เธอไม่ได้รักเขา แต่หลังจากรู้ว่าผู้หญิงที่เขากำลังจะแต่งงานด้วยนั้นเป็นศัตรูคู่แค้น เธอจึงตัดสินใจเข้าหาเขา ทำให้เขาสับสน มึนงง พัวพันเขาด้วยวิธีต่างๆ นานา
เธอไม่ได้รักเขา แต่หลังจากรู้ว่าผู้หญิงที่เขากำลังจะแต่งงานด้วยนั้นเป็นศัตรูคู่แค้น เธอจึงตัดสินใจเข้าหาเขา ทำให้เขาสับสน มึนงง พัวพันเขาด้วยวิธีต่างๆ นานา
เวลาต่อมาไป๋เซินเซินก็ไม่ได้ทำอะไรผลีผลามอีก แต่หมกมุ่นอยู่กับงานที่น่าเบื่อหน่ายแทน
ในสังคมนี้ การต่อสู้แข่งขันไม่เกี่ยวกับรูปลักษณ์ภายนอก แต่ก็ต้องขอบคุณตู้เซินเป่ยที่ถ่ายทอดความหน้าตาดีและผิวพรรณดีมาให้ ใบหน้าของเธอจึงงดงามโดยที่ไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม บวกกับไอคิวและอีคิวที่สูงเกินค่าเฉลี่ยไปมากทำให้เธอประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน
ปัจจุบันเธอทำงานเป็นผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการของโรงแรมระดับ 5 ดาว รับผิดชอบดูแลโรงแรมสาขาในเมือง S
แน่นอนว่าด้วยอายุและหน้าตาที่สะสวย แม้แต่คนโง่ยังคิดว่าการที่เธอได้ตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการเพราะใช้เต้าไต่ มีข่าวลือต่างๆ นาๆ มากมายว่าเธอมีความสัมพันธ์กับนายทหารชั้นสูงหรือไม่ก็นอนกับผู้บริหารของโรงแรมถึงได้ตำแหน่งนี้มา
เธอขี้เกียจเกินกว่าจะไปจัดการกับข่าวลือไร้สาระเหล่านั้น ตราบใดที่รู้ตัวเองดีว่าอะไรคือความจริง เธอก็ไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจ เธอเข้าทำงานที่โรงแรมนี้หลังเรียนจบมหาวิทยาลัย และเงินเดือนก็มากกว่าคนที่เข้ามาพร้อมกันถึงหนึ่งพันหยวน แต่นั่นเป็นเพราะเธอได้รับความไว้วางใจจากเจ้านายว่าสามารถทำงานได้ดี เธอจึงมุ่งมั่นสร้างรากฐานในบริษัท ดูแลจัดการตั้งแต่แผนกต้อนรับส่วนหน้าไปจนถึงเวทีด้านหลัง เอาชนะอุปสรรคต่างๆ นาๆ ที่ถาโถมเข้ามาตลอดการทำงาน ครั้งหนึ่งเธอวางแผนประชาสัมพันธ์ให้โรงแรมและมันก็ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ได้รับเสียงชื่นชมจากผู้บริหารระดับสูงทั้งหลาย ดังนั้นหลังจากทำงานหนักมาเป็นระยะเจ็ดถึงแปดปี เธอก็ไต่เต้ามาจนถึงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ
เช้าวันจันทร์อีกวันหนึ่ง
ตอนเช้าไป๋เซินเซินมีประชุมกับหัวหน้าแผนกทุกส่วนของโรงแรม และเมื่อกลับมาที่ห้องทำงานของตัวเอง เลขาเซียวหลานก็เคาะประตูก่อนจะเดินเข้ามา
“คุณไป๋คะ นี่เป็นฉบับล่าสุดของ ‘Financial Observer’ ค่ะ” เซียวหลานวางนิตยสารการเงินชื่อดังที่สมัครรายปีไว้ที่โต๊ะทำงานของเธอ
"อืม ขอบคุณ"
หลังจากที่เซียวหลานออกไปแล้ว ไป๋เซินเซินก็นั่งจิบกาแฟ หยิบนิตยสารการเงินนั้นขึ้นมาดู และสายตาก็สะดุดกับภาพหน้าปกทันที
ผู้ชายบนปกนิตยสารสวมชุดสูทและรองเท้าหนัง ดวงตาลึก จมูกโด่ง ดูดุดันและหยิ่งผยอง หน้าตาและอารมณ์โดยรวมของเขาไม่ต่างจากดาราชายในวงการบันเทิง มองแวบแรกนึกว่าตัวเองถือนิตยสารบันเทิงเสียอีก
จุดที่โดดเด่นที่สุดบนหน้าปกคือชื่อของเขาและชื่อบทสัมภาษณ์ -เว่ยเหลียนเหิง: จีนอาจกลายเป็นตลาดเรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในโลกภายในห้าปี
เว่ยเหลียนเหิง? เว่ยเหลียนเหิงอีกแล้ว! ทำไมเขาถึงอยู่ทุกที่เลยนะ แต่ที่น่าสงสัยมากที่สุดตอนนี้คือตัวตนที่แท้จริงของผู้ชายคนนี้ เขาเป็นใครกันแน่ถึงสามารถขึ้นปกนิตยสารการเงินแถวหน้าอย่าง Financial Observer ได้
เธอรีบเปิดนิตยสารไปที่หน้าบทสัมภาษณ์ของเขา เมื่ออ่านบทสัมภาษณ์เกี่ยวกับหลักการดำเนินธุรกิจและสายการเดินเรือที่เขาสร้างขึ้น รวมทั้งอาณาจักรธุรกิจต่างๆ มันทำให้เธอก็ถึงกับตาโต อ้าปากค้าง
เว่ยเหลียนเหิงเป็นซีอีโอของบริษัทเรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ในอดีตได้ยินเพียงคร่าวๆ ว่าบริษัทเดินเรือสำราญนี้เป็นกิจการของตระกูลเว่ย คิดไม่ถึงเลยว่าผู้ชายแซ่เว่ยที่เธอบังเอิญเจอบนเรือเมื่อหนึ่งปีก่อนและยังเป็นคู่นอนกันมานานแรมปีเป็นถึงซีอีโอบริษัทเรือสำราญยักษ์ใหญ่
ทั้งหมดที่เธอรู้มาก่อนหน้านี้คือเว่ยเหลียนเหิงร่ำรวยมากและมีบริษัทเป็นของตัวเอง เธอรู้ว่าเขารักการแล่นเรือใบมากและเขารู้หลักการออกแบบเรือทุกส่วน ทุกครั้งที่เรานัดหมายกัน เขาเลือกจะอยู่บนเรือเสียส่วนใหญ่ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเรือสำราญจะเป็นโลกของเขา
ถัดมาคือเขากำลังจะแต่งงานกับตู้หนานซี ลูกสาวของตู้เซินเป่ยผู้เป็นเจ้าของบริษัทนำเที่ยวรายเล็ก ตู้หนานซีโชคดีถึงขนาดที่ได้แต่งงานกับตระกูลร่ำรวยมหาศาลเช่นนี้ได้เลยหรือ? หากการแต่งงานครั้งนี้สำเร็จ ตู้เซินเป่ยและหวังหงจะยิ่งไม่เชิดคอชูหางมากกว่าเดิมอีกหรือไร?
หลังจากตะลึงอยู่พักหนึ่ง ไป๋เซินเซินก็วางนิตยสารลงบนโต๊ะ เรื่องนี้ยังคาใจเธออยู่ ทันใดนั้นก็นึกถึงจ้าวชิงขึ้นมา หล่อนเป็นเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันซึ่งบังเอิญทำงานบนเรือสำราญลำหนึ่งของเว่ยเหลียนเหิง ดังนั้นไป๋เซินเซินจึงโทรหาเพื่อนคนนี้อย่างไม่รอช้า