หลี่เหอฮว๋าตบที่อกของตนเองเบาๆ หัวใจยังคงเต้นแรง “เหตุใดเจ้าจึงมายืนเงียบๆ อยู่ตรงนี้? ตกใจหมดเลย”
จางเถียซานมีสีหน้าเรียบเฉย เขาจ้องเขม็งมาที่นางจนทำให้นางรู้สึกหนาวสั่น
หลี่เหอฮว๋ารู้สึกอึดอัดกับการจ้องมองของเขา นางแอบบุ้ยปากพร้อมทั้งเลิกคิดจะสื่อสารใดๆ กับชายคนนี้ต่อ นางก้มหน้าถือหมั่นโถวไว้ในมือตั้งใจจะเดินออกไป
“หยุดอุบายของเจ้าได้แล้ว!” จางเถียซานจ้องไปที่ชามบนเตา น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา
หลี่เหอฮว๋าชะงัก “ข้าไม่ได้มีอุบายอะไรเลย ข้าแค่อยากทำอะไรให้เด็กน้อยกินเท่านั้น เป็นอุบายที่ไหนกัน? ถ้าพวกเจ้าไม่ต้องการให้เขากินก็โยนมันทิ้งไปเสีย”
หลังคำพูดนั้นแววตาของจางเถียซานก็คมปลาบขึ้น เขาจ้องมองหลี่เหอฮว๋าจนนางรู้สึกราวกับมีมีดทิ่มแทงตนเองอยู่จนแทบรอที่จะออกไปให้พ้นจากสายตาของคนผู้นี้ไม่ไหว
คนผู้นี้เป็นอะไร? เขาเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้นไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงได้มีนัยน์ตาที่คมกริบเช่นนี้? หรือว่าเขาจะค้นพบอะไรบางอย่างเข้าให้แล้ว?
หลี่เหอฮว๋าแอบรู้สึกตกใจ แต่นางก็ยังแกล้งทำท่าสงบนิ่งพลางกล่าวว่า “ถ้าไม่มีอะไรแล้วข้าจะออกไปก่อน”
“หลี่เหอฮว๋า ข้าขอเตือนเจ้า อย่าได้คิดเล่นอุบายใดๆ ใต้จมูกข้า ถ้าเจ้ากล้าเล่นกับความรู้สึกของชูหลินอีก ข้าจะทำให้เจ้าได้ลิ้มรสว่าความเสียใจเป็นอย่างไร”
คำพูดเบาๆ แต่มีความเฉียบขาดอยู่ในนั้นอย่างชัดเจน หลี่เหอฮว๋าเชื่อว่าหากนางกล้าทำร้ายเด็กน้อยคนนั้นแม้แต่เพียงนิดเดียว ชายผู้นี้จะต้องไม่ปล่อยนางไปแน่ แต่นางไม่ใช่เจ้าของร่างเดิม นางไม่เคยคิดจะทำร้ายเด็กน้อยผู้นั้น นางแค่อยากจะทำดีต่อเขา เช่นนี้แล้วมีอะไรที่นางจะต้องกลัว
หลี่เหอฮว๋ามองไปยังชายตรงหน้าอย่างไม่หวั่นเกรง “ไม่ต้องห่วง ข้าไม่คิดจะทำร้ายชูหลิน ข้าแค่อยากจะดีต่อเขาเท่านั้น”
อย่างไรก็ตาม คำพูดของหลี่เหอฮว๋าทำให้ชายหนุ่มแค่นเสียงอย่างเย็นชาออกมา “ดีต่อเขา? ก่อนหน้านี้เจ้าปฏิบัติต่อเขาอย่างไร มาตอนนี้เจ้ามาพูดว่าอยากจะดีต่อเขาอย่างนั้นหรือ? เจ้าคิดว่าผู้อื่นจะเชื่อคำพูดของเจ้าหรือ? หลี่เหอฮว๋า ข้าไม่สนใจว่าในหัวสมองของเจ้ามีแผนการอย่างไร แค่อย่านำมันมาใช้กับข้า ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะมาแผลงฤทธิ์ได้ ข้าให้เจ้าได้อาศัยอยู่ที่นี่ต่อไปอีกพักหนึ่งก็ใจดีมากแล้ว อย่าได้พยายามจะทดสอบความอดทนของข้าอีก”
หลี่เหอฮว๋าพูดว่าอยากจะทำดีต่อชูหลินแต่จางเถียซานไม่มีทางเชื่อคำพูดนั้น ไม่กี่ปีที่ผ่านมานางปฏิบัติต่อบุตรชายของตัวเองอย่างบ้าคลั่งที่สุด จิตใจของนางจะเปลี่ยนแปลงได้อย่างไรในระยะเวลาอันสั้นเท่านี้? เขารู้เพียงว่าขุนเขาสายน้ำอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยง่ายแต่ธรรมชาติของคนกลับยากที่จะเปลี่ยน* หญิงผู้นี้จิตใจชั่วร้ายและเลวทรามเข้าไปถึงกระดูก ไม่มีทางจะดีขึ้นมาได้ อย่างน้อยก็ไม่ดีเหมือนอย่างที่แสดงให้เห็นอยู่ในเวลานี้
*ตรงกับภาษิตไทยที่ว่า สันดอนขุดง่าย สันดานขุดยาก
เขารู้ว่าอาหารของชูหลินในสองวันมานี้นางเป็นคนให้มา แต่เขาไม่มีวันเชื่อว่านางจะดีต่อชูหลินจริงๆ หญิงผู้นี้จะต้องมีแผนอะไรในใจ เขาเฝ้าสังเกตนางอย่างเงียบๆ มาสองวันแล้วแต่ยังไม่พบอะไรที่ผิดปกติ นางคิดคำนวณและมีความอดทนมากกว่าที่เขาคิดเอาไว้เสียอีก
กระนั้นไม่ว่านางต้องการจะทำอะไรเขาจะไม่ยอมให้นางทำได้สำเร็จ การเตือนให้ตรงประเด็นเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำ
หลี่เหอฮว๋าจะไปรู้ความคิดของจางเถียซานได้อย่างไร คำเตือนของจางเถียซานทำให้นางรู้สึกโกรธและเศร้าใจไม่น้อย นางแค่ทำอะไรให้เด็กน้อยกินและไม่ได้ทำอะไรนอกเหนือจากนั้นเลยมิใช่หรือ? เหตุใดต้องทำราวกับนางเป็นคนร้ายด้วย ทั้งคาดโทษเตือนทั้งตำหนิ แต่ความมีเหตุผลบอกนางว่าชายผู้นี้ปฏิบัติต่อนางในฐานะเจ้าของร่างเดิม เขาไม่รู้ว่านางไม่ใช่เจ้าของร่างเดิมแล้ว
ต้องไม่ลืมว่านี่คือความผิดของเจ้าของร่างเดิม ความคับข้องใจของนางล้วนมีสาเหตุมาจากเจ้าของร่างเดิม
หลี่เหอฮว๋าเฝ้าบอกตัวเองอยู่ในใจว่าอย่าโกรธ อย่าโกรธ จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพูดว่า “จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ข้าไม่มีอุบายทั้งสิ้น หากเจ้ากังวลใจคอยดูต่อไปก็แล้วกัน ข้าจะไม่ทำอะไรนอกเหนือจากทำอาหารให้เด็กน้อยกินเท่านั้น” พูดแล้วนางก็สาวเท้าออกไปโดยไม่รีรออีกต่อไป เมื่อเดินไปถึงประตูก็เอ่ยอีกว่า “ข้าทำเกี๊ยวทอดไว้ให้เด็กน้อยวางอยู่บนเตา เจ้าตัดสินใจเองแล้วกัน” หลังกล่าวจบก็เดินผ่านบานประตูไปโดยไม่หันกลับมามอง
หลี่เหอฮว๋านั่งลงบนเตียง ความรู้สึกอยากอาหารหดหายไปหมด อีกทั้งยังรู้สึกอึดอัดใจเพราะความรู้สึกที่ว่าไม่ว่าตนจะทำลงอะไรไปก็จะต้องถูกผู้อื่นตีความว่ามีแผนการบางอย่าง นางจะต้องถูกผู้อื่นมองอย่างมีอคติเช่นนี้ไปตลอดหรือ? นางจะเป็นตัวเองไม่ได้เลยหรือ?
เฮ้อ บาปที่เจ้าของร่างเดิมก่อไว้หนักหนาเกินไปจริงๆ ตราบใดที่นางอยู่ที่นี่ต่อไปอีกหนึ่งวัน ย่อมต้องอยู่ใต้เงาของเจ้าของร่างเดิมไปอีกหนึ่งวัน ไม่ต้องคิดเรื่องจะออกมาจากใต้เงาเจ้าของร่างเดิมเลยนอกเสียจากว่านางจะไปจากที่นี่ ไปให้พ้นจากทุกคนที่รู้จักนาง นางถึงจะสามารถเป็นตัวเองได้ เป็นหลี่เหอฮว๋าผู้ซึ่งสามารถจะทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ
ดูเหมือนว่าการหาเงินเป็นเรื่องที่จำเป็นมากอย่างแท้จริง นางจะต้องหาเงินมาให้มากพอโดยเร็ว ซื้อบ้านเป็นของตัวเองในเมืองแล้วย้ายออกไปจากที่นี่
ไม่ไม่ไม่ ยังห่างไกลเกินไปที่จะซื้อบ้าน หาเงินไปเช่าบ้านให้ได้ก่อน หลังจากนั้นค่อยหาเงินซื้อบ้าน เช่นนี้จะได้ย้ายออกไปได้เร็วขึ้น
คิดได้เช่นนี้แล้วหลี่เหอฮว๋าก็ปลุกใจตัวเองว่านางจะต้องทำงานหนักเพื่อหาเงิน
ยังมีเวลาอีกหลายวันกว่าจะถึงวันที่นางจะไปทำอาหารให้คนบ้านหวัง ระหว่างที่ยังไม่มีอะไรทำ นางสามารถใช้เวลาที่อยู่ว่างๆ นี้หาเงินได้ ไม่เช่นนี้คงได้แต่นั่งกินนอนกินอยู่เฉยๆ
แต่จะทำอะไรดี?
อันที่จริงนางอยากจะไปขายสูตรหรืออะไรทำนองนี้ให้ร้านอาหาร นางเชื่อว่าด้วยสูตรอาหารของนางนางจะสามารถซื้อบ้านมาได้เลย แต่สูตรอาหารของนางเป็นสูตรเฉพาะของตระกูลหลี่ กฎประจำตระกูลคือสูตรอาหารของตระกูลห้ามถ่ายทอดออกไปภายนอกโดยเด็ดขาด อย่าว่าแต่การซื้อขายสูตรเลย ต่อให้นางต้องมาอยู่ต่างมิติ ต่อให้ไม่มีใครมาตรวจสอบเรื่องนี้ได้ นางก็จะไม่มีวันแหกกฎของตระกูลอย่างเด็ดขาด
ดังนั้นนางต้องคิดหาวิธีอื่น
ระหว่างกัดกินหมั่นโถวไปหลี่เหอฮว๋าก็คิดหาทางออกไปด้วย ทันใดนั้นเองสายตาของนางก็มองนิ่งอยู่ที่หมั่นโถวในมือ นางคิดออกแล้ว ใช่แล้ว นางสามารถทำขนมอะไรอร่อยๆ ที่แปลกใหม่ไปขายที่ตลาดก็ได้นี่นา คนที่มาที่ตลาดหรือคนที่อยู่ในเมืองย่อมซื้อกินแน่ ไม่ว่าจะอยู่ในยุคไหนหรือที่แห่งใดของกินไม่เคยขายไม่ได้
หลี่เหอฮว๋าดวงตาเป็นประกายขึ้น นางเริ่มใคร่ครวญว่าควรจะขายขนมชนิดใดที่สามารถดึงดูดลูกค้าได้
หลังคิดตริตรองอยู่นานหลี่เหอฮว๋าก็ตัดสินใจว่าจะขายขนมถั่วแดง(1)กับขนมไข่(2) ขนมสองชนิดนี้เรียบง่ายไม่ต้องใช้เครื่องไม้เครื่องมือในการทำที่ซับซ้อน สามารถทำขนมในห้องครัวของที่นี่ให้มีรสชาติออกมาอร่อยได้เลย ขนมถั่วแดงนั้นเป็นขนมของจีน เพียงแค่ทำให้อร่อยแล้วขายในราคาที่ถูกกว่าที่ขายกันอยู่ตามร้านขนมก็ไม่ต้องกลัวว่าจะขายไม่ได้ ส่วนขนมไข่เป็นขนมของคนตะวันตก ในยุคนี้ยังไม่มีผู้ใดเคยเห็นมันมาก่อน มันสามารถดึงดูดความสนใจลูกค้าทั่วไปได้เช่นกัน ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีคนเข้ามาซื้อ
อย่างไรก็ตามขนมทั้งสองชนิดนี้จำเป็นต้องใช้ไข่และถั่วแดงเป็นวัตถุดิบ ใช่ นางยังไม่มีของอย่างน้ำตาลอีกด้วย จำเป็นต้องหาซื้อมาเพิ่ม แต่นางมีเงินอยู่แค่ 5 อีแปะเท่านั้น ไม่พอซื้อไข่ ถั่วแดงและน้ำตาล นางจะทำอย่างไรดี?
นางอุตส่าห์คิดวิธีขึ้นมาได้แต่กลับไม่มีเงินไปซื้อวัตถุดิบ จะมีผู้ใดน่าสมเพชยิ่งกว่านางบ้างนี่?
หลี่เหอฮว๋าเกาศีรษะอย่างสิ้นหวัง แล้วขยี้ผมของตนเองราวคนเสียสติ
จะยอมแพ้แค่นี้หรือ? ไม่ได้ไม่ได้ จะยอมแพ้ไม่ได้ นางต้องการหาเงินอย่างเร่งด่วน ด้วยทักษะฝีมือของนางแล้วความคิดนี้จะต้องทำเงินได้แน่ๆ ขอเพียงมีเงินไปซื้อวัตถุดิบทั้งหมดมาได้เท่านั้น
แต่นางจะไปหาเงินมาจากไหน? ทางบ้านเดิมของเจ้าของร่างเดิมนางก็ไม่รู้จัก เลิกคิดไปได้เลย สหายสนิทของเจ้าของร่างเดิมก็ไม่มีเลยสักคน ในหมู่บ้านนี้นางก็ไม่เป็นที่ชื่นชอบ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะขอยืมเงินผู้ใดได้
ณ ตอนนี้คนคนเดียวที่นางรู้จักและพูดคุยด้วยอยู่บ้างก็คือ...สายตาของหลี่เหอฮว๋าเหลือบมองออกไปที่ลานบ้านด้านนอกที่ซึ่งมีเสียงผ่าฟืนดังอยู่ เป็นชายผู้หนึ่งกำลังผ่าฟืน
หลี่เหอฮว๋าลุกขึ้นย่องไปที่ประตูแล้วเปิดประตูแง้มมองออกไป ที่นางเห็นคือโครงร่างแกร่งร่างหนึ่ง แขนเสื้อของเขาถูกม้วนขึ้นจนเผยให้เผยให้เห็นลำแขนแข็งแรงที่กำลังยกขวานในมือขวาของตนเหวี่ยงลงครั้งแล้วครั้งเล่าและกล้ามเนื้อนั้นก็ยืดเหยียดไปตามความเคลื่อนไหว
หากยังเป็นเมื่อก่อนหลี่เหอฮว๋าคงจะชื่นชมหนุ่มหล่อผู้นี้อย่างแน่นอน แต่ในเวลานี้นางไม่ได้มีความรู้สึกนั้นอยู่เลย นางได้แต่ครุ่นคิดว่าจะเสี่ยงใช้หนังหน้าของตนเข้าไปขอยืมเงินจากเขาดีหรือไม่
จะไปขอยืมเงินจากเขาก็มีโอกาสสูงที่นางจะถูกปฏิเสธ และคาดได้เลยว่านางคงจะถูกเยาะเย้ยถากถางไม่น้อย แต่ถ้าไม่ไปขอยืมแล้วนางจะทำอะไรได้อีก
ระหว่างคิดวุ่นวายว่าจะขอยืมหรือไม่ขอยืมดี ในที่สุดหลี่เหอฮว๋าก็เลือกที่จะไปขอยืม ก็แค่หนังหน้าเท่านั้นไม่ใช่หรือ? ไม่มากไปกว่านั้น! จะเยาะเย้ยก็เยาะเย้ยไป อย่างน้อยนางก็ได้ลองทำ นางจะไม่ยอมแพ้หากไม่ได้ลองทำก่อน
หลี่เหอฮว๋ารวบรวมความกล้าเปิดประตูห้องแล้วเดินช้าๆ เข้าไปในลานบ้านจนกระทั่งไปถึงข้างๆ ตัวจางเถียซาน ทว่าจางเถียซานไม่แม้แต่จะเหลือบสายตามามองนาง เขายังคงผ่าฟืนของตนต่อไป
หลี่เหอฮว๋าเปิดปากปิดปากอยู่เป็นนาน สุดท้ายก็เอ่ยปากว่า “จางเถียซาน”
จางเถียซานปรายตามาที่นางก่อนจะก้มหน้าผ่าฟืนต่อ
ตั้งแต่เกิดมาหลี่เหอฮว๋าไม่เคยต้องขอยืมเงินผู้ใด นางรู้สึกอับอายอย่างมาก นางถูฝ่ามือไปมาอย่างอดไม่ได้พร้อมกับบังคับตัวเองให้ยิ้มออกมา “”จางเถียซาน ข้าขอความช่วยเหลืออะไรจากเจ้าหน่อยได้หรือไม่?”
จางเถียซานไม่สนใจ เขาไม่ต้องการจะเสวนากับนางเลยแม้แต่น้อย
หลี่เหอฮว๋าย่นจมูกไม่พอใจ แต่ไม่มีทางเลือกอื่น เมื่ออยู่ใต้ชายคาบ้านคนเราต้องก้มหัวลงให้ได้* ถ้าหากต่อไปนางเจริญก้าวหน้าขึ้น...
*หมายถึงเมื่อมีอำนาจบารมีไม่เท่าคนอื่น ทางที่ดีควรก้มหัว/ยอมให้กับคนที่มีอำนาจมากกว่า ไม่เช่นนั้นอาจนำภัยมาสู่ตัว
หลี่เหอฮว๋าได้สติกลับมาจากจินตนาการของตนพลางกล่าวต่อ “จางเถียซาน ข้าขอยืมเงินเจ้าหน่อยได้หรือไม่?” กล่าวแล้วก็รีบเอ่ยเสริมในทันทีว่า “เจ้าไม่ต้องห่วงนะข้าจะใช้คืนให้แน่นอน ข้าจะทำหนังสือสัญญาให้เจ้าด้วย”
น่าเศร้าที่คำพูดของหลี่เหอฮว๋าได้รับการตอบสนองจากจางเถียซานเป็นสายตาเย็นชาที่มีทั้งความรังเกียจและคำเตือนอยู่ในนั้น
หลี่เหอฮว๋าขบริมฝีปากล่างของตนอย่างโกรธเคืองและตัดสินใจเพิกเฉยต่อสายตาเย็นชาของเขาพลางกล่าวต่อ “จางเถียซาน ข้าอยากจะทำขนมไปขายตามข้างทางแต่ข้าไม่มีถั่วแดง ไข่หรือว่าน้ำตาลเลย หากเจ้าให้ข้ายืมเงินข้าจะเอาไปซื้อของพวกนี้ พอหาเงินได้แล้วข้าจะเอามาใช้เจ้าทันทีเลยดีหรือไม่? เจ้าไม่ต้องกลัวนะว่าข้าจะขายไม่ได้ ข้าทำได้อร่อยมาก พอข้าทำเสร็จแล้วเจ้าก็ลองเอาไปชิมดูดีหรือไม่?”
หลี่เหอฮว๋ายกเหตุผลทั้งหมดมาเกลี้ยกล่อมเขา นางพูดรวดเดียวจบจากนั้นก็มองไปที่ชายหนุ่มอย่างประหม่าทั้งคาดหวังว่าเขาจะตอบตกลง
ชายหนุ่มหลุดคำพูดออกมาประโยคเดียว “ไปให้พ้น! อย่ามาเกะกะที่นี่”
หลี่เหอฮว๋า “...”
หลี่เหอฮว๋าไม่ล้มเลิกและยังคงตื้อต่อไป “ถ้าเจ้าไม่เชื่อว่าข้าจะหาเงินมาได้ ข้าจะทำมาให้เจ้ากินตอนนี้เลยดีไหม? ชิมแล้วเจ้าจะได้รู้ว่าจะขายได้หรือไม่ ตกลงไหม?”
ไม่มีการตอบกลับ
หลี่เหอฮว๋ากล่าวต่อ “ถ้าเจ้าไม่ชอบ ข้าจะทำให้ลูกกิน เด็กเล็กๆ ชอบกินขนม มันอร่อยจริงๆ นะ เจ้าแค่ให้เขาลองกินดูตกลงไหม?”
ยังคงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
หลี่เหอฮว๋ากล่าวต่อไปอีก “จางเถียซาน ข้าแค่อยากจะทำขนมไปขายเพื่อหาเงินจริงๆ ข้ามีเงินติดตัวอยู่แค่ 5 อีแปะเท่านั้น เจ้าให้ข้ายืมเงินนิดเดียวเท่านั้นไม่ต้องมากแค่ 20 อีแปะเท่านั้น เถอะนะ! ไม่มากเลย แล้วข้าจะใช้คืนให้เจ้า 30 อีแปะ! เช่นนี้เจ้าจะได้เงินไปเลย 10 อีแปะ”
ชายหนุ่มยังคงทำเหมือนไม่ได้ยินอะไรเช่นเดิม เขาทำเหมือนเพิกเฉยต่อนาง แต่ท่าทางของเขาตอนผ่าฟืนเริ่มรุนแรงขึ้นและเสียงก็ดังขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าเขากำลังเฉาะร่างใครบางคนอยู่ หลี่เหอฮว๋ากลัวว่าชายหนุ่มที่ทนต่อไปไม่ไหวจะหันมาเฉาะร่างนางในอึดใจต่อมา
หลี่เหอฮว๋ารวบรวมความกล้าลองพยายามอีกเป็นครั้งสุดท้าย “จางเถียซาน เจ้าเกลียดข้าไม่ใช่หรือ? หากข้าหาเงินมาได้ข้าจะได้ออกจากที่นี่ไปโดยเร็วไงละ ถึงตอนนั้นเจ้าก็ไม่ต้องเห็นข้าอีกแล้ว ให้ข้ายืมเงินเป็นเรื่องดีสำหรับเจ้านะ และข้าจะคืนเงินให้เจ้าแน่นอน”
หลังพูดประโยคเหล่านี้ออกไปแล้วหลี่เหอฮว๋าก็หมดคำพูดแล้วจริงๆ หากเขายังไม่ไม่ให้ยืมอีก นางก็ได้แต่ต้องยอมแพ้แล้ว
สายตาจับจ้องอยู่ที่จางเถียซานอย่างเงียบๆ รอคอยการตอบสนองจากเขา
จางเถียซานหยุดผ่าฟืนแล้วยืดตัวขึ้นสายตาเยือกเย็นมองมาที่หลี่เหอฮว๋าพร้อมกับถือขวานอยู่ในมือ
ในชั่วขณะที่หลี่เหอฮว๋ากำลังคิดว่าชายหนุ่มจะหันมาทำร้ายตน เขาล้วงมือเข้าไปในเสื้อคลุมหยิบพวงเหรียญทองแดงออกมาพวงหนึ่งแล้วยื่นให้นาง
ดวงตาหลี่เหอฮว๋าเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจแล้วยื่นมือออกไปเพื่อจะหยิบมันมา ทว่าคว้าได้เพียงความว่างเปล่า นางอดคิ้วขมวดใส่เขาไม่ได้
นางเห็นชายหนุ่มกำเงินเอาไว้พลางพูดอย่างเฉยชา “ให้เจ้ายืมเงินก็ได้ แต่เจ้าจะต้องย้ายออกไปภายใน 2 เดือน และต่อไปจะต้องไม่เหยียบย่างมาที่หมู่บ้านแห่งนี้หรือมาให้พวกข้าเห็นหน้าเจ้าอีก ถ้าเจ้าไม่ทำตามนี้ก็อย่าโทษว่าข้าไม่เกรงใจ”
หลี่เหอฮว๋าใคร่ครวญแล้วก็พยักหน้า “ตกลง ข้าสัญญา” ถึงอย่างไรนางก็ไม่ได้อยากจะอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว ต่อไปวันหน้านางจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับที่นี่อีก และจะไม่มีปฏิสัมพันธ์ใดๆ กับพวกเขาอีกเลย
..........................................
(1) ขนมถั่วแดง
(2) ขนมไข่