Your Wishlist

กำเนิดใหม่สาวนักเรียนเซียนธุรกิจ (ตอนที่ 235 -236: รอ, แฟนบอส)

Author: BuaElla แปล

เธอเปรียบดั่งหุ่นเชิดของตระกูล เป็นสายลับและนักฆ่า เธอถูกหักหลังและตกลงไปในทะเล เมื่อเธอลืมตาขึ้นมา เธอกลายเป็นเด็กสาวมัธยมธรรมดาๆ เนื่องจากเกิดมาไม่มีพ่อ เธอจึงถูกญาติของเธอถากถางมาตั้งแต่เด็กจนโต และถูกรังแกจากเพื่อนร่วมชั้นเรียน แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่คนขี้ขลาดตาขาวอีกแล้ว ใครกล้าทำร้ายเธอ เธอจะหักกระดูกพวกมัน !

จำนวนตอน : ยังไม่จบ

ตอนที่ 235 -236: รอ, แฟนบอส

  • 07/04/2564

ตอนที่ 235: รอ

 

“อาจารย์คงชอบจานใบนี้มากสินะคะ แน่นอนค่ะว่าหนูเต็มใจขายให้” กู้หนิงกล่าว

 

เธอไม่ได้ชอบจานใบนี้มากขนาดนั้น และเธอสามารถสร้างพันธมิตรกับอาจารย์กู้ได้โดยการขายจานใบนี้ให้เขา

 

“จริงหรือ?” กู้ชางหลินแปลกใจนิดหน่อยที่กู้หนิงตอบตกลงง่ายๆ “ขอบใจหนูมาก! ฉันก็จะไม่หลอกลวงหนูเหมือนกัน จานใบนี้ราคาประมาณ 1.5 ล้านหยวน และฉันจะจ่ายให้หนู 1.5 ล้านหยวน”

 

“หนึ่งล้านก็พอค่ะ” กู้หนิงตอบ

 

“ไม่ได้ๆ ฉันไม่อยากให้หนูเสียเปรียบ ฉันควรจ่ายให้หนูตามราคาตลาด” กู้ชางเจี่ยงปฏิเสธ ถึงแม้ว่าจานพาสเทลนี้กู้หนิงจะไม่ได้อะไรกับมันมาก แต่มันก็มีราคาสูงพอประมาณ อาจารย์กู้ไม่ต้องการเอาเปรียบกู้หนิง

 

“อาจารย์กู้คะ เรื่องเงินสำหรับหนูไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ถ้าอาจารย์ไม่ถือ ขอหนูเรียกอาจารย์ว่าคุณปู่กู้ได้ไหมคะ ถ้าอาจารย์ยินดี เชื่อหนูเถอะค่ะ”

 

“เอาล่ะๆ ได้ๆ ครั้งนี้ฉันจะฟังหนู ในเมื่อหนูเต็มใจเรียกฉันว่าปู่” กู้ชางเจี่ยงประนีประนอม และเขาเองก็ประทับใจเธอ เขามีหลานอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอ แต่พวกเขาไม่ได้อยู่ด้วยกัน และเขาก็คิดถึงหลานๆมาก

 

ผ่านไปสักพัก กู้หนิงและเลิงเชาถิงก็ขอตัวจากไป

 

กู้ชางเจี่ยงโทรหาฉินฮ่าวเจิ้งและเล่าให้เขาฟังถึงเรื่องที่เกิดขึ้น

 

ฉินฮ่าวเจิ้งรู้สึกประหลาดใจที่กู้หนิงรู้จักของเก่าด้วย เด็กสาวคนนี้มีแต่เรื่องให้น่าประหลาดใจเต็มไปหมด แล้วจะไม่ให้เขาชื่นชมเด็กสาวคนนี้ได้อย่างไร

 

เขารู้ว่าลูกชายของเขาเสียใจเพราะกู้หนิง แต่คงไม่เหมาะที่เขาจะเข้าไปก้าวก่าย

 

ในฐานะพ่อ เขาไม่เคยบังคับลูกชายให้คบกับลี่เจินเจินหรือผู้หญิงคนอื่นจากครอบครัวคนรวย แม้ว่าเขาจะไม่ต้องการให้ลูกชายคบกับผู้หญิงที่มีฐานะต่ำกว่า แต่ก็ไม่ห้ามหากลูกชายเจอรักแท้ของตัวเอง

 

อย่างไรก็ตามฉินอี้ฉิงได้เข้าไปยุ่งในเรื่องส่วนตัวของฉินอี้ฟานแล้ว และกู้หนิงก็ได้ปฏิเสธฉินอี้ฟานไปแล้ว ตระกูลฉินไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้

 

ซื่อตู้เย่โทรหากู้หนิงประมาณห้าโมงเย็น เลิ่งเชาถิงขับรถไปส่งเธอที่ร้านอาหารซึ่งเป็นสถานที่นัดพบ เขาไม่เต็มใจปล่อยกู้หนิงไปทานข้าวกับผู้ชายคนอื่น แต่เขาไม่ได้ห้ามเธอ                                                                                                

 

ซื่อตู้เย่นั่งรออยู่คนเดียวในร้านอาหาร

 

ถ้าเลิ่งเชาถิงไม่ได้บอกกู้หนิงว่าซื่อตู้เย่ปฏิบัติต่อเธอแตกต่างออกไป กู้หนิงก็คงไม่สังเกตเห็น

 

ทำไมซื่อตู้เย่ในฐานะหัวหน้าแก๊งฉิงถึงมีเวลากินข้าวกับเด็กสาววัยรุ่นอย่างเธอ? และเขายังอยากอยู่กับเธอตามลำพังซึ่งหมายความว่าเขาตั้งใจทำอย่างนั้น กระนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไรเป็นพิเศษกับเธอนี่นา อาจเป็นเพราะเขายังไม่แน่ใจเกี่ยวกับความรู้สึกของตัวเองล่ะมั้ง

 

กู้หนิงตัดสินใจตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เพราะเธอไม่อยากให้มีเหตุการณ์เหมือนอย่างเธอกับฉินอี้ฟาน

 

อีกอย่างเธอไม่อยากเสียพันธมิตรอย่างแก๊งฉิงไป

 

เมื่อพวกเขาใกล้รับประทานอาหารเสร็จ เลิ่งเชาถิงโทรหาเธอเพื่อให้ซื่อตู้เย่รู้ว่าเธอไม่โสดแล้ว กู้หนิงกดรับสาย กรอกเสียงลงไปว่า “ว่าไงคะ”

 

“กินข้าวเสร็จยัง?” เลิ่งเชาถิงถาม

 

“ค่ะ ใกล้แล้ว” กู้หนิงตอบ

 

“ผมรอคุณอยู่ด้านนอกตอนนี้” เขาไม่ได้จากไปไหนเลย จอดรถรอเธออยู่ด้านนอกร้านอาหาร

 

เขากังวลว่าซื่อตู้เย่จะชวนกู้หนิงไปดูหนัง หรือซื้อของด้วยกันหลังทานข้าว เขาจึงโทรหากู้หนิงเมื่อคิดว่าพวกเธอน่าจะทานข้าวเกือบเสร็จแล้ว

 

กู้หนิงดูเจตนาของเลิ่งเชาถิงออก

 

“ค่ะ เดี๋ยวฉันออกไปหา”

 

“ดี ผมจะรอคุณ”

 

ซื่อตู้เย่ได้ยินบทสนทนาและคาดคะเนจากน้ำเสียงของกู้หนิงได้ เขารู้สึกผิดหวัง

 

“แฟนของคุณ?” เขาถาม

 

“ใช่ค่ะ” กู้หนิงตอบ มีประกายความสุขในแววตา

 

“งั้นไปกันเลย ผมไม่อยากให้คุณเสียเวลาไปพบกับแฟนของคุณ” ซื่อตู้เย่เป็นคนมีน้ำใจ เขารู้สึกขมขื่นในใจเล็กน้อย อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้เศร้ามากนัก เพราะเขาก็ยังไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อกู้หนิง

 

“ขอโทษด้วยนะคะ เอาไว้ครั้งหน้าตอนที่ฉันไปเมือง G ค่อยชวนคุณทานข้าวด้วยกัน” กู้หนิงกล่าว

 

“ไม่เป็นไร”

 

หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เดินออกจากร้านด้วยกัน

 

ซื่อตู้เย่ยืนดูกู้หนิงเดินเข้าไปในรถ แต่เขาไม่เห็นผู้ชายที่นั่งอยู่เบาะคนขับ เขารู้ว่านั่นคือแฟนหนุ่มของกู้หนิง และผู้ชายคนนั้นต้องโดดเด่นและยอดเยี่ยมเหมือนเธอแน่นอน

 

หลังจากที่กู้หนิงขึ้นมานั่งในรถ เธอก็ถามเลิ่งเชาถิงว่า “คุณรอฉันตลอดเลยหรอคะ?”

 

กู้หนิงคิดว่ามีความเป็นไปได้สูงมาก

 

“อ่าฮะ” เลิ่งเชาถิงตอบ

 

“อะไร? นี่คุณกังวลว่าเขาจะชวนฉันไปดูหนังหลังจากกินข้าวเสร็จ?” กู้หนิงตั้งใจพูดยั่วเขา

 

ผู้ชายที่ตามจีบผู้หญิงก็มักชวนเธอไปดูหนังหลังจากทานข้าว การนั่งข้างกันในโรงหนังฟังดูโรแมนติกดีและช่วยให้อยู่ใกล้ชิดกันมากขึ้น

 

เลิ่งเชาถิงหน้าแดงนิดหน่อย แต่ไม่ได้ปฏิเสธ

 

กู้หนิงก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ แต่ดีแล้วล่ะ ถือว่าเป็นโอกาสให้ซื่อตู้เย่ได้รู้ว่าเธอมีแฟนแล้ว

 

“คุณกินอะไรรึยังคะ?” กู้หนิงถาม

 

“กินแล้ว” ระหว่างที่รอเธอ เขาแวบออกไปหาอะไรกินแล้ว

 

“งั้นพวกเราจะไปไหนกันต่อดี?” กู้หนิงถาม

 

“ไม่รู้สิ”

 

“งั้นขับรถเล่นกันเถอะ! แล้วค่อยกลับบ้าน” กู้หนิงเสนอ

 

แค่พวกเขาได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน นั่งข้างกันบนรถ ขับรถเล่นชมวิวก็มีความสุขแล้ว

 

การจราจรค่อนข้างหนาแน่นในตัวเมือง เลิ่งเชาถิงจึงขับรถตรงไปยังย่านชานเมือง

 

กู้หนิงบังเอิญสังเกตเห็นรถของกู้ฉินเซียง มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ในนั้น และกู้หนิงจำได้ว่าเธอคือเลขาของกู้ฉินเซียง

 

ตอนที่ 236: แฟนบอส

 

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เจ้านายจะส่งเลขากลับบ้าน แต่กู้หนิงกลับรู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างกู้ฉินเซียงกับเลขาของเขาไม่ได้เรียบง่ายเหมือนอย่างตาเห็น

 

ช่างเถอะ กู้หนิงไม่มีความคิดจะตรวจสอบเรื่องนี้เพิ่มเติม ถึงแม้เธอจะเข้ากับครอบครัวกู้ฉินเซียงไม่ได้ เธอก็มีมโนธรรมในใจ เธอได้แต่หวังว่าหลินหลี่หยวนจะค้นพบเรื่องนี้ด้วยตนเอง คงเป็นเรื่องน่าสนุกไม่ใช่น้อย

 

สามทุ่มกู้หนิงก็กลับถึงบ้าน

 

เลิ่งเชาถิงเดินไปส่งกู้หนิงที่ด้านนอกโซน G ทั้งสองจูบกันอีกครั้ง เขาผละออกจากเธอและปล่อยให้เธอกลับบ้าน ตอนนี้เขาต้องการอาบน้ำเย็นๆเพื่อทำให้จิตใจปลอดโปร่ง เขาหมุนตัวกลับยังที่พักของซู่จินเฉินและอาบน้ำเย็น หลังจากนั้นจึงรู้สึกค่อยยังชั่ว

 

วันต่อๆมากู้หนิงมีนัดทานข้าวกับเลิ่งเชาถิงทั้งเที่ยงและบ่าย เพื่อนๆของเธอพากันบ่นไม่หยุดเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะเธอไม่มีเวลาฝึกพวกเขาเลย

 

กู้หนิงคิดอยู่สักพัก บางทีอาจถึงเวลาแนะนำเลิ่งเชาถิงให้เพื่อนของเธอรู้จักแล้ว ดังนั้นเธอจึงชวนทุกคนมาร่วมทานข้าวด้วยกันในบ่ายวันพุธ

 

เมื่อรู้ว่าจะได้พบกับแฟนของหัวหน้า ทุกคนก็ตื่นเต้นยินดีปรีดา

 

เมื่อคาบเรียนใกล้หมด ฉู่เพ่ยหานวิ่งเร็วจี๋มายังห้องสี่ แต่พวกเขายังเรียนไม่เสร็จ เธอพูดเสียงดังกังวานว่า “สวัสดีค่ะอาจารย์จาง เวลาเรียนหมดแล้วค่ะ!”

 

อาจารย์จางกะว่าจะสอนต่ออีกสองนาที แต่ฉู่เพ่ยหานส่งเสียงขัดขึ้นซะก่อน เขาหรี่ตามองเธอ แต่ฉู่เพ่ยหานไม่ได้สนใจเลยสักนิด

 

กู้หนิงได้แต่นิ่งเงียบ จนคำพูด

 

หลังจากนั้นพวกเขาก็พากันเดินออกไป ฉู่เพ่ยหานและฮ่าวหรันเร่งพวกเขาให้เดินไวๆ พวกเขาอยากเจอแฟนกู้หนิงแล้ว

 

“บอส เธอกับเขาใครต่อสู้เก่งกว่ากัน?” อยู่ดีๆฮ่าวหรันก็โพล่งถามออกมา

 

“โอ้ย! ลืมไปได้ยังไง! แฟนของเธอเป็นนายทหาร ดังนั้นเขาต้องต่อสู้เก่ง! ว่าแต่แฟนของเธอเป็นทหารธรรมดาหรือมาจากหน่วยรบพิเศษ? ถ้าเขามาจากหน่วยรบพิเศษคงจะเจ๋งมาก!” ฉู่เพ่ยหานกล่าว

 

ทุกคนที่เหลือมองกู้หนิงรอคอยคำตอบ

 

“เขาทำหน้าที่ในหน่วยรบพิเศษและเขาเก่งกว่าฉัน” กู้หนิงกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ

 

“ว้าว! บอส ในที่สุดเธอก็พบคนที่เก่งกว่าเธอ!” ฉินซีหุนเป็นนคนพูด

 

“ครั้งก่อนฉันก็แพ้นะ ตอนที่สู้กับซื่อตู้เย่” กู้หนิงพูด

 

“ฉันก็คิดงั้น” จางเทียนปิงพูด คนนอกไม่สามารถบอกความแตกต่างได้

 

“ซื่อตู้เย่เก่งกว่าบอสของเราในเรื่องของทักษะ แต่ในมุมมองของประสบการณ์ เขาแพ้ เพราะเขาอายุมากกว่าและประสบการณ์มากกว่า เขาไม่สามารถควบคุมเกมการต่อสู้ได้ พูดได้ว่าเขาแพ้ก็ไม่ผิด” ฉู่เพ่ยหานแสดงความคิดเห็นของตัวเอง

 

ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอพูดความจริง

 

“ก็ถูกของเพ่ยหาน พูดได้ว่าบอสของเราชนะ” มู่เค่อพูด

 

ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย

 

“ฟังดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น แต่ในสถานการณ์จริง ไม่ว่าพวกนายจะมีทักษะหรือมีประสบการณ์มาก ประเด็นคือต้องชนะ และเราแข่งขันกันเพียงห้านาทีซึ่งไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้เลย ฉันบอกได้แค่ว่าฉันได้พยายามเต็มที่แล้วก็แค่นั้น” กู้หนิงไม่ได้พูดปกป้องซื่อตู้เย่ หรือปฏิเสธสิ่งที่ฉู่เพ่ยหานเพิ่งพูด เธอเชื่อการแข่งขันย่อมมีผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียว ไม่สำคัญว่าทำไมถึงชนะ

 

 

 

ทุกคนเห็นด้วยกับกู้หนิงและไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก”

 

สาวๆขึ้นรถของฮ่าวหรัน ส่วนเด็กหนุ่มที่เหลือนั่งแท็กซี่ จุดหมายคือร้านอาหารโหยวอี้

 

กู้หนิงบอกเลิ่งเชาถิ่งไว้แล้วว่าจะพาเพื่อนไปพบเขา ดังนั้นเขาจองห้องอาหารส่วนตัวไว้แล้ว

 

ภายใต้การนำทางของพนักงาน พวกเขาเดินไปยังห้องส่วนตัวและเคาะประตู

 

“เข้ามาได้” เสียงของเลิ่งเชาถิงดังขึ้นจากด้านใน

 

จากนั้นกู้หนิงก็เดินตามคนอื่นๆเข้าไป

 

เลิ่งเชาถิงลุกขึ้นยืนต้อนรับ สายตาปราดมองกู้หนิงแวบหนึ่ง

 

ทุกคนตกตะลึงทันทีที่เลิ่งเชาถิงปรากฏตัว ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปรงและแข็งแรง เครื่องปรับอากาศเปิดอยู่ ดังนั้นเขาจึงถอดเสื้อโค้ทและสวมเสื้อสเวตเตอร์สีดำรัดรูปซึ่งขับเน้นเสน่ห์ของเขาได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีเครื่องหน้าที่สมบูรณ์แบบมาก ผู้ชายคนนี้เป็นคนหล่อมากชนิดจับตัวได้ยาก

 

เมื่อเห็นความตื่นตะลึงบนใบหน้าของทุกคน เลิ่งเชาถิงไม่ได้แสดงความไม่พอใจใดๆออกไป  เขาชินกับการตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนแล้ว

 

“นั่งเถอะ!” กู้หนิงกระแอม

 

จู่ๆฉู่เพ่ยหานก็พูดว่า “สวัสดีค่ะ พี่เขย”

 

ทั้งเลิ่งเชาถิงและกู้หนิงต่างสะดุ้งโหยง เขารู้ว่าทุกคนชื่นชมกู้หนิงและเคารพเธอในฐานะหัวหน้าเช่นเดียวกับพี่สาวคนโต เนื่องจากเขาเป็นแฟนของกู้หนิงจึงไม่ผิดที่จะเรียกเขาว่าพี่เขย

 

ส่วนกู้หนิงรู้สึกอึกๆอักๆ

 

“ยินที่ได้พบครับ พี่เขย” ฮ่าวหรันและคนที่เหลือพูดขึ้นพร้อมกัน

 

“ยินดีที่ได้พบพวกเธอเช่นกัน” เลิ่งเชาถิงตอบ

 

เลิ่งเชาถิงเป็นคนพูดน้อย และยิ่งไม่เก่งเรื่องพูดจาตลกขบขัน แต่เขาไม่ใช่คนหยิ่ง เขาเคารพทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน

 

ก่อนมากู้หนิงก็ได้กระซิบบอกเพื่อนของเธอเกี่ยวกับนิสัยของเลิ่งเชาถิง แม้ว่าเขาจะดูเย็นชาและไม่ค่อยพูด แต่เขาเป็นคนที่เชื่อถือได้ ดังนั้นทุกคนจึงเตรียมใจไว้ก่อนแล้ว อย่างไรก็ตามเลิ่งเชาถิงมีบรรยากาศความเป็นราชาในสายตาของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงค่อนข้างระมัดระวังต่อหน้าเขา

 

หลังจากทักทายกันเรียบร้อย ทุกคนก็นั่งลง

 

กู้หนิงถอดเสื้อโค้ทออก เลิ่งเชาถิงเข้ามาช่วยเธอแขวนเสื้อโค้ท

 

พนักงานเข้ามาข้างในและกู้หนิงให้เพื่อนของเธอสั่งก่อน “สั่งเลย”

 

“ย่อมได้! ในเมื่อมื้อนี้พี่เขยเป็นคนเลี้ยง พวกเราไม่เกรงใจล่ะ!” ฉู่เพ่ยหานยิ้ม

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป