เมื่อหูชื่อเหวินลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นปี1970แล้วเธอกลับมาเกิดใหม่เป็นรูมเมทของแม่ ความตั้งใจในครั้งนี้มีเพียงอย่างเดียวคือเธอจะหาสามีใหม่ให้แม่เอง ส่วนพ่อที่ไม่เอาไหนนะเหรอ เตะเขาไปให้ไกลๆเลย!!
เมื่อหูชื่อเหวินลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นปี1970แล้วเธอกลับมาเกิดใหม่เป็นรูมเมทของแม่ ความตั้งใจในครั้งนี้มีเพียงอย่างเดียวคือเธอจะหาสามีใหม่ให้แม่เอง ส่วนพ่อที่ไม่เอาไหนนะเหรอ เตะเขาไปให้ไกลๆเลย!!
หูชื่อเหวินถือเทียนในมือปล่อยผมยาวสยาย เธอคงพึ่งจะสระผมเพราะมีกลิ่นหอมจางๆ โชยมา ดวงตาเฉยเมยสงบราบเรียบไม่มีร่องรอยของความหวาดกลัว เธอมองหยินเหวินกั๋วโดยไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมา
“หัวหน้าทำไมมาที่นี่ล่ะ? ไม่ใช่ว่าต้องไปซ่อมไฟหรอกหรือ?”
ผู้หญิงข้างๆ เห็นเขาก็อดแปลกใจจนทักขึ้นมา หญิงสาวมีท่าทางหวาดกลัวซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของหูชื่อเหวิน แต่ตัวเธอเองกลับไม่มีทีท่าหวาดกลัวเหมือนที่เขาจินตนาการเอาไว้เลย
“ใช่ พวกเรามาซ่อมไฟ พวกเธอรออยู่ในห้องนี้อย่าเดินไปมาละ” หยินเหวินกั๋วเรียกสติตัวเองกลับมาพยายามรักษาน้ำเสียงให้ปกติที่สุด
เมื่อเห็นว่าหูชื่อเหวินยังสบายดี เขาจึงปล่อยหัวใจที่สับสนของตัวเองลงได้ เขาคิดว่าตัวเองกังวลเกินไป ไม่น่ารีบมาที่ห้องควบคุมแผงโทรศัพท์ตั้งแต่แรกเลย
เมื่อดูท่าทางแล้วเธอคงไม่ต้องการให้ใครมาปลอบโยนหรอก!
“ได้ค่ะ ขอบคุณที่ทำงานหนักนะคะหัวหน้า!”
หูชื่อเหวินยังคงมีสีหน้าสงบ เธอไม่หันไปมองหยินเหวินกั๋วเช่นเคย เพียงแต่พาเยว่เหมยกลับเข้าไปในห้อง
“ทำไมเราไม่ไปห้องไฟฟ้าหลักด้วยกันละชื่อเหวิน?” เยว่เหมยพูดอย่างกังวล กลัวที่นี่จริงๆ
หูชื่อเหวินหันไปมองเยว่เหมยที่ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว พร้อมกับมองซ้ายมองขวาทั้งยังดึงแขนเสื้อเธอไว้อย่างหวาดระแวง
เมื่อหยินเหวินกั๋วได้ยินแบบนั้น เขาก็หยุดเดินและหันกลับไปมองหูชื่อเหวินอีกครั้ง
“ทำไมเธอไม่ไปกับหัวหน้าแทนล่ะ ฉันจะอยู่ดูแลที่นี่เอง”
หูชื่อเหวินคิดเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่งแล้วปฏิเสธ เธอไม่อยากเอาตัวเข้าไปใกล้ผู้ชายคนนี้อีก นอกจากนี้ก็ไม่อยากให้เขามากล่าวหาว่าเธอพยายามเข้าใกล้เขา
“ไป… ไปด้วยกันเถอะนะ ฝนตกไฟดับอย่างนี้ โทรศัพท์ใช้งานไม่ได้คงไม่มีสายเรียกเข้าหรอก” เยว่เหมยยังคงร้องขออย่างน่าสงสาร
“ก็ได้… งั้นก็ไปกัน”
เยว่เหมยจับแขนหูชื่อเหวินเดินออกไปด้วยกัน เธอกลัวมากจริงๆ แต่ถ้าเกิดอยู่กับคนหมู่มากในห้องไฟหลักอาจจะไม่กลัวเท่านี้
หยินเหวินกั๋วไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนหูชื่อเหวินยอมไปด้วย เขารู้สึกโล่งใจมากแค่ไหน
เมื่อมาถึงห้องไฟหลักเหล่าจางก็ตรวจสอบวงจรเรียบร้อยแล้ว
“หัวหน้าหยิน อยู่ที่…”
ขณะที่กำลังจะพูด อยู่ๆ ก็สังเกตเห็นสองสาวด้านหลังหยินเหวินกั๋ว หนึ่งในนั้นคือหูลี่อิงผู้เป็นหนึ่งในดอกไม้สองดอกของไร่แห่งนี้ ดูเหมือนว่าเธอเพิ่งเปลี่ยนชื่อได้ไม่นาน
ตอนนี้เธอกำลังสวมเสื้อผ้าของภรรยาเขา เป็นไปได้ไหมว่าหัวหน้าหยินยืมเสื้อผ้ามาให้ผู้หญิงคนนี้
เหล่าจางมองหยินเหวินกั๋วและหูชื่อเหวินสลับไปมา ดูเหมือนเป็นคู่รักที่เหมาะสม แต่ได้ยินมาว่าผู้หญิงคนนี้นิสัยไม่ดีเท่าไหร่ ไม่รู้หัวหน้าหยินจะทนได้หรือไม่
“พี่จาง สถานการณ์เป็นไงบ้าง?”
หยินเหวินกั๋วเห็นว่าเหล่าจางมองมาที่เขาและหูชื่อเหวินที่อยู่ด้านหลัง แต่กลับไม่พูดเรื่องงานที่ค้างไว้ออกมาจึงอดไม่ได้ที่จะเตือน
“โอ้ ปัญหาเดิมๆ ฝนตก ลมแรง สายเคเบิลหลักเลยขาดและสายไฟอีกหลายเส้นก็ขาด แต่ถ้าเราสองคนร่วมมือกันน่าจะแก้ปัญหาได้ อาจจะต้องใช้เวลาและความพยายามสักหน่อย”
“ไม่เป็นไร มาเริ่มกันเถอะ”
หยินเหวินกั๋วถอดเสื้อกันฝนออกและเริ่มทำงานกับเหล่าจาง นอกจากนี้ยังมียุวชนอีกสองสามคนอยู่ในนี้ด้วย
หูชื่อเหวินไม่อยากอยู่ตรงนี้เธอไม่เข้าใจเรื่องไฟฟ้า ดังนั้นจึงหาเก้าอี้มานั่งและดูพวกเขาพยายามซ่อมไฟกันอย่างวุ่นวาย
ในทางกลับกันเยว่เหมยกลับมีท่าทางกระตือรือร้นมากขึ้น เมื่อมีคนเยอะเธอก็เริ่มพูดคุยช่วยส่งของและช่วยถือไฟฉายอยู่สักพัก
หยินเหวินกั๋วมองหูชื่อเหวินที่นั่งอยู่เฉยๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วรู้สึกอึดอัดขึ้นมา ทำไมเขาจะต้องกังวลเรื่องผู้หญิงคนนี้ทั้งยังคอยมองอยู่ตลอดว่าเธอจะเป็นอะไรไหม?
“หูชื่อเหวินมานี่ ช่วยฉันฉายไฟหน่อย!” ชื่อนี้ดูเหมือนว่าเขาจะเรียกออกมาได้อย่างราบรื่นขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่เรียกก็ยิ่งรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้คือหูชื่อเหวินไม่ใช่หูลี่อิงจากชาติที่แล้ว
หูชื่อเหวินเดินไปช่วยอย่างไม่เต็มใจ เธอหยิบไฟฉายจากมือหยินเหวินกั๋วชูขึ้นช่วยส่องไฟให้สว่าง
จึงได้เห็นการเดินสายที่รวดเร็วและฉับไวของหยินเหวินกั๋วในการขันสกรู เสร็จไปหนึ่งอันแล้ว
“ฉายไฟมาทางนี้!”
หูชื่อเหวินย้ายไปส่องไฟตรงที่ชายคนนั้นพูด เธอรู้สึกเมื่อยจากการเขย่งเท้า จึงจับเก้าอี้มาไว้ข้างๆ เขาแล้วยืนบนนั้นเพื่อส่องไฟฉาย
ด้วยวิธีนี้ความสูงของเธอและหยินเหวินกั๋วจึงอยู่ระดับเดียวกันและใกล้กันมากขึ้น
เนื่องจากหูชื่อเหวินไม่ได้มัดผมหลังจากสระ มันจึงตกระลงบนใบหน้าของเธอ กลิ่นหอมจากผมลอยเข้าจมูกของหยินเหวินกั๋ว ในบางครั้งผมบางส่วนก็ปรกลงบนแขนของเขาทำให้รู้สึกกระสับกระส่าย เกิดอาการคันและทำให้ฟุ้งซ่านขึ้นมา
“เอาไฟฉายมา ฉันจะออกไปดู” หยินเหวินกั๋วต่อสายสุดท้ายเสร็จแล้วจึงหยิบไฟฉายจากหูชื่อเหวิน เขาสวมเสื้อกันฝนเดินออกไปกับเหล่าจาง
หูชื่อเหวินอยู่ใกล้เขามาก จนทำให้เขาไม่มีสมาธิในการทำงาน
ความรู้สึกที่ควบคุมไม่ได้กลับมาอีกครั้ง ทำให้หยินเหวินกั๋วหงุดหงิด
“นี่หัวหน้าหยิน นายกำลังคบกับผู้หญิงคนนั้นอยู่หรือเปล่า?”
เหล่าจางเอนตัวมาถามเสียงต่ำอย่างคลุมเครือ
“ผู้หญิงคนไหน?” หยินเหวินกั๋วรู้สึกปั่นป่วนในใจจึงถามกลับโดยไม่รู้ตัว
“คนที่คอยถือไฟฉายให้นายไง วันนี้นายขอยืมเสื้อกับภรรยาของฉันไม่ใช่หรือ?”
เหล่าจางพูดพร้อมกับทำท่า‘เข้าใจทุกอย่างเป็นอย่างดี’
หยินเหวินกั่วตกตะลึง
“อย่าพูดอะไรไร้สาระ เรื่องวันนี้ก็แค่บังเอิญเท่านั้น ไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
“ดูสิ นายยังไม่ยอมรับเลย เมื่อกี้เสี่ยวหลิวบอกว่านายวิ่งไปที่ห้องคุมแผงโทรศัพท์ทันทีที่เข้ามาในสำนักงานทั้งยังขอให้พวกเขาไปห้องไฟฟ้าหลักก่อน นายรีบไปดูเธอก่อนใช่ไหมล่ะ?”
หยินเหวินกั๋วไม่รู้ว่าจะตอบอะไร เขารีบไปหาหูชื่อเหวินจริงๆ
“ฉันคิดว่าผู้หญิงคนนี้สวยมาก สภาพครอบครัวเธอก็ไม่เลวเลยทีเดียว นายควรจับเธอไว้ให้อยู่หมัดไม่อย่างนั้นยังมีผู้ชายอีกหลายคนต่อแถวรอเธออยู่”
“แต่ฉันได้ยินมาว่าเธอค่อนข้างอารมณ์ร้าย นายจะทนได้หรือเปล่า? มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก ขอแค่นายเต็มใจที่จะอยู่กับเธอ นิสัยใจคอก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญอีกต่อไป พวกเราเป็นสุภาพบุรุษไม่จำเป็นต้องเถียงกับผู้หญิง พี่สะใภ้ของนายก็อารมณ์ร้าย แต่ตอนนี้เราก็อยู่ด้วยกันมาหลายปีแล้ว”
ยิ่งพูดเหล่าจางก็ยิ่งนึกถึงภรรยาของตนเอง อย่าคิดว่าเขากำลังพูดถึงพี่สะใภ้แบบทั่วไปแต่เขากำลังนินทาอยู่ต่างหาก
หยินเหวินกั๋วพูดไม่ออก เขาไม่ยอมรับทั้งหมดนั่นแหละ เหล่าจางคนนี้จะยอมทนทรมานไปจนตายเลยหรือไง?
เมื่อนึกถึงเหล่าจางที่พูดถึง เขาก็หวนนึกถึงชีวิตแต่งงาน 2 ปีกับหูลี่อิงในชาติก่อน เป็นสองปีนี้ไร้ประโยชน์ เขาเจอกับเธอน้อยครั้งมาก เขาแทบไม่ค่อยกลับบ้านด้วยซ้ำ
บางครั้งจะเจอกันก็ตอนที่หูลี่อิงต้องการจะบ่นต่อว่า ทะเลาะหรือกระทั่งข่มขู่เขา
ยิ่งนึกถึงการแต่งงานกับหูลี่อิงในชีวิตก่อนแล้ว เขาก็รู้สึกแย่ขึ้นมา