ตอนที่ 375 ตัดเบรก
“เพื่อนคนหนึ่งของผมแนะนำเจ้าของบริษัทเสื้อผ้า บริษัทเสื้อผ้ากำลังจะสร้างโรงงาน พวกเขากำลังมองหาบริษัทรับก่อสร้าง อู่เหลียนฉินก็ต้องการงานนี้เหมือนกัน แต่เจ้าของบริษัทเสื้อผ้าเลือกทำงานกับผมหลังจากปรึกษาโครงการนี้ในงานเลี้ยง เป็นธรรมดาที่นักธุรกิจต้องแข่งขันกันเองในอุตสาหกรรมเดียวกัน แต่อู่เหลียนฉินกลับโทษผมและข่มขู่” อ้ายกวงเหยากล่าว
กู้หนิงไม่พอใจ เธอไม่แน่ใจว่าอู่เหลียนฉินได้สั่งให้คนไปตัดเบรกรึเปล่า แต่เธอคิดว่าเขาต้องมีส่วนเกี่ยวข้อง
“นอกจากอู่เหลียนฉินแล้ว ลุงมีเรื่องกับใครอีกไหมคะ?” กู้หนิงถาม
“นอกจากหงหยุนแล้ว พวกเราก็ไม่มีเรื่องหรือปัญหากับใครอีก” อ้ายกวงเหยาตอบ
มีความเป็นไปได้ที่หงหยุนเป็นคนทำ เพราะตอนนี้หงหยุนล้มละลายแล้ว แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงที่อู่เหลียนฉินอยู่เบื้องหลังเช่นกัน
“พูดตามตรงนะคะ ฉันมาที่นี่เพราะจู่ๆ ก็มีลางสังหรณ์ไม่ดีเกี่ยวกับคุณลุง ฉันกังวลว่าจะมีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นกับลุงแม้ว่าจะฟังดูแปลก แต่ลางสังหรณ์ของฉันถูกต้องเสมอ” กู้หนิงอธิบายและพยายามทำให้มันฟังดูสมเหตุสมผล
อ้ายกวงเหยาและจางชุนเจี๋ยมีปฏิกิริยาแบบเดียวกับเลิ่งเชาถิง ถึงแม้จะฟังดูแปลกแค่ไหน แต่ถ้าเป็นกู้หนิง พวกเขาย่อมเชื่อเธอ อันที่จริงพวกเขาเชื่อใจและไว้ใจกู้หนิงมากกว่าเลิ่งเชาถิงเสียอีก ในสายตาของเลิ่งเชาถิง กู้หนิงเป็นคนรักของเขา เขาย่อมเชื่อเธออยู่แล้ว แต่สำหรับอ้ายกวงเหยาและจางชุนเจี๋ย กู้หนิงเปรียบเสมือนเทพธิดาที่สามารถทำให้เรื่องที่เป็นไปไม่ได้กลายเป็นไปได้
“เอาล่ะ ที่ฉันอยากจะพูดคือ..ไปจากที่นี่กันเถอะค่ะ แต่พวกเราควรตรวจสอบรถก่อนเผื่อมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น ระวังตัวไว้ย่อมดีกว่า” กู้หนิงไม่ได้บอกพวกเขาตรงๆว่ารถของอ้ายกวงเหยาถูกตัดสายเบรก เธอทำได้เพียงเตือนพวกเขาให้ระมัดระวังตัวมากขึ้น
กู้หนิงและเลิ่งเชาถิงเดินตามอ้ายกวงเหยาไปยังลานจอดรถใต้ดิน เมื่อพวกเขามาถึง กู้หนิงก็มองสำรวจไปรอบๆว่ามีใครซ่อนตัวอยู่แถวนี้หรือไม่ คนร้ายมักอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุเพื่อดูผลงานของตัวเอง
เมื่อกู้หนิงมองไปรอบ ๆ ที่จอดรถ เธอก็พบดวงตาคู่หนึ่งในรถ ใบหน้าของผู้ชายคนนั้นเปลี่ยนไปเมื่อกู้หนิงสบตาเขา เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนตัดเบรก
ไม่นาน จางชุนเจี๋ยก็พบบางอย่างผิดปกติ
“บอส สายเบรกถูกตัด!” จางชุนเจี๋ยร้องตะโกนขึ้นมา
“อะไรนะ?” อ้ายกวงเหยาตกใจ เขารับหันไปมองกู้หนิงและรู้สึกโชคที่ลางสังหรณ์ของกู้หนิงช่วยชีวิตเขาไว้ ไม่อยากนั้นเขาคงไม่มีโอกาสได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นในวันพรุ่งนี้อีกแล้ว
“เป็นฝีมืออู่เหลียนฉิน?” อ้ายกวงเหยาสันนิษฐาน และเชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูง
“เป็นไปได้ค่ะ แต่พวกเรายังไม่มีหลักฐาน พวกเรากลับไปที่โรงแรมหาผู้จัดการเพื่อของตรวจสอบกล้องวงจรปิด ดูว่าใครเป็นคนทำ” กู้หนิงเห็นผู้ชายในรถแล้ว แต่เธอยังต้องการหลักฐาน เธอจะไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆเพราะเขากล้าคิดที่จะทำร้ายคนของเธอ ถ้ากู้หนิงไม่มีลางสังหรณ์ ป่านนี้อ้ายกวงเหยาและจางชุนเจี๋ยคงถูกฆ่าตายโดยทำให้เป็นอุบัติเหตุไปแล้ว
“ผมจะไปหาผู้จัดการโรงแรมเดี๋ยวนี้ครับ” จางชุนเจี๋ยรีบวิ่งไปที่โรงแรมทันที
คนร้ายซ่อนตัวอยู่ในรถจึงไม่ได้ยินการสนทนาของพวกเขา แต่เขารู้ว่าแผนการของเขาถูกเปิดเผยแล้ว คนร้ายไม่ทราบว่ากู้หนิงรู้อยู่แล้วว่าเป็นเขาที่ตัดเบรก ดังนั้นเขาจึงไม่ออกไปทันที คอยดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
จางชุนเจี๋ยบอกผู้จัดการโรงแรมว่าเกิดอะไรขึ้นกับรถของพวกเขา ผู้จัดการจึงรีบพาจางชุนเจี๋ยไปดูกล้องวงจรปิด
แม้ว่าเงาดำในกล้องวงจรปิดจะไม่ชัดมาก เพราะชายคนนั้นสวมหน้ากากและหมวก แต่พวกเขาเห็นการกระทำของคนร้ายทั้งหมดตอนที่เขากำลังตัดสายเบรก และคนร้ายยังซ่อนตัวอยู่ในลานจอดรถ ผู้จัดการจึงโทรหาตำรวจทันที
อ้ายกวงเหยาเป็นบุคคลสำคัญในเมือง F ดังนั้นตำรวจจึงมาถึงโรงแรมภายในเวลาไม่กี่นาที ผู้จัดการโรงแรมเปิดกล้องวงจรปิดให้ตำรวจดู หลังจากนั้นนายตำรวจทั้งสามจึงเดินไปยังรถที่คนร้ายซ่อนตัวอยู่
คนร้ายไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเขาเองถูกเปิดโปงจนกระทั่งตำรวจสามคนวิ่งเข้ามาหาเขา แต่ตอนนี้สายเกินไปแล้วที่เขาจะหลบหนี และเมื่อคนร้ายถูกนำตัวกลับไปที่โรงแรม เขาก็เพิ่งรู้ว่ามีกล้องวงจรปิดในลานจอดรถ เห็นได้ชัดว่าชายคนนี้โง่เกินกว่าจะเป็นอาชญากร
กู้หนิงบอกอ้ายกวงเหยาให้ขอร้องตำรวจบังคับชายคนนั้นให้รับสารภาพความผิดในที่เกิดเหตุทันที อ้ายกวงเหยาเป็นผู้ที่มีอิทธิพลในเมือง F ดังนั้นตำรวจจึงเต็มใจช่วยเหลือเขาอย่างเต็มที่ กู้หนิงขอเป็นคนสอบสวนคนร้ายเอง ด้วยหลักฐานที่มี เขาย่อมปฏิเสธไม่ได้ เขาไม่อยากติดคุกคนเดียว ดังนั้นเขาจึงยอมบอกกู้หนิงว่าใครอยู่เบื้องหลังเขา
เลขาของอู่เหลียนฉินโทรมาหาเขา บอกว่าจะให้เงินห้าหมื่นหยวนหากเขาทำสำเร็จ เขาได้เงินมาล่วงหน้าแล้วสองหมื่นหยวน มีข้อความและบันทึกการโทรเป็นหลักฐาน
และถึงแม้ว่าจะเป็นเลขาของอู่เหลียนฉินที่ยุยงให้เขาทำ แต่ทุกคนก็รู้ว่าเลขาของอู่เหลียนฉินได้ปฏิบัติตามคำสั่งของอู่เหลียนฉิน
“อู่เหลียนฉิน เป็นเขาจริงๆด้วย!” อ้ายกวงเหยาโกรธมาก แม้จะรู้คำตอบอยู่แล้วแต่ยังขาดหลักฐานว่าอู่เหลียนฉินเป็นคนทำ ตำรวจรับเรื่องไปจัดการต่อ ไม่ว่าผลจะมาเป็นอย่างไร กู้หนิงได้ตัดสินใจแล้วว่าจะแก้แค้นอู่เหลียนฉิน
ตอนนี้ก็ดึกแล้วหลังจากจัดการเรื่องวุ่นวาย กู้หนิงบอกอ้ายกวงเหยาและจางชุนเจี๋ยกลับไปพักผ่อน
รถของอ้ายกวงเหยาถูกตัดสายเบรกแล้ว พวกเขาจึงทิ้งรถไว้ที่ลานจอดรถก่อน รอนำไปซ่อม ทางโรงแรมกาดุนจึงจัดรถไปส่งอ้ายกวงเหยาและจางชุนเจี๋ย
หลังจากที่อ้ายกวงเหยาและจางชุนเจี๋ยกลับไปแล้ว กู้หนิงกลับมานั่งรอในรถในระหว่างที่เลิ่งเชาถิงเดินไปจองห้องพัก แล้วเธอจะตามไปทีหลัง เธอกลัวว่าจะมีคนรู้จักผ่านมาเห็นและนำไปลือให้เธอเกิดความเสียหายได้
ในขณะที่กู้หนิงนั่งรอในรถ เธอก็ค้นหาข้อมูลของอู่เหลียนฉิน เขาเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงในเมือง F และประวัติแนะนำตัวของเขา
ตอนที่ 376 ของขวัญจากเลิ่งเชาถิงและซื่อตู้เย่
กู้หนิงบันทึกรูปและประวัติของอู่เหลียนฉิน ส่งให้เกาอี้ไปตรวจสอบว่าอู่เหลียนฉินคนนี้ได้ทำผิดกฎหมายบ้างหรือไม่ ในฐานะนักฆ่ามืออาชีพ เกาอี้จำเป็นต้องเป็นนักสืบที่ยอดเยี่ยมด้วย ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเกาอี้ในการตรวจสอบอู่เหลียนฉิน
เลิ่งเชาถิงจองห้องพักเรียบร้อยแล้วและบอกเบอร์ห้องกู้หนิง เขาเข้าใจว่าเธอต้องการความเป็นส่วนตัว และเขาก็เคารพเธอในข้อนี้ เมื่อพวกเขาทั้งสองอยู่ในห้อง เลิ่งเชาถิงแทบรอไม่ไหวที่จะเปลื้องผ้ากู้หนิง และใช้เวลาทั้งคืนกับเธอบนเตียง
ตำรวจทั้งสามคนพาคนร้ายกลับไปที่สถานีตำรวจและไปจับกุมเลขาของอู่เหลียนฉินโดยไม่ชักช้า พวกเขายังแจ้งอู่เหลียนฉินว่าเขาจำเป็นต้องมาที่สถานีตำรวจโดยเร็วที่สุด
เนื่องจากแผนการของพวกเขาถูกเปิดเผย เลขาของอู่เหลียนฉินจึงต้องยอมรับ แต่เขาไม่ได้พูดถึงอู่เหลียนฉินเลย เขาแค่อ้างว่าเขาไม่ชอบอ้ายกวงเหยาจึงพยายามฆ่า เลขาปกป้องเจ้านาย เพราะอู่เหลียนฉินขู่จะทำร้ายครอบครัวของเขาหากเขาบอกความจริง
อู่เหลียนฉินโกรธมากเมื่อพบว่าแผนการของพวกเขาถูกเปิดโปง เขาไม่ยอมรับว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องเนื่องจากเลขาของเขาเต็มใจที่จะเป็นแพะรับบาป เนื่องจากอู่เหลียนฉินปฏิเสธ ตำรวจจึงไม่สามารถจับกุมเขาได้ เลขาจึงตกเป็นแพะรับบาป
เมื่ออ้ายกวงเหยาทราบข่าว เขาไม่แปลกใจหรือโกรธ เพราะกู้หนิงบอกเขาว่าเธอมีแผนอื่นจะสั่งสอนอู่เหลียนฉินแล้ว
เกือบห้าทุ่ม กู้หนิงโทรหากู้ม่าน ใช้ข้ออ้างว่าฉู่เพ่ยหานอารมณ์ไม่ดี คืนนี้เธอจึงยังไม่กลับบ้าน กู้ม่านไม่ได้สงสัยอะไร
วันต่อมา กู้หนิงยังอยู่กับเลิ่งเชาถิง มีฝนตกข้างนอก ดังนั้นพวกเธอจึงทานข้าวในโรงแรม
ในขณะเดียวกันเลขาของอู่เฉียนหลินและคนร้ายถูกตัดสินจำคุกสามปีในข้อหาพยายามฆ่า
ที่เมือง G หลิวจื่อคุนและพรรคพวกก็ถูกศาลตัดสินเช่นกัน พรุ่งนี้เป็นวันปีใหม่ หยวนเจิ้งหลินจึงบอกกู้หนิงว่าทรัพย์สินของกลุ่มหงหยุนจะถูกนำขึ้นประมูลหลังปีใหม่ กู้หนิงไม่ได้รีบร้อน ดังนั้นเธอจึงตอบตกลง
เลิ่งเชาถิงยังไม่กลับจนกว่าห้าโมงเย็น
ก่อนที่เขาจะจากไป เลิ่งเชาถิงหยิบกล่องๆหนึ่งออกมาจากท้ายรถของเขา เขาบอกว่ามันเป็นของขวัญปีใหม่สำหรับกู้ม่าน และมีโสมสองชิ้นอยู่ข้างใน นอกจากโสมแล้ว ยังมียาสมุนไพรล้ำค่าอีกมากมายในกล่อง กู้หนิงรับมาด้วยความยินดี
หลังจากนั้นกู้หนิงไปส่งเลิ่งเชาถิงที่สนามบิน
เลิ่งเชาถิงไม่ต้องการรบกวนกู้หนิง แต่เขาต้องการยึดทุกวินาทีที่เขาสามารถอยู่กับเธอได้ ดังนั้นเขาจึงยอมให้กู้หนิงส่งเขาไปที่สนามบิน
เมื่อเลิ่งเชาถิงขึ้นเครื่องบินไปแล้ว เกาอี้ก็โทรหากู้หนิง เขาได้รับหลักฐานการทำความผิดของอู่เหลียนฉินแล้ว อู่เหลียนฉินเป็นนักธุรกิจที่ใจกล้ามากและเขาก็ทะนงตนเกินกว่าจะทำลายหลักฐาน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายมากที่จะตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของเขา
อู่เหลียนฉินผู้ทุจริตได้ลักลอบเข้าครอบครองเงินกว่าสี่สิบล้านหยวนซึ่งเป็นเงินทุนของโครงการก่อสร้าง นำเงินใส่กระเป๋าของเขาเอง และใช้วัสดุก่อสร้างคุณภาพต่ำ เขายังวางแผนธุรกิจกับคู่แข่งของเขาและจงใจทำให้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์
ยกเว้นการทุจริตของเขา ส่วนที่เหลือทั้งหมดทำโดยคนอื่นที่ทำงานให้กับเขา ดังนั้นจึงไม่มีหลักฐานโดยตรงที่จะพิสูจน์ว่าเขามีความผิด อย่างไรก็ตาม การทุจริตเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะตัดสินให้เขาติดคุก
หลักฐานที่มีในมือ กู้หนิงบอก K หาอีเมลของประธานบริษัทเทียนหัวกรุ๊ปและขายความลับสกปรกของอู่เหลียนฉินให้กับเขา เทียนหัวกรุ๊ปเป็นบริษัทแม่ของบริษัทเทียนหัวเรียลเอสเตทที่อู่เหลียนฉินเป็นประธานบริหาร
กู้หนิงไม่ได้ส่งเมลเป็นการส่วนตัวเพราะเธอไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้อง จุดประสงค์ของเธอคือถอนรากถอนโคนอู่เหลียนฉินเท่านั้น
ประธานบริษัทเทียนหัวกรุ๊ปโกรธจัดทันทีที่อ่านอีเมล เขารีบสั่งคนไปตรวจสอบดูทันที
กู้หนิงทานข้าวเย็นกับเกาอี้และเฉียวหยา เธอยังไม่ได้กลับบ้าน ดังนั้นจึงเอาของขวัญที่ได้จากเลิ่งเชาถิงเก็บไว้ในห้องเก็บของกระแสจิต ระหว่างทานข้าว ฉู่ซวนเฟิงก็โทรมา เขาถามว่าเธออยู่ที่ไหน อยากจะพบเธอเป็นการส่วนตัว กู้หนิงสัมผัสได้ว่าคงเป็นเรื่องเกี่ยวกับซื่อตู้เย่ เธอตอบตกลงที่จะไปเจอเขา
ฉู่ซวนเฟิงมาคนเดียวพร้อมกับกล่องของขวัญ เขาบอกว่าซื่อตู้เย่ฝากของขวัญปีใหม่มาให้เธอ
กู้หนิงประหลาดใจ แต่ก็สามารถคาดเดาได้ เธอไม่ยอมรับในทันที ใช้ตาทิพย์ดูว่ามีอะไรอยู่ข้างใน ถ้าราคาแพงเกินไป เธอก็จะปฏิเสธ
ไม่ต้องสงสัย ของที่อยู่ข้างในราคาแพงจริงๆ เมดูซ่า 85′ สองขวดจากโรงผลิตไวน์คอนติในกรุงโรม ซึ่งมีมูลค่าอย่างน้อยหนึ่งแสนเก้าหมื่นหยวน! และยังมียาสมุนไพรล้ำค่าอีกมากมาย กู้หนิงลังเลเพราะมันเป็นของขวัญจากซื่อตู้เย่ ไม่ใช่เลิ่งเชาถิง
“ฉันคิดว่าฉันไม่ควรรับของขวัญนี้” กู้หนิงเอ่ย แม้ว่าของราคาเท่านี้จะไม่ได้ทำให้ขนหน้าแข้งของซื่อตู้เย่ร่วง แต่มันแพงมากจริงๆ
ฉู่ซวนเฟิงเอ่ยขอร้องเธอ “ได้โปรดรับมันไว้เถอะ ไม่อย่างนั้นฉันมีปัญหาใหญ่แน่”
กู้หนิงไม่รู้ว่าฉู่ซวนเฟิงจริงจังหรือไม่ แต่เธอไม่ต้องการให้เขาเดือดร้อน หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง กู้หนิงก็รับกล่องของขวัญมา ช่างมันเถอะ ยังไงเธอก็เคยได้รับของขวัญราคาแพงกว่านี้จากซื่อตู้เย่มาแล้ว
“เอาล่ะค่ะ ฉันรับ ฉันจะโทรไปขอบคุณเขาเองค่ะ” กู้หนิงถอนหายใจ
เมื่อเห็นกู้หนิงรับกล่องไปแล้ว ฉู่ซวนเฟิงก็โล่งอก อันที่จริงเขาไม่ได้โกหก ถ้าเขาส่งของขวัญให้กู้หนิงไม่ได้ ปีใหม่ของเขาคงไม่สงบสุขแน่
กู้หนิงโทรหาซื่อตู้เย่หลังจากทีฉู่ซวนเฟิงกลับไปแล้ว
“สวัสดี เป็นไงบ้าง?” ซื่อตู้เย่เอ่ยทักทันทีที่กดรับสาย
“ดีค่ะ ฉันเพิ่งได้ของขวัญปีใหม่จากคุณ มันแพงมากเลยนะคะ” กู้หนิงเอ่ย
“ทำไมคุณไม่เลี้ยงข้าวผมเป็นคำขอบคุณตอนที่คุณมาที่เมือง G ล่ะ?” ซื่อตู้เย่เอ่ย เขาสร้างโอกาสนี้เพื่อจะได้พบกู้หนิงตามลำพัง
“ได้สิคะ” กู้หนิงตอบ ในเมื่อเธอรับของขวัญของเขามาแล้ว เลี้ยงข้าวเขาคือเป็นการตอบแทนก็สมเหตุสมผล
จากนั้นทั้งคู่ก็กล่าวคำสุขสันต์วันปีใหม่ก่อนจะวางสาย