เมื่อหูชื่อเหวินลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นปี1970แล้วเธอกลับมาเกิดใหม่เป็นรูมเมทของแม่ ความตั้งใจในครั้งนี้มีเพียงอย่างเดียวคือเธอจะหาสามีใหม่ให้แม่เอง ส่วนพ่อที่ไม่เอาไหนนะเหรอ เตะเขาไปให้ไกลๆเลย!!
เมื่อหูชื่อเหวินลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นปี1970แล้วเธอกลับมาเกิดใหม่เป็นรูมเมทของแม่ ความตั้งใจในครั้งนี้มีเพียงอย่างเดียวคือเธอจะหาสามีใหม่ให้แม่เอง ส่วนพ่อที่ไม่เอาไหนนะเหรอ เตะเขาไปให้ไกลๆเลย!!
หลังวิ่งฝ่าฝนมาเสื้อผ้าก็ชื้นเปียกแต่ไม่เท่าก่อนหน้านี้
เธอเอาชุดตากไว้บนเก้าอี้ให้แห้ง จากนั้นก็เริ่มต้มน้ำอุ่น
หูชื่อเหวินอยากสระผม ไม่รู้ว่าตนเองไปเอาความคิดจากไหนมาว่าหากไม่สระผมหลังจากตากฝนจะทำให้เป็นเหาได้
หลังสระผมเรียบร้อยเธอก็นั่งสยายผมอยู่หน้าแผงควบคุมโทรศัพท์ ดึกมากแล้วไม่มีหัวหน้าหรือเพื่อนร่วมงานอยู่เลย เธอจึงนั่งคุยเรื่อยเปื่อยกับเยว่เหมย
นอกหน้าต่างปรากฏฟ้าแลบและมีเสียงฟ้าร้อง ฝนเริ่มตกหนักอีกครั้ง
“ฤดูใบไม้ร่วงแบบนี้ฝนตกไม่หยุดเลย ถ้าฉันเข้ากะกลางคืนคนเดียวคงกลัวมากแน่ๆ”
เสียงฟ้าร้องดังสนั่นทำให้เยว่เหมยตัวสั่น
ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะขี้กลัวแต่ไม่ใช่หูชื่อเหวิน แม้ว่าจะมีเธออยู่ที่นี่แต่เพียงลำพังในกะกลางคืนแบบนี้ เธอก็ไม่กลัวเลย ในชีวิตที่แล้วฉันถูกเรียกว่า
‘หูใจกล้า’ เมื่อตอนเธอยังเป็นเด็กน้อยด้วยซ้ำ
ทันใดนั้นไฟในห้องก็เกิดเสียง ‘ฟู่’ ขึ้นมาสองครั้ง จากนั้นก็มืดสนิท
“อะไรน่ะ!” เยว่เหม่ยหวีดร้องตื่นตระหนกกับความมืดที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
“สายมันอาจจะไหม้ สักพักน่าจะมีคนมาซ่อม” หูชื่อเหวินไม่ได้รู้สึกกลัวสักเท่าไหร่
สมัยนี้ไฟฟ้าไม่สะดวกมากนัก กระแสไฟไม่ค่อยเสถียร โดยเฉพาะช่วงพายุฝนฟ้าคะนองแบบนี้ไฟดับเป็นเรื่องปกติ
เธอนำเทียนออกมาจากลิ้นชักแล้วจุดไฟ เทียนเป็นของสามัญประจำบ้านในสมัยนี้ ไฟในห้องค่อนข้างสลัวจากเปลวเทียน ประกอบกับเสียงฟ้าร้องด้านนอกทำให้ทั้งห้องดูมืดมัวน่าขนลุก
เยว่เหมยขยับเก้าอี้เข้ามาใกล้หูชื่อเหวินเบียดร่างเข้าหาเธอแน่น
“เธอไม่กลัวเหรอ? ฉันกลัวมากเลย ฉันควรออกไปเรียกหน่วยภาคสนามมาซ่อมดีไหม?”
เยว่เหม่ยตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
“จะกลัวทำไม? ไม่ต้องห่วงหรอกเดี๋ยวก็มีคนมาแล้ว ถ้าคืนนี้ไม่ซ่อมพรุ่งนี้เราค่อยไปเรียกหน่วยผลิตก็ได้ คนพวกนั้นสมควรกังวลกว่าพวกเราอีก!”
“ฉัน… อยากจะเข้าห้องน้ำ… คือ… หูชื่อเหวินไปกับฉันทีได้ไหม?”
เยว่เหมยอยากเข้าห้องน้ำมาก แต่เธอกลัวความมืดไม่กล้าเดินไปคนเดียว!
“ได้สิ!”
หูชื่อเหวินลุกขึ้นและกำลังเดินไปแต่เยว่เหมยคว้าแขนเธอไว้
“เอา… เอาเทียนไปด้วย!”
หูชื่อเหวินส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เธอคุ้นเคยกับการคลำทางในความมืดเป็นอย่างดี ชาติที่แล้วเธอชอบอยู่ในห้องที่มืดสลัวเพราะจะทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย
ความกล้าหาญของเธอต้องยกความดีความชอบให้กับพ่อที่ไม่น่านับถืออย่างหูเต๋อหลิน
ตอนที่เธอยังเด็ก มีปล่องไฟที่เชื่อมกับนอกบ้านถูกปิดไว้แต่หลังจากหูเตียหลินทำความสะอาดอากาศก็อบอุ่นขึ้นเขาจึงหยุดเผาฟืน และไม่คิดจะใช้มันอีก
ดังนั้นเมื่อหูชื่อเหวินนอนอยู่บนเตียงคังและหลับไปเธอจะนึกถึงปล่องไฟที่มีควันอยู่ข้างใน ตอนอายุห้าหรือหกขวบเด็กๆ มักจะมีจินตนาการแปลกๆ เธอมักชี้ไปที่หลุมดำนั้นและเรียกมันว่าบ่าง
หลายครั้งที่หูเต๋อหลินต้องอุ้มหูชื่อเหวินยืนบนเตียงคัง เพื่อใช้มือสัมผัสกับหลุมดำนั้นและเอามือที่แต่เขม่าและขี้เถ้าให้ลูกสาวดู พร้อมกับบอกหูชื่อเหวินว่าข้างในเต็มไปด้วยควันไม่มีตัวบ่าง หูชื่อเหวินเอื้อมมือไปสัมผัสแล้วก็ไม่มีจริงๆ
ตั้งแต่วันนั้นเธอก็ปลูกฝังความลุ่มหลงในใจของตนเอง เมื่อไหร่ที่พบเรื่องแปลกๆ เธอจะตรวจสอบมันทันที ตราบใดที่รู้สาเหตุในการเกิดเสียงและภาพประหลาด เธอก็จะได้ไม่หวาดกลัว ดังนั้นตอนเด็กๆ จึงได้รับฉายาว่า ‘หูใจกล้า’ เพราะไม่มีอะไรที่จะทำให้เธอกลัวได้
ในห้องพักหยินเหวินกั๋วกำลังนั่งบนเตียงคังอ่านหนังสืออย่างเหม่อลอย ในใจของเขายังมีใบหน้าเล็กๆ ผุดขึ้นมาเสมอ บางครั้งมีรอยยิ้มโง่ๆ บางครั้งก็เป็นสายตาเหยียดหยามเย็นชา และในตอนนี้ก็กลายเป็นดวงตาที่เปียกชื้นอย่างน่าสงสาร
เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังจะเป็นบ้า เขาคิดถึงผู้หญิงคนนี้ตลอดได้อย่างไร?
ทันใดนั้นเองไฟในห้องก็ดับลง ตามมาด้วยเสียงเอะอะโวยวายด้านนอก พอลุกออกไปดูก็เห็นยุวชนชายสองคนวิ่งมาหาเขาในชุดกันฝนสีดำ
“หัวหน้าตอนนี้ไฟดับหมดแล้ว ผู้นำเบื้องบนสั่งให้ซ่อมแซมวงจรภายในคืนนี้ ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้โรงงานจะไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ”
“ได้! ขอฉันหยิบเสื้อกันฝนก่อน!”
หยินเหวินกั๋วกลับเข้าห้องหยิบเสื้อกันฝนของตัวเอง แต่บังเอิญหยิบของกลมๆ ที่มีรูปแมวติดมือมาด้วยจึงเอาใส่ใว้ในกระเป๋าเสื้อ
เขาหยิบไฟฉายเดินออกไป
“หัวหน้าตอนนี้ทั้งไร่ไฟฟ้าดับทั้งหมด สายไฟหลักอาจจะมีปัญหา ช่างไฟเฉินยังไม่กลับมาจากเยี่ยมญาติเหลือแค่เหล่าจางเท่านั้น หัวหน้าจะให้ไปถามยุวชนชายว่ามีใครซ่อมไฟฟ้าเป็นหรือเปล่า?”
เขาพูดแล้วเช็ดฝนออกจากหน้าตัวเองอย่างกังวลใจ
“ไม่เป็นไรฉันเป็นช่างไฟ ไปกันเถอะ”
หยินเหวินกั๋วเดินเร็วขึ้นในขณะที่พูด
เขาจำได้ว่าห้องไฟฟ้าหลักอยู่ในอาคารสำนักงานและห้องจ่ายไฟก็อยู่ที่นั่นด้วย คืนนี้หูชื่อเหวินเข้ากะกลางคืนตอนนี้ไฟดับ เธออาจจะต้องอยู่คนเดียวในอาคารที่มืดมิด
แม้ว่าชาติที่แล้วเธอจะเย่อหยิ่งแต่ก็เป็นผู้หญิงที่ขี้กลัวมาก
ตอนนี้เธอก็คงกำลังกลัวอยู่
ถึงเขาจะสับสนเรื่องของเธอกับหูลี่อิงในชาติก่อน แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้เมื่อนึกภาพเธอตัวสั่นอยู่ในความมืดด้วยความหวาดกลัว
หยินเหวินกั๋วไม่สามารถเดินเร็วไปกว่านี้ได้เพราะยุวชนสองคนอาจจะตามไม่ทัน แต่พวกเขาก็ชื่นชมคนที่เดินนำหน้าอยู่ในใจ สมกับเป็นหัวหน้ามีความรับผิดชอบมาก ตอนนี้ขายาวๆ ของอีกฝ่ายก้าวเร็วมากราวกับจะบิน
หลังจากเห็นสำนักงานหยินเหวินกั๋วรีบวิ่งขึ้นบันได วิ่งไปเปิดประตูตรงไปที่ห้องควบคุมแผงโทรศัพท์ทันที
“เฮ้! หัวหน้าห้องไฟฟ้าหลักอยู่ตรงนั้น!” ยุวชนที่ตามมาตะโกนพร้อมกับหอบอย่างหนัก
“ฉันรู้ พวกนายไปก่อนเลย ฉันจะตามไปทีหลัง!” ทั้งคู่มองหน้ากัน ไม่รู้ว่าหัวหน้าจะรีบไปไหนแต่ในเมื่อเขาพูดออกมาแบบนั้น พวกเขาก็ได้แต่ไปรอที่ห้องไฟหลัก
หยินเหวินกั๋วหายใจหอบเมื่อวิ่งมาถึงห้องควบคุมเขาเปิดประตูเข้าไปอย่างแรง ภายในห้องมืดสนิทเมื่อส่องไฟฉายดูกลับพบว่าไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่คนเดียว
หัวใจของเขาสั่นไหวในทันที
“หูชื่อเหวิน! หูชื่อเหวิน!”
ในเวลานี้ชื่อ ‘หูชื่อเหวิน’ ก้องอยู่ในใจเขา หลุดออกจากริมฝีปากอย่างลื่นไหล โดยไม่ได้นึกถึงหูลี่อิงที่เขาแสนจะเกลียดชังในชีวิตที่แล้ว แต่เป็นผู้หญิงที่ชื่อ
หูชื่อเหวิน
“หัวหน้าตามหาฉันอยู่หรือ?” เสียงทุ้มต่ำแต่ไพเราะดังมาจากด้านหลัง หยินเหวินกั๋วหันไปมองเห็นผู้หญิงสองคนยืนอยู่ข้างหลังเขา
คนหนึ่งคงเป็นผู้ร่วมงานในกะกลางคืนซึ่งเขาไม่คุ้นชื่อ แต่อีกคนคือหูชื่อเหวินที่เขาอยากเจอ
................................................................................................................
เวลาไม่เช้าแล้ว:เป็นชื่อสัตว์ประหลาดที่คนแก่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีนใช้หลอกเด็ก มีรูปร่างคล้ายกระรอกบินขนาดใหญ่เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม