ตอนที่ 291 : สิทธิในการแสวงหาประโยชน์จากวัตถุดิบ
เลิ่งเชาถิงไม่คิดว่ากู้หนิงจะผลักเขาออกไปทำให้เขาคว้าได้แต่อากาศ
ร่างกายที่สวยงามและเซ็กซี่ของกู้หนิงปรากฏในสายตาของเขา ซึ่งทำให้เขาถูกจุดไฟติดขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นโทรศัพท์ของเลิ่งเชาถิงที่ดังขึ้นขัดจังหวะ เขาฮึดฮัดเล็กน้อยแต่ยังต้องทำงานให้สำเร็จ ไม่สามารถเพิกเฉยได้
คนที่โทรเข้ามาคือซู่จินเฉิน เขาบอกเลิ่งเชาถิงว่าพวกเขาได้ที่อยู่ของพ่อค้ายาแล้ว ถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะต้องปฏิบัติการ ดังนั้นเลิ่งเชาถิงจึงต้องแยกจากกู้หนิงชั่วคราว
คืนนี้กู้หนิงนอนคนเดียว เธอรู้สึกไม่คุ้นเคย อยู่ๆเธอก็นึกถึงกลุ่มวีแชทขึ้นมา มีข้อความหลายพันข้อความในประวัติการแชทและหลายข้อความกล่าวถึงเธอ
กู้หนิงไม่ลืมโทรหากู้ม่านแต่เธอลืมเพื่อนในวีแชทกลุ่มไปเลย และตอนนี้เธอรู้สึกผิดเล็กน้อย
เมื่อกู้หนิงปรากฏตัวในแชท แชทก็เริ่มเคลื่อนไหว
กู้หนิง : เป็นไงบ้าง?
ฮ่าวหรัน: บอส พวกเราคิดว่าเธอหายตัวไป นี่กะว่าจะไปแจ้งความแล้ว!”
มู่เค่อ: ใช่ๆ! เธออยู่ไหน?
ฉู่เพ่ยหาน: ยุ่งกับเดทอยู่หรอจ๊ะ? ฮิฮิ
ฉินซีหุน: เห็นด้วยกับเพ่ยหาน
อ้ายยี่ จางเทียนปิงและหยูหมิงซีไม่อยู่ในแชท ดังนั้นกู้หนิงจึงแชทคุยกับฉู่เพ่ายหานและคนอื่นๆอยู่สักพักก่อนเข้านอน
วันรุ่งขึ้นประมาณ 08:30 น. กู้หนิงออกไปที่ถนนพนันหิน เธอบอกเจิ้งเผิงว่าเธอได้รับเอกสารสิทธิ์การแสวงหาประโยชน์จากวัตถุดิบแล้ว
เจิ้งเผิงตกใจกับประสิทธิภาพของเจ้านายและเครือข่ายในรัฐบาลของเธอ
กู้หนิงไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม เธอตั้งใจสร้างความประทับใจให้กับเจิ้งเผิงเพื่อที่เขาจะได้ภักดีต่อเธอและเต็มใจที่จะติดตามเธอ เพราะแม้ว่ากู้หนิงจะเชื่อใจเจิ้งเผิง แต่ก็จำเป็นต้องทำให้เขาเกรงกลัวเธอในระดับหนึ่ง และจะยิ่งทำให้เขากริ่นเกรงเธอมากขึ้นถ้าเธอบอกว่าเธอเป็นคนจัดการถอนรากถอนโคนตระกูลหวางเอง แต่เธอไม่คิดจะบอกเขาเรื่องนี้
หลังจากนั้นพวกเธอวางแผนที่จะจัดงานแถลงข่าวเพื่อกระจายข่าวไปทั่วประเทศ
ข่าวของตระกูลหวางและผู้ให้บริการหยกหลากสีได้รับความนิยมอย่างมากเมื่อเร็วๆนี้ มีผู้สื่อข่าวจำนวนมากมาที่ร้านของเจิ้งเผิงทันทีที่เขาโทรหาพวกเขา
แน่นอนเจิ้งเผิงจะเป็นเจ้าภาพในการแถลงข่าว
ผู้ให้บริการหยกหลากสีก่อตั้งขึ้นเพียงไม่กี่วัน แต่ก็สามารถทำข้อตกลงระยะยาวกับนักธุรกิจเครื่องประดับชื่อดังหลายคนได้แล้ว และตอนนี้ยังได้รับสัมปทานการแสวงหาประโยชน์จากวัตถุดิบของ ตระกูลหวางก่อนใคร เจ้านายของพวกเขาต้องเป็นคนที่มีอำนาจมากคนหนึ่ง
อันที่จริงการหาข้อมูลว่าใครเป็นเจ้าของบริษัทผู้ให้บริการหยกหลากสีเป็นใครไม่ยากเลย แต่ในสายตาคนทั่วไปมองว่าเจ้าของผู้ให้บริการหยกหลากสีดูลึกลับ
หลายคนที่ไปตรวจสอบเจ้าของตัวจริงของผู้ให้บริการหยกหลากสีต่างก็อยากรู้อยากเห็น อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาพบว่าเจ้าของเป็นเพียงเด็กสาวอายุ 18 ปี พวกเขาก็ตกตะลึง แม้ว่าพวกเขาจะไม่เชื่อว่าเด็กสาววัยรุ่นสามารถบริหารบริษัทได้ แต่ก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อความสามารถของเธอและการสนับสนุนอันทรงพลังที่อยู่เบื้องหลังเธอได้ ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าแพร่กระจายข่าวว่าเจ้าของผู้ให้บริการหยกหลากสีคือกู้หนิง
อย่างไรก็ตามไม่มีใครตกใจไปกว่าจางเต๋อเฉิงเพราะเขาเคยพบกับกู้หนิงมาก่อนและเขาเชื่อว่า กู้หนิงมีความสามารถในการบริหารบริษัท
จู่ๆจางเต๋อเฉิงก็นึกถึงข่าวที่เขาอ่านบนอินเทอร์เน็ตก่อนที่เรื่องอื้อฉาวของตระกูลหวางจะถูกเปิดเผย ว่ากันว่าตระกูลหวางได้ส่งคนไปบุกเข้าไปในโกดังของผู้ให้บริการหยกหลากสีในตอนกลางคืน ความคิดที่เกิดขึ้นกับจางเต๋อเฉิงในเวลานี้ เขารู้สึกว่าตระกูลหวางมีความไม่พอใจกู้หนิงเป็นการส่วนตัว และการล่มสลายของตระกูลหวางอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับกู้หนิง
จางเต๋อเฉิงรู้สึกประหลาดใจกับการคาดเดาของตัวเอง ถ้ากู้หนิงมีส่วนเกี่ยวข้องกับความยุ่งเหยิงของตระกูลหวางจริงๆ เธอจะต้องมีพลังมากกว่าที่เขารู้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจางเต๋อเฉิงเชื่อว่ากู้หนิงเป็นเด็กสาวที่มีความสามารถและต้องการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับเธอ แม้ว่าตอนนี้เขารู้แล้วว่ากู้หนิงเป็นเจ้าของทั้งผู้ให้บริการหยกหลากสีและผู้ให้บริการวัตถุดิบหลากสี
วันต่อมากู้หนิงบอกให้เจิ้งเผิงจัดการให้คนงานที่ทำงานให้กับตระกูลหวางมาทำงานกับบริษัทของเธอให้เร็วที่สุด
กู้หนิงไม่ได้ไล่คนงานที่ทำงานให้กับตระกูลหวางเพราะพวกเขาเป็นพนักงานที่ตระกูลหวางว่าจ้าง ไม่มีใครคิดว่าการที่เจ้านายของพวกเขาเปลี่ยนไปเป็นเรื่องเลวร้าย พฤติกรรมที่ผิดกฎหมายของตระกูลหวางสร้างความไม่พอใจให้กับทุกคนในเมืองเถิง และไม่มีใครเห็นใจพวกเขา แต่คนงานรู้สึกโชคดีที่ได้อยู่ต่อเพราะสามารถรักษางานได้ ดังนั้นพวกเขาจึงขอบคุณและเคารพเจิ้งเผิง
ต่อมากู้หนิงและเจิ้งเผิงไปที่ภูเขาหยกและเหมืองแร่พร้อมกับคนขับรถ
ตอนที่ 292: ตระกูลถางในเมือง B
แม้ว่าเจิ้งเผิงจะขับรถเองได้ แต่ตอนนี้เขาเป็นผู้จัดการของทั้งผู้ให้บริการหยกหลากสีและผู้ให้บริการวัตถุดิบหลากสี ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องมีคนขับรถส่วนตัว
ภูเขาหยกและเหมืองแร่อยู่ห่างจากเมืองเถิง 20 กิโลเมตร ระหว่างทางกู้หนิงสังเกตเห็นว่ามีภูเขาหลายลูกที่ถูกใช้ประโยชน์ไปแล้ว ระยะการมองของตาทิพย์ของกู่หนิงมีจำกัด ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถมองเห็นได้ว่ามีหยกอยู่รอบๆภูเขาหรือไม่ เธอต้องรอจนกว่าจะไปถึง
พวกเขาขับรถบนถนนบนภูเขา ดังนั้นจึงใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงเพื่อไปยังจุดหมาย
กู้หนิงได้ยินเสียงขุดเจาะจากระยะไกล เมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้ บ้านดีบุกหลังใหญ่ก็ปรากฏขึ้นในสายตาของพวกเขา เป็นที่ที่คนงานพัก ด้านอกบ้านดีบุกมีรถบรรทุกสองคันที่ใช้ในการส่งวัตถุดิบจอดอยู่
หวางจินเหมา อายุ 34 ปี เขาเป็นผู้ควบคุมและดูแลที่นี่ และแม้ว่าแซ่ของเขาคือหวาง แต่เขาก็ไม่มีความสัมพันธ์ใดกับตระกูลหวาง
หวางจินเหมาได้รับแจ้งก่อนหน้านี้แล้วว่าเจิ้งเผิงจะมาที่นี่ ดังนั้นเขาจึงรออยู่ที่ทางเข้าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นรถขับเข้ามา หวางจินเหมาก็เข้าใจว่าเจิ้งเผิงกำลังมา
รถหยุดที่ไซต์ คนขับรถลงไปเปิดประตูให้เจิ้งเผิง ขณะที่กู้หนิงเปิดประตูออกไปเอง เธอมาที่นี่ในฐานะผู้ช่วยของเจิ้งเผิง ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถทำตัวเหมือนเจ้านายได้
“ยินดีที่ได้พบครับผู้จัดการเจิ้ง!” หวางจินเหมาทักทายเจิ้งเผิงด้วยความเคารพ
“ยินดีที่ได้พบเช่นกันหัวหน้าหวาง” เจิ้งเผิงตอบ
“โปรดเดินตามผมมาทางนี้ครับผู้จัดการเจิ้ง” หวางจินเหมานำทางกลุ่มของเจิ้งเผิง เมื่อพวกเขาเดินผ่านบ้านดีบุก หวางจินเหมาหยิบหมวกกันน็อกหลายใบยื่นให้พวกเขา พวกเขาสวมหมวกนิรภัยก่อนที่จะเดินเข้าไปในไซต์เหมือง
ภูเขาหยกอยู่ห่างจากบ้านดีบุกโดยใช้เวลาเดินเพียงไม่กี่นาที
กู้หนิงใช้ตาทิพย์สำรวจภูเขาหยกเมื่อเธอมาหยุดยืนต่อหน้าภูเขาหยก เธอเห็นหินมากมายที่มีหยกอยู่ในภูเขา ความพึงพอใจฉายวาววับอยู่ในดวงตาของกู้หนิงเมื่อพบว่ามีหยกคุณภาพดีมากมาย
กู้หนิงมองไปที่ภูเขาที่อยู่ใกล้ๆ แต่ไม่พบหยก
เจิ้งเผิงและกู้หนิงเดินทัวร์รอบๆ สถานที่ก่อนที่จะเดินทางกลับ
ระหว่างทางกลับ กู้หนิงได้รับข้อความจาก K เขาได้ส่งอีเมลเกี่ยวกับตระกูลถางไปยังกล่องอีเมลของเธอแล้ว
กู้หนิงบอกเพียงให้เขาสืบลูกชายคนที่สองของตระกูลถาง แต่คาดไม่ถึงว่าเขาสืบสมาชิกทุกคนในตระกูลถาง
ครอบครัวถางเป็นตระกูลอันดับ 1 ในเมือง B พวกเขามีอิทธิพลอย่างมากไม่ว่าจะเป็นในด้านการเมือง ธุรกิจ หรือการทหาร
ผู้นำตระกูลถางคือถางไห่เฟิงซึ่งเป็นนายท่านถางที่กู้หนิงเคยพบแล้ว
ถางไห่เฟิงมีลูกชายสองคนและลูกสาวหนึ่งคน ลูกสาวคนโตมีชื่อว่า ‘ถางหยุนหรง’ ผู้พันอาวุโสวัย 49 ปีซึ่งเป็นรองหัวหน้าคณะบริหารและวัฒนธรรมทางอากาศ สามีของเธอชื่อ ‘เกาหลิวหัว’ เป็นผู้อำนวยการฝ่ายการเมืองของเขตทหารและยังเป็นผู้พันอาวุโสอีกด้วย ตระกูลเกาเป็นตระกูลทหารที่มีอิทธิพลในเมือง B ด้วยเช่นกัน
พวกเขามีลูกชายและลูกสาว ลูกชายของพวกเขาชื่อ ‘เกาเหวินจุน’ อายุ 25 ปีเป็นหัวหน้าขององค์กรตำรวจอาชญากรรม ลูกสาวของพวกเขาคือ ‘เกาเหวินซิน’ และอายุ 23 ปี เธอเพิ่งจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
‘ถางหยุนฮวง’ ลูกชายคนโตของถางไห่เฟิง อายุ 46 ปี เป็นเลขาธิการคณะกรรมการพรรคประจำจังหวัด ภรรยาของถางหยุนฮวงเป็นผู้อำนวยการฝ่ายบริหารการท่องเที่ยว พวกเขามีลูกชายสองคนซึ่งเป็นฝาแฝดและทั้งคู่อายุ 22 ปี คนพี่ชื่อว่า ‘ถางเจียหยาง’ และคนน้องมีชื่อว่า ‘ถางเจียหยาง’ คนหนึ่งเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเมือง B ในขณะที่อีกคนเรียนอยู่ต่างประเทศ
ลูกชายคนที่สองของถางไห่เฟิงคือ ‘ถางหยุนฟ่าน’ เขาอายุเพียง 42 ปี แต่เป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในเมือง B ปัจจุบันเขาเป็นประธานกลุ่มถางหัวกรุ๊ปและไม่มีภรรยาหรือลูก
ถังหยุนฟ่านเคยหายตัวไปเมื่อ 19 ปีก่อนซึ่งไม่ใช่ความลับในหมู่คนดังในเมือง B
ตระกูลถางไม่ใช่ครอบครัวอันดับ 1 ในเมือง B เมื่อ 19 ปีก่อน แต่ยังคงเป็นครอบครัวที่ร่ำรวย ถางหยุนฟ่านเป็นคนที่มีความสามารถมากที่สุดในตระกูลถาง ดังนั้นถางไห่เฟิงจึงดันถางหยุนฟ่านขึ้นมาเป็นผู้สืบทอด อย่างไรก็ตามถางไห่หมิงน้องชายของถางไห่เฟิงมีความทะเยอทะยานที่จะสืบทอดสมบัติของตระกูลถาง ดังนั้นเขาจึงวางแผนต่อต้านถางหยุนฟ่าน
ไม่มีใครรู้รายละเอียดจริงๆว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงปีนั้น เพราะมันเป็นเรื่องเก่าและเทคโนโลยียังไม่ก้าวหน้าขนาดนั้น แม้แต่ถางหยุนฟ่านเองก็ลืมรายละเอียด ว่ากันว่ามีคนพบถางหยุนฟ่านที่แม่น้ำแห่งหนึ่ง
ตั้งแต่นั้นมาบุคลิกของถางหยุนฟ่านก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เขาบ้างานตลอดเวลาและไม่เคยแต่งงานหรือมีลูกเลย ภายในเวลาไม่กี่สิบปีตระกูลถางได้ยกระดับเป็นตระกูลอันดับ 1 ในเมือง B ด้วยทรัพย์สินกว่าแสนล้านหยวนภายใต้การนำของถางหยุนฟ่าน
เขาหายตัวไปเมื่อ 19 ปีก่อนและถูกพบที่แม่น้ำ?
เมื่อทราบเช่นนั้นกู้หนิงก็มั่นใจมากขึ้นกว่าเดิมว่าถางหยุนฟ่านอาจเป็นบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอ
มีรูปถ่ายครอบครัวแนบมาในอีเมลด้วย เมื่อสายตาของกู้หนิงมองไปที่ถางหยุนฟ่าน เธอมั่นใจว่าถางหยุนฟ่านต้องเป็นพ่อผู้ให้กำเนิดของเธออย่างไม่ต้องสงสัย
แม้ว่าถังหยุนฟ่านจะดูแตกต่างไปจากตอนที่ยังเป็นหนุ่ม แต่ลักษณะของเขาและกู้หนิงเหมือนกัน
แซ่ของกู้หนิงคือ ‘ถัง’ ในชาติก่อน และบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอก็มีแซ่เดียวกัน บางทีเธออาจถูกกำหนดให้เป็นสมาชิกของตระกูลเดียวกัน
(ถางและถัง อ่านและสะกดเหมือนกันค่ะ ผู้แปลจึงเลือกใช้ถาง เพื่อไม่ให้จำสับสน)
แม้ว่ากู้หนิงจะแน่ใจว่าถางหยุนฟ่านเป็นพ่อผู้ให้กำเนิดของเธอ แต่เธอก็ไม่รีบร้อนที่จะไปพบเขาเพราะเธออยากรู้ก่อนว่ากู้หม่านจะตอบสนองต่อเรื่องนี้อย่างไร
ถึงอย่างไรถางหยุนฟ่านก็สูญเสียความทรงจำเกี่ยวกับกู้ม่านไปหมดแล้ว
กู้หนิงเคยเชื่อว่าถางหยุนฟ่านไม่แต่งงานเพราะกู้มาน เรื่องนี้เธอต้องระมัดระวังและให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง
ตราบใดที่ถางหยุนฟ่านได้พบกับกู้ม่านอีกครั้ง เขาอาจจะได้รับความทรงจำกลับคืนมา นอกจากนี้หากเขาสูญเสียความทรงจำเพราะสมองของเขาได้รับความเสียหาย พลังของกู้หนิงก็ช่วยได้มากเช่นกัน ที่สำคัญที่สุดคือถ้าถางหยุนฟ่านเป็นเพียงคนธรรมดา กู้ม่านอาจจะกระตือรือร้นที่จะพบเขา แต่ตอนนี้ถางหยุนฟ่านเป็นทายาทของตระกูลที่ร่ำรวยมาก กู้หนิงกังวลว่ากู้ม่านจะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจตัวเอง
แม้ว่ากู้หนิงจะไม่คิดว่ามันเป็นปัญหาตราบใดที่พวกเขายังรักกัน แต่เธอก็ไม่ใช่กู้มานและไม่สามารถบังคับให้แม่คิดอย่างนั้นได้ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรกู้หนิงก็ตัดสินใจที่จะสนับสนุนกู้ม่าน และเธอจะไม่ยอมให้ใครดูถูกแม่ของเธอเด็ดขาด
จากนั้นกู้หนิงก็กลับไปที่ถนนพนันหินกับเจิ้งเผิงก่อนที่เธอจะกลับไปเพียงลำพัง