ตอนที่ 269: นายท่านไป๋
เขาไม่สนใจอ่านเนื้อหาข่าว แค่อยากดูรูปผู้หญิงในข่าว
ฉีซีเยว่รู้สึกผ่อนคลายเมื่อพบว่าหญิงสาวในรูปไม่ใช่ถังอันหนิงที่เขารู้จัก แต่เมื่อเขาเลื่อนมาอ่านข่าว เขาต้องตะลึง “อะไรนะ? ผู้หญิงคนนี้ตัดหยกได้มากกว่าสามสิบชิ้น? ไม่น่าเชื่อ!”
“ว่าไงนะคะ?” ถังหยาซินก็ตกใจเช่นเดียวกัน
ถึงแม้ตระกูลถังจะไม่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอัญมณี พวกเขาก็ได้ยินข่าวเกี่ยวกับการพนันหินมากมาย เป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง แต่ผู้หญิงคนนี้กลับตัดหยกได้มากกว่าสามสิบชิ้นในครั้งเดียว พวกเขาสงสัยว่าใช่เรื่องจริงหรือไม่ แต่กระนั้นก็ยังน่าทึ่ง
ที่เมือง G เพื่อนของอาจารย์ไป๋โทรหาเขา พวกเขาทั้งคู่ต่างเป็นคนรักหยก ดังนั้นพวกเขาจึงแลกเปลี่ยนข้อมูลและข่าวเกี่ยวกับหยกให้แก่กัน
หลังจากได้ยินข่าว อาจารย์ไป๋ตกใจมาก เขาเชื่อว่าผู้หญิงในข่าวคือกู้หนิง เพราะเธอเป็นคนเดียวที่มีความสามารถพิเศษในการพนันหินไม่เหมือนใคร
อาจารย์ไป๋พูดคุยกับเพื่อนไม่นาน หลังจากวางสายเขาก็เปิดอ่านข่าวในอินเทอร์เน็ตทันที
เมื่ออาจารย์ไป๋เห็นรูป เขาก็มั่นใจว่าผู้หญิงคนนั้นคือกู้หนิง ถึงแม้จะดูไม่เหมือนกัน แต่เขาเคยเห็นกู้หนิงแปลงโฉมมาก่อน ดังนั้นเขาจึงมั่นใจมากว่าต้องใช่เธอแน่ๆ
เด็กคนนี้มีแต่เรื่องน่าเหลือเชื่อ อาจารย์ไป๋คิดกับตัวเอง ทำไมการคาดเดาของเธอถึงแม่นยำทุกครั้งนะ?
อาจารย์ไป๋โทรหากู้หนิงทันที กู้หนิงกับเลิ่งเชาถิงกำลังกลับจากถนนพนันหิน
เมื่อเห็นคนที่โทรมาคืออาจารย์ไป๋ กู้หนิงก็เข้าใจได้ทันทีว่าเขาต้องอ่านข่าวแล้วแน่นอน
“สวัสดีค่ะ คุณปู่ไป๋” กู้หนิงกล่าวทักทาย
“สวัสดีหนูกู้ ปู่ได้ยินมาว่าราชินีหยกตัดหยกได้มากกว่าสามสิบชิ้นที่เมืองเถิง เป็นหนูใช่ไหม?” อาจารย์ไป๋ถาม
“ใช่ค่ะ” กู้หนิงตอบ ไม่คิดปิดบังความจริง
“พระเจ้า!” อาจารย์ไป๋ตะลึง “ครั้งนี้หนูทำปู่ทึ่งจริงๆ! หนูมีหยกน้ำงามเหลือไว้ให้ปู่บ้างไหม? ปู่จ่ายไม่อั้น”
“คุณปู่ไป๋คะ อย่ากังวลไปเลยค่ะ หนูยังมีหยกเหลืออีกหลายชิ้นให้คุณปู่เลือกค่ะ ดีกว่าหยกที่ตัดในเมืองเถิงอีกค่ะ”
“จริงหรือ? ถ้าอย่างนั้นก็ดีไปเลย! เมื่อไหร่หนูจะมาที่เมือง G ล่ะ?” อาจารย์ไป๋ตื่นเต้น ทนรอเจอกู้หนิงไม่ไหว
“ช่วงนี้หนูค่อนข้างยุ่งค่ะ คงไปเมือง G ยังไม่ได้จนกว่าวันหยุดจะผ่านไปค่ะ” กู้หนิงตอบ
“ได้ๆ ไม่เป็นไรๆ” อาจารย์ไป๋ผิดหวัง
กู้หนิงคุยกับอาจารย์ไป๋ต่ออีกสักเล็กน้อย อาจารย์ไป๋เตือนเธอให้ระมัดระวังตัวเพราะเมืองเถิงนั้นอันตรายมาก และยังเป็นชายแดนประเทศอีก
แม้ว่ากู้หนิงจะไม่ใช่เด็กสาวธรรมดาๆ และยังเก่งกังฟูมากอีกด้วย เธอก็ควรดูแลตัวเองให้ดี
อาจารย์ไป๋โทรหาอาจารย์หยวนและอาจารย์ฝูอย่างไม่รอช้าหลังจากที่วางสายจากกู้หนิง อาจารย์หยวนและอาจารย์ไป๋ต่างก็ตกใจไม่แพ้กัน อาจารย์ไป๋บอกพวกเขาว่ากู้หนิงกำลังยุ่ง พวกเขาจึงไม่โทรหาเธอ
กู้หนิงกลับมาที่ร้านของเจิ้งเผิง
เจิ้งเผิงได้ขายหินที่เหลือให้กับร้านค้าอื่นๆแล้วในราคาต่ำ มีเครื่องจักรสองเครื่องที่เหลืออยู่ในร้าน ดังนั้นกู้หนิงจึงเอามันไปด้วยพร้อมกับหินของเธอ ไปที่โรงงาน
เจิ้งเผิงบอกกู้หนิงว่านักเลงจากแก๊งฉิงมาที่ร้านและขอโทษเขาแล้ว
กู้หนิงเชื่อใจเจิ้งเผิง แต่เธอก็ยังเตือนให้เขาภักดีต่อเธอ มิฉะนั้นแก๊งฉิงอาจทำให้เขาเดือดร้อนมากขึ้น
เจิ้งเผิงเข้าใจแจ่มชัด เขาไม่มีวันทรยศกู้หนิง
จากนั้นกู้หนิงก็โอนเงินห้าแสนหยวนให้เจิ้งเผิงสำหรับตกแต่งร้านใหม่ พวกเขาจะดัดแปลงร้านนี้และทาสีผนัง พวกเขาจะดัดแปลงร้านนี้และทาสีผนัง เคาน์เตอร์จะถูกเก็บไว้ ตู้กับข้าวและเลานจ์จะถูกตั้งไว้ที่ด้านข้างของเคาน์เตอร์
กู้หนิงบอกให้เจิ้งเผิงซื้อโซฟาใหม่ทั้งชุด ในสายตาของกู้หนิงการตกแต่งเป็นสิ่งสำคัญมากเพราะมันสร้างความประทับใจแรกให้กับแขก
ป้ายร้านจะเปลี่ยนเป็นสำนักงานผู้ให้บริการหยก ‘Colorful Jade’
การเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆเหล่านั้นเสร็จสิ้นภายในหนึ่งวัน
หลังจากนั้นกู้หนิงก็บอกให้เกาอี้และเฉียวหยานำหินพร้อมกับเครื่องจักรไปที่ชั้นสองของอาคารโรงงาน
เป็นเวลาหนึ่งทุ่มกว่าแล้วเมื่อพวกเขาขนหินและเครื่องไม้เครื่องมือ
กู้หนิงบอกเกาอี้และเฉียวหยาให้เฝ้าโรงงานคืนนี้ และพวกเขาจะเปลี่ยนล็อคในวันพรุ่งนี้
ในบริเวณโรงงานแห่งนี้มีซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านอาหาร เกาอี้และเฉียวหยาจึงไปรับประทานอาหารด้วยกันในร้านอาหารเล็กๆและซื้อของใช้ประจำวันในซูเปอร์มาร์เก็ต มีห้องมากมายในอาคารโรงงาน ดังนั้นพวกเขาจึงอยู่ในห้องเดียวกันสำหรับคืนนี้
“คุณจะกินอะไร?” เลิ่งเชาถิงถามกู้หนิงหลังจากที่ทั้งคู่ออกมาจากโรงงาน
“อืม ในเมื่อพวกเราอยู่ที่เมืองเถิง ก็ต้องกินอะไรพิเศษๆ” กู้หนิงตอบ
“ได้สิ”
ตอนที่ 270: ฉันไม่สนตระกูลหวาง!
พวกเขาไม่คุ้นเส้นทางในเมืองเถิง จึงตาม GPS ไปยังร้านอาหารที่ขึ้นชื่อของเมืองเถิง
แน่นอนว่าพวกเขาโทรไปจองโต๊ะล่วงหน้าแล้ว ร้านอาหารค่อนข้างได้รับความนิยม แต่ร้านไม่ใหญ่ มีเพียงห้องทานอาหารส่วนตัวเพียงสิบห้อง และโต๊ะเพียงสิบโต๊ะที่ห้องทานอาหารรวม การจองโต๊ะช่วงหกโมงเย็นถึงหนึ่งทุ่มจึงยากมากเพราะคนต่างมาทานอาหารค่ำ ร้านอาหารคลาคล่ำไปด้วยผู้คนจำนวนมาก
โชคดีที่กู้หนิงจองโต๊ะสุดท้ายได้ทันเวลาพอดี
“คุณไม่ต้องไปปฏิบัติหน้าที่หรอคะ? ทำไมยังมีเวลาอยู่กับฉันทั้งวัน?” กู้หนิงถามเลิ่งเชาถิง
“เอ่อ อันที่จริงครั้งนี้ผมไม่ต้องร่วมปฏิบัติการกับพวกเขา แต่เพราะคุณผมเลยมาที่นี่” เลิ่งเชาถิงสารภาพ และมันทำให้กู้หนิงซึ้งหนักมาก
“คืนนี้คุณจะพักที่ไหนคะ?” กู้หนิงถาม เธอรู้สึกประหม่าและคาดหวังคำตอบ เธอยอมรับว่าเธอรอคอยที่จะใช้เวลาทั้งคืนกับเขา
“ผมจะอยู่กับคุณ” เลิ่งเชาถิงพูดได้ธรรมชาติมาก
กู้หนิงหน้าแดงและไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อ
ความเงียบของกู้หนิงทำให้เลิ่งเชาถิงคิดว่าเธอโกรธ เขาถามเสียงสั่นว่า “คุณไม่เต็มใจอยู่กับผมเหรอ?”
“ไม่ใช่ค่ะ” กู้หนิงตอบกลับทันที
ได้ยินแบบนั้น เลิ่งเชาถิงก็สบายใจ
ไม่กี่นาทีต่อมาพวกเขาก็มาถึงร้านอาหาร ภายในห้องโถงของร้านเต็มไปด้วยคนมากมาย ข้างนอกยังมีคนรอโต๊ะว่าง
ร้านอาหารเล็กๆแห่งนี้ไม่ใช่โรงแรมหรูหรา แต่มีสไตล์การตกแต่งที่เป็นเอกลักษณ์ คนรวยหลายคนมาที่นี่เพราะอาหารอร่อย
กู้หนิงและเลิ่งเชาถิงตรงไปที่ห้องทานอาหารส่วนตัว ขณะที่เดินไปตามทาง พวกเขาก็ได้ยินเสียงโต้เถียงดังมาจากห้องทานอาหารส่วนตัว
“คุณหนูหวาง ผมต้องขอโทษจริงๆครับ ห้องนี้ถูกจองไปเรียบร้อยแล้วครับ กรุณารออีกสักหน่อบเถอะครับ” ผู้จัดการร้านกล่าวขอโทษอย่างสุภาพ
“ไม่ ฉันไม่สนว่าใครเป็นจอง ฉันต้องการห้องนี้เดี๋ยวนี้!” เสียงอวดดีของผู้หญิงดังขึ้น
กู้หนิงจำเสียงนี้ได้ทันที เจ้าของเสียงก็คือหวางซินหยวน
หวางซินหยวนนี่ชอบแย่งของคนอื่นจริงๆ หล่อนเพิ่งแย่งหยกไปจากกู้หนิงไปหมาดๆ ตอนนี้ก็ยังจะแย่งห้องทานอาหารไปจากเธออีก
“คุณหนูหวาง กรุณาอย่างสร้างปัญหาให้พวกเราเลยครับ” ผู้จัดการร้านเอ่ยอย่างเหนื่อยใจ
“ฉันกลายเป็นคนสร้างปัญหาให้ที่นี่ไปแล้วเหรอ? ฉันเป็นลูกสาวตระกูลหวาง การที่ฉันมากินที่ร้านนี้ถือเป็นเกียรติของร้านนี้ต่างหากล่ะยะ! ถ้ากล้าขวางฉันอีกครั้งละก็ ฉันสามารถปิดร้านนี้ได้เลยนะ!” หวางซินหยวนขู่
“ใช่! แกกล้าต่อต้านตระกูลหวางงั้นเหรอ?” ผู้ชายและผู้หญิงหลายคนที่ยืนอยู่ข้างหวางซินหยวนเอ่ยขึ้น
“คุณครับ....” ผู้จัดการร้านเริ่มไม่พอใจ แต่เขาไม่กล้าโต้เถียงเธอ
ในตอนนั้นเอง กู้หนิงกับเลิ่งเชาถิงก็เดินเข้ามา “ฉันจองห้องไว้เองแหละ เธออยากแย่งมันไปจากฉันงั้นเหรอ?”
“แล้วยังไงยะ?” หวางซินหยวนมองกู้หนิงและพูดด้วยความไม่ชอบใจสุดๆ แต่เมื่อสายตาของเธอเบนไปที่เลิ่งเชาถิง เธอก็ตะลึงกับรูปร่างหน้าตาของเขาทันที
หล่อมาก! หวางซินหยวนคิดกับตัวเอง เธอไม่เคยเจอใครหล่อขนาดนี้มาก่อน ไม่เคยเลย! แม้แต่ไอดอลและดาราทั้งหลายก็เทียบอะไรกับผู้ชายคนนี้ไม่ได้
กู้หนิงทราบดีว่ารูปลักษณ์ของเลิ่งเชาถิงนั้นดึงดูดสาว ๆ ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน แต่เธอรู้สึกไม่สบายใจเมื่อเด็กผู้หญิงเหล่านั้นเอาแต่มองเลิ่งเชาถิง อย่างไรก็ตามเลิ่งเชาถิงเป็นแฟนของเธอ และผู้หญิงเหล่านั้นก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เมื่อหวางซินหยวนสบตาเลิ่งเชาถิง กู้หนิงก็ไม่พอใจอย่างมากเพราะเธอไม่ชอบหวางซินหยวน
เมื่อเห็นเลิ่งเชาถิง หวางซินหยวนก็ลืมทะเลาะกับกู้หนิง เธอเดินก้าวฉับๆไปหาเขา
“สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้พบคุณค่ะ ฉันชื่อหวางซินหยวน เป็นลูกสาวตระกูลหวาง หนึ่งในสี่ตระกูลที่มีอิทธิพลในเมืองเถิงค่ะ” หวางซินหยวนแนะนำตัวเองพลางยื่นมือไปหาเลิ่งเชาถิงหมายจะจับมือทักทายกับเขา
สีหน้าของเลิ่งเชาถิงยังคงเรียบเฉยราวกับว่าหวางซินหยวนไม่มีตัวตน หวางซินหยวนรู้สึกเหมือนถูกตบหน้า “นี่ ฉันกำลังพูดกับคุณอยู่นะ! โง่เปล่าเนี่ย?”
เลิ่งเชาถิงยังคงไม่สนใจเธอ เขานิ่งสงบ แต่กู้หนิงทนไม่ไหวอีกแล้ว เธอพูดเตือนว่า “ระวังคำพูดด้วยและอยู่ให้ห่างจากผู้ชายของฉันซะ นังบ้า”
“แกกล้าพูดแบบนี้กับฉันได้ยังไง?”
“ก็สมควรโดนแล้วนี่”
“แก...” หวางซินหยวนโมโห
“แกคิดว่าแกเป็นใคร? กล้าว่าคุณหนูหวางงั้นเหรอ? รู้รึเปล่าว่าตระกูลหวางมีอิทธิพลมากแค่ไหน?” หญิงสาวที่มากับหวางซินหยวนพูดข่ม
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เลิ่งเชาถิงก็ตอบสนองในที่สุด เขามองหญิงสาวอย่างเย็นชา ตอนนี้เธอแทบหายใจไม่ออก ทุกคนที่มากับหวางซินหยวนรู้สึกถูกคุกคาม ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนที่พวกเขาจะยุ่งด้วยได้
“ตระกูลหวาง? ฉันไม่เคยไม่ได้ยินชื่อตระกูลหวางมาก่อน! เธอจะเป็นใครฉันไม่สนหรอก ถ้าเธอกล้าทำให้หนิงหนิงขายหน้า ฉันจะถอนรากถอนโคนตระกูลหวางทั้งโคตร” เลิ่งเชาถิงพูดเสียงเย็น พวกเขาไม่สงสัยในคำพูดของเลิ่งเชาถิงเลย ผู้ชายคนนี้มีอำนาจและอิทธิพลยิ่งว่าตระกูลหวาง!
หวางซินหยวนเป็นคนหยิ่งยโสมาโดยตลอดและเคยถูกคนรอบข้างชื่นชม เธอจึงไม่เชื่อว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอจะทำร้ายตระกูลหวางได้ "คุณคิดว่าคุณเป็นใคร? คิดว่าตัวเองมีความสามารถถอนรากถอนโคนตระกูลหวางได้จริงๆเหรอ?”