ตอนที่ 263: เลิ่งเชาถิงมาถึงแล้ว
จางเต๋อเฉิงมาถึงในเวลาต่อมาพร้อมกับชายสูงวัยหลายคน พวกเขาตกใจมากเมื่อพบว่าเป็นหยกประเภทใด
ชายสูงวัยคนหนึ่งเดินมาหากู้หนิงและถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า “คุณคือคุณถังที่เป็นคนตัดหยกพวกนี้ใช่ไหม?”
ความจริงเขาจำเธอได้ตั้งแต่แรกเห็น แต่ถามเพื่อเป็นมารยาท
“ค่ะ ฉันเอง รู้จักชื่อฉันได้ยังไงคะ?” กู้หนิงตอบ
ชายสูงวัยประหลาดใจกับมารยาทที่ดีของกู้หนิง เขาคิดว่าเธอจะเป็นคนเย่อหยิ่งหลังจากที่ตัดหยกได้มากมาย
“คุณถังยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมเป็นหัวหน้าสมาคมหยกในเมืองเถิง จางเต๋อฉวน ความสามารถที่โดดเด่นในการพนันหินของคุณทำให้ผมประทับใจมาก หวังว่าเราจะมีโอกาสได้พูดคุยกัน”
จางเต๋อฉวนไม่ได้ซ่อนความชื่นชมของเขาที่มีต่อกู้หนิง และเขาไม่ได้แสดงความเกลียดชังหรืออิจฉาเลย เขาชื่นชมความสามารถในการพนันหินของกู้หนิงเท่านั้น ไม่ใช่ความร่ำรวยของเธอ มีเฉพาะคนที่ซื่อสัตย์เท่านั้นที่ให้ความสำคัญกับความสามารถมากกว่าเงิน
จางเต๋อฉวนเป็นน้องชายของจางเต๋อเฉิง และในฐานะหัวหน้าสมาคมหยก จางเต๋อฉวนจึงเชี่ยวชาญการพนันหิน ก่อนหน้านี่เขาตัดหยกสามชิ้นจากหินห้าก้อน ถึงแม้จะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว เขาก็ได้รับความเคารพนับถือจากทุกคนเป็นที่เรียบร้อย
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะคุณจาง เป็นเกียรติของฉันที่ได้พูดคุยกับท่านค่ะ” กู้หนิงตอบอย่างถ่อมตน เธอไม่ปฏิเสธคนที่ใจดีและน่านับถือ
“คุณถัง คุณช่วยบอกผมได้ไหมว่าคุณใช้วิจารณญาณอะไรว่ามีหยกอยู่ในหิน? ผมดูหินเหล่านั้นในรถเข็นของคุณ แต่บางส่วนไม่มีร่องรอยของหยกเลย” จางเต๋อฉวนถามกู้หนิง
“ผิวชั้นนอกของหินเป็นชั้นแข็งๆ มองไม่เห็นว่ามีหยกข้างใน กล่าวกันว่า ซงฮัว, งูหลาม, มอสและลักษณะอื่นๆ เป็นสิ่งที่ช่วยในการตัดสินสภาพภายในของหินได้เป็นอย่างดี ฉันไม่ปฏิเสธเพราะมันมีประโยชน์อย่างแท้จริง แต่ก็เป็นไปได้ที่จะตัดหยกออกจากหินโดยไม่มีลวดลายเหล่านั้น ดวงก็สำคัญมากเช่นกัน ดังนั้นฉันจึงเลือกหินตามสัญชาตญาณของฉัน โชคดีที่ฉันมีทั้งสัญชาตญาณและดวง” หนิงตอบ
“เข้าใจล่ะ!” จางเต๋อฉวนไม่สามารถเห็นด้วยได้มากกว่านี้ เขาเข้าใจว่ามันเป็นไปได้ที่จะตัดหยกออกจากหินไม่มี “ซงฮัว” “ลายงูเหลือม” “มอส” หรือลักษณะอื่น แต่ไม่มีใครกล้าเสี่ยงเพราะมันเสี่ยงเกินไป อย่างไรก็ตามเขายังคงประหลาดใจกับความโชคดีที่ไม่น่าเชื่อของผู้หญิงคนนี้ แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเพราะเขาไม่พบคำอธิบายที่สมเหตุสมผลอื่นใด นอกจากนี้ ผู้หญิงคนนี้ก็ดูมั่นใจในความสามารถของตัวเอง
กู้หนิงสังเกตเห็นนายท่านถางยืนอยู่กับลู่หมิงเฟย ตัวแทนของเครื่องประดับตี้หัวที่แลกเปลี่ยนนามบัตรกับเธอ
ตี้หัวจิวเวอรี่มีต้นกำเนิดมาจากเมือง B และเป็นแบรนด์เครื่องประดับระดับไฮเอนด์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศนี้ เป็นหนึ่งในสี่แบรนด์เครื่องประดับชั้นนำในประเทศ และมีชื่อเสียงในระดับสากลด้วย
มีบริษัทเครื่องประดับในประเทศเพียงสามแห่งที่เป็นที่รู้จักในระดับสากล และบริษัทของตระกูลถางก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ตระกูลถางนี้ไม่ใช่ตระกูลถังที่ถังอันหนิงจากมา ถึงแม้การออกเสียงจะคล้ายกัน (นามสกุลถังอันหนิงออกเสียงได้ทั้งถางและถัง)
กู้หนิงเหลือบมองไปที่นายท่านถาง เห็นว่าลู่หมิงเฟยเคารพนายท่านถางมาก ราวกับว่านายท่านถางเป็นเจ้านายของเขา หรือว่านายท่านถางเป็นเจ้านายของเขาและยังเป็นผู้บริหารของตี้หัวจิวเวอรี่?
ตี้หัวจิวเวอรี่เป็นของถางหัวกรุ๊ป และตระกูลถางก็เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลที่มีอิทธิพลมากในเมือง B
ตระกูลถางเป็นมากกว่าตระกูลที่ร่ำรวยทั่วไป เพราะพวกเขามีอำนาจทั้งในด้านธุรกิจและการเมือง จึงมีเพียงไม่กี่คนที่กล้าต่อต้านพวกเขา
กู้หนิงเชื่อว่านายท่านถางต้องมีคอนเนคชั่นใกล้ชิดกับตี้หัวจิวเวอรี่ แต่ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับเธอ
หยกม่วงดอกไม้เขียวเปิดประมูล
เนื่องจากชายคนหนึ่งได้เปิดเผยราคาที่แท้จริงของหยกม่วงดอกไม้เขียว เพราะฉะนั้นราคาเริ่มประมูลจึงสูงมาก
ในตอนท้ายหยกม่วงดอกไม้เขียวถูกตี้หัวจิวเวอรี่ประมูลไปได้ในราคาหกร้อยล้านหยวน
ต่อมาหยกแก้วหลุมเก่าถูกประมูลไปในราคาสองร้อยห้าสิบล้านหยวน
กู้หนิงยังคงตัดหินอย่างต่อเนื่อง และมีหยกออกมาเรื่อยๆ แต่กู้หนิงขายเฉพาะหยกระดับกลางเท่านั้น
นาทีที่เลิ่งเชาถิงลงจากเครื่องบินที่กองทหาร เขาบอกให้ซู่จินเฉินและคนอื่นๆจับตาดูฝ่ายตรงข้ามก่อนที่เขาจะกลับมา จากนั้นก็ทิ้งพวกเขาและจากไป ทำเอาซู่จินเฉินและเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ ทำหน้าเหวอ
“เดี๋ยวนะ เกิดอะไรขึ้น?”
“ไม่รู้เหมือนกัน”
“ช่วงนี้บอสของเราทำตัวแปลกๆ เหมือนรีบร้อนไปเจอใครสักคน”
“ใช่ ถึงกับทิ้งพวกเราเอาไว้”
“หรือว่าเขามีความรัก?”
กู้หนิงบอกเลิ่งเชาถิงก่อนแล้วว่าวันนี้ทั้งวันเธอจะอยู่ที่ถนนพนันหิน ดังนั้นเขาจึงขับรถไปหาเธอที่นั่น
เมื่อเขาจอดรถที่ลานจอดรถ เขาก็โทรหากู้หนิง แต่เธอไม่สะดวกรับสายจึงส่งข้อความหาเขาแทน
เลิ่งเชาถิงส่งข้อความกลับหาเธอทันที ‘ผมมาถึงแล้ว อยู่ลานจอดรถที่ถนนพนันหิน’
เมื่ออ่านข้อความ กู้หนิงจึงเก็บของและจากไปโดยไม่รอช้า
กู้หนิงตัดหินไปได้แค่ครึ่งเดียว ยังเหลือหินสามสิบกว่าก้อนที่ส่วนใหญ่มีหยกระดับกลางอยู่ข้างใน
กู้หนิงไม่เพียงทำเงินได้มากกว่า 2.3 พันล้านหยวน แต่ยังดูดซับพลังมากมายจากหยกที่เธอตัดในวันนี้ ห้องเก็บของกระแสจิตของเธอเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า และตอนนี้มีขนาดแปดตารางเมตร
เมื่อเห็นว่ากู้หนิงกำลังจะจากไป นักธุรกิจเครื่องประดับต่างก็ผิดหวัง เพราะหลายคนยังไม่ได้หยกแม้แต่ชิ้นเดียว!
ตอนที่ 264: ร้านถูกพัง
กู้หนิงปลอบใจพวกเขาว่า “อย่ากังวลเลยค่ะ อีกวันสองวันเดี๋ยวฉันแจ้งไปเมื่อหินที่เหลือตัดออกแล้วค่ะ”
ได้ยินเช่นนั้น ทุกคนก็คลายใจลงได้
จากนั้นกู้หนิงก็จากไป
ถึงแม้ว่าหวางหงหมิงจะไม่อยู่ แต่มีคนคอยรายงานสถานการณ์ภายในร้านให้เขาทราบอยู่ตลอด เมื่อเขาทราบว่าถังอันหนิงตัดหินมากกว่าสามสิบก้อน และทำเงินไปได้ 2.3 พันล้าน เขากระอักเลือดหลายครั้ง
เธอตัดหินได้แค่ครึ่งเดียวและกวาดเงินไปแล้ว 2.3 พันล้านหยวน!
ตอนนี้หวางหงหมิงเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ว่าหินที่เหลือของเธอทั้งหมดมีหยกอยู่ข้างใน
เธอซื้อหินที่มีหยกภายในร้านฉันไปหมดเลยหรือเปล่า? หวางหงหมิงคิดกับตัวเอง
เหตุการณ์วันนี้ทำให้หวางหงหมิงมีแผนสังหารถังอันหนิง
เมื่อกู้หนิงเดินออกจากร้าน เธอรู้สึกได้ว่ามีดวงตาจับจ้องมาที่เธอ แต่เธอไม่สนใจ เธอตรงไปที่ห้องน้ำพร้อมกล่องหยกในมือ จากนั้นใส่มันในห้องเก็บของกระแสจิต หลังจากนั้นเธอก็เปลี่ยนเสื้อผ้าและลบเครื่องสำอางออกอย่างรวดเร็ว สิบนาทีต่อมาเธอก็กลับมาเป็นกู้หนิงคนเดิม และออกจากห้องน้ำ
มีชายสามคนยืนซุ่มอยู่ด้านนอกห้องน้ำ สายตาของพวกเขาจับอยู่ที่ห้องน้ำไม่วางตา แต่พวกเขาจำกู้หนิงไม่ได้เพราะเธอเปลี่ยนชุดและลบเครื่องสำอางค์ออก กู้หนิงเดินผ่านพวกเขาไปอย่างง่ายๆ
ชายสามคนรออยู่นานมาก แต่ถังอันหนิงก็ยังไม่ออกมา พวกเขาเริ่มได้กลิ่นผิดปกติ มันไม่น่าจะนานขนาดนั้น แต่พวกเขาเป็นผู้ชายจึงไม่กล้าเข้าห้องน้ำหญิง ดังนั้นจึงได้แต่ถามผู้หญิงคนอื่นที่เดินออกมาจากห้องน้ำว่ามีถังอันหนิงอยู่ข้างในหรือไม่
พวกเธอบอกว่าในห้องน้ำไม่มีใคร
“อะไรนะ ไม่มีคน? เป็นไปได้ยังไง?” ไม่มีใครเชื่อเพราะถังอันหนิงยังไม่ได้เดินออกมา
“คุณโกหกรึเปล่า?”
“ฉันเปล่า! ถ้าไม่เชื่อก็เข้าไปดูเองสิ”
พวกเขาสบตากันไปมา หลังจากลังเลอยู่สองสามวินาที หนึ่งในนั้นก็พูดว่า “ฉันจะเข้าไปดูเอง”
เขาสำรวจไปรอบๆห้องน้ำหญิงแต่ไม่มีใครอยู่เลย
“เกิดอะไรขึ้น? พวกเรารออยู่ทางออกตลอด เธอไม่ได้เดินออกมาแน่นอน!”
“ใช่ และห้องน้ำก็มีทางเข้า-ออกทางเดียว!”
“คิดว่าเธอเปลี่ยนลุคแล้วพวกเราจำไม่ได้รึเปล่า?”
“เป็นไปไม่ได้ ฉันไม่เห็นผู้หญิงที่ถือกล่องใส่หยกออกมาเลยสักคน”
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“เธอจะหายไปเฉยๆโดยไม่มีเหตุผลได้ยังไง?” ทันใดนั้นพวกเขาก็รู้สึกขนลุกซู่
“ว่าแต่ตอนนี้พวกเราควรทำไงดี?” เป้าหมายหายไปแบบนี้ พวกเขาคงถูกลงโทษ
“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ” ชายที่พูดถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง
“ฉันว่าพวกเราตรวจพื้นที่แถวนี้อีกรอบเหอะ!”
ก่อนที่กู้หนิงจะไปจากถนนหินพนัน เธอสังเกตเห็นว่ามีคนจำนวนมากมารวมตัวกันที่ด้านนอกร้านซึ่งกลุ่มชายเหล่านี้เป็นกลุ่มคนที่ได้รับความเสียหาย
“เกิดอะไรขึ้น? บอสเจิ้งไปมีเรื่องอะไร?”
“ไม่ใช่บอสเจิ้ง แต่ลูกชายของเขา เจิ้งห่าว ไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยได้ เจ้าหนี้เลยส่งคนไปทำลายร้านของเขา”
“อะไรนะ? อีกแล้วเหรอ?”
เห็นได้ชัดว่าเคยเกิดขึ้นมาแล้ว
“ใช่ ปีนี้สามครั้งแล้ว บอสเจิ้งจ่ายคืนได้แค่สองครั้ง แต่ครั้งนี้เขาไม่มีเงินจ่ายแล้ว”
“เฮ้อ ฉันล่ะเห็นใจบอสเจิ้งจริงๆ ภรรยาเสียไปตั้งแต่ยังสาว ไม่มีลูกด้วยกัน เขารักภรรยามากจึงไม่แต่งงานใหม่ รับเจิ้งห่าวเป็นลูกบุญธรรมเพราะสงสาร ไม่คิดว่าเจิ้งห่าวจะเป็นไอ้ขี้แพ้ ทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่างนอกจากผลาญเงินบอสเจิ้ง”
“ใช่ เจิ้งห่าวเอาแต่เที่ยวเล่นและเล่นพนันทั้งวัน ช่างน่าเสียดายที่บอสเจิ้งซึ่งเป็นคนดีถูกลูกบุญธรรมของเขาทำลายซะหมด!”
“ร้านของเขาคงปิดในอีกไม่ช้า”
“เจิ้งห่าว ไอ้คนหน้าไม่อายและไร้ประโยชน์ ทำไมบอสเจิ้งยังเห็นเขาเป็นลูกอยู่อีก?”
“ใครจะรู้!”
ทุกคนกำลังถกเถียงเรื่องนี้กันหน้าดำคร่ำเครียด
กู้หนิงรู้สึกเสียใจแทนบอสเจิ้งเหมือนกันและรังเกียจเจิ้งห่าว
“ได้โปรดหยุดเถอะ! ขอร้องล่ะ อีกสองวันฉันจะหาเงินมาจ่ายแน่ๆ!” เจิ้งเผิงพยายามเต็มที่จะหยุดกลุ่มคนที่มาทำลายร้านของเขา และเขาถูกพวกมันผลักไปข้างหลังอย่างแรง
มันเกิดขึ้นเร็วมากจนเจิ้งเผิงตั้งตัวไม่ทัน เขาสูญเสียการทรงตัวลมล้งทันใด ด้านหลังของเขามีชั้นวางหินอยู่
กู้หนิงผลักคนสองคนที่ยืนขวางทางเธอออกไปโดยไม่ลังเล สองคนนั้นแทบจะล้มลงและตะโกนร้องด้วยความตกใจ แต่เมื่อพวกเขาพบว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาก็ทำได้แต่เบิกตากว้าง
กู้หนิงเร็วมาก แต่ก็ยังช้าไป เจิ้งเผิงกระแทกชั้นวางหินไปแล้ว หินจำนวนมากหล่นลงใส่ตัวเขาและหนึ่งในนั้นกระแทกไหล่ของเจิ้งเผิง ขณะที่อีกก้อนหล่นใส่ศีรษะของเขา ฝูงชนต่างพากันมองด้วยความตกใจ และบางคนก็หันหน้าหนีเพื่อหลีกเลี่ยงฉากที่น่ากลัว
ในขณะนั้นเองมีมือคว้าแขนของเจิ้งเผิงและดึงเขาออกไปทันที เจิ้งเผิงหลบหินที่ตกลงมาจากชั้นวางได้ในที่สุด
ทุกคนทำหน้าตาตื่นเมื่อมองไปที่เด็กสาวที่มีความว่องไวเป็นพิเศษ และมีพละกำลังที่จะช่วยชีวิตเจิ้งเผิงได้อย่างน่าประหลาดใจ มิฉะนั้นเจิ้งเผิงอาจจะตายหรือบาดเจ็บสาหัส
เจิ้งเผิงตัวแข็งทื่อ
คนที่ถูกจ้างมาทำลายร้านหยุดนิ่งไปชั่วครู่เมื่อได้ยินเสียงดัง พวกเขาอยู่ใกล้เจิ้งเผิงแต่ไม่คิดจะช่วย
หลังจากเห็นเจิ้งเผิงถูกช่วยออกไป พวกเขาก็กลับมาพังข้าวของในร้านต่อ
แม้ว่าเรื่องนี้จะไม่ใช่เรื่องของกู้หนิง แต่เธออยู่เฉยไม่ได้ จึงเข้าไปต่อยชายสองคนนั้นทันที
เธอจับไหล่ผู้ชายที่ยืนอยู่ใกล้เธอที่สุด และยกเขาขึ้นจากพื้น เหวี่ยงเขาออกไปข้างนอกอย่างแรง
คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตกตะลึงกับภาพที่เห็น เด็กสาวคนหนึ่งจะแข็งแรงขนาดนี้ได้อย่างไร!
ผู้ชายอีกคนไม่ทันรู้ตัวก็ถูกกู้หนิงเตะอย่างแรง จนล้มตัวงอที่พื้น