ตอนที่ 107
อุบายยายเฒ่าพิษ
“ยายเฒ่าเนี๊ยะ ท่านแก่ชราปูนนี้แล้ว ไม่กลัวเกรงว่ากระดูกจะผุกร่อนบ้างหรืออย่างไร?” นางแอ่นแดงส่งเสียงกล่าวกระตุ้นโทสะยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้ว
“หุบปากโสโครกให้แก่ข้าพเจ้า ยายเฒ่าต้องการชมดูว่าฝีมือของพวกท่านทั้งสอง จะร้ายกาจเทียบเท่าฝีปากหรือไม่?” กล่าวจบยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้ว ผลักสองฝ่ามือออกรวดเร็วติดต่อราวสิบกว่าฝ่ามือ เสียบทึบ ๆ ดังต่อเนื่องมิขาดตอน นางแอ่นแดงใช้ท่าเท้าด้วยวิชากระสวยฟ้าตาข่ายด้ายแดง ดูไปคล้ายดั่งนางแอ่นเหินลมตัวหนึ่ง ร่างที่ฉวัดเฉวียนไปมาสร้างความสับสนอลหม่านแก่ยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้วไม่น้อย
หลิวซุ่นกงกงยังคงนั่งนิ่งสงบ ชมดูการต่อสู้ระหว่างยายเฒ่าหมื่นพิษกับสองสามีภรรยา หากจะวิจารณ์ตามฝีมือแล้ว ยังนับว่ายายเฒ่ายังเหนือชั้นกว่าสองสามีภรรยาอยู่เล็กน้อย แต่ทว่ากระบวนท่าของสองสามีภรรยาพลิกแพลงแปรเปลี่ยนตลอดเวลา ผ่านไปราวร้อยกว่ากระบวนท่ายายเฒ่าหมื่นพิษรู้สึกหงุดหงิดในอารมณ์ยิ่งนัก
เมื่อเห็นว่าหากปล่อยเวลาเนิ่นนาน ยังจัดการกับสองสามีภรรยามิได้ จะสร้างความเสื่อมเสียหน้าให้แก่ตน ดังนั้นยายเฒ่าหมื่นพิษจึงเกิดความอำมหิต คิดใช้กระบวนท่าแพร่พิษแก่สองสามีภรรยาในบัดดล
“ข้าพเจ้ายายเฒ่าเนี๊ยะไม่มีเวลาล้อเล่นกับพวกท่านมากนัก เตรียมรับกระบวนท่าฝ่ามือเร้นพิษของข้าพเจ้าดู” กล่าวจบยายเฒ่าผลักสองฝ่ามือออก กระบวนท่าบีบบังคับให้สองสามีภรรยาต้องใช้ฝ่ามือออกรับกระบวนท่าของนาง
“ท่านสองคนมิใช่คู่มือของนาง ปล่อยให้ข้าพเจ้าหลิวซุ่นกงกงรับกระบวนท่านี้เถิด”
สิ้นเสียงร่างของหลิวซุ่นกงกงซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ล้อ พุ่งออกมาด้วยความรวดเร็วสุดบรรยาย พริบตาเดียวร่างเหินลอยข้ามร่างสองสามีภรรยามาถึงเบื้องหน้ายายเฒ่าหมื่นพิษแล้ว จากนั้นกางมือใช้ออกด้วยวิชาเก้ากระเรียนเบิกฟ้าต้านรับฝ่ามือเร้นพิษของยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้ว
ยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้ว ตระหนกตกใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยังไม่ทันคิดว่าเกิดอะไรขึ้น ฝ่ามือนางปะทะเข้ากับกรงเล็บของหลิวซุ่นกงกงแล้ว พลันรับรู้ได้ถึงพลังแหลมเล็กคล้ายดั่งเข็มนับร้อยพันเล่ม จู่โจมเข้าใส่ใจกลางฝ่ามือ รีบชักรั้งฝ่ามือคืนกลับ เท้าถอยร่นกลับหลังราวห้าก้าว พอตั้งหลักมั่นเห็นเต็มสองตาว่า ผู้ที่ลงมือเป็นผู้ใดยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้ว ส่งเสียงกล่าวเล็ดลอดผ่านริมฝีปากเหี่ยวย่นว่า
“เป็นท่าน!”
“ถูกต้อง เป็นข้าพเจ้าเอง รู้สึกตกใจมากสินะยายเฒ่าเนี๊ยะ?” หลิวซุ่นกงกงส่งเสียงกล่าวตอบออกไป
“ไฉนท่าน…?” ยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้วกล่าวได้เพียงนี้ จากนั้นทราบได้ทันทีว่าที่นางและคนอื่น ๆเข้าใจว่าหลิวซุ่นกงกง สูญเสียวรยุทธ์ และสายตามืดบอด ที่แท้ถูกหลิวซุ่นกงกงตบตา แต่เรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นจริงได้ ในเมื่อเจ้าอสูรโลกันตร์ได้ตัดเอ็นมือเอ็นเท้าไปเมื่อยี่สิบปีก่อน
“ท่านกำลังคิดว่าไฉนข้าพเจ้าหลิวซุ่นสายตายังใช้การได้ อีกทั้งวิทยายุทธ์ของข้าพเจ้ากลับมิได้สูญสิ้นถูกต้องหรือไม่? ยายเฒ่าเนี๊ยะท่านมิได้ตาฝาด ที่ท่านเห็นทั้งหมดล้วนเป็นความจริง” หลิวซุ่นกงกงส่งเสียงกล่าวต่อยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้ว
ยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้ว คล้ายกับยังไม่อยากเชื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กรงเล็บเมื่อครู่แฝงพลังแข็งกร้าวรุนแรง หากตนรั้งฝ่ามือกลับมามิทันแล้วละก็ นอกจากฝ่ามือเร้นพิษยังไม่ทันใช้ออก พลังเล็กแหลมดั่งเข็มนับร้อยพันเล่ม คงจู่โจมเข้าทำลายชีพจรสำคัญของตนเป็นแน่ นึกไม่ถึงไม่เจอหลิวซุ่นกงกงหลายปี พอลงมือเพียงกระบวนท่าเดียวก็รับทราบถึงทราบร้ายกาจ ก่อนหน้านั้นได้ยินเพียงคำร่ำลือกล่าวขาน เก้ากระเรียนเบิกฟ้าแห่งหมู่ตึกกระเรียนฟ้า ร้ายกาจดุดันยากยิ่งที่จะมีผู้ใดหลบหลีกหนีรอดพ้น ยามที่ลงมือคล้ายดั่งนกกระเรียนกางปีกฉีกเล็บครอบคลุมท้องฟ้า วันนี้ได้รับทราบแล้วว่าคำร่ำลือนั้นใช่เพียงพกลม
“ท่านสายตาไม่ได้บอด วิทยายุทธ์มิได้ถูกทำลายไป แล้วไฉนก่อนหน้านั้นในงานชุมนุมหมู่ตึกกระเรียนฟ้า ท่านจึงได้ให้เด็กน้อยจ่านจือออกหน้ารับมือแทนท่าน” ยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้วส่งเสียงกล่าวถามด้วยความสงสัย
“ผิดแล้ว ที่ท่านเข้าใจว่าข้าพเจ้าสายตามืดบอด และถูกทำลายวิทยายุทธ์ล้วนเข้าใจมิผิด เพียงแต่ฟ้ามีตาสวรรค์ไม่ทอดทิ้งคนดี ดังนั้นจึงได้ส่งคนมาช่วยเหลือข้าพเจ้า ให้กลับมามีสายตาที่มองเห็นได้อีกครั้ง แถมวิทยายุทธ์ของข้าพเจ้า ยังก้าวหน้ากว่าเดิมอีกด้วย ท่านคงไม่อยากเชื่อสินะ ว่าคนที่ท่านกล่าวถึงว่าเป็นเด็กน้อยเมื่อครู่ คือผู้ที่ช่วยเหลือข้าพเจ้าหลิวซุ่นกงกง”
ยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้วได้ยินเช่นนั้น แทบไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นความจริง จะเป็นไปได้เช่นไร? เด็กน้อยผู้หนึ่งจะมีความสามารถสูงส่งถึงระดับนั้นได้ เรื่องนี้เห็นทีนางต้องประเมินฝีมือจ่านจือใหม่เสียแล้ว และที่สำคัญเรื่องนี้จะต้องรีบแจ้งแก่ถู่ฝู ให้รับรู้โดยเร็วที่สุด
“ยายเฒ่าเนี๊ยะท่านเป็นคนกล่าวต่อข้าพเจ้าเอง ว่าในอดีตท่านมีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ที่ทำให้ข้าพเจ้าถูกจับกุมตัวไปกักขังถึงยี่สิบปี เมื่อครู่ท่านกล่าวขอขมาต่อข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเองมิใช่คนจิตใจคับแคบดังนั้นจะไม่ติดใจเอาความ แต่เรื่องที่ท่านก่อเหตุในหมู่ตึกกระเรียนฟ้า แถมยังทำร้ายคนของข้าพเจ้าได้รับบาดเจ็บอีก เรื่องหลังข้าพเจ้าหลิวซุ่นคงให้อภัยแก่ท่านมิได้”
หลิวซุ่นกงกงส่งเสียงกล่าวต่อยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้ว ในเวลานี้หัวหน้าตึกทั้งสามที่ได้รับบาดเจ็บต่างลุกขึ้นมายืนรวมกันด้านหนึ่ง ดูจากภายนอกอาการบาดเจ็บมิได้สาหัส ส่วนสองสามีภรรยาคิดว่าถึงเช่นไรวันนี้ จะต้องเค้นถามความจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ในอดีต ที่ลูกน้อยของตนถูกลักพาตัวจากยายเฒ่าเนี๊ยะซิ้วให้ได้
“ฮา ๆ ข้าพเจ้ายายเฒ่าเนี๊ยะกล้าทำกล้ารับ หลิวซุ่นกงกงท่านต้องการเช่นไร? ก็ว่ามา ตอนนี้ข้าพเจ้าอยู่ในสถานที่ของท่านแล้ว แต่ถ้าคิดว่าจะเหนี่ยวรั้งข้าพเจ้าเอาไว้ขอบอกว่าใช่ง่ายดาย อย่างมากข้าพเจ้าย่อมต้อบแลกชีวิตกับท่าน หากต้องทิ้งร่างฝังสังขารยังหมู่ตึกกระเรียนฟ้า ข้าพเจ้าจะต้องลากเอาท่านตามข้าพเจ้าไปให้จงได้” ยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้วส่งเสียงกล่าวต่อหลิวซุ่นกงกง น้ำเสียงของนางหาได้เกรงกลัวไม่ ยังไม่ทันที่หลิวซุ่นกงกงจะได้กล่าววาจาใดออกไป นางแอ่นแดงเซียวเหยาเซิงชิงกล่าวถามขึ้นก่อนว่า
“นอกจากท่านหลิวซุ่นกงกงแล้ว ข้าพเจ้านางแอ่นแดง กับบัณฑิตประหลาดสามีข้าพเจ้า ล้วนคิดถามไถ่ท่านเรื่องหนึ่ง เรื่องนี้แม้ว่าจะผ่านมาเนิ่นนาน แต่คิดว่าท่านคงจดจำได้ เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนบนเขาหมื่นเซียน ค่ำคืนนั้นสำนักตำหนักหมื่นเทพมีเรื่องน่ายินดี มีสตรีให้กำเนิดทารกพร้อมกันถึงสามคนด้วยกัน เหตุการณ์ไม่คาดฝันลูกน้อยของข้าพเจ้า และลูกน้อยของสหายรักของข้าพเจ้า ถูกชุดดำลึกลับชิงตัวไป เรื่องนี้ท่านจะต้องมีส่วนรู้เห็นอย่างแน่นอน ดังนั้นวันนี้หากไม่ให้ความกระจ่าง อย่าหวังว่าจะจากไปจากที่นี้ได้”
หลิวซุ่นกงกงเห็นว่าสองสามีภรรยา มีน้ำใจยื่นมือเข้าช่วยเหลือเมื่อครู่ เมื่อได้ยินนางแอ่นแดงกล่าวถามเรื่องราวเกี่ยวกับเหตุการณ์ในอดีตต่อยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้ว ดังนั้นจึงคิดว่าจะช่วยสองสามีภรรยาให้สมหวังในเรื่องนี้
“ยายเฒ่าเนี๊ยะ เรื่องของท่านกับข้าพเจ้าขอพักเอาไว้ก่อน ตอนนี้ท่านได้ยินที่ฮูหยินท่านนี้กล่าวถามแล้วหรือไม่? ก่อนที่เรื่องของเราจะได้คิดบัญชี ท่านจงรีบบอกเรื่องที่ท่านทราบเกี่ยวกับเรื่องที่ฮูหยินท่านนี้ต้องการทราบออกมาเร็วเข้า”
“เรื่องราวเมื่อยี่สิบปีก่อน ข้าพเจ้ายายเฒ่าเนี๊ยะชราปูนนี้แล้ว อีกทั้งความจำข้าพเจ้าบัดนี้เลอะเลือน จะให้เล่าเหตุการณ์เหล่านั้น คิดว่าไม่เป็นการรบกวนข้าพเจ้ามากไปหรือไม่? ลูกน้อยถูกชิงตัวไปเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ป่านนี้เถ้าถ่านกระดูกคงไม่เหลือให้พวกท่านค้นหาแล้ว พวกท่านทั้งสองจะกล่าวถามข้าพเจ้าให้เปลืองสมองบอกเล่าแก่พวกท่านไยกัน?”
ยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้วกล่าวตอบ คำพูดของนางบ่งบอกว่านางทราบเรื่องนี้ แต่ทว่านางไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวออกมาให้สองสามีภรรยาต้องรับรู้
“ยายเฒ่าเนี๊ยะซิ้ว เห็นแก่หัวอกผู้เป็นบิดามารดา การสูญเสียลูกรักไปมันเจ็บปวดทรมานปานใดท่านทราบหรือไม่? ถึงแม้ลูกของเราจะไม่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้แล้ว ขอเพียงรับทราบว่าผู้ใด? เป็นผู้ลงมือ หรือว่าท่านเองไม่เคยเป็นมารดาคน?” บัณฑิตประหลาดเซียวเจียนซู่กล่าววาจาขึ้นบ้าง ประโยคสุดท้ายที่กล่าวทำเอายายเฒ่าเนี๊ยะซิ้วถึงกับรู้สึกแปลกประหลาดใจ
“เพ้อเจ้อเหลวไหล ข้าพเจ้ายายเฒ่าเนี๊ยะไม่เคยให้กำเนิดทารก จะเคยเป็นมารดาคนได้เช่นไร? ยายเฒ่าเนี๊ยะซิ้วกล่าวสวนออกไป ด้านหนึ่งลอบสะกิดความสงสัยขึ้นมามิได้ เรื่องที่ตนมีถู่ฝูเป็นบุตรชาย เรื่องนี้ไม่มีผู้ใดระแคะระคายมาก่อน พอได้ยินบัณฑิตประหลาดกล่าวถามมีเลศนัย จึงเริ่มกังวลขึ้นมาว่าเรื่องนี้จะมีคนรู้เห็น
“ยายเฒ่าเนี๊ยะ ท่านอย่าคิดนะว่าเรื่องที่ท่านปกปิดผู้คน ว่าท่านไม่มีผู้สืบสกุลนั้นจะไม่มีผู้ใดทราบ? ข้าพเจ้าสองสามีภรรยาบังเอิญทราบเรื่องนี้มา ท่านต้องการให้ข้าพเจ้าแฉความจริงทั้งหมดออกมาหรือไม่?” นางแอ่นแดงเซียวเหยาเซิงกล่าวถึงเรื่องที่ตนและสามีแอบได้ยินมา วาจาทั้งหมดเพียงเพื่อกล่าวขู่ยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้ว ให้นางบอกกล่าวเรื่องราวในอดีตออกมาเท่านั้น
“พวกท่านว่ากระไร? พวกท่านทราบเรื่องนี้ได้เช่นไร? รีบบอกออกมาว่าพวกท่านทราบมากน้อยเพียงใด? เกี่ยวกับเรื่องนี้” ยายเฒ่าหมื่นพิษละล่ำละลักกล่าวถามออกไป
“จะมากน้อยเท่าใด? เราสองสามีภรรยาไม่ทราบ แต่ทราบว่าท่านมีลูกชายหรือลูกหญิง และทราบอีกว่าเมื่อหลายปีก่อนท่านนำลูกของท่านมอบให้กับผู้ใด? และในตอนนี้ลูกของท่านอาศัยอยู่สถานที่ใด? อีกทั้งท่านกับลูกของท่านมีแผนการใด? เพียงแค่นี้ท่านคิดว่าเราสองสามีภรรยาทราบมากน้อยเท่าใด?”
นางแอ่นแดงเซียวเหยาเซิงกล่าวตอบ ทราบว่าตอนนี้นางและสามีถือไพ่เหนือกว่ายายเฒ่าหมื่นพิษ จึงแสร้งเป็นไม่กล่าวรายละเอียดออกมา จุดประสงค์เพื่อให้ยายเฒ่าใช้เป็นข้อต่อรอง ในการบอกเล่าเรื่องของลูกน้อยที่ถูกชิงตัวไปในอดีตออกมา และนางแอ่นแดงคิดมิผิด ยายเฒ่าหมื่นพิษรีบส่งเสียงกล่าวออกมาว่า
“เอาเถิด ข้าพเจ้ายายเฒ่าเนี๊ยะ เชื่อว่าพวกท่านทั้งสองทราบความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในเมื่อสามีท่านเป็นผู้กล่าวเองว่า ให้เห็นแก่หัวอกผู้เป็นมารดา ดังนั้นข้าพเจ้าจึงมีข้อแลกเปลี่ยนจะเสนอกับท่านทั้งสอง หากพวกท่านกล้าสาบานว่า จะไม่แพร่งพรายเรื่องที่พวกท่านทราบมาแก่ผู้ใด? ข้าพเจ้ายินดีจะบอกเล่าเรื่องราวในอดีต ให้แก่พวกท่านได้รับทราบจนหมดสิ้น”
“เราสองสามีภรรยาสูญเสียลูกรักมายี่สิบกว่าปี ป่านนี้ยังไม่ได้ข่าวคราวแม้แต่น้อย หากพอมีเบาะแสให้ได้สืบสาวเราย่อมยินดียิ่งนัก ท่านต้องการให้เราสองสามีภรรยากล่าวคำสาบาน ว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องของท่านกับผู้ใด? หากท่านยินยอมบอกเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดโดยละเอียดแล้วละก็ เราทั้งสองรับปากว่าจะกล่าวคำสาบาน และจะไม่แพร่งพรายเรื่องของท่านต่อผู้ใดเป็นอันขาด”
บัณฑิตประหลาดเซียวเจียนซู่กล่าวต่อยายเฒ่าเนี๊ยะซิ้ว ว่าตนและภรรยาจะกล่าวคำสาบานว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องของนางต่อผู้ใด? หากนางยินยอมบอกเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดในอดีตออกมาโดยละเอียด
“เอาละ ในเมื่อท่านทั้งสองยอมรับปากต่อข้าพเจ้า ยายเฒ่าเนี๊ยะซิ้วจะบอกเล่าเรื่องราวในอดีตที่ข้าพเจ้ายังพอจดจำได้ ให้แก่ท่านทั้งสองได้รับทราบ ถึงแม้ว่าข้าพเจ้าเองจะมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ครั้งนั้นก็ตาม แต่หากพวกท่านทั้งสองตระบัดสัตย์แล้วละก็ แม้ข้าพเจ้าตกตายเป็นผียังจะจองเวรต่อพวกท่านไม่เลิกรา พวกท่านทั้งสองพร้อมจะรับฟังเรื่องราวแล้วหรือไม่?”
“เราทั้งสองพร้อมจะรับฟังเรื่องราวจากปากท่านนานแล้ว ส่วนเรื่องของท่านขอให้วางใจ ว่าเราสองคนจะไม่แพร่งพรายต่อบุคคลที่สี่อย่างเด็ดขาด ส่วนเรื่องอื่น ๆ ระหว่างท่านกับเราสองคนไว้ค่อยสะสางกันภายหลัง เชิญท่านบอกเล่าเรื่องราวเร็วเข้าเถิด” นางแอ่นแดงเซียวเหยาเซิงส่งเสียงรับปาก แล้วกล่าวต่อว่าเรื่องราวอื่น ๆ นอกเหนือจากเรื่องที่ตกลงกันไว้ ค่อยคิดบัญชีในภายหลัง แล้วเร่งเร้าให้ยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้ว รีบบอกเล่าเรื่องราวออกมาโดยเร็ว
“เรื่องนี้ความจริงผู้ที่อยู่เบื้องหลัง เป็นคนในหาใช่คนนอก สำนักตำหนักหมื่นเทพ มีศิษย์เก่งกาจรวมห้าคน ภายหลังศิษย์ในสำนักแตกแยกเป็นสองฝ่าย ข้าพเจ้าเองในฐานะคนของพรรคมาร ไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้ผ่านเลยไป ดังนั้นจึงลอบเข้าไปเสนอความช่วยเหลือและร่วมมือด้วย และเป็นไปตามความคาดหมาย ศิษย์ผู้นั้นต้องการทำลายศิษย์คนอื่น ๆ ให้ย่อยยับดับสูญ โอกาสเหมาะในค่ำคืนหนึ่ง ในค่ำคืนนั้นในสำนักตำหนักหมื่นเทพ มีสตรีสามนางครบกำหนดคลอดในเวลาเดียวกัน แผนการทั้งหมดที่ได้ตระเตรียมเอาไว้จึงได้เริ่มต้นขึ้น”
ยายเฒ่าเนี๊ยะซิ้วเริ่มเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บ่งบอกว่ามีศิษย์คนหนึ่งในสำนักตำหนักหมื่นเทพ คิดทำลายศิษย์คนอื่น ๆ ให้ย่อยยับดับสูญ จนประจวบเหมาะสบโอกาสลงมือ ในค่ำคืนที่สตรีสามนางเกิดครบกำหนดคลอดพร้อมเพรียงกัน ยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้วหยุดวาจาลงเล็กน้อย ค่อย ๆ หวนนึกถึงเหตุการณ์ในค่ำคืนนั้น จากนั้นเอื้อนเอ่ยเปล่งวาจาเล่าต่อว่า
ค่ำคืนนั้นคล้ายมีลางบอกเหตุเภทภัย ในตอนหัวค่ำเกิดพายุพัดโหมอย่างบ้าคลั่ง สายฝนเทกระหน่ำลงมาดั่งฟ้ารั่ว เกิดสายวิชชุอสนีบาตฟาดทลายสนั่นลั่นทั่วไปทั้งหุบเขา ค่ำคืนนั้นสตรีสามนางที่กล่าวถึงได้แก่ ฮูหยินของเหวินอี้ ซึ่งเป็นบุตรชายของเจ้าสำนักตำหนักหมื่นเทพลวี้ยู่เฉียน นางมีนามว่าเพ่ยอิง สตรีคนที่สองคือศิษย์คนที่ห้า อัคคีสวรรค์เหยาเยี๊ยะเหยียน และสตรีคนที่สามคือเซียวเหยาเซิง ซึ่งเป็นสหายรักกับเพ่ยอิงในตอนนั้น
คืนนั้นศิษย์ของสำนักตำหนักหมื่นเทพ ผู้อยู่เบื้องหลัง เรียกบุคคลอีกสองคนขึ้นเขาหมื่นเซียน เพื่อลงมือชิงทารกแรกเกิด บุคคลสองคนที่ถูกเรียกขึ้นเขามา หนึ่งเป็นตาเฒ่าเข็มวิเศษฝ่านอี้เฉิน ซึ่งเป็นสามีของยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้วนั่นเอง บุคคลอีกผู้หนึ่งเป็นคนของวัดเส้าหลิน แต่ยายเฒ่าเนี๊ยะซิ้วไม่ยอมบ่งบอกนามออกมา อ้างว่าได้รับปากกับคนผู้นั้นเอาไว้ รวมทั้งไม่ยอมบ่งบอกว่าศิษย์ของสำนักตำหนักหมื่นเทพคือศิษย์ผู้ใดอีกด้วย
ในค่ำคืนนั้นห้องคลอดถูกจัดแยกเป็นสามห้อง ห้องด้านซ้ายเป็นศิษย์คนที่ห้าอัคคีสวรรค์ ห้องที่อยู่ด้านขวาคือเซียวเหยาเซิง และห้องที่อยู่ตรงกลางเป็นสะใภ้เพ่ยอิง เป็นเรื่องบังเอิญสตรีทั้งสามให้กำเนิดทารกพร้อมเพรียงกัน ในตอนนั้นเซียวเหยาเซิง กับอัคคีสวรรค์ยังไม่ทันจะได้ทราบว่าตนให้กำเนิดทารกเพศชายหรือหญิง เนื่องจากหมอตำแยกำลังทำความสะอาดร่างกายให้แก่ทารกทั้งสองอยู่
ส่วนห้องที่อยู่ตรงกลาง เพ่ยอิงหลังจากนางให้กำเนิดทารกคนแรกแล้ว ห่างเพียงไม่นานปรากฏว่านางให้กำเนิดทารกติดตามมาอีกผู้หนึ่ง เป็นทารกแฝดชายหนึ่งหญิงหนึ่ง สร้างความยินดีให้แก่เพ่ยอิงเป็นยิ่งนัก แต่นั่นก็ได้สร้างความอ่อนล้าเพลียแรงให้กับนางรุนแรง
เมื่อเห็นว่าได้โอกาสบุคคลสามคน ในชุดอำพรางสีดำย่อมลงมือทันที ศิษย์ของสำนักตำหนักหมื่นเทพ เป็นผู้ลงมือห้องที่อยู่ตรงกลาง ส่วนห้องที่อยู่ทางด้านซ้าย ผู้ลงมือเป็นคนที่มาจากวัดเส้าหลิน และคนที่ลงมือห้องที่อยู่ด้านขวา เป็นตาเฒ่าเข็มวิเศษฝ่านอี้เฉิน คนทั้งสามชิงลงมือรวดเร็วในเวลาเดียวกัน
ในเวลานั้น ศิษย์ของสำนักตำหนักหมื่นเทพคุ้นเคยสถานที่ พาทารกแฝดของเพ่ยอิงหนีรอดมาได้ ส่วนอีกสองคน ถูกศิษย์ในสำนัก และคนในสำนัก สกัดขัดขวางเอาไว้ ในระหว่างการต่อสู้มีอยู่ช่วงหนึ่ง ที่คนชุดดำโยนทารกน้อยทั้งสองขึ้นกลางอากาศ เพื่อรับกระบวนท่า ในจังหวะเวลานั้นทารกน้อยทั้งสองเกิดสลับตำแหน่งกัน พอดีที่อัคคีสวรรค์เหยาเยี๊ยะเหยียน พุ่งร่างมาคว้าทารกกลับคืนไปได้ แต่ทว่าทารกที่นางคว้ารับไปนั้น เป็นทารกที่ให้กำเนิดจากเซียวเหยาเซิง ส่วนทารกที่อัคคีสวรรค์ให้กำเนิด ถูกชุดดำจากวัดเส้าหลินแย่งไปได้
หลังจากนั้นการต่อสู้ชุลมุน คนชุดดำจากเส้าหลินหลบหนีไปทางหน้าผาสูงชันด้านหนึ่ง โดยมีเซียวเหยาเซิงพุ่งร่างติดตามไป ในที่สุดเซียวเหยาเซิงก็ติดตามไปทันริมหน้าผา จนเกิดการต่อสู้ขึ้น คนชุดดำวัดเส้าหลิน ใช้ฝ่ามือผลักส่งร่างเซียวเหยาเซิงตกหน้าผาไปก่อนที่คนอื่น ๆ จะติดตามมาทัน แล้วพุ่งร่างนำทารกหลบหนีไป ก่อนหน้าชุดดำอีกผู้หนึ่ง ซึ่งเป็นตาเฒ่าเข็มวิเศษฝ่านอี้เฉิน ก็ได้หลบหนีไปได้เฉกเช่นเดียวกัน
ในช่วงเวลาที่ทุกคนพากันวิ่งมาที่หน้าผา ซึ่งร่างของเซียวเหยาเซิงตกลงไป ศิษย์ของสำนักตำหนักหมื่นเทพในชุดดำ ที่นำทารกแฝดหลบหนี ตอนแรกคนผู้นั้นคิดจะสังหารทารกทั้งสองให้สิ้นเรื่องราว แต่พลันเกิดเปลี่ยนใจว่า เผื่อใช้ประโยชน์ได้ในภายภาคหน้า จึงได้รีบนำทารกแฝดทั้งคู่มาส่งต่อให้ยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้ว ซึ่งรอคอยอยู่เชิงเขา จากนั้นคนผู้นั้นก็รีบพุ่งร่างกลับขึ้นเขาไป
ในค่ำคืนนั้นนอกจากทารกน้อยสามคน จะถูกชิงตัวแล้ว ยังเกิดโศกนาฏกรรมครั้งสำคัญ บุตรชายของเจ้าสำนักลวี้ยู่เฉียน เหวินอี้ กับภรรยาเพ่ยอิง ถูกฝ่ามือทำร้ายไม่อาจรักษาชีวิตเอาไว้ได้ เหตุการณ์นั้นสร้างความเสียใจแก่เจ้าสำนักลวี้ยู่เฉียนยิ่งนัก เขาเข้าไปกอดร่างของบุตรชายเหวินอี้แนบแน่น แต่ก่อนสิ้นใจเหวินอี้ได้บ่งบอกเรื่องราวบางประการต่อเจ้าสำนักลวี้ยู่เฉียน
เรื่องราวที่บ่งบอกนั่นคือ บอกว่าภรรยาตนให้กำเนิดทารกแฝดชายหญิง และตนกับภรรยาเพ่ยอิง ได้หักหยกเหินลม ชิ้นที่เจ้าสำนักลวี้ยู่เฉียนมอบไว้ให้เป็นสองส่วน แล้วนำใส่ไว้ในห่อผ้าหุ้มร่างของทารกทั้งสองคนละชิ้น ก่อนสิ้นลมหายใจ เหวินอี้อ้อนวอนให้เจ้าสำนักลวี้ยู่เฉียน ติดตามหาทารกทั้งสองให้จงได้
เวลาผ่านไปเจ้าสำนักลวี้ยู่เฉียน ติดตามหาทารกฝาแฝดไม่พบแม้แต่เงา ดังนั้นจึงเกิดความเสียใจและรู้สึกผิดที่ ติดตามหาทารกตามที่เหวินอี้ได้ขอร้องเอาไว้ก่อนตายไม่เจอ อีกทั้งเกิดเรื่องราวอีกมากมายในช่วงเวลานั้น ในที่สุดจึงตัดสินใจทำลายคัมภีร์ยุทธ์อำลายุทธจักร ในวันขึ้นสิบห้าค่ำเดือนแปดสารทตงชิว ในที่สุดสำนักอันดับหนึ่งแห่งบู๊ลิ้ม จึงถูกลบชื่อออกจากยุทธภพ เหลือไว้แต่เพียงคัมภีร์ยุทธ์สุดยอดวิชาล้ำเลิศ ที่ชาวยุทธ์ยังคงติดตามหา และแย่งชิงแทบพลิกแผ่นดิน
วันเวลาผ่านไปทุกสิ่งอย่างเริ่มกลับคืนเช่นปกติ แต่ศิษย์ทั้งห้าแห่งสำนักตำหนักหมื่นเทพ หายสาบสูญไร้ร่องรอย รวมทั้งบัณฑิตประหลาดเซียวเจียนซู่ สามีของเซียวเหยาเซิง ผ่านไปยี่สิบปี มีวลีสี่ประโยคปรากฏขึ้นในยุทธภพอีกครั้ง รวมทั้งมีคนถูกสังหารตายภายใต้ฝ่ามือเดียว ในที่สุดศิษย์ทั้งห้าของสำนักตำหนักหมื่นเทพ ได้หวนคืนกลับยุทธภพอีกครั้ง
ยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้ว เล่าถึงตอนนี้ก็เงียบเสียงลง หันมองหน้าสองสามีภรรยาแล้วส่งเสียงกล่าวว่า
“ตอนนี้ท่านสองย่อมทราบแล้วสินะ? ว่าจะติดตามหาลูกของท่านได้จากที่ใด? ข้าพเจ้าว่าท่านทั้งสอง ความจริงได้เจอะเจอลูกของท่านแล้วหลายครั้ง ตอนนี้เรื่องที่พวกท่านต้องการทราบจากปากข้าพเจ้า ข้าพเจ้ายายเฒ่าเนี๊ยะซิ้วได้บอกเล่าละเอียดแล้ว แต่หากต้องการทราบเกี่ยวกับทารกอีกสามคนแล้วละก็ ข้าพเจ้ายายเฒ่าต้องมีข้อแลกเปลี่ยนเพิ่มอีกข้อหนึ่ง ขึ้นอยู่กับพวกท่านว่าต้องการจะรับรู้หรือไม่เท่านั้นเอง”
ยายเฒ่าเนี๊ยะซิ้วดีดลูกคิดรางแก้วในใจเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะเอ่ยประโยคนี้ออกมา นางคาดการณ์เอาไว้ว่าสองสามีภรรยา รวมทั้งหลิวซุ่นกงกงจะต้องอยากรู้เรื่องราวที่นางมิได้เล่าออกมา นั้นเป็นนางตั้งใจที่จะไม่บอกเล่า เพื่อที่จะเก็บเอาไว้เป็นข้อต่อรอง สำหรับออกไปจากหมู่ตึกกระเรียนฟ้า โดยปลอดภัยนั้นเอง
“ข้อต่อรองของท่าน คือต้องการออกไปจากหมู่ตึกกระเรียนฟ้าโดยมีลมหายใจถูกต้องหรือไม่?” หลิวซุ่นกงกงตวาดถามต่อยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้ว
“ท่านหลิวกงกง ท่านช่างฉลาดยิ่งนัก อ่านใจข้าพเจ้าเฒ่าเนี๊ยะซิ้วได้ทะลุปรุโปร่ง ในเมื่อท่านทราบแล้วเช่นนี้ ข้าพเจ้าคงไม่ต้องเสียเวลาบอกกล่าวต่อท่าน จะตกลงหรือไม่? ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของท่าน” ยายเฒ่าเนี๊ยะซิ้วกล่าวตอบหลิวกงกง นางในตอนนี้ค่อยรู้สึกปลอดโปร่ง เมื่อเห็นว่ามีหนทางออกไปจากหมู่ตึกกระเรียนฟ้าได้แล้ว นับว่านางเป็นคนฉลาด รู้จักพลิกสถานการณ์กลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบ
หลิวซุ่นกงกงหันไปปรึกษากับสองสามีภรรยา ทั้งสามเห็นตรงกันว่ายายเฒ่าทราบเรื่องราวนี้ และหากไม่ให้นางบอกเล่าออกมา คงยากที่จะสืบหาทารกอีกสามคนว่าเป็นผู้ใด? ดังนั้นจึงตัดสินใจว่าจะยอมปล่อยนาง ออกจากหมู่ตึกกระเรียนฟ้าไปก่อน ส่วนการคิดบัญชีค่อยว่ากล่าวในภายหลัง ดังนั้นหลิวกงกงจึงหันมาส่งเสียงกล่าว ต่อยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้วว่า
“ตกลง ข้าพเจ้ายอมรับข้อเสนอของท่าน เมื่อท่านเล่าเรื่องราวที่ทราบมาจบแล้ว ข้าพเจ้าหลิวซุ่นจะยอมปล่อยท่าน ไปจากหมู่ตึกกระเรียนฟ้าสักครั้งหนึ่ง แต่ในคราวหน้าท่านอย่าได้คิดว่าข้าพเจ้าจะยินยอมปลดปล่อยท่านไป ง่ายดายเหมือนในครั้งนี้ นอกจากข้าพเจ้าแล้วคนอื่น ๆ คงรอคิดบัญชีกับท่านอยู่เช่นเดียวกัน”
“ฮา ๆ เรื่องในภายหน้าค่อยว่ากล่าว ข้าพเจ้าเองคงมีหนทางรับมือกับท่านและคนอื่น ๆ อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน ไม่มีผู้ใดคาดการณ์ได้ ไม่แน่นักข้าพเจ้ายายเฒ่าเนี๊ยะซิ้ว อาจจะกลายเป็นเจ้ายุทธภพแล้วเป็นไปได้ ตกลงข้าพเจ้ายายเฒ่าเนี๊ยะซิ้ว จะเล่าเรื่องราวที่เหลือแก่พวกท่านเพื่อไม่ให้เสียเวลา” ยายเฒ่าเนี๊ยะซิ้วกล่าววาจาเขื่องโข แล้วเริ่มเล่าเรื่องราวที่เหลือ ให้ทั้งสามได้รับทราบต่อทันที
หยกเหินลม/ชล ชโลทร
17 เมษายน 2564