Your Wishlist

จอมยุทธ์เจ้ายุทธจักร (วิวาห์วิวาท)

Author: หยกเหินลม

เมื่อยุทธภพแบ่งออกเป็นสอง มารยึดครองยุทธจักร คัมภีร์ยุทธ์ที่สาบสูญกลับคืนสู่บู๊ลิ้ม บุญคุณความแค้นรอการสะสาง หนี้เลือดต้องล้างด้วยเลือด เด็กน้อยผู้หนึ่งจะก้าวขึ้นมาเป็นเจ้ายุทธจักรได้เช่นไร หนึ่งคัมภีร์สยบกระบวนท่า หนึ่งเคล็ดวิชาดรรชนี สุริยันจันทราปรากฏในปถพี สยบไปหมื่นลี้ร้อยมณฑล

จำนวนตอน :

วิวาห์วิวาท

  • 30/08/2565

ตอนที่ 138

วิวาห์วิวาท

ขอทานพเนจรหวงเกาฉือ พร้อมทั้งบรรดาจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ ต่างคาดเดาได้แต่แรกแล้วว่า เจ้าบ่าวเจ้าสาวบนเวทีนั้นคล้ายเป็นตัวปลอม หาใช่เหยาเยี่ยนผิงกับเยิ่นหว่อถิงไม่ นางมารเยือกเย็นเหยาบนเวทีส่งเสียงกล่าวว่า

“พวกท่านอย่าได้โอหังอวดดี มีเพียงยาถอนพิษในถ้วยสุราสัตย์สาบาน จึงสามารถถอนพิษร้ายในร่างได้ ขอเพียงพวกท่านทบทวนดูใหม่ ปล่อยให้ขอทานเฒ่ากับเหล่าเด็กน้อยเหล่านั้น รวมทั้งหลวงจีนเส้าหลินทนทุกข์ทรมานแสนสาหัส ส่วนพวกท่านถอยออกมายืนชมดู พวกมันตายอย่างทรมานไม่ดีกว่าดอกรึ?”

นางมารเยือกเย็นเหยา บอกกล่าวต่อสี่สำนักซึ่งย้ายข้างอยู่คนละฝั่งกับนาง สำหรับขอทานพเนจรหวงเกาฉือกับเหล่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์แล้ว จุดประสงค์ของนางต้องการกำจัดพวกเขาอยู่แล้ว ดังนั้นนางจึงดำเนินแผนการต่อทันที

“บัดนี้ล่วงเลยเวลาสี่ชั่วยามแล้ว ข้าพเจ้าจะคอยดูสิว่าพวกท่านจะทนทานต่อความเจ็บปวดทรมานได้นานสักเท่าใด? พวกท่านไม่เวทนาลูกศิษย์ของพวกท่านดอกรึ? พวกมันจะต้องเจ็บปวดทรมานแสนสาหัส เพียงยกถ้วยสุราสัตย์สาบานขึ้นดื่ม เรื่องราวทั้งหลายย่อมคลี่คลายไปหมดสิ้น”

ซู่หยงเจ้าสำนักกระบี่เขียวส่งเสียงกล่าวว่า

“นางมารเยือกเย็นเหยา ท่านช่างชั่วช้าอำมหิตนัก เสียดายที่ท่านเคยเป็นศิษย์ของท่านปรมาจารย์ลวี้ยู่เฉียน คิดไม่ถึงเลยจริง ๆว่าท่านจะเลวทรามต่ำช้าได้ถึงเพียงนี้”

จากนั้นเหลียงไฉ่เจ้าสำนักหอกมรกต ส่งเสียงกล่าวสนับสนุนว่า

“อาจารย์ของท่านเปี่ยมล้ำคุณธรรม ศิษย์ของท่านกลับต่ำช้าสามานย์ นางมารเยือกเย็นเหยาท่านจะต้องไม่ตายดี”

บ้อหลงเจ้าสำนักสายลมเห็นด้วยกล่าวว่า

“นับวันท่านยิ่งอำมหิต จิตมารเข้าครอบงำ ดำขาวจึงไม่อาจแยกแยะ”

สุดท้ายเป็นเหนียงไช่เจ้าสำนักพิณสวรรค์ คำรามด้วยความโกรธแค้นตะคอกเสียงกล่าวว่า

“ถึงแม้พวกเราจะต้องตายทรมาน แต่ก่อนที่พวกเราจะตายขอจัดการกับพวกท่านให้ตกตายตามกัน”

สิ้นเสียงเหนียงไช่เจ้าสำนักพิณสวรรค์ เจ้าสำนักทั้งสามที่ตระเตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว ต่างพร้อมใจกันสะบัดสองฝ่ามือขวับ ปรากฏเป็นจุดแต้มสีเงินหลายสิบจุดพุ่งออกมาจากฝ่ามือของเจ้าสำนักทั้งสี่

ดูจากสีเงินที่ปรากฏนอกจากจะเป็นอาวุธลับแล้ว อาวุธลับเหล่านี้ยังฉาบพิษร้ายรุนแรงไว้อีกด้วย เสียงอาวุธลับพุ่งฝ่าอากาศดังขวับเขวี้ยวเกรี้ยวกราด อานุภาพเป็นที่น่าตื่นตระหนกยิ่ง

ขอทานพเนจรหวงเกาฉือส่งเสียงร้องเตือนขึ้นว่า

“ระวังอาวุธลับอาบยาพิษ!”

ทิศทางของอาวุธลับมิได้พุ่งไปทางด้านนางมารเยือกเย็นเหยา แต่ทว่าเป้าหมายกลับเป็นกลุ่มของขอทานพเนจรหวงเกาฉือ เหล่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ระมัดระวังตัวอยู่ก่อนแล้ว เมื่อได้ยินเสียงร้องเตือน ต่างพากันชักกระบี่ออกจากฝัก แล้วสะบัดปัดป้ายซ้ายขวา สกัดอาวุธลับอาบยาพิษเหล่านั้นเสียงดังติงตัง

ทางด้านหลวงจีนวัดเส้าหลินมิได้พกพาอาวุธ ขอทานพเนจรหวงเกาฉือเห็นเช่นนั้น พุ่งกายออกมาดังสายฟ้า แล้วร่ายรำสองฝ่ามือซ้ายขวา ก่อเกิดเป็นพลังวังวนขุมหนึ่ง กระแทกอาวุธลับอาบยาพิษเหล่านั้นเปลี่ยนทิศทางสะท้อนกลับไป เฉกเช่นเดียวกับที่เหล่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ ใช้กระบี่กระแทกอาวุธลับอาบยาพิษเหล่านั้นกลับคืนมาเช่นกัน

เจ้าสำนักทั้งสี่มีสภาวะท่าร่างรวดเร็วยิ่ง ต่างพากันกระโดดลอยขึ้นจากพื้นแล้วพุ่งเฉียง ๆออกไปสี่ห้าวา บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายยังไม่ทันเคลื่อนไหวโยกย้ายท่าร่าง อาวุธลับอาบยาพิษเหล่านั้นก็พุ่งจมหายเข้าไปในร่างแล้ว

พวกมันส่งเสียงแผดร้องโหยหวน ก่อนที่ทวารทั้งเจ็ดจะปรากฏโลหิตสีดำไหลพุ่งออกมา จากนั้นร่างหงายล้มตึงลงกับพื้นสิ้นใจตายไปหมดสิ้น นับว่าเป็นอาวุธลับอันร้ายกาจน่าสะพรึงกลัวถึงที่สุด

เจ้าสำนักทั้งสี่เห็นเช่นนั้นบันดาลโทสะจนใบหน้าเขียวคล้ำ ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว คำกล่าวนี้ย่อมไม่ผิดพลาดเลยจริง ๆแท้จริงเจ้าสำนักทั้งสี่รวมถึงลูกศิษย์ ต่างดื่มสุราสัตย์สาบานไปเนิ่นนานแล้ว แต่แสร้งแสดงละครตบตา เพื่อหาโอกาสลงมือเพื่อสร้างผลงานนั่นเอง

คนชั่วเกลือกกลั้วกับคนโฉด ลูกไม้ซึ่งเกิดจากเทือกเถาเดียวกัน ย่อมต้องเหมือนกันมิอาจแตกต่างกันไปได้ เจ้าสำนักทั้งสี่โกรธเกรี้ยวจนใบหน้าเขียวคล้ำ นอกจากอาวุธลับอาบยาพิษจะใช้ไม่ได้ผลแล้ว ศิษย์ทั้งหมดยังต้องมาตายภายในอาวุธลับของผู้เป็นอาจารย์

เจ้าสำนักทั้งสี่ชักกระบี่ออกมาแล้ว นางมารเยือกเย็นเหยาเห็นเช่นนั้นส่งเสียงต่อเจ้าสำนักนักทั้งห้าว่า

“พวกท่านทั้งห้าสำนักจะมัวชักช้ากระไร? รีบเข้าไปช่วยท่านเจ้าสำนักทั้งสี่ วันนี้พวกเราจะต้องขุดรากถอนโคน จะไม่อาจให้ผู้ใดหลุดรอดไปได้แม้แต่เพียงผู้เดียว”

ดังนั้นทั้งเก้าสำนักแยกย้ายรายล้อมกลุ่มของขอทานพเนจรหวงเกาฉือเอาไว้ นอกจากนั้นชาวยุทธอีกหลายคนกระโดดเข้ามาร่วมวงด้วย โดยมิต้องให้นางมารเยือกเย็นเหยาออกคำสั่ง คะเนด้วยสายตาน่าจะมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยคน

ส่วนฝ่ายของขอทานพเนจรหวงเกาฉือมีสิบห้าคน หลวงจีนวัดเส้าหลินอีกสิบสองรูป รวมแล้วทั้งสิ้นมีเพียงยี่สิบเจ็ดคนเท่านั้นเอง นางมารเยือกเย็นเหยากระหยิ่มยิ้มย่อง มองดูจำนวนคนราวร้อยคนกลุ้มรุมคนยี่สิบเจ็ดคน นอกจากนั้นพิษที่นางวางไว้ยังได้ผลดีอีกด้วย

สิ่งที่นางมารเยือกเย็นเหยาต้องการใกล้บรรลุเป้าหมาย นั่นคือทำลายล้างฝ่ายธัมมะให้หมดสิ้น ขอทานพเนจรหวงเกาฉือ เหล่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ รวมทั้งหลวงจีนเส้าหลินกระจายกำลังออกเป็นวงกลม

หลวงจีนเส้าหลินไม่มีอาวุธ ขอทานพเนจรหวงเกาฉือเหน็บไม้เท้าไว้ที่ซอกเอว เทียนจิ้งหัวหน้าพรรคไผ่หลิวใช้ไม้เท้าไผ่หลิวซึ่งภายในไม้เท้ายังถูกดัดแปลงใช้เก็บกระบี่หยกไผ่หลิวไว้อีกด้วย ส่วนคนอื่น ๆใช้กระบี่เป็นอาวุธ

บัดนี้การสัประยุทธ์สุดดุเดือดเผ็ดร้อน ระหว่างฝ่ายธัมมะและฝ่ายมารอธรรม เหล่าลูกศิษย์ของเก้าสำนัก ซึ่งมีพลังฝีมืออ่อนด้อยค่อย ๆถูกอาวุธและฝ่ามือฟาดฟันล้มลงคนแล้วคนเล่า รวมทั้งเหล่าจอมยุทธ์ไร้สังกัดพรรค ต่างถูกคมกระบี่กรีดร่างโลหิตพุ่งดั่งน้ำพุ บางคราสายโลหิตกระเซ็นเป็นเส้นฝอย แลเห็นดั่งม่านเมฆหมอกสีแดงพร่าพรายสายตา

ผ่านไปไม่นานเท่าใดนัก ซากศพเกลื่อนกลาดเป็นภาพอันอุจาดบาดตายิ่ง ทั้งตับไตไส้พุงทะลักออกมากองกระจัดกระจาย เลือดไหลนองอาบบนพื้นศิลาสีอ่อนกระทั่งกลับกลายเป็นสีแดงฉานปานทะเลเพลิง

ขอทานพเนจรหวงเกาฉือกันศิษย์ขอทานอีกสี่คน เหล่าจอมยุทธ์รุ่นหลังกลับไม่มีท่าทีอ่อนโทรมเรี่ยวแรงถดถอยแต่ประการใด แต่ทว่ากลับมีความคึกคักแจ่มใสทวีคูณ

มีเพียงหลวงจีนเส้าหลินสิบสองรูปกลับมีเรี่ยวแรงถดถอย จนแทบไม่อาจรวมรั้งพลังลมปราณภายในร่างเอาไว้ได้ เมื่อเห็นเช่นนั้นขอทานพเนจรหวงเกาฉือ ส่งเสียงกล่าวว่า

“ไต้ซือทั้งหลาย พวกท่านสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงมากเกินไปแล้วกระมัง? หากพวกท่านยังใช้พละกำลังสืบต่อ เกรงว่าพิษในร่างจะกระจายรวดเร็วยิ่งขึ้น เชิญพวกท่านทั้งหลายถอยไปนั่งพักรักษาอาการภายในยังด้านหลังก่อน ส่วนทางด้านนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของขอทานเฒ่ากับศิษย์ อีกทั้งยังมีจอมยุทธ์รุ่นหลังเหล่านี้เถิด”

หลวงจีนเส้าหลินทั้งสิบสองรูปแม้นไม่ค่อยยินยอมเท่าใดนัก แต่ด้วยคำพูดของขอทานพเนจรหวงเกาฉือ มีหรือจะมิยินยอมรับนับถือและไม่ปฏิบัติตามได้ จึงได้ก้าวถอยไปด้านหลังอีกหลายวา นั่งลงผ่อนลมหายใจเพื่อให้พิษกระจายได้ช้าลง และเป็นการเก็บออมแรงเอาไว้ หากสามารถหายาถอนพิษได้ทันยังรักษาชีวิตเอาไว้ได้ แต่ก็อดแปลกประหลาดใจมิได้ว่าไฉนขอทานพเนจรหวงเกาฉือกันคนอื่น ๆจึงมิได้แสดงอาการคล้ายดั่งได้รับพิษแต่อย่างใด

ขอทานพเนจรหวงเกาฉือ ส่งเสียงกล่าวกับเจ้าสำนักทั้งเก้าว่า

“หายหน้าหายตาไปสิกว่าปี พวกท่านกลับยังสุขสบายดีอยู่ จำเดิมพวกท่านทำตัวคล้ายดั่งกิ้งก่า รู้จักปรับตัวตามสถานการณ์ ผู้ใดหยิบยื่นผลประโยชน์ให้ ใช่พวกท่านรีบตะครุบฮุบไว้มิให้หลุดมือ กาลก่อนเป็นเช่นไร? บัดนี้พวกท่านยังคงเป็นเช่นนั้น ขอทานเฒ่ายอมรับนับถือพวกท่านด้วยใจจริง”

ลิ้มไต้เพ้ง เจ้าสำนักทะเลทราย แย้มยิ้มกล่าวตอบ

“พวกเราคงต้องขอบคุณท่านขอทานพเนจรหวงด้วยจริงใจ ท่านยังมีน้ำใจกล่าวชมพวกเรา ต้นไม้ยังต้องเลือกขุนเขา นกกายังต้องรู้จักเลือกรัง แล้วไฉนพวกเราเก้าสำนัก จะไม่รู้จักเลือกเรือนชานอันมั่นคงเล่า? ท่านเองชราปานนี้ เห็นทีสมควรวางมือ อย่าได้ก้าวก่ายข้องแวะ กับเรื่องราวของผู้อื่นได้แล้วกระมัง?”

ขอทานพเนจรหวงเกาฉือส่งเสียงร้องอ้อ แล้วกล่าว

“ลิ้มไต้เพ้ง ท่านกล่าวได้ประเสริฐ ข้าพเจ้าขอทานเฒ่า แก่ชราลงไปแล้วจริง ๆ สมควรวางมือกับเรื่องราวของผู้อื่นแล้วจริง ๆ แต่ทว่าสำหรับสหายวัยหนุ่มสาวเหล่านี้ พวกเขาหาใช่ผู้อื่นไม่ หากจะมิให้ขอทานเฒ่าเกี่ยวข้อง ผู้อื่นก็อย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับพวกเขา”

เล้งทงที เจ้าสำนักเหยี่ยวมังกร กล่าวเสียงราบเรียบว่า

“อาวุโสหวง พวกเราน้อมเตือนท่านด้วยความหวังดี หยกแตกหักกับกระเบื้องสมบูรณ์ ท่านสมควรใคร่ครวญให้ถ้วนถี่ ตีเหล็กต้องตีในขณะร้อน ตอนนี้เหล่ามารมีกำลังแข็งกล้า ทว่าฝ่ายธัมมะกลับคล้ายดั่งมังกรไร้หัว อย่ามัวเสียเวลา ท่านมาร่วมแผนการยึดครองยุทธจักรกับพวกเราเถิด”

หนานอี้หลาง เจ้าสำนักดาบเงิน ส่งเสียงสนับสนุนว่า

“ถูกต้อง แผนการยึดครองบู๊ลิ้ม เป็นท่านเจ้าอสูรโลกันตร์หม่าถิงอัน กับท่านเหยาเยี๊ยะเหยียน พร้อมกับเจ้าประกาศิตหยั่งฟ้าดินฝุ่เต๋อ ร่วมกันวางแผนการมาเนิ่นนานแล้ว แหฟ้าตาข่ายดินล้วนคลี่กางวางกำลังคนไว้จนทั่ว แม้แต่คนของราชสำนักยังเป็นคนของฝ่ายเรา”

จงหยวนหยู เจ้าสำนักทวนทอง ก้าวเท้าออกมาแล้วกล่าวว่า

“ในเวลานี้ เจ้าสำนักน้อยใหญ่ในยุทธภพ ล้วนยอมสยบก้มหัวให้กับฝ่ายเรา อาวุโสหวง หากท่านนำขอทานน้อยใหญ่ในแผ่นดินเข้าร่วม เท่ากับเพิ่มขุมกำลังอันกล้าแข็ง ชีวิตบั้นปลายคล้ายยังไม่สายให้ท่านได้ฉกฉวย ใช้ชีวิตโดยรุ่มรวย ด้วยเงินทองอำนาจพร้อมกับลาภยศ มีผู้คนรองรับอยู่ใต้เท้า จะก้าวย่างเหยียบย่ำไปที่ใด? ไฉนยังต้องเกรงกลัวผู้คนไม่ยอมรับนับถือ”

ขอทานพเนจรหวงเกาฉือ ร้องอ้ออีกครา ทอดถอนใจออกมาเฮือกหนึ่ง จึงเอื้อนเอ่ยกล่าววาจาไม่เกรงอกเกรงใจว่า

“พวกท่านช่างเลอะเลือนงมงายเกินไปแล้วจริง ๆ ข้าพเจ้ามังกรล่องเมฆา ฉายาขอทานพเนจรหวงเกาฉือ ยืนไม่เปลี่ยนชื่อนั่งไม่เปลี่ยนแซ่ ที่ผ่านมาหาได้สนใจต่อลาภยศสรรเสริญอันจอมปลอมไม่ สหายร่วมดื่มนั้นหาง่าย สหายผู้รู้ใจไม่หักหลัง ร่วมแบ่งทุกข์ปันสุข มีความจริงใจในยุทธภพนั้นหายากยิ่ง ส่วนใหญ่ก็มีแต่จำพวกหน้าอย่างใจอย่าง บ้างก็เป็นจำพวกสุนัขลอบกัด แม้นอยู่ร่วมฟ้าเดียวกัน แต่ไม่อาจร่วมเส้นทางเดียวกันได้ ดังนั้นพวกท่านอย่าได้สิ้นเปลืองน้ำลาย ใช้อุบายเสแสร้งมาเกลี้ยกล่อมขอทานเฒ่าให้เสียเวลา น่าจะประเสริฐกว่า”

นางมารเยือกเย็นเหยาเยี๊ยะเหยียน ยืนฟังอยู่เนิ่นนานพลันกล่าวสวนว่า

“พวกท่านมัวแต่กล่าววาจาน่ารำคาญอันใดกัน? ในเมื่อท่านขอทานพเนจรหวงเกาฉือ ไม่ยอมรับน้ำใจ ที่พวกเราหยิบยื่นให้ ก็อย่าได้เสียเวลากล่าววาจาให้มากความเลย ในเมื่อพวกเขาไม่รับน้ำใจ สุราสัตย์สาบาน พวกเราอุตส่าห์ให้คนประคองน้อมยื่นตรงหน้า ทว่าพวกเขายังไม่ดื่ม เช่นนั้นจะเก็บสุราสัตย์สาบานเอาไว้เพื่อกระไร?”

กล่าวจบนางมารเยือกเย็นเหยาเยี๊ยะเหยียน กระแทกฝ่ามือข้างขวาเข้าใส่คนทั้งสาม ซึ่งยืนประคองถาดไม้บรรจุถ้วยสุราสัตย์สาบาน ซึ่งเป็นคนของพวกนางเอง บังเกิดเป็นปราณพลังไร้สภาพ แต่ดุดันร้อนแรงดั่งอัคคีที่โหมกระหน่ำ กดคุกคามเข้าใส่สามคน จนกระทั่งน้ำสุราสัตย์สาบานในถ้วยร้อนลวกจนเดือนพล่าน

คนทั้งสามตระหนกตกใจยิ่ง รีบโยนถาดไม้ในมือซึ่งบรรจุถ้วยสุราสัตย์สาบานลงพื้นอยางเร่งร้อน ถาดไม้ทั้งสามใบยังไม่ร่วงหล่นสัมผัสพื้น ฝ่ามือซ้ายของนางมารเยือกเย็นเหยาเยี๊ยะเหยียน แผ่พุ่งออกมาอีกครั้งดั่งสายฟ้า เสียงเปรื่องดังสะเทือนเลื่อนลั่น พร้อมกับถาดไม้ทั้งสามใบ ภายในบรรจุถ้วยสุราสัตย์สาบาน แตกกระจายเป็นผุยผงจนไม่เหลือเศษชิ้นส่วน

สามคนตัวสั่นตระหนกตกใจยิ่ง กระทั่งเหลือบแลยังไม่กล้าละสายตามอง พากันสับเท้าวิ่งกรูดไปทิศทางด้านหนึ่ง นางมารเยือกเย็นเหยาเยี๊ยะเหยียน แค่นเสียงเกรี้ยวกราดกล่าว

“พวกท่านทั้งหลาย คล้ายกับไม่แตกต่างจากถาดไม้ กับถ้วยสุราเหล่านั้น”

ขอทานพเนจรหวงเกาฉือ กลับแย้มยิ้มกล่าว

“ท่านประเมินเราเฒ่าขอทาน กับเหล่าจอมยุทธ์หนุ่มสาวต่ำทรามถึงปานนั้น”

นางมารเยือกเย็นเหยาเยี๊ยะเหยียน หัวร่อหยามเหยียดกล่าว

“ย่อมต่ำทรามถึงปานนั้น อย่าได้ทระนงตน กับอย่าได้ลืมเลือนไป ในร่างของพวกท่าน พิษร้ายยังมิได้กำจัด?”

ขอทานพเนจรหวงเกาฉือกล่าวสวนว่า

“น่าเสียดาย เราคล้ายประเมินท่านสูงส่งเกินไปจริง ๆ”

เฟิ่นไป่ชิง รีบกล่าวคำสนับสนุนว่า

“เพียงคล้ายแต่ใช้การมิได้ นางประเมินค่าตนเองสูงเกินไป กับประเมินพวกเราต่ำทรามเกินไปจริง ๆ”

เทียนจิ้งเห็นด้วย กล่าวว่า

“พวกเราแม้นไม่สูงส่ง แต่ก็ไม่ถึงกับต่ำทราม มิเช่นนั้นป่านนี้พิษร้ายของพวกนาง คงกระจายไปทั่วร่างของพวกเราแล้ว”

เอวี้ยอี้เซิน กล่าวถามว่า

“เทียนจิ้ง ท่านหมายความว่า ในร่างของพวกเราไม่มีพิษกระนั้นรึ?”

“ย่อมไม่มีอย่างแน่นอน ตอนนี้พวกเรายังคงสบายดี”

ประโยคนี้เฟิ่นมู่เหอเป็นผู้กล่าว ซื่อเหมี่ยนรีบกล่าวบ้างว่า

“หากพวกเรายังคงสบายดี ย่อมไม่มีพิษร้ายในร่าง หากเป็นเช่นนั้น เกิดเรื่องราวใดขึ้น”

กุ้ยโส่วแจกแจงรายละเอียดว่า

“ทุกท่านล้วนรับประทานอาหาร ดื่มสุรา ฟังจากนางกล่าวเมื่อครู่ นางมิได้วางยาในอาหารและสุรา”

“แต่นางวางยาในภาชนะ ตะเกียบและถ้วยสุรา?”

อวี้หว่อเป็นผู้กล่าวถาม จากนั้นเหวินมู่ กล่าวตอบว่า

“หรือว่าพวกเรามิได้ใช้ ภาชนะ ตะเกียบ ถ้วยสุราของสำนักนาง?”

เหมาต้า กล่าวตอบว่า

“พวกเราล้วนมิได้ใช้ ภาชนะ ตะเกียบ ถ้วยสุราของสำนักนาง?”

หนุ่มสาวเหล่านั้นส่งเสียงกล่าวโดยพร้อมเพรียงกันว่า

“เช่นนั้น พวกเราใช้ของสำนักใด?”

หนานตี้กล่าวตอบว่า

“พวกเรามิได้ใช้ของสำนักใด เป็นท่านอาวุโสหวง ให้ทุกท่านหยิบยืมสิ่งของเหล่านั้นจากท่านขอทาน”

เฟิ่นไป่ชิง ร้องอ้อแล้วกล่าว

“ที่แท้เรื่องราวเป็นเช่นนี้ มิน่าเล่า? พวกเขาประเมินพวกเราต่ำทรามเกินไปจริง ๆ”

ขอทานพเนจรหวงเกาฉือกล่าวว่า

“แต่พวกเรากลับประเมินพวกเขาสูงเกินไป สุดท้ายใช่ยังต่ำทรามกว่าพวกเราอยู่ขั้นหนึ่ง”

นางมารเยือกเย็นเหยาเยี๊ยะเหยียน กลับมีท่าทีเยือกเย็นลง เยือกเย็นลงดั่งฉายาของนาง ภายนอกนางเยือกเย็นดั่งน้ำแข็ง ภายในกลับคั่งแค้นคุกรุ่น นางปั้นสีหน้าเย็นชากล่าวว่า

“ที่แท้ข้าพเจ้าประเมินพวกท่านต่ำทรามเกินไปจริง ๆ”

ขอทานพเนจรหวงเกาฉือกล่าวว่า

“พวกท่านสามารถประเมินพวกเราได้ใหม่ มิใช่ดอกรึ?”

วานรเหินอั้งเซี๊ยะเปา ในร่างของเหยาเยี่ยนผิง นางยืนฟังอยู่เนิ่นนานแล้ว นางก้าวเท้าออกมา ร้องอ้อกล่าวว่า

“ต่อให้พวกเราประเมินพวกท่านสูงชั้นอีกขั้นหนึ่ง ถึงกับมิทำให้สถานการณ์ของพวกท่าน งดงามไปกว่านี้ได้กระมัง?”

ขอทานพเนจรหวงเกาฉือตอบกลับไปว่า

“อั้งเซี๊ยะเปา ท่านอย่าได้ทระนงตัวเกินไปนัก ไม้เล็กขึ้นทดแทนไม้ใหญ่ คลื่นลูกใหม่ไล่คลื่นลูกเก่า เราขอทานเฒ่ากลับแก่ชรามากแล้ว”

ทอดถอนใจคราหนึ่ง แล้วหันไปทางกลุ่มหนุ่มสาว ประกายสายตากลับเจิดจ้า วาจากล่าวสืบต่อ

“ความหวังของพวกเราทั้งหมด ล้วนฝากฝังไว้ในกลุ่มหนุ่มสาวเหล่านี้ อีกทั้งยังมีประมุขน้อยจ่านจือ คนรุ่นเรานับว่าเก่าไปแล้วกระมัง?”

วานรเหินอั้งเซี๊ยะเปา ปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยัน กล่าวว่า

“พวกเขาเหล่านั้น นับเป็นตัวกระไรได้?”

ขอทานพเนจรหวงเกาฉือกล่าวสวนว่า

“พวกท่านเล่า? นับเป็นตัวกระไรได้ อั้งเซี๊ยะเปา ท่านเองปลอมแปลงโฉมเป็นแม่นางน้อยเหยาเยี่ยนผิง คิดว่าขอทานเฒ่าดูพวกท่านมิออกกระมัง? ในงานวันนี้แท้จริงแม่นางน้อยเยี่ยนผิง กับเยิ่นหว่อถิงมิได้อยู่ในงาน”

นางมารเยือกเย็นเหยาเยี๊ยะเหยียน โพล่งขึ้นว่า

“ขอทานเฒ่า ท่านทราบ?”

“เราย่อมทราบ เพราะเราทราบ จึงได้ระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ ดังนั้นพวกท่านประเมินพวกเราต่ำทรามไปจริง ๆ”

นางมารเยือกเย็นเหยาเยี๊ยะเหยียน หัวร่อกึกก้องกล่าว

“ต่ำทรามไปก็ช่าง สูงส่งแล้วเป็นเช่นไร? ในเมื่อพวกท่านคิดมาก็มา แต่คิดจะไปไม่ง่ายดายกระมัง?”

ขอทานพเนจรหวงเกาฉือกล่าวว่า

“พวกท่านมีความสามารถเหนี่ยวรั้งเราเอาไว้ได้?”

นางมารเยือกเย็นเหยาเยี๊ยะเหยียนมิตอบคำ หันไปทางเจ้าสำนักทั้งเก้า ออกคำสั่งดังว่า

“หนุ่มสาวเหล่านั้น เราขอมอบให้กับพวกท่านจัดการ อย่าได้สร้างความผิดหวังให้กับเรา”

เจ้าสำนักทั้งเก้าส่งเสียงรับคำโดยพร้อมพรัก แล้วชักกระบี่โดยพร้อมเพรียง ประกายกระบี่สาดประกายเจิดจ้าดั่งสายฟ้า

เหล่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ รีบชักอาวุธออก แล้วกระจายกำลังออก สีหน้าท่าทางกลับมีความมั่นอกมั่นใจ หลังจากผ่านการต่อสู้มาแล้วรอบหนึ่ง อีกทั้งคำกล่าวของขอทานพเนจรหวงเกาฉือ ยึดถือพวกเขาเป็นความหวัง ดังนั้นยิ่งเพิ่มความมั่นใจทวีคูณ

หยกเหินลม/ชล ชโลทร

 

 

17 เมษายน 2564
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป