล้วเธอรู้ไหมว่างานแต่งของเขาจัดที่เรือสำราญลำไหน?”
“ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน” จ้าวชิงเอ่ย “ประธานของเราเป็นคนง่ายๆ ได้ยินมาว่างานแต่งนี้ค่อนข้างเรียบง่าย ไม่หวือหวา แต่ยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้หรอกนะ ฉันได้ยินมาจากเพื่อนร่วมงานอีกทีว่าอาจจะจัดที่เรือสำราญ ‘หัวเซี่ยซานหลี่’ ที่เมือง S
“อ้อ...” ไป๋เซินเซินตกอยู่ในความเงียบ รู้สึกหดหู่ใจอย่างบอกไม่ถูก
“เซินเซิน” จ้าวชิงคงเห็นว่าเธอเงียบไปจึงเปลี่ยนเรื่องพูด “ฉันมีเรื่องกวนใจบางอย่าง อยากจะคุยกับเธอ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไงดี”
“มีเรื่องอะไร พูดมาสิ” ไป๋เซินเซินเริ่มสนใจ “เธอบอกฉันได้ แล้วฉันจะวิเคราะห์ให้เอง”
“ฉันกลัวว่าเธอจะรำคาญน่ะสิ มันเกี่ยวกับเหลียงเทียน” น้ำเสียงของจ้าวชิงเบาลงมากราวกับมันยากที่จะพูดออกมา
‘เหลียงเทียน’ ที่จ้าวชิงพูดถึงคือผู้ชายที่หล่อนหลงใหลมาตลอดและกำลังวิ่งไล่ตามเขาอย่างบ้าคลั่ง แต่ผู้ชายคนนี้ปฏิบัติต่อหล่อนไม่ค่อยดีนักและท่าทีของเขาก็ไม่ชัดเจน ทั้งสองคนจึงไม่ได้สานสัมพันธ์เป็นคนรักกันจนถึงตอนนี้ ในฐานะเพื่อนของจ้าวชิง ไป๋เซินเซินรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ไว้ใจไม่ได้และขอให้หล่อนเลิกยุ่งกับเขาซะ หล่อนสัญญาว่าจะเลิกยุ่ง แต่เอาเข้าจริงก็ทำไม่ได้ เอาแต่บ่นเรื่องเขาไม่ยอมหยุด และมันก็ถี่เกินไปจนเธอรำคาญ
“เล่ามาสิ” ไป๋เซินเซินพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“คือว่า...” จ้าวชิงอึกอัก “ตอนนี้ฉันได้รับผิดชอบตรวจสอบคุณภาพส่วนผสมของอาหาร และเหลียงเทียนก็เป็นผู้จัดหาวัตถุดิบให้เรือสำราญ แต่วันนี้ไก่ชุดหนึ่งที่โรงงานของเขาจัดหามาติดโรคระบาด...”
“แล้ว?” ไป๋เซินเซินไม่เข้าใจว่าทำไมจ้าวชิงถึงบอกเธอเรื่องนี้
“เดิมทีฉันบอกให้เขาเอาไก่ชุดนี้กลับคืนไป แต่เขาขอร้องให้ฉันปล่อยเรื่องนี้ไปโดยบอกว่าเรื่องโรคระบาดในไก่ยังไม่ชัดเจน แต่ถ้ามันถูกส่งกลับ เขาต้องสูญเงินก้อนใหญ่ ฉัน...ฉันจึงทำเป็นหลับหูหลับตาปล่อยเรื่องนี้ไป เธอก็รู้ว่าฉันรักเขามาก ก็เลย...ยอมให้ไก่ชุดนี้ขึ้นเรือมาด้วย”
ไป๋เซินเซินอึ้งไปครู่หนึ่ง อดไม่ได้ที่จะด่าเพื่อน “จ้าวชิง เธอโง่หรือไง? อยากฆ่าคนเหรอ?”
“ไม่ใช่นะ ตอนนั้นฉันลังเลอยู่นานมาก แต่เหลียงเทียนย้ำแล้วย้ำอีกว่ามันไม่เป็นปัญหาใหญ่หรอก แม้ว่านักท่องเที่ยวบนเรือสำราญจะกินเข้าไป พวกเขาก็แค่ปวดท้อง ไม่ถึงกับเสียชีวิต”
"หยุดพูด" ไป๋เซินเซินรีบเบรคเพื่อนทันที
“เธอเป็นผู้ใหญ่แล้ว ฉันเชื่อว่าเธอรู้ว่าอะไรควรไม่ควร ฉันไม่อยากเสียเวลาพูดเกลี้ยกล่อมเธอแล้ว เธอลองชั่งน้ำหนักเรื่องนี้ดูเองแล้วกัน”
หลังจากวางสายจากจ้าวชิง ไป๋เซินเซินก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพื่อความรักแล้ว จ้าวชิงไม่ลังเลเลยที่จะใช้ชีวิตคนอื่นเพื่อช่วยเหลือผู้ชายที่ไม่คู่ควร ในสมองของหล่อนยัดอะไรไว้ถึงได้สามารถทำเรื่องแบบนั้นได้
เธอได้แต่ส่ายหน้าและยิ้มหยันกับตัวเอง
ขณะนั้นสายตาก็เหลือบไปมองภาพหน้าปกนิตยสารการเงินอีกครั้ง เธอนิ่งไปสองสามวินาที เชื่อมโยงสิ่งที่จ้าวชิงเพิ่งพูดและทันใดนั้นก็เกิดความคิดบางอย่าง นี่เป็นโอกาสที่ดีแล้วไม่ใช่เหรอ?
นับว่าเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ที่ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาที