Your Wishlist

จอมยุทธ์เจ้ายุทธจักร (ประลองไหวชิงพริบ)

Author: หยกเหินลม

เมื่อยุทธภพแบ่งออกเป็นสอง มารยึดครองยุทธจักร คัมภีร์ยุทธ์ที่สาบสูญกลับคืนสู่บู๊ลิ้ม บุญคุณความแค้นรอการสะสาง หนี้เลือดต้องล้างด้วยเลือด เด็กน้อยผู้หนึ่งจะก้าวขึ้นมาเป็นเจ้ายุทธจักรได้เช่นไร หนึ่งคัมภีร์สยบกระบวนท่า หนึ่งเคล็ดวิชาดรรชนี สุริยันจันทราปรากฏในปถพี สยบไปหมื่นลี้ร้อยมณฑล

จำนวนตอน :

ประลองไหวชิงพริบ

  • 31/08/2565

ตอนที่ 140

ประลองไหวชิงพริบ

แสงทองอ่อนจาง ทางทิศประจิมไม่เข้มข้นเท่าใดแล้ว

บูรพาทิศ อีกไม่เกินสองชั่วยาม ย่อมเข้มข้นขึ้นด้วยแสงจันทรา เมื่อสนธยามาเยือน

เพ็ญเก้าค่ำเดือนเก้า

งานวิวาห์คล้ายกลายเป็นงานวิวาท มาตรว่าวันเพ็ญเก้าค่ำเดือนเก้า ถึงแม้จะมิใช่วันดี แต่ไม่คล้ายวันเลว

อย่างน้อยที่สุด ย่อมมิใช่วันเลวเท่าใดนัก? สำหรับเหล่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์

อย่างมากที่สุด ย่อมมิใช่วันดีสักเท่าใด? สำหรับเก้าสำนัก

เพ็ญเก้าค่ำเดือนเก้า ลบชื่อสำนักทั้งเก้า นับจากวันนี้ไปอีกหนึ่งปี เป็นวันครอบรอบวันสังหาร พวกมันทั้งเก้าสำนัก

ความผิดพลาดบางประการ แม้เพียงน้อยนิด กลับผิดมหันต์สำหรับสำนักมารสวรรค์ นางมารเยือกเย็นเหยาเยี๊ยะเหยียน นางผิดพลาดประการหนึ่ง

เหล่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ ต่างกล่าวคำขอบคุณ ต่อขอทานเฒ่าหวงเกาฉือ

เทียนจิ้ง หลังจากประสานมือ ในมือยังคงประคองไม้เท้าเก้าปล้อง ส่งเสียงกล่าวว่า

“ข้าพเจ้า พร้อมทั้งเหล่าสหาย ที่ไม่ตายในวันนี้ ด้วยท่านผู้เฒ่า กับเหล่าขอทานอาวุโสทั้งสี่”

ขอทานเฒ่าแย้มยิ้มแล้วหัวร่อ หัวร่อโดยปลอดโปร่ง กล่าวว่า

“ย่อมมิใช่ไปทั้งหมด ส่วนหนึ่งเป็นเราคาดเดาเอาไว้ได้ก่อน ส่วนหนึ่งเป็นความสามารถอันประเสริฐของพวกเจ้าทุกคน”

“พวกเราคงมิมีขวัญกำลังกล้า หากไม่มีท่านผู้เฒ่าอยู่ด้วย”

เฟิ่นไป่ชิง กลอกลิ้งดวงตากลมโต ขณะที่กล่าวคำ

ขอทานเฒ่าหวงเกาฉือกล่าวว่า

“โกวเนี้ยน้อย เจ้ากลาวผิดไปแล้ว พวกเจ้าทุกคนกับมีขวัญกำลังใจไม่เลวเลย”

“ข้าพเจ้า สนับสนุนคำกล่าวของท่านผู้เฒ่า”

ผู้กล่าววาจา เป็นขอทานเก้าทิกว่อ

นางมารเยือกเย็นเหยาเยี๊ยะเหยียน รอโอกาสอยู่เนิ่นนานแล้ว ชักสีหน้าไม่พอใจ ขยับริมฝีปากเปล่งวาจา

“เอาเถิด ชนะเป็นเจ้า ส่วนเรานั้นเป็นโจร ข้าพเจ้ายอมรับ มองข้ามความผิดพลาดไปประการหนึ่ง คาดคิดไม่ถึง พิษที่วางไว้ทำกระไรพวกท่านมิได้ แต่ข้าพเจ้ากลับเห็นว่า พวกท่านแท้จริงมิได้เก่งกาจสามารถ เพียงแต่เจ้าสำนักทั้งเก้าไร้สามารถเอง สมควรแล้วที่พวกมันทั้งหลาย นอนตายกลายเป็นซากศพ”

“เมื่อหมดคุณค่าให้ใช้สอย ย่อมด้อยค่ากว่าเม็ดกรวดทราย หาประโยชน์กระไรมิได้ ขึ้นเก็บไว้รังแต่จะขวางมือขัดเท้า”

คำกล่าวนี้เป็นวานรเหินอั้งเซี๊ยะเปา นางกล่าวด้วยสีหน้าไร้เรื่องราว ไร้น้ำใจ ไร้คุณธรรมความรู้สึก

สายลมกระโชกรุนแรงมาหอบหนึ่ง พัดพาเอากลิ่นสุราฉุนเฉียวรุนแรง คละคลุ้งมากับสายลมหอบนั้น

ผู้ใดกัน? ถึงกับมาทำไหสุราแตก จนสุราหกส่งกลิ่นรุนแรงปานนี้

สายลมกระโชกแล้วหยุดยั้ง กลิ่นสุราฉุนเฉียวพลันจางหายไป

ขอทานพเนจรหวงเกาฉือ ส่งเสียงกล่าวถามต่อนางมารเยือกเย็นเหยาเยี๊ยะเหยียนว่า

“นางมารเยือกเย็น ท่านคิดอ่านประการใด? ต่อจากนี้ ในเมื่อวันมงคล ไม่มีคนให้ต้องอวยพร แต่จะกล่าวไป งานวันนี้ของสำนักท่าน คล้ายเป็นวันวิวาทเสียมากกว่า ใช่หมดธุระของเรา กลับเหล่าสหายเยาว์วัยเหล่านี้แล้วหรือไม่?”

“หากยังไม่หมดเล่า?”

“เช่นนั้นท่านต้องการสิ่งใด? ขอทานเฒ่ากล่าวถาม

“ย่อมเป็นชีวิตท่าน” นางมารเยือกเย็นเหยาเยี๊ยะเหยียนกล่าวตอบ

ขอทานเฒ่าหัวร่อก้อง ร้องตอบว่า

“ชีวิตของเรา สามารถปลิดเอาไปได้ทุกเมื่อ ขึ้นอยู่กับว่า ท่านจะใช้ผู้ใด? ให้มาเอาชีวิตเรา”

นางมารเยือกเย็นเหยาเยี๊ยะเหยียน กล่าวว่า

“ข้าพเจ้าย่อมมี”

“เป็นผู้ใด? ให้ท่านรีบเสนอออกมา”

นางมารเยือกเย็นเหยาเยี๊ยะเหยียน ยังมิทันตอบ เสียงชายเสื้อกระพือดังพึบพับ พร้อมกับร่างสองสายสาดทะยานร่างมา บนใบหน้าสวมทับด้วยหน้ากากสีเงิน

เมื่อทิ้งร่างจากกลางอากาศ ด้วยท่วงท่าแผ่วพลิ้วสวยงาม วิชาตัวเบาย่อมยอดเยี่ยมสูงส่ง

วานรเหินอังเซี๊ยะเปากล่าวว่า

“พวกท่านรุดมาได้ทันเวลา”

คนทั้งสองส่งเสียงกล่าวตอบว่า

“พวกเราย่อมไม่ผิดพลาดได้แม้แต่น้อย ย่อมต้องมาทันแน่นอน”

คนทั้งสองแต่งชุดนักฆ่ารัดกุม คลุมไหล่ด้วยผ้าคลุมไหล่ผืนใหญ่สีเงิน หน้ากากที่สวมทับใบหน้าล้วนเป็นสีเงิน

ทั้งสองพยักหน้าคราหนึ่ง เห็นเพียงดวงตากลอกกลิ้งไปมา ไม่กล่าววาจาใด? สืบต่อ

“นักฆ่าหน้ากากเงิน พวกท่านทั้งสอง ที่แท้ยังมีชีวิต?”

ขอทานพเนจรหวงเกาฉือ ส่งเสียงกล่าวถามด้วยความแปลกประหลาดใจ

หนึ่งในสองนักฆ่าหน้ากากเงิน ส่งเสียงกล่าวตอบ ลอดผ่านออกมาจากภายใต้หน้ากากว่า

“กลางวันเช่นนี้ ยังพอมีแสงสว่าง ยังไม่มืดค่ำสักเท่าใด? ไฉนภูตผีจะปรากฏตัวออกมาอาละวาดได้เล่า? เช่นนั้นเราย่อมเป็นคน หาใช่วิญญาณผีภูตพราย”

แล้วอีกผู้หนึ่งส่งเสียงกล่าวต่อว่า

“เมื่อมิใช่ภูตผี เราทั้งสองจึงเป็นคน เป็นคนจึงออกมาอาละวาด ทั้งกลางวันและกลางคืน”           

เสียงนี้เป็นเสียงของสตรีที่แหลมเล็ก เสียงแหลมราวปลายเข็มแหลมคม น้ำเสียงชวนบาดแก้วหูยิ่ง

ส่วนคนผู้แรกเป็นเสียงบุรุษ น้ำเสียงคล้ายระฆังใหญ่ ด้วยน้ำเสียงทั้งหนาทั้งหนัก

ขอทานเฒ่าหวงเกาฉือกล่าวว่า

“พวกท่านรีบรุดมาเอาชีวิตเรา?”

บุรุษนักฆ่าหน้ากากเงิน สวนตอบว่า

“มิผิด เรามาเอาชีวิตท่าน ชีวิตท่านมีราคาสูงยิ่ง มีผู้คนมากหลายต้องการศีรษะท่าน”

“ชีวิตของขอทานเฒ่ากลับมีราคาปานนั้น?”

ขอทานพเนจรหวงเกาฉือ กล่าวถามด้วยความสงสัย

สตรีนักฆ่าหน้ากากเงิน กล่าวตอบว่า

“กลับมีราคาสูงยิ่ง เช่นนั้นเราทั้งสอง จึงต้องรีบรุดมา”

สายลมกระโชกรุนแรงมาอีกหอบหนึ่ง สายลมยิ่งรุนแรง กลิ่นสุราฉุนเฉียวยิ่งรุนแรง

จากนั้นได้ยินเสียงหัวร่อฮา ๆ เสียงหัวร่อมา ร่างปรากฏ ร่างที่สาดทะยาน คล้ายวิ่งมาในอากาศ

เป็นชายชราผมยาวขาวโพลนผู้หนึ่ง แต่งกายไม่คล้ายสะอาดเท่าใดนัก แต่ไม่คล้ายสกปรกเสียทีเดียว

แต่สิ่งหนึ่งซึ่งชัดเจนที่สุด กลับเป็นกลิ่นสุราฉุนเฉียว ที่ระเหยส่งกลิ่นออกมาจากร่างกายของคนผู้นั้น

เมื่อทิ้งร่างลงไม่ห่างจากขอทานเฒ่าหวงเกาฉือ เท่าใดนัก ส่งเสียงกล่าวกับขอทานเฒ่าว่า

“เฒ่าขอทาน ท่านกระดูกมิผุกร่อนจริง ๆ”

ขอทานพเนจรหวงเกาฉือ หัวร่อชอบใจกล่าวว่า

“เซียนสุรา ฉายาเมามายแปดทิศ ท่านกลับหนังเหนียว มิได้นอนให้หนอนชอนไชอยู่ในหลุมจริง ๆ”

เฒ่าชราผมยาวขาวโพลน ส่งเสียงหัวร่อชอบใจเช่นกัน กล่าวตอบว่า

“ขอทานเฒ่า ท่านกล่าวรุนแรงไปแล้ว เราหนังเหนียวถึงเพียงนี้ จะมีหนอนจากแห่งหนใด? จึงกล้าชอนไชเข้าไปในร่างเรา”

แล้วเฒ่าชราทั้งสอง กางสองแขนออก สวมกอดกันแนบแน่น คล้ายกับมิได้เจอะเจอ เนิ่นนานหลายสิบปี

ขอทานเฒ่าหวงเกาฉือ ร้องดังว่า

เชียงชุนชิว

เฒ่าชราผมยาวขาวโพลน ร้องตอบดังว่า

“หวงเกาฉือ”

เมื่อคลายสองแขนเป็นอิสระ ร่างผละจากกัน ขอท่านเฒ่ากล่าวว่า

“ท่านยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงเมามายไปทั้งสี่ทิศแปดทาง?”

“มิได้ แม้นเรายังคงเมามาย แต่มิได้ออกไปท่องเที่ยวดั่งเช่นกาลก่อน เพียงแต่สันดานประการหนึ่งของเรา ยังคงเป็นเช่นเดิม”

“สันดานอันใด? ของทาน” ขอทานพเนจรหวงเกาฉือกล่าวถาม

เฒ่าชราผมยาวขาวโพลน กล่าวตอบว่า

“เป็นสันดานลักขโมยของเรากระมัง? เรายังคงชื่นชอบฉวยสุราของผู้อื่น กลืนลงท้องของเราเอง”

“กลิ่นสุรารุนแรงเมื่อครู่?”

เฒ่าชราผมยาวขาวโพลนแย้มยิ้มกล่าวตอบว่า

“ถูกต้อง เป็นเราเอง เราขโมยชิมสุราไปหลายไห รสชาติสุราของเขาหมางซาน ช่างหวานหอมชุ่มคอยิ่ง ยิ่งดื่มยิ่งเคลิบเคลิ้มหลงใหล ไม่อาจหยุดดื่มได้จริง ๆ”

ขอทานเฒ่ากล่าวตอบว่า

“หลังจากนั้นเป็นเช่นไร?”

“หลังจากนั้น เรากลับพบคนสองคน วิ่งร้อนรนเข้ามาขัดจังหวะการดื่มกินของเรา” เฒ่าชราผมยาวขาวโพลนกล่าวตอบ

“สองคนนั้นที่ท่านว่า พวกมันมีลักษณะเป็นเช่นไร? ขอทานเฒ่ากล่าวถาม

เฒ่าชราผมยาวขาวโพลน กล่าวตอบว่า “พวกมันมิมีลักษณะพิเศษพิสดารอันใด?”

“เช่นนั้น ท่านปฏิบัติเช่นไร? ต่อพวกมันสองคน” ขอทานเฒ่ากล่าวถามอีก

“เราปฏิบัติต่อพวกมันไม่เลวเท่าใดนัก?” เฒ่าชราผมยาวขาวโพลน ทอดสายตาสอดส่ายไปมาเที่ยวหนึ่ง แล้วหยุดอยู่ที่ร่าง ของนางมารเยือกเย็นเหยาเยี๊ยะเหยียน กับวานรเหินอั้งเซี๊ยะเปา จากนั้นกล่าวว่า

“เราคล้ายเห็นพวกมันมีอาการตัวสั่น ท่าทางเสียขวัญหวาดกลัว พอเราคว้าตัวพวกมันทั้งสองเอาไว้ คล้ายกับมันยิ่งขวัญกระเจิงกระจัดกระจาย มันทั้งสองยกมือไหว้ปลก ๆ ต่อหน้าเรา ปากยังวิงวอนร้องขอชีวิต”

นางมารเยือกเย็นเหยาเยี๊ยะเหยียน ส่งเสียงกล่าวถามว่า

“ไฉนพวกมันทั้งสอง ต้องร้องขอชีวิตต่อท่าน?”

เฒ่าชราผมยาวขาวโพลน เบือนหน้ามาทางหลวงจีนเส้าหลินทั้งสิบสองรูป ซึ่งนั้งขัดตะหมาดอยู่กับพื้นศิลาไม่ห่างเท่าใดนัก แล้วกล่าวต่อว่า

“พอเราคว้าจับตัวมันไว้ แล้วเค้นถาม จึงได้กระจ่าง”

“พวกมันทั้งสอง บอกกระไรต่อท่าน?”

เป็นวานรเหินอั้งเซี๊ยะเปากล่าวถาม ชายชราผมยาวขาวโพลน หันมากล่าวตอบว่า

“พวกมันหวาดกลัว หวาดกลัวพลังอัคคี ยังมีสองฝ่ามืออัคคี ที่ขู่ขวัญพวกมันจนขวัญกระเจิง พวกมันทั้งสองจึงโยนถาดไม้บรรจุสุราสัตย์สาบาน จากนั้นจึงวิ่งหนีไม่จำแนกทิศทาง ดังนั้นจึงวิ่งมาชนร่างเรา ซึ่งกำลังร่ำสุราอยู่อย่างงมงาย”

เฒ่าขอทานร้องอ้อ แล้วกล่าวถามอีกว่า

“พวกมันทั้งสองเสียขวัญปานนั้น? ท่านปลอบขวัญกำลังใจพวกมันเช่นไร? ให้พวกมันหายหวาดกลัว”

เฒ่าชราผมยาวขาวโพลน กล่าวตอบว่า

“เรากลับมิได้ปลอบขวัญพวกมันเท่าใดนัก? เพียงแต่เรากล่าวกับมันทั้งสองว่า เรามาดื่มสุรา มิได้มาราวี มีเรื่องราวใด? เกิดขึ้นยังสถานที่นี้ จงบอกเล่ามาให้ละเอียด อย่าได้ปิดบังไว้แม้แต่น้อย แล้วเราจะยินยอมปลดปล่อยพวกมันสองคนไปไม่เหนี่ยวรั้ง”

“พวกมันบอกเล่าเรื่องราวใด? ที่แท้ท่านทราบเรื่องราวใด? จากพวกมัน”

นางมารเยือกเย็นเหยาเยี๊ยะเหยียน กล่าวถาม

เฒ่าชราผมยาวขาวโพลน กล่าวตอบว่า

“ย่อมกระจ่างทุกเรื่องราวตั้งแต่ต้น ดังนั้นเราจึงกำหนดเงื่อนไขให้พวกมันประการหนึ่ง? เราจึงยินยอมปลดปล่อยพวกมันทั้งสองคนไป”

ขอทานพเนจรหวงเกาฉือ กล่าวถามว่า

“ท่านกำหนดเงื่อนไขใด? ให้กับพวกมัน”

“เป็นยาถอนพิษ ชนิดเดียวกันกับที่พวกมัน ใช้ผสมไว้ในสุราสัตย์สาบาน” เฒ่าชราผมยาวขาวโพลนกล่าวตอบ

ขอทานเฒ่าหวงเกาฉือ กล่าวถามต่อว่า

“พวกมันยินยอมส่งมอบยาถอนพิษ ชนิดเดียวกันกับที่ผสมในสุราสัตย์สาบาน ให้กับท่านหรือไม่?”

เฒ่าชราผมยาวขาวโพลน กล่าวตอบว่า

“พวกมันย่อมต้องส่งมอบต่อเราอย่างแน่นอน ด้วยเราตะปบคอหอยของพวกมันเอาไว้ รักษาลมหายใจเอาไว้ได้ กับไม่มีลมหายใจให้รักษา เป็นท่านสมควรเลือกหนทางใด?”

ขอทานเฒ่ากล่าวตอบว่า “รักษาลมหายใจเอาไว้ ใช่ประเสริฐกว่า ในภายหน้ายังมีโอกาสท่องเที่ยว พร้อมทั้งร่ำสุราให้สำราญ ได้สักระยะหนึ่ง”

นางมารเยือกเย็นเหยาเยี๊ยะเหยียน ร้องสวนดังว่า

“แต่ข้าพเจ้า จะมิให้พวกมันทั้งสอง มีวันเวลาเช่นนั้นเป็นอันขาด”

กล่าวจบ หันมาทางวานรเหินอั้งเซี๊ยะเปา แล้วกล่าวว่า

“อย่าได้ให้พวกมันสองคน มีโอกาสได้หายใจอีกต่อไป”

วานรเหินอั้งเซี๊ยะเปา พยักหน้ารับทราบ รีบกล่าวรับคำว่า

“ข้าพเจ้า จะรีบรุดไปจัดการให้กับท่าน” กล่าวจบเหินร่างไปในอากาศ ปราดเดียวหายลับไปในซอกตึก ท่าร่างถลาดั่งลิงลมตัวหนึ่ง

เฒ่าชราผมยาวขาวโพลน ล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อ หยิบฉวยขวดกระเบื้องเคลือบปากแคบออกมาใบหนึ่ง บนปากขวดแคบ ปิดไว้ด้วยจุกผ้าสีแดงแน่นหนาจุกหนึ่ง

จากนั้น สะบัดมือวูบ ซัดขว้างขวดปากแคบปิดจุกแดงออกมาจากฝ่ามือ ขวดกระเบื้องเคลือบแหวกฝ่าอากาศเร่งร้อนดังควับเขวี้ยว เสี้ยวเวลานั้น เทียนจิ้งพุ่งร่างออกมา คว้าหมับรับขวดปากแคบปิดจุกแดงเอาไว้ เมื่อดึงจุกแดงออกจากปากขวดแคบ คว่ำปากขวดลงบนฝ่ามือ เห็นเป็นเม็ดยาขนาดเท่าไข่จิ้งจก สีดำสนิทจำนวนสิบกว่าเม็ด

เทียนจิ้งรีบประคองเม็ดยาในฝ่ามือ เดินเข้าไปในกลุ่มของหลวงจีนเส้าหลิน แล้วแจกจ่ายเม็ดยาเหล่านั้น ให้กับบรรดาหลวงจีนเส้าหลินจนถ้วนทั่ว

หลวงจีนเส้าหลินทั้งสิบสองรูป หลังจากกลืนกินเม็ดยาลงไปได้ครู่เดียว พละกำลังกลับฟื้นฟู พากันลุกขึ้นก้าวออกมาสามก้าว กล่าววาจาพร้อมเพรียงกันว่า

“พวกเราเส้าหลิน ในวันนี้มีชีวิตรอด ด้วยน้ำใจช่วยเหลือ บุญคุณนี้มีโอกาส เส้าหลินคิดตอบแทนท่านในวันหน้า”

นอกจากกล่าววาจา บรรดาหลวงจีนเส้าหลิน พร้อมใจกันประสานมือต่อเทียนจิ้ง สหายวัยเยาว์ของเขา เฒ่าขอทานทั้งหมด และเฒ่าชราผมยาวขาวโพลน

เฒ่าชราผมยาวขาวโพลน กล่าวต่อบรรดาหลวงจีนเส้าหลินว่า

“เป็นนางมารเยือกเย็นเหยาเยี๊ยะเหยียน เป็นนางประทานยาแก้พิษเหล่านั้นให้กับไต้ซือทั้งหลาย มิใช่เราเฒ่าชรา ในเมื่อนางวางยาพวกท่าน ดังนั้นนางจึงประทานยาแก้พิษให้ มีกระไรไม่ถูกต้อง ไต้ซือทั้งหลายควรกล่าวขอบคุณนางจึงถูกต้อง”

ยังไม่ทันที่หลวงจีนเส้าหลิน จะได้กล่าววาจากระไรออกมา เสียงชายเสื้อปะทะลมดังพึบพับ เสียงมาคนปรากฏ วานรเหินอั้งเซี๊ยะเปา สาดร่างมาดั่งเหินบิน ทิ้งร่างลงแล้วส่งเสียงกล่าวว่า

“ก่อนที่ทุกท่านจะกล่าวขอบคุณ พวกท่านสมควรกล่าวขอขมาต่อวิญญาณของพวกมันสองคนก่อนจึงถูกต้อง เป็นเพราะมันสองคนมอบยาถอนพิษให้กับพวกท่าน พวกมันสองจึงต้องตาย”

ทุกคนที่ได้ฟังล้วนทราบ ว่าเกิดเรื่องราวใดขึ้น กับสองคนที่วานรเหินอั้งเซี๊ยะเปากล่าวถึง

หลวงจีนรูปหนึ่ง ก้าวออกมาพร้อมกับส่งเสียงกล่าวว่า

“อามิตพุทธ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม แต่กระนั้นชีวิตคนมิใช่เป็นเช่นผักปลา เราเข่นฆ่าสังหารท่าน สักวันท่านจึงเข่นฆ่าสังหารเรา กงล้อกรรมเวรย่อมหมุนวนมาบรรจบครบรอบ ประสกอั้ง ท่านก็ไม่อาจหลีกหนีพ้น”

วานรเหินอั้งเซี๊ยะเปา ส่งเสียงหัวร่อกึกก้องยาวนาน แล้วกล่าวว่า

“หลวงจีนกินเจ ท่านพร่ำพิรี้พิไรเหลวไหลกระไรกัน? กงล้อกรรมเวรมีหน้าตาเป็นเช่นไร? เอาไว้ให้พวกท่าน เทศนาให้กับพรรคพวกของท่าน ยังสถานที่อื่นเถิด สถานที่นี้สำนักมารสวรรค์เขาหมางซาน ท่านเทศนาเสียเวลาผิดสถานที่แล้วกระมัง?”

หลวงจีนเส้าหลินอีกรูปหนึ่งส่งเสียงกล่าวว่า

“ประสกอั้ง ท่านเป็นเช่นบัวใต้ตมจริง ๆ ประสกเหยารวมถึงคนของเขาหมางซานสำนักท่าน คงเป็นเฉกเช่นเดียวกัน”

นางมารเยือกเย็นเหยาเยี๊ยะเหยียน วานรเหินอั้งเซี๊ยะเปา แย้มยิ้มไร้เรื่องราว ไม่กล่าววาจากระไรสืบต่อ

สองนักฆ่าหน้ากากเงิน ยืนอยู่นานพลันเคลื่อนไหวแล้ว ทั้งสองโผพุ่งเข้าหาขอทานเฒ่าหวงเกาฉือ สองมือแยกย้ายซ้ายขวา ก่อเกิดเป็นเสียงคลื่นลมอึงคะนึง บรรยากาศอันปลอดโปร่ง กลายสภาพเป็นบรรยากาศอันตึงเครียดน่ากลัว

สายลมประจิมโชยเหน็บหนาว คละเคล้ากับกลิ่นคาวโลหิตคละคลุ้ง ลมประจิมยิ่งบางเบา กลิ่นคาวโลหิตยิ่งรุนแรง แสงอุทัยไม่เข้มข้นเท่าใด? ในยามนี้

สองนักฆ่าหน้ากากเงิน บรรจุลมปราณผ่านหัวไหล่ใส่สองฝ่ามือจนเปี่ยมล้นทะลัก ดั่งน้ำสุรากระฉอกออกจากถ้วย

คลื่นลมปราณมหาศาลบรรลุถึงก่อนสองฝ่ามือ ขอทานพเนจรหวงเกาฉือ เร่งเร้าลมปราณเช่นกัน จากนั้นร่ายรำสองฝ่ามือ สองเท้าโยกย้าย ใช้ท่าร่างอันพิสดารเตรียมต้านรับ

เฒ่าชราผมยาวขาวโพลน ร้องต่อขอทานเฒ่าว่า

“ขอทานเฒ่า เราขอแบ่งเบาช่วยเหลือท่าน สักหนึ่งฝ่ามือ”

เสียงทึบหนัก ๆ ดังดั่งแผ่นฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย ปราณพลังเกรี้ยวกราด ปานสายฟ้าอสนีบาต แตกกระจายออกไปโดยรอบสี่ทิศแปดทาง

จวบจนคลื่นพลังจางหาย ร่างทั้งสี่แยกออกจากกัน สี่ฝ่ามือก็เช่นกัน

ขอทานเฒ่าหวงเกาฉือ กับนักฆ่าหน้ากากเงินผู้หนึ่ง ถอยร่นคนละสองก้าว

เฒ่าชราผมยาวขาวโพลน กับนักฆ่าหน้ากากเงินอีกผู้หนึ่ง ก็เฉกเช่นเดียวกัน

สองนักฆ่าหน้ากากเงิน ประสานมือขึ้นตรงหน้าโดยพร้อมเพรียง ส่งเสียงพร้อมกันว่า

“ชีวิตพวกท่านตั้งราคาสูง สมควรเป็นเช่นนั้น พลังยุทธ์ของพวกท่านมิธรรมดาจริง ๆ เราสองคนนักฆ่าหน้ากากเงินยอมรับนับถือ พร้อมกับขอรามือเพียงเท่านี้”

กล่าวจบ สองนักฆ่าหน้ากากเงิน พุ่งร่างดั่งเหินบิน พริบตาเดียว สาดร่างละลิ่วพลิ้วไปกับสันหลังคาตึก

หยกเหินลม/ชล ชโลทร

 

 

 

17 เมษายน 2564
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป