สวี่เฉียวหลีลุกขึ้นจากเตียง เธอรู้สึกปวดหัวตุบๆ รู้สึกว่าร่างกายหนักอึ้งอย่างบอกไม่ถูก ร่างกายของเธอร้อนผ่าว สงสัยไข้เล่นงานเข้าแล้ว เนื่องจากกัวอันอันถูกปลดอย่างกะทันหัน โจวเจี๋ยหมิงจึงต้องหานักแสดงมาแทนโดยด่วน จนกว่าจะหานักแสดงมาแทนได้ วันนี้คงถ่ายฉากของเธอกับกู้เฉิงไปก่อน
สวี่เฉียวหลีลุกขึ้นไปอาบน้ำ เผื่อว่าความเย็นจากน้ำจะช่วยให้เธอรู้สึกสบายตัวขึ้น จากนั้นเธอโทรไปขอยาลดไข้จากหลี่เยี่ยน
“ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้น สวี่เฉียวหลีเดินไปเปิดประตู หลี่เยี่ยนเดินเข้ามาในห้องและวางกระปุกยาลงบนโต๊ะ
“เฉียวหลี เป็นยังไงบ้าง? ปวดหัวมากไหม?” หลี่เยี่ยนเอ่ยถาม พลางเทน้ำใส่แก้ว
“ไม่เป็นไรมากค่ะ แค่ปวดหัวนิดหน่อย” สวี่เฉียวหลีตอบ รับแก้วน้ำและยาจากมือของหลี่เยี่ยนมา จากนั้นก็กลืนยาลงคอและตามด้วยน้ำ
“แต่หน้าเธอดูแดงๆ นะ ให้พี่บอกผู้กำกับโจวให้ไหม? ให้เธอพักก่อน แล้วให้พวกเขาถ่ายฉากของกู้เฉินไปก่อน” หลี่เยี่ยนเสนอ
“ไม่เป็นไรค่ะ กินยาแล้วไม่เป็นไรหรอก” สวี่เฉียวหลีตอบ เธอพยายามร่าเริงสู้กับพิษไข้ในร่างกาย
“เอางั้นก็ได้ แต่ถ้าไม่ไหวก็อย่าฝืนนะ ไม่งั้นประธานเจียงเอาพี่ตายแน่เลย ที่ดูแลเธอไม่ดี” ได้ยินเช่นนั้น สวี่เฉียวหลีก็ชะงักไปเล็กน้อย เธอยากจะสวนตอบกลับไป แต่ยิ่งพูดก็ยิ่งดูเหมือนร้อนตัว เรื่องเธอกับเจียงจื่อเฉิงถูกคนลือไปผิดๆ และคนที่เป็นตัวการก็ไม่เคยออกมาแก้ข่าว ไว้รอถ่ายหนังเรื่องนี้จบ เธอค่อยออกมาแก้ข่าวเรื่องนี้แล้วกัน
“ค่ะ ถ้าไม่ไหว ฉันจะบอกพี่แล้วกัน” สวี่เฉียวหลียิ้ม “ไปกันเถอะค่ะ ป่านนี้เสี่ยวอี้รอแย่แล้ว” สวี่เฉียวหลีสะพายกระเป๋าเดินออกไป สวี่เฉียวหลีและหลี่เยี่ยนเดินไปที่ห้องอาหารของโรงแรม เจียงเสี่ยวอี้และเฉินฉือรอเธออยู่ที่นั่นก่อนแล้ว
“หลีหลี ทางนี้!” เด็กน้อยโบกมือไปมาเรียกเธอ สวี่เฉียวหลียิ้มอ่อน สาวเท้าเดินไปหาเจียงเสี่ยวอี้ทันที
เมื่อเธอนั่งลง เจียงเสี่ยวอี้ก็พูดว่า “หลีหลี เธออยากกินอะไร? เดี๋ยวให้เฉินฉือไปตักมาให้” ได้ยินดังนั้น เฉินฉือก็หันขวับไปมองเด็กน้อยข้างตัว มันเรื่องอะไรที่เขาต้องไปตักข้าวด้วย? เขาไม่ใช่เบ๊นะ!
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวพี่ไปตักให้เอง เอาเป็นโจ๊กแล้วกันนะ กินอ่อนๆ หน่อยดีต่อร่างกาย” หลี่เยี่ยนเอ่ย จากนั้นเดินไปตักโจ๊กให้เธอ
“หลีหลี เธอโอเคแล้วใช่ไหม? เรื่องเมื่อวานนี้มันบ้าบอชะมัด ไม่นึกว่านังแม่มดกัวอันอันจะอาละวาดแบบนั้น ฉันโทรไปบอกพี่ให้จัดการนังแม่มดนั่นแล้ว เธอไม่ต้องห่วงนะ” เจียงเสี่ยวอี้ทำปากยู่ มองสวี่เฉียวหลีคล้ายว่าเธอเป็นเหยื่อที่น่าสงสารและไม่ได้รับความยุติธรรม
“แต่เธอก็เก่งนะ ถีบนังแม่มดนั่นจนตัวลอยเลย” เฉินฉือเอ่ยชม
“เท้ามันกระตุกไปเองน่ะ” สวี่เฉียวหลียิ้ม เฉินฉือเลิกคิ้ว มองเด็กสาวตรงหน้า สงสัยจะไม่ได้เป็นไรมากแล้วมั้ง ยังปากดีเหมือนเดิม
“วันนี้พวกเราสองคนต้องกลับแล้วล่ะ เมื่อเช้าพี่โทรมาตามตัวให้กลับแล้ว” เจียงเสี่ยวอี้ทำหน้าบูด เธอยังไม่อยากกลับ แต่พี่บอกให้เธอกลับ และเธอก็ขัดคำสั่งของพี่ไม่ได้
“ไม่เป็นไร กลับเถอะ อยู่นี่ก็ไม่มีอะไรทำ ฉันก็ยุ่งกับการถ่ายทำ ไม่มีเวลาอยู่ด้วยกับพวกเธอ” สวี่เฉียวหลีเอ่ย เมื่อทุกคนกินข้าวอิ่มแล้ว เจียงเสี่ยวอี้และเฉินฉือก็พากันกลับ ส่วนสวี่เฉียวหลีก็ขึ้นรถของกองถ่ายไปถ่ายทำฉากต่อจากเมื่อวานที่โลเคชั่นเดิม
เนื่องจากสวี่เฉียวหลีเป็นไข้ การเคลื่อนไหวของเธอจึงช้ากว่าเดิมเล็กน้อย แต่กระนั้นการถ่ายทำก็ผ่านพ้นไปด้วยดี เมื่อถ่ายทำฉากที่สองของวันนี้เสร็จ โจวเจี๋ยหมิงก็เดินมาบอกว่าบทของกัวอันอันได้ไป๋หลิงหลิงมารับบทแทน และแน่นอนว่าเรื่องนี้คงหนีไม่พ้นเจียงจื่อเฉิง สวี่เฉียวหลีคิดในใจ ถ้าไม่ใช่เขา ก็ไม่มีใครกล้าแล้ว
สวี่เฉียวหลีเดินไปนั่งพักในร่ม เธอนั่งลงบนเก้าอี้สนาม ล้วงหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าที่วางอยู่ออกมาดู เป็นสายไม่ได้รับจากไป๋หลิงหลิงและ...เจียงจื่อเฉิง
ไป๋หลิงหลิงคงโทรมาบอกเธอเรื่องที่ได้มารับบทแทนกัวอันอัน ส่วนเจียงจื่อเฉิง เธอไม่อยากรู้สักนิดว่าเขาโทรมาทำไม เธอวางโทรศัพท์กลับเข้าที่เดิม จากนั้นก็เอนหลังพิงเก้าอี้ หลับตาเล็กน้อย ดูเหมือนไข้จะไม่ลดลงเลย หลับไปได้ครู่หนึ่ง เธอก็รู้สึกเย็นที่ข้างแก้ม เธอลืมตาขึ้น หางตาเห็นเป็นกู้เฉินที่เอาขวดน้ำเย็นแนบแก้มเธออยู่
“ไม่สบายทำไมไม่บอก?” กู้เฉินถาม วันนี้ช่วงเช้าตอนที่เข้าฉากกัน มีการจับมือถือแขน เขาจึงรู้ว่าเด็กสาวตรงหน้าไม่สบาย เพราะตัวเธอร้อนทีเดียว และแก้มสองข้างก็แดงระเรื่อ การเคลื่อนไหวและการตอบสนองของเธอก็ช้าไปเล็กน้อย คนอื่นอาจไม่ทันสังเกตเห็น แต่ไม่ใช่เขา ดังนั้นเมื่อถ่ายฉากช่วงเช้าเสร็จ เขาจึงเดินไปบอกผู้กำกับโจวว่าเธอไม่สบาย และวันนี้ไม่ต้องถ่ายฉากที่มีเธอ ให้ถ่ายฉากของเขากับคนอื่นไปก่อน
เมื่อโจวเจี๋ยหมิงรู้ เขาก็นิ่วหน้า ไม่ใช่ว่าไม่พอใจ แต่กลัวว่าเจียงจื่อเฉิงจะถลกหนังเขาน่ะสิ หากรู้ว่าเขาปล่อยให้สวี่เฉียวหลีถ่ายทำทั้งๆ ที่ไม่สบาย ดังนั้นวันนี้สวี่เฉียวหลีไม่ต้องถ่ายทำต่อ ไว้ให้เธอดีขึ้นค่อยว่ากัน ทีแรกเขาจะเป็นคนเดินไปบอกสวี่เฉียวหลีด้วยตัวเอง แต่กู้เฉินบอกว่าเขาไปบอกเองดีกว่า
สวี่เฉียวหลีกระพริบตามองคนตรงหน้า ในใจเกิดบางอ้อ วันนี้มีฉากแตะตัวกันนิดหน่อย เขาคงรู้ว่าเธอไม่สบายเพราะตัวเธอร้อนสินะ จากนั้นสวี่เฉียวหลีก็ยิ้มให้ชายหนุ่ม “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันยังไหว”
กู้เฉินวางขวดน้ำลงข้างตัว ตอนนี้เขานั่งที่เก้าอี้สนามตัวถัดไปจากเธอนิดหน่อย “หน้าแดงขนาดนี้ ยังบอกว่าตัวเองไหว กลับไปพักที่โรงแรมก่อนเถอะ ฉันบอกผู้กำกับโจวแล้วว่าเธอไม่สบาย วันนี้ไม่ต้องถ่าย รอดูอาการพรุ่งนี้อีกทีค่อยว่ากัน”
“แต่...” สวี่เฉียวหลีจะแย้ง แต่กู้เฉินหันไปพูดกับหลี่เยี่ยนที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลว่า “พาเธอกลับไปพักที่โรงแรมเถอะครับ ผมบอกผู้กำกับโจวให้แล้ว ถ้าเย็นนี้ไม่ดีขึ้น ก็ค่อยพาเธอไปหาหมอ” กู้เฉินไม่ปล่อยโอกาสให้เธอพูด หลี่เยี่ยนพยักหน้ารับ จากนั้นกู้เฉินก็ลุกขึ้นยืน แล้วพูดว่า “พักผ่อนให้หายดี วันนี้ถ่ายฉากคนอื่นไปก่อนก็ไม่เป็นไร หรือเธอจะปล่อยตัวเองให้เป็นหนักก่อน แล้วตอนนั้นถึงค่อยยอมนอนพัก?” พูดจบ เขาก็เดินไปอีกทาง ทิ้งให้สวี่เฉียวหลีได้แต่อ้าปากค้าง สวี่เฉียวหลีทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่กลับไปนอนพักที่โรงแรม
เมื่อมาถึงโรงแรม หลี่เยี่ยนบอกว่าจะไปซื้อยาและข้าวมาให้เธอ ส่วนเธอขึ้นไปนอนรอที่ห้องก่อน สวี่เฉียวหลีพยักหน้ารับ จากนั้นก็หมุนตัวเดินเข้าไปในล็อบบี้โรงแรม ขณะที่กำลังจะเดินผ่านหน้าล็อบบี้ไปยังลิฟต์ หน้าจอโทรทัศน์ในล็อบบี้ก็กำลังรายงานข่าวเกี่ยวกับบริษัท TF เนื้อหาข่าวคือหุ้นของ TF ล่วงระนาวเพียงชั่วข้ามคืน ตอนนี้ทางตำรวจกำลังสืบสวนบริษัทที่มีรายงานมาว่ามีการเอาไอดอลไปขายตัวให้พวกเศรษฐี ตอนนี้ผู้บริหารของบริษัท TF ต่างเก็บตัวเงียบ ไม่ยอมออกมาให้ข่าว
สวี่เฉียวหลีหันหน้าไปมองหน้าจอโทรทัศน์ เธอมองอย่างสนใจ นั่นมันบริษัทของครอบครัวเหยียนหนานเซิงไม่ใช่เหรอ? ใครกันที่ไปแจ้งความกับตำรวจ เจียงจื่อเฉิง? ชื่อนี้ผุดขึ้นมาในความคิดของเธอทันที หากเป็นคนอื่นไปแจ้งความ คิดว่าตำรวจคงไม่กระตือรือร้นแบบนี้แน่นอน คงปล่อยผ่านไปเลยตามเลย คนที่แจ้งความและเอาข้อมูลให้ตำรวจต้องเป็นคนที่มีเงินและอำนาจมากพอตัว และแน่นอนว่าต้องมากกว่าตระกูลเหยียน และคนที่สามารถทำให้หุ้นของบริษัทตกได้เพียงชั่วข้ามคืน เธอนึกถึงใครไม่ออกนอกจากเจียงจื่อเฉิง
แต่คนอย่างเขาเนี่ยนะ เธอไม่อยากเชื่อว่าเขากล้าทำจริงๆ หรือว่าเขารู้ความจริงแล้ว? เขารู้ว่าเหยียนหนานเซิงเป็นคนทำเรื่องเลวทั้งหมด? และกระทู้นั่น เป็นเขาใช่ไหมที่เป็นคนปิด? คำถามมากมายหลั่งไหลออกมา สวี่เฉียวหลีจมอยู่กับความคิด เธอไม่รู้ว่าตัวเองเดินเข้าไปในลิฟต์ตั้งแต่เมื่อไหร่ และเดินออกจากลิฟต์ไปที่ห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ และไม่ได้ยินว่ามีเสียงลิฟต์เปิดและปิดตามหลังมา
ขณะที่เธอกำลังเดินกลับไปที่ห้องพัก ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่ามีคนตระครุบเธอจากด้านหลัง จับมือเธอไพล่ไปด้านหลังและใช้เชือกมัดอย่างรวดเร็ว และปากของเธอก็ถูกสก็อตเทปปิดปากอย่างไว จากนั้นก็มีคนเอาถุงดำครอบศีรษะเธอ ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก จนเธอไม่ทันได้ตั้งตัวและขัดขืน และตอนนี้เธอยิ่งไร้เรี่ยวแรงเพราะพิษไข้ เธอไม่รู้ว่าตัวเองถูกพาไปที่ไหน หรือออกจากโรงแรมได้ยังไง รู้ตัวอีกทีก็ถูกอุ้มไปขึ้นรถ
เสียงปิดประตูรถตามหลัง จากนั้นเครื่องยนต์ก็ถูกสตาร์ท และรถก็เคลื่อนที่ไปข้างหน้า สวี่เฉียวหลีรู้สึกมึนงง พยายามจับต้นชนปลายทั้งๆ ที่สมองกำลังจะระเบิด เธอรู้สึกว่าพิษไข้กำลังเล่นงานเธออย่างหนัก เธอสะบัดหน้าแรงๆ เพื่อเรียกสติที่มีอยู่น้อยนิดให้ตื่นตัว ตอนนี้เธอถูกลักพาตัว แต่โดยใครล่ะ? ใครกันที่ลักพาตัวเธอ?
ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะแหลมๆ ดังขึ้นที่ข้างหู มีคนดึงถุงดำที่คลอบศีรษะเธอออกไป ดวงตาคู่โตและรอยยิ้มบิดเบี้ยวคล้ายคนเสียสติก็ปรากฏขึ้น
เหยียนหนานเซิง!
สวี่เฉียวหลีตะลึง คนตรงหน้าเธอคือเหยียนหนานเซิงแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่าหล่อนดูไม่ปกติ ปากฉีกยิ้มกว้างแต่ดวงตากลับแข็งค้าง
“สวัสดี” เหยียนหนานเซิงยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาของหล่อนปูดโปนเหมือนคนไม่ได้นอนมาทั้งคืน