เธอไม่ได้รักเขา แต่หลังจากรู้ว่าผู้หญิงที่เขากำลังจะแต่งงานด้วยนั้นเป็นศัตรูคู่แค้น เธอจึงตัดสินใจเข้าหาเขา ทำให้เขาสับสน มึนงง พัวพันเขาด้วยวิธีต่างๆ นานา
เธอไม่ได้รักเขา แต่หลังจากรู้ว่าผู้หญิงที่เขากำลังจะแต่งงานด้วยนั้นเป็นศัตรูคู่แค้น เธอจึงตัดสินใจเข้าหาเขา ทำให้เขาสับสน มึนงง พัวพันเขาด้วยวิธีต่างๆ นานา
คงเห็นว่ามันไม่โดนจุดตายและไม่ทำให้เธอหมดสติไป ดังนั้นพ่อบังเกิดเกล้าจึงพุ่งเข้าใส่เธอเหมือนคนบ้า และตบเธออีกครั้งจนเธอล้มลงกับพื้นอย่างแรง ไป๋เซินเซินปกป้องตัวเองด้วยการสวนหมัดกลับตามสัญชาตญาณ แต่หมัดของตู้เซินเป่ยก็กระหน่ำใส่เธอไม่ยั้งพร้อมกับลูกเตะ เธอซึ่งเป็นแค่หญิงสาวบอบบางไม่มีทางต้านทานได้เลย ฉากความรุนแรงนี้ไม่ต่างจากภาพความรุนแรงในครอบครัว เพียงแต่เปลี่ยนบทจากภรรยาผู้โชคร้ายเป็นลูกสาวผู้โชคร้ายเท่านั้นเอง
ไป๋เซินเซินพยายามปกป้องตัวเองอย่างเต็มที่ เสียงตบตีคงน่ากลัวเกินไป แม้แต่คนใช้ในบ้านยังตกใจกลัว
ครั้งนี้ตู้เซินเป่ยคงคิดจะฆ่าเธอให้ตายจริงๆ แล้วกระมัง เมื่อเห็นว่ากำปั้นยังไม่สาแก่ใจ เขาจึงมองหาเครื่องมือใหม่ ท่ามกลางความอลหม่าน เขาคว้าเก้าอี้ไม้มะฮอกกานีและไล่ตามเธอมาติดๆ
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี เธอจึงกลิ้งตัวหนีและคลานไปบนพื้นด้วยอาการบอบช้ำทั่วร่าง แต่คลานไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกตามทันอยู่ดี เสียงก่นด่าดังลอยมาตามหลัง “นังสารเลว ฉันจะตีแกให้ตายวันนี้!” ตู้เซินเป่ยยกเก้าอี้ขึ้นหมายจะฟาดใส่ร่างของเธอที่คลานอยู่บนพื้น
ไม่มีทางหนีแล้ว เธอจำนนต่อโชคชะตา หลับตารอความตายอย่างสิ้นหวัง
ทว่าหลับตาอยู่พักหนึ่งก็ยังไม่รู้สึกถึงความเจ็บที่ถูกเก้าอี้ฟาด หูสองข้างได้ยินตู้เซินเป่ยพูดว่า “เหลียนเหิง นี่หมายความว่ายังไง ปล่อยนะ!”
“เหลียนเหิง เธอคิดจะทำอะไร?” เสียงของหวังหงก็ตามมาอีก ผัวพูดจบเมียก็พูดต่อ เข้าขากันดีจริงๆ
เมื่อได้ยินชื่อที่คุ้นเคย ไป๋เซินเซินก็เปิดเปลือกตาขึ้นมอง....
เว่ยเหลียนเหิง?
เขาจับปลายขาเก้าอี้ข้างหนึ่งไว้แน่นด้วยมือใหญ่ ยืนเผชิญหน้ากับตู้เซินเป่ยเพื่อกันไม่ให้เก้าอี้ฟาดใส่ตัวเธอ
เป็นไปได้อย่างไร?
โอเค เธอยอมรับว่าเว่ยเหลียนเหิงโผล่ออกมาในช่วงเวลาสำคัญนี้ได้อย่างเหมาะเจาะ เขาจับขาเก้าอี้ไว้ กันไม่ให้เธอถูกเก้าอี้ฟาดใส่จนตาย
ว่าแต่ทำไมเขาถึงมาที่บ้านของตระกูลตู้ได้ล่ะ ไม่ ไม่ นี่ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือทำไมเขาถึงเข้ามาช่วยเธอไว้
นี่เธอตาพร่าหรือว่าสมองเขาเบลอกันแน่?
“เหลียนเหิง เธอคิดจะช่วยนังสารเลวนี่อย่างนั้นเหรอ อย่าเข้ามายุ่งเรื่องไม่เป็นเรื่องนี้หน่อยเลย” หวังหงพูดขึ้น
“ผมไม่ได้ช่วยใคร” เว่ยเหลียนเหิงดึงเก้าอี้ออกจากมือของตู้เซินเป่ยแล้วโยนมันไปข้างๆ จากนั้นพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “คุณลุงครับ ผมไม่สนใจว่าเกิดอะไรขึ้นในครอบครัวของคุณลุง แต่ผมไม่ต้องการมาคุยเรื่องหนานซีแล้วมีคนตายระหว่างงานแต่ง”
งานแต่ง? คนที่เขาจะแต่งงานด้วยคือตู้หนานซี?!
เว่ยเหลียนเหิงหันมามองเธอ เราสองคนสบตากันเพียงไม่กี่วินาทีก่อนที่เขาจะเบนสายตาไปทางอื่น แม้ว่าเราสองคนจะเคยเห็นร่างเปลือยเปล่าของกันและกันมาแล้ว แต่เราสองคนก็สามารถกลายเป็นคนแปลกหน้าต่อกันได้ทันทีหลังจากที่เขาสวมกางเกง
เช่นเดียวกับในเวลานี้ เธอเพียงสบตากับเขาโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา
“เหลียนเหิงพูดถูกแล้วค่ะ” ตู้หนานซี ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของพวกเขาโผล่หน้าเข้ามา
หล่อนสวมกระโปรงยาวทรงสอบกับเสื้อสเวตเตอร์สีกรมท่า ดูภูมิฐานและสง่างาม กอปรกับใบหน้าที่น่ารักและผมยาวแสกกลางทำให้หล่อนดูไร้เดียงสาไม่มีพิษมีภัย
ตู้หนานซีเดินเข้ามาพูดกับตู้เซินเป่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “พ่อคะ ไม่ว่าพี่เซินเซินจะทำให้พ่อโมโหมากแค่ไหน แต่พี่เขาก็เป็นลูกสาวของพ่อนะคะ ทำไมต้องลงไม้ลงมือหนักแบบนี้ด้วย ถ้ามีคนลือออกไปข้างนอกว่าพ่อทำร้ายเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองจะทำยังไงคะ พรุ่งนี้เป็นวันเกิดของคุณย่าด้วย อีกอย่าง หนูกับเหลียนเหิงก็กำลังจะแต่งงานกันเร็วๆ นี้ เพราะฉะนั้นพ่อควรจะใจเย็นกว่านี้หน่อยนะคะ”
นี่คือตู้หนานซี น้องสาวต่างแม่ของไป๋เซินเซิน หล่อนไม่ได้รับสืบทอดนิสัยปากร้ายของหวังหงผู้เป็นแม่มา หล่อนมักจะสุภาพอ่อนโยนยามที่อยู่ต่อหน้าผู้คน ประพฤตตัวมีเหตุมีผลและใจกว้างอยู่เสมอ กอปรกับใบหน้าสวยหวานราวกับดอกไม้แรกแย้ม หล่อนจึงเหมือนกับบุปผางามบนเทือกเขาสูง
ไป๋เซินเซินมองไปที่เว่ยเหลียนเหิง เห็นเขายืนอยู่กับตู้หนานซีโดยที่มือของเขาจับมือของหล่อนเอาไว้ ท่าทางที่ใกล้ชิดสนิทสนมนี้ทำให้เธอเชื่อว่าพวกเขาเป็นคู่รักกันจริงๆ
เมื่อรู้ข้อเท็จจริงนี้ ไป๋เซินเซินเกือบจะหัวเราะออกมาด้วยความโมโห
คู่นอนสุดหล่อคนนี้ทำเอาเธออึ้งจนพูดไม่ออกจริงๆ ผู้ชายที่หลับนอนด้วยมาเป็นปี แท้จริงแล้วคือแฟนของน้องสาวต่างแม่ และพวกเขาก็กำลังจะแต่งงานกันเร็วๆ นี้