Your Wishlist

จอมยุทธ์เจ้ายุทธจักร (สตรีสังหาร)

Author: หยกเหินลม

เมื่อยุทธภพแบ่งออกเป็นสอง มารยึดครองยุทธจักร คัมภีร์ยุทธ์ที่สาบสูญกลับคืนสู่บู๊ลิ้ม บุญคุณความแค้นรอการสะสาง หนี้เลือดต้องล้างด้วยเลือด เด็กน้อยผู้หนึ่งจะก้าวขึ้นมาเป็นเจ้ายุทธจักรได้เช่นไร หนึ่งคัมภีร์สยบกระบวนท่า หนึ่งเคล็ดวิชาดรรชนี สุริยันจันทราปรากฏในปถพี สยบไปหมื่นลี้ร้อยมณฑล

จำนวนตอน :

สตรีสังหาร

  • 21/09/2565

ตอนที่ 182

สตรีสังหาร

กระสอบผ้าซึ่งถูกผูกปากแน่นหนาด้วยเชือกหนังวัวถูกแก้คลายออก ต๊กม้อเต็กลามะ จี้ปลายนิ้วไปตามจุดชีพจร สกัดจุดเคลื่อนไหวเอาไว้ป้องกันความผิดพลาด วิชาจี้สกัดจุดของลามะชั่วรูปนี้นับว่าร้ายกาจพิสดารนัก หากคิดจะคลายจุดได้ด้วยตนเอง เห็นทีว่าจะไม่มีหนทางเป็นไปได้เด็ดขาด

วานรเหินเส้าฮ่วยฮวย ค่อย ๆ ฟื้นคืนสติขึ้นมาอย่างช้า ๆ มองเห็นภาพเบื้องหน้าดั่งมายาเลื่อนลอย สายตาที่พร่าเลือนรางดั่งเมฆหมอกขวางกั้นอยู่ชั้นหนึ่ง หลังจากกลอกกลิ้งดวงตาไปมาอยู่เที่ยวหนึ่ง จึงค่อยทราบว่าเกิดเรื่องราวใดขึ้นกับตนเอง

วานรเหินเส้าฮ่วยฮวย ส่งเสียงตวาดเกรี้ยวกราดดังว่า

“ชาติชั่ว เจ้าตัวบัดซบ พวกท่านทั้งสามเลวทรามต่ำช้า จับตัวเรามาต้องการสิ่งใด?”

ต๊กม้อเต็กลามะ ส่งเสียงหัวร่อมิสำรวม ขยับห่วงทองคู่ที่พาดเฉียงอยู่บนหัวไหล่และหน้าอก ส่งเสียงกล่าวตอบว่า

“วานรเหินเส้าฮ่วยฮวย ประสกกล่าวด่าได้ไม่เลว งดงามสะคราญโฉมเช่นประสก ถึงแม้อายุอานามจะล่วงเลยวัยกลางคนไปบ้าง แต่รูปร่างยังคงอัดแน่นเต่งตึง ถึงแม้นจะอายุมากไม่นิดแต่ไม่ถึงกับแก่ชรา นับว่ายังพอใช้งานได้ดีอยู่”

วานรเหินเส้าฮ่วยฮวย ขบกรามกรอดแต่ไม่อาจขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวร่างกายได้ แต่กระนั้นประสบการณ์นางโจรเช่นนาง หนทางที่จะหลุดรอดออกไปได้ มีเพียงแต่ต้องใช้เสน่หามารยาสตรีเข้าช่วย พวกมันทั้งสามแสดงสีหน้าสายตาเยี่ยงสัตว์ป่าดุร้าย หมายขย้ำเนื้อลูกแกะในวงล้อม วานรเหินเส้าอ่วยฮวยมองเพียงปราดเดียว ก็ดำเนินแผนการในใจขึ้นมาได้ ส่งเสียงเอ่ยกล่าวกับอินทรีกลางฟ้าหว่าเกาเฉิง และหัตถ์อมตะหลี่ปู้เหว่ยว่า

“พวกท่านทั้งสองก็คิดแตะต้องข้าพเจ้าด้วย แท้จริงพวกท่านทั้งสองก็ไม่เลวนัก เพียงแต่ยังน่าหัวร่ออยู่บ้าง ถึงกับยอมตกเป็นเบี้ยล่างของลามะชั่วรูปนี้ มันเพียงผู้เดียวแม้มีฝีมือสูงส่ง แต่หากพวกท่านทั้งสองร่วมมือกันจนสุดกำลัง มีหรือที่จะสู้มันมิได้ หรือว่าพวกท่านทั้งสอง ไม่คิดจะครอบครองข้าพเจ้าก่อนมัน?”

เจ้าสำนักฝ่ามือโลหิต กับเจ้าสำนักอินทรีขาว หันสบสายตากันประกายสายตาแวววาวราวพยัคฆ์ดุจอินทรี สตรีเป็นบ่อเกิดแห่งเภทภัยหายนะ คำกล่าวนี้มิผิดเพี้ยนไปเลยจริง ๆ วานรเหินเส้าฮ่วยฮวย ส่งเสียงเร่งเร้ากระตุ้นว่า

“หากพวกท่านทั้งสองมิคิดแตะต้องข้าพเจ้าก็แล้วกันไปเถิด แต่หากเป็นลามะชั่วรูปนี้คิดย่ำยีข้าพเจ้า ได้แต่ตัดใจกัดลิ้นตนเองยอมตายถ่ายเดียว”

ต๊กม้อเต็กลามะ ส่งเสียงหัวร่อฮา ๆ กล่าวว่า

“ประสกเส้าฮ่วยฮวย คิดจะกัดลิ้นตนเองหนีตายคิดว่าไม่สะดวกสบายนัก คิดจะใช้อุบายหลอกล่อให้พวกเราทั้งสามแตกคอกันยิ่งไม่ง่ายดายเช่นกัน อาตมาไม่ให้ประสกกระทำการเช่นนั้นได้ง่ายดายดอก”

กล่าวจบ ต๊กม้อเต็กลามะ จี้นิ้วปราดเข้าที่บริเวณใต้ติ่งหูของวานรเหินเส้าฮ่วยฮวย ส่งผลให้นางกรามค้างไม่อาจขยับปากพูดจาได้ ต๊กม้อเต็กลามะส่งเสียงหัวร่อในลำคอฮึ ๆ กล่าวต่อว่า

“ประสกเส้าฮ่วยฮวย ร่างกายของท่านมิอาจขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวได้ อีกทั้งปากยังส่งเสียงกล่าววาจามิได้อีกด้วย แต่ทว่าเสียงครวญครางในลำคอยังพอจะกระทำได้ดีอยู่ ประสกเส้าฮ่วยฮวยคงพอใจในสิ่งที่อาตมากำลังจะหยิบยื่นมอบให้แก่ประสก”

กล่าวจบต๊กม้อเต็กลามะ ถอดห่วงทองสองวงบรรจงวางไว้บนโต๊ะเตี๊ย โอบอุ้มร่างวานรเหินเส้าฮ่วยฮวยนอนราบลงบนตั่งเตียง ต่อจากนั้นมันถอดพวงประคำสีดำสนิทเส้นที่คล้องอยู่วางไว้บนหัวตั่ง หลังจากนั้นมันใช้สายตาลามกแทะโลมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าของนาง แล้วถอดจีวรส่วนบนของมันออกโยนลงข้างเตียง พลางส่งเสียงกล่าววาจากับสองเจ้าสำนักว่า

“พวกท่านทั้งสองออกไปรออาตมาด้านนอกก่อน คอยดูต้นทางให้ดีอย่าให้มีผู้ใดเข้าใกล้บริเวณนี้เป็นเด็ดขาด หลังจากเราเสร็จธุระแล้ว พวกท่านทั้งสองค่อยเข้ามา เมื่อถึงเวลานั้นนางได้แต่ยอมตามใจพวกท่านไม่กล้าขัดใจแล้ว”

หัตถ์อมตะหลี่ปู้เหว่ย กับอินทรีกลางฟ้าหว่าเกาเฉิง สบตากันวูบหนึ่งหันสบตากับวานรเหินเส้าฮ่วยฮวยพร้อมกัน จากนั้นพากันก้าวเท้าออกไปจากห้องปิดประตูลง

วานรเหินเส้าฮ่วยฮวย คล้ายทราบชะตากรรมของตนเองแล้ว แต่กระนั้นสายตาหาได้อ่อนข้อต่อลามะชั่วไม่ ในสถานการณ์อันชั่วร้ายนี้ นางคล้ายหวนนึกถึงผลกรรมการกระทำของตนเองที่ผ่านมา หากย้อนเวลากลับไปได้ นางจะมิก่อกรรมทำชั่วกับผู้ใดอีก พร้อมทั้งจะเกลี้ยกล่อมพี่ใหญ่ของนางให้วางมือจากแผนการใหญ่ที่วางไว้ อีกทั้งหนี้แค้นของบิดามารดายังมิทันได้สะสาง อดคิดถึงบรรดาจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ทั้งหลาย นางเข้าใจความรู้สึกของพวกเขากระจ่างแล้วในเวลานี้ พลันครุ่นคิดขึ้นว่า

“เราวานรเหินเส้าฮ่วยฮวย เข้าใจความรู้สึกของพวกเจ้าแล้ว เรื่องราวที่เราได้กระทำลงไป ได้แต่น้อมรับผลกรรมที่ต้องชดใช้ เพียงแต่ยังรู้สึกสำนึกเสียใจอยู่บ้าง เรายังมิได้ทำความดีลบล้างความผิด ในเวลานี้แม้เราคิดจะส่งเสริมพวกเจ้า แต่เราก็ตกอยู่ในสถานการณ์อันวิกฤติ แต่...เอ๊ะ...”

วานรเหินเส้าฮ่วยฮวย คล้ายนึกถึงสิ่งใดขึ้นมาได้ ใช่แล้วแม้นางจะขยับร่างกายมิได้ ขยับปากส่งเสียงกล่าววาจามิได้ แต่นางยังมิได้สูญเสียวรยุทธ์ ภายในปากของนางใต้โคนลิ้นซุกซ่อนถุงยาพิษเล็ก ๆ เอาไว้ เพื่อใช้ในยามคับขันฆ่าตัวตาย

ยามนี้ วานรเหินเส้าฮ่วยฮวย นางมิได้คิดถึงการฆ่าตัวตายอีกแล้ว นางกำลังคิดถึงวิธีการที่จะใช้ถุงยาพิษนี้ จัดการกับต๊กม้อเต็กไต้ซือได้เช่นไร ในที่สุดนางกำหนดแผนการขึ้นมาจนได้

ต๊กม้อเต็กลามะชั่ว ถูกไฟราคะลุกท่วมบดบัง กระทั่งชะตากรรมของตนเองยังไม่คิดจะระแวดระวัง เพื่อต้องการพิชิตอิสตรีถึงกับยอมแลกกับเภทภัยใหญ่หลวงที่กำลังจะติดตามมา

ในยามนี้สองมือของต๊กม้อเต็กลามะโอบกอด จมูกปากสอดละเลงไล้ไปตามซอกคอติ่งหู วานรเหินเส้าฮ่วยฮวยหลับตาพริ้ม ส่งเสียงครางเบา ๆ อยู่ในลำคอ ต๊กม้อเต็กลามะกระหยิ่มยิ้มย่อง ถึงเช่นไรสตรียังตกเป็นเครื่องมือของบุรุษเพศ มิเช่นนั้นจะให้กำเนิดทารกหญิงชายออกมาได้อย่างไร

ริมฝีปากอวบอิ่มยั่วยวนภายในอ้อมแขนของมัน สะกดให้มันเคลิบเคลิ้มลืมสิ้นทุกเรื่องราว ประกบริมฝีปากหยาบหนาหนวดเครารุงรังกับปากอวบอิ่มของวานรเหินเส้าฮ่วยฮวย นางส่งเสียงครวญครางในลำคอเร่าร้อน พร้อมกับดวงตาที่หลับพริ้มพลันลืมตาขึ้น วัตถุหนึ่งถูกบังคับด้วยลมปราณพุ่งผ่านริมฝีปากหยาบหนาของมัน ผลุบหายเข้าไปในคอหอยโดยมิทันได้ระวัง

ต๊กม้อเต็กลามะ ผละร่างถอยหลัง สองมือเกาะกุมลำคอตนเองวุ่นวาย รีบเกร็งลมปราณจากในท้องน้อย หมายจะขย้อนวัตถุแปลกปลอมออกมา แต่ทว่าถุงยาพิษเปราะบางยิ่ง ถึงกับระเบิดแตกออกอยู่ในกระเพาะ ลามะชั่วรู้สึกร้อนฉ่าวูบวาบรุนแรงภายในท้องน้อย ฉุกคิดว่าผิดท่ารีบหยุดยั้งเสียกลางคัน แค่นเสียงเกรี้ยวกราดตวาดถามว่า

“เป็นสิ่งใด? อยู่ในท้องเรา รีบบอกกล่าวออกมาเร็วเข้า”

วานรเหินเส้าฮ่วยฮวย กลอกกลิ้งดวงตาไปมาบ่งบอกว่าไม่อาจส่งเสียงกล่าววาจาได้ ต๊กม้อเต็กลามะรีบจี้ปลายนิ้วปราดคลายจุดให้ เมื่อส่งเสียงได้วานรเหินเส้าฮ่วยฮวยกล่าวตอบว่า

“ลามะชั่ว ยังมิทันสว่างสักเท่าใด? ยังมิได้เวลาอาหารท่านก็หิวโหยแล้ว ตะกละตะกลามมูมมามเยี่ยงท่าน กลืนกินสิ่งใดลงท้องตนเองไปยังไม่ทราบอีก เอาเถิดข้าพเจ้าจะบอกให้เอาบุญ สิ่งที่ท่านกลืนกินลงไปเมื่อครู่ เป็นถุงยาพิษฆ่าตัวตาย ท่านรีบกลืนกินลงไปก่อนฉันเช้าเช่นนี้ เห็นทีอีกไม่กี่อึดใจต้องตายอย่างทรมาน”

ต๊กม้อเต็กลามะ สีหน้าแตกตื่น ส่งเสียงตวาดเกรี้ยวกราดว่า

“วานรเหินเส้าฮ่วยฮวย เช่นนั้นท่านต้องตายก่อนเรา”

ต๊กม้อเต็กลามะกล่าวจบ คิดถาโถมเข้าหาวานรเหินเส้าฮ่วยฮวยบนตั่งเตียง แต่ทว่านางส่งเสียงห้ามปรามเอาไว้เสียก่อนว่า

“ลามะโฉด อลัชชีชั่ว ท่านต้องการเร่งเร้าความตายกระนั้นรึ? หากท่านใช้กำลังแต่เพียงน้อยนิด พิษจะยิ่งกระจายไปทั่วร่างรวดเร็วยิ่งขึ้น มีเพียงวิธีเดียว นั่นคือจี้สกัดจุดห้ามพิษเอาไว้ภายในท้องน้อยเสียก่อน แล้วค่อยรีบหายาถอนพิษกลืนกินลงไปท่านอาจจะมิตายก็ได้”

วานรเหินเส้าฮ่วยฮวย แม้จะขยับร่างกายมิได้ แต่นางคล้ายกำหมากเหนือกว่าอยู่ตาหนึ่ง รีบส่งเสียงกล่าววาจาต่อว่า

“ต๊กม้อเต็กไต้ซือ หากท่านสกัดจุดต้านพิษด้วยตนเอง เกรงว่าต้องใช้พลังวัตรมากมาย นอกจากสกัดต้านพิษไว้ไม่ทันแล้ว ท่านจะต้องตายอนาถไปเสียก่อนแล้ว มีเพียงผู้อื่นจึงจี้สกัดต้านพิษให้กับท่านได้ หากเป็นเจ้าสำนักทั้งสอง ท่านลองคิดดูว่ามันจะมิฉวยโอกาสนี้กำจัดท่านให้พ้นทางดอกรึ?”

ต๊กม้อเต็กลามะ คล้ายเห็นด้วยกับคำพูดของวานรเหินเส้าฮ่วยฮวย ดังนั้นมันจึงส่งเสียงกล่าวถามว่า

“วานรเหินเส้าฮ่วยฮวย ท่านมีข้อแลกเปลี่ยนใดรีบกล่าวมา?”

วรนรเหินเส้าฮ่วยฮวย แย้มยิ้มกล่าวตอบว่า

“ข้อแลกเปลี่ยนง่ายดายนิดเดียว ง่ายดุจพลิกฝ่ามือ เพียงแต่ท่านไต้ซือคลายจุดให้กับข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าจะสกัดต้านพิษให้กับท่าน อาจไม่แน่นักหากท่านไต้ซือปฏิบัติตนอยู่โอวาทของข้าพเจ้า ยาถอนพิษนี้อาจส่งมอบใส่มือท่านง่ายดาย”

ต๊กม้อเต็กลามะ แสดงท่าทางครุ่นคิด ทางเลือกของมันมีไม่มากนัก หากรื้อค้นในตัววานรเหินเส้าฮ่วยฮวย แล้วไม่พบกับยาถอนพิษมันจะกระทำเช่นไร น้ำไกลมิอาจใช้ดับไฟใกล้ หากจะออกจากห้องนี้ไปขอความช่วยเหลือจากผีเสื้อหยกดำ ความจริงพอจะมีหนทางรอดอยู่บ้าง เพียงแต่หากไม่อาจฝ่าด่านสองเจ้าสำนักซึ่งอยู่ด้านหน้าห้องไปได้เล่า ถึงเวลานั้นมันก็ได้แต่ย่ำแย่แล้ว

วานรเหินเส้าฮ่วยฮวยเลิกคิ้วสูง แย้มยิ้มอย่างผู้กำชัยเหนือกว่า ส่งเสียงเอ่ยกล่าวต่อว่า

“ว่าเช่นไร? ท่านไต้ซือ หรือว่าท่านจะรอให้มันสองคนที่หน้าห้องผลักบานประตูเข้ามาก่อน เมื่อถึงตอนนั้นพวกมันสองคนได้ครอบครองตัวของข้าพเจ้า ส่วนท่านกลายเป็นผีเน่าปราศจากวิญญาณ ปกติในเหล่าบุรุษมีคำกล่าวหนึ่ง “หากเรามิได้ครอบครอง ท่านก็อย่าหมายว่าจะได้ไป” หรือว่าท่านไต้ซือจะยอมให้พวกมันสองคนเหยียบหยามท่านก่อนตายได้”

ต๊กม้อเต็กลามะ โกรธกระทั่งใบหน้าเขียวคล้ำ เพียงแต่คำพูดของวานรเหินเส้าฮ่วยฮวย จี้แทงใจดำมันเกินไป หรือมันจะยอมตายในลักษณะนี้ หากเป็นเช่นนี้จริงแม้นเป็นผีคงถูกสองเจ้าสำนักหัวร่อหยามเหยียดได้ในภายหลัง เปรียบเสมือนชิ้นเนื้อที่วางอยู่บนเขียง เพียงแต่มันยกมีดฟันยังกล้าทำหลุดมือได้ ความอัปยศนี้มิอาจยอมรับได้เด็ดขาด

ดังนั้นมันจึงอาศัยคำพูดสุดท้าย หมายจะให้วานรเหินเส้าฮ่วยฮวย รักษาวาจาสัตย์ ไม่มีสัจจะในหมู่โจรฉันใด ในหมู่มิจฉาชั่วโฉดก็ฉันนั้น  ได้เพียงพึ่งพาวาจาสุดท้ายกล่าวว่า

“วานรเหินเส้าฮ่วยฮวย เช่นนั้นท่านจะเปล่งคำสาบานของท่านออกมาได้หรือไม่? หากอาตมาคลายจุดให้กับท่านแล้ว ท่านจะไม่พลิกลิ้นคิดสังหารเรา”

วานรเหินเส้าฮ่วยฮวย แย้มยิ้มอีกครา แย้มยิ้มอย่างเฉิดฉันยิ่ง ประดับด้วยเสน่หาอันลึกล้ำ แย้มยิ้มนี้พริ้มพราวสกาวดุจดวงดาวบนฟากฟ้า ดวงตาหยาดเยิ้มราวน้ำผึ้งหยดย้อยกลางเดือนห้าก็มิปาน จากนั้นส่งเสียงกระเส่าแผ่วเบาราวกระซิบ ส่งเสียงว่า

“ข้าพเจ้าวานรเหินเส้าฮ่วยฮวย ค่ำคืนนี้แม้มิได้ตกเป็นของท่าน แต่ข้าพเจ้ารับปากท่านกล่าวคำสาบาน จะมิลงมือสังหารท่านด้วยน้ำมือของข้าพเจ้าเองเด็ดขาด”

กล่าวจบ ต๊กม้อเต็กลามะ ตรงเข้ามาจี้สกัดคลายจุดให้กับวานรเหินเส้าฮ่วยฮวย จากนั้นมันรีบถอยออกห่างจากนางราวห้าหกก้าว วานรเหินเส้าฮ่วยฮวยลองขยับร่างกาย นางเคลื่อนไหวได้แล้วจริง ๆ นางปรากฏรอยยิ้มขึ้นที่มุมปาก ในจังหวะนั้นเองนางคว้าพวงประคำสีดำสนิทของต๊กม้อเต็กลามะที่วางอยู่บนหัวตั่ง จากนั้นกระชากกระทั่งขาดผึงลุกประคำสีดำสนิทปลิดปลิวเวียนว่อน นางใช้สองมือขาวผุดผาดช้อนรับเอาไว้ได้หลายลูก แล้วงอนิ้วดีดลูกประคำออกดุจสายฟ้า

ต๊กม้อเต็กลามะ ยังมิทันจะได้เคลื่อนไหว ประคำสีดำหลายลูกพุ่งเข้ากระทบจุดชีพจรสำคัญทั่วร่างกาย คิดจะเคลื่อนไหวร่างกายก็มิอาจกระทำได้อีกต่อไป ได้แต่ถลึงตาจ้องมองวานรเหินเส้าฮ่วยฮวย ราวกับว่าจะกัดกินเลือดกินเนื้อก็มิปาน ส่งเสียงกล่าวว่า

“วานรเหินเส้าฮ่วยฮวย ท่านคิดกระทำการใด?”

วานรเหินเส้าฮ่วยฮ่วย โปรยยิ้มยั่วยวน เอนกายลงนอนงอข้อศอกชันพื้น วางศีรษะไว้บนฝ่ามือข้างหนึ่ง มืออีกข้างหนึ่งดึงปกเสื้อเหนือหัวไหล่ให้ต่ำลง เผยให้เห็นเนื้อหนังมังสาอันขาวเนียนผุดผ่องราวหยวก จากนั้นนางยังไม่หยุดเพียงนี้ นางยังขบเม้มริมฝีปากส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มท้าทาย เอนกายลงนอนราบแอ่นอกตั้งชูชัน ส่งเสียงกล่าวว่า

“ข้าพเจ้าจี้สกัดต้านพิษให้กับท่านแล้ว เพียงแต่ยาถอนพิษจะมอบให้กับท่านได้หรือไม่? ขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวท่านแล้ว”

จากนั้น วานรเหินเส้าฮ่วยฮวย ยกขาข้างหนึ่งขึ้นเชิดปลายเท้าขาวผ่อง หลังจากวางฝ่าเท้ากับพื้นตั่งเตียงแล้ว หัวเข่าชี้ตั้งฉากเป็นรูปสามเหลี่ยม ชายกระโปรงยาวร่นลงมากองอยู่กลางเนินน่องขาอ่อน ต๊กม้อเต็กลามะถึงกับลืมทุกสิ่งทุกอย่างอีกครั้ง มันกลืนน้ำลายลงคอคำหนึ่ง สายตามันวาวเป็นประกาย

วานรเหินเส้าฮ่วยฮวย แย้มยิ้มส่งเสียงกล่าวว่า

“ต๊กม้อเต็กลามะ ท่านรีบเรียกสองเจ้าสำนักเข้ามาเร็วเข้า”

ต๊กม้อเต็กลามะได้สติ นึกขึ้นมาได้ว่าตนเองโดนพิษ ต้องได้รับยาถอนพิษโดยพลัน เพียงแต่ว่าร่างกายถูกจี้สกัดเอาไว้ไม่อาจเคลื่อนไหว มีเพียงสองเจ้าสำนักที่พอจะพึ่งพาอาศัยได้บ้าง ดังนั้นจึงรีบส่งเสียงร้องเรียกว่า

“พวกท่านทั้งสองที่อยู่ด้านหน้าห้อง พวกท่านรีบเข้ามาได้แล้ว”

หัตถ์อมตะหลี่ปู้เหว่ย อินทรีกลางฟ้าหว่าเกาเฉิง เมื่อได้ยินเสียงต๊กม้อเต็กร้องเรียก ต่างแสดงท่าทางลิงโลดยินดี คิดมิถึงว่าต๊กม้อเต็กจะเสร็จภารกิจรวดเร็วปานนี้ อีกทั้งยังใจดีเรียกพวกมันทั้งสองเข้าไปผลัดเปลี่ยน

มันทั้งสองรีบผลักประตูเข้าไปแล้วปิดประตูลง เห็นต๊กม้อเต็กยืนเปลือยร่างกายท่อนบน หันหน้าเข้าหาตั่งเตียงซึ่งนอนอยู่ด้วยวานรเหินเส้าฮ่วยฮวย วูบแรกที่มองปราดเห็นสภาพของนางบนที่นอน ทำเอาสองเจ้าสำนักถึงกับตาลุกวาวเป็นประกาย ท่านอนอันยั่วยวนของวานรเหินเส้าฮ่วยฮวยบนที่นอน ทำให้สองเจ้าสำนักแทบจะแย่งกันกระโจนขึ้นสู่ตั่งเตียง

แต่ก่อนที่มันสองคน จะกระโจนขึ้นบนเตียงนอน เสียงต๊กม้อเต็กลามะส่งเสียงร้องทัดทานขึ้นก่อนว่า

“พวกท่านทั้งสองช้าก่อน อย่าได้รีบร้อนหลงกลนางเข้า”

ต๊กม้อเต็กลามะ ครั้นจะบ่งบอกออกไปว่าตนโดนพิษ อีกทั้งยังถูกจี้สกัดจุดเอาไว้ หากบอกออกไปเช่นนั้น คงถูกสองเจ้าสำนักหัวเราะเยาะหยันเอาได้ หากไม่เอ่ยปากส่งเสียงห้าม สองเจ้าสำนักในไม่ช้าจะต้องตกอยู่ในสภาพเดียวกันกับตนเอง จึงได้แต่ส่งเสียงกล่าวต่อว่า

“พวกท่านทั้งสองมิอาจเข้าใกล้นาง นางร้ายกาจกว่าที่พวกเราทั้งสามคิดเอาไว้มากนัก”

วานรเหินเส้าฮ่วยฮวยบนเตียงนอน นางมิเคลื่อนไหวยังคงนอนในท่ายั่วยวน อกตั้ง ชันเข่า ยกไหล่ขาวเนียนข้างหนึ่ง หลับตาพริ้มเคลิบเคลิ้มหอบหายใจกระชั้นถี่ กระทั่งเนินหน้าอกที่ตั้งชูชันกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการหายใจของนาง

อินทรีกลางฟ้าหว่าเกาเฉิง หันมาส่งเสียงไม่พึงพอใจต่อต๊กม้อเต็กลามะว่า

“ต๊กม้อเต็กไต้ซือ ในเมื่อท่านสมใจเสร็จกิจธุระแล้ว ไยยังต้องส่งเสียงห้ามปรามเราสองคนมิให้เข้าใกล้นาง หรือว่าท่านยังมิหนำใจคิดหวงก้างกีดขวางพวกเรา ท่านมันจิตใจคับแคบเกินไปแล้ว”

ไฟราคะครอบงำจิตใจ ยังไม่ทันไถ่ถามให้ถ้วนถี่ เมื่อเกิดหงุดหงิดโมโหหน้ามืด สองเจ้าสำนักหันสบตากัน แล้วโผพุ่งร่างถาโถมเข้าหาต๊กม้อเต็กลามะโดยพร้อมเพรียงกัน

ต๊กม้อเต็กลามะ ถูกจี้สกัดจุดมิอาจเคลื่อนไหวร่างกายได้ ฝ่ามือโลหิตสีแดงฉานของเจ้าสำนักฝ่ามือโลหิต ประทับลงกลางกระหม่อมโล้นเลี่ยนปราศจากเส้นผมของมัน พร้อม ๆ กับกรงเล็บอินทรีเหล็กของเจ้าสำนักอินทรีขาว ตะปบเข้าตรงทรวงอกหัวใจ แล้วกระชากหัวใจที่ยังคงเต้นตุบ ๆ ออกมาอยู่ในอุ้งกรงเล็บฝ่ามือ เลือดสด ๆ ไหลหยดลงพื้นแดงฉาน อีกทั้งบริเวณหว่างคิ้วปรากฏหยาดโลหิตไหลเป็นทางลงมา ต๊กม้อเต็กลามะสองตาเบิกโพลง ร่างสั่นระริกสะท้านไม่กี่คราจึงแน่นิ่ง ทิ้งร่างล้มฟาดตึงลงกับพื้นห้องจมกองเลือด

สองเจ้าสำนัก หัตถ์อมตะหลี่ปู้เหว่ย กับอินทรีกลางฟ้าหว่าเกาเฉิง มันทั้งสองยังมิทันหันกายกลับ เจ้าสำนักอินทรีขาวพลันเหลือบแลเห็นคอหอยของเจ้าสำนักฝ่ามือโลหิต มีลำโลหิตฉีดพ่นออกมาราวน้ำพุ พร้อม ๆ กับเจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตเหลือบแลเห็นปลายกระบี่อ่อน เสียบทะลุขั้วหัวใจออกมาทางด้านห้าทรวงอกของเจ้าสำนักอินทรีขาวเช่นกัน เส้นสายโลหิตฉีดพ่นกระเซ็นซ่านเป็นฟูมฝอยราวม่านโลหิตบาง ๆ ผืนหนึ่ง ร่างของสองเจ้าสำนักค่อย ๆ ทรุดลงกับพื้นวิญญาณหลุดลอยออกจากร่างไปพร้อม ๆ กัน

หยกเหินลม/ชล ชโลทร

 

17 เมษายน 2564
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป