ตอนที่ 373 อย่าบังคับให้ฉันต้องฆ่าคุณ
“แก...” สิ่งที่กู้หนิงพูดเหมือนตบหน้าหญิงชราฉาดใหญ่ หญิงราอับอายแต่ไม่ยอมแพ้ “เจียงซู่ไม่มีพ่อแม่ และเขาควรนับถือว่าฉันเป็นแม่ของเขา ของๆเขาก็คือของๆฉันด้วยเหมือนกัน!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจียงซู่และคนอื่น ๆ ต่างก็ตกใจและขบขันกับความโง่เขลาและความไร้ยางอายของหญิงชรา กู้หนิงตะคอกใส่เธอว่า "ฉันไม่เคยเห็นคนไร้ยางอายเช่นคุณมาก่อน! คุณคิดว่าคุณเป็นใคร?"
ถูกกู้หนิงพูดให้อับอาย หญิงชราก็ลืมเหตุผลทั้งหมด “แล้วแกล่ะคิดว่าตัวเองเป็นใคร? แกมันก็แค่นังเด็กนอกคอก ไม่มีพ่อ!”
‘ปัง!’ กู้หนิงตบโต๊ะเสียงดัง ทุกคนที่อยู่รอบโต๊ะตกใจกลัว กู้หนิงจ้องตาหญิงชราและถามเสียงเย็นว่า “จำได้ไหมว่าครั้งก่อนฉันเตือนคุณว่ายังไง?” น้ำเสียงของกู้หนิงแฝงความข่มขู่
หญิงชราตื่นตกใจกลัว ได้แต่ทำปากพะงาบๆ
งานรวมญาติวันนี้ถูกทำลายลงเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่หญิงชราพูดทำให้กู้หนิงไม่พอใจ กู้ฉินเซียงกำลังจะเอ่ยปากห้ามมารดา กู้ฉินหยางก็ตำหนินางว่า “แม่ แม่พูดแบบนี้กับหนิงหนิงได้ยังไง! ถึงอย่างไรหนิงหนิงก็เป็นหลานของแม่นะ!”
กู้ชิงบอกกู้ฉินหยางว่าพวกเธอมางานวันนี้เพราะเห็นแก่เขา ถ้าครอบครัวของกู้ฉินเซียงพูดจาไม่ดีกับพวกเธอ พวกเธอก็จะไม่ทน กู้ฉินหยางทำหน้าอิหลักอิเหลื่อ เขาไม่อยากมีเรื่องกับทั้งสองฝ่าย
“ก็มัน...” หญิงชราขยับปากจะเถียง เธอลืมสิ่งที่กู้ฉินเซียงบอกไม่ให้เรียกกู้หนิงว่าลูกไม่มีพ่อจนหมดสิ้น
“พอได้แล้ว!” กู้ม่านพูดทีกขึ้นมาก่อนที่มารดาจะพ่นคำน่าอับอายออกมาอีก กู้ม่านทนกับความสัมพันธ์แย่ๆกับมารดามากพอแล้ว “พวกเรามาวันนี้เพราะพี่ฉินหยาง ถ้าพวกแม่ไม่ชอบพวกเรา ก็ไปจากที่นี่ได้เลยตอนนี้!” ครั้งนี้กู้ม่านโกรธจริงๆ และไม่มีใครกล้ามองข้ามเธอ
“อะไรนะ? แกกล้าพูดกับฉันแบบนี้ได้ยังไงกัน นังลูกไม่รักดี!” หญิงชราไม่อยากเชื่อหูตัวเอง ทุกคนที่อยู่รอบโต๊ะก็แปลกใจไปตามๆกัน รวมถึงกู้หนิง อย่างไรก็ตาม กู้หนิงชอบที่เห็นแม่เป็นแบบนี้มากกว่า แข่งแกร่งไม่ยอมใคร
“กู้ม่าน แกพูดแบบนั้นกับแม่ได้ยังไง!” กู้ฉินเซียงตำหนิน้องสาว เขารู้ว่ามารดาไม่มีเหตุผล แต่ยอมรับไม่ได้ที่กู้ม่านออกปากไล่พวกเขาออกไป
“ทำไมฉันจะพูดไม่ได้? ฉันติดหนี้อะไรพวกพี่เหรอ? พี่กับแม่ไม่มีสิทธิ์ตัดสินพวกเราเหมือนกัน!” กู้หนิงพูดเสียงดัง
“กู้ม่าน!” กู้ฉินเซียงไม่รู้จะโต้เถียงอย่างไร เพราะกู้ม่านพูดถูก
กู้ชิงพูดเสริมขึ้นว่า “ตอนที่ม่านกับฉันยากจน พวกพี่ก็ไม่เคยให้เกียรติพวกเราและพูดจาแดกดันพวกเราตลอด ช่างเถอะ ถึงยังไงพวกเราก็ไม่สนใจอยู่แล้ว สิ่งที่พวกเราต้องการคือใช้ชีวิตของพวกเรา ใช่ ตอนนี้พวกเรารวยแล้ว และพวกพี่กับแม่อยากได้เงินและความช่วยเหลือจากพวกเรางั้นรึ? ฉันพูดจริงๆนะ พวกพี่กับแม่คิดว่าตัวเองเป็นใคร?”
“กู้ชิง แกกล้าดียังไง!” หญิงชราโกรธจนตัวสั่น แต่ยังคงเชื่อมันว่าตนเองถูก “พวกแกต่างหากที่จะต้องไสหัวไป!” หญิงชราตะโกนด้วยความเกรี้ยวกราด แล้วเขวี้ยงแก้วน้ำใส่กู้ม่าน
“แม่!” ทุกคนตกใจ แต่สายไปแล้วที่จะยับยั้งการกระทำของหญิงชรา
ในขณะที่ทุกคนกำลังตระหนกตกใจ กู้หนิงก็ยื่นมือออกไปคว้าแก้วเปล่ากลางอากาศ
ฉากนี้ทำทุกคนตะลึงไปตามๆกัน เป็นไปได้อย่างไร? กู้หนิงเคลื่อนไหวรวดเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร? ทุกคนมีคำถามเดียวกันในใจ
กู้หนิงส่งสายตาคมกริบไปยังหญิงชรา และด้วยพลังของเธอ ดูเหมือนว่าอากาศในห้องค่อยๆเย็นขึ้นจนหนาว หญิงชราตัวสั่นด้วยความกลัวและความหนาวเย็น เธอหายใจไม่ออกและเกือบหัวใจวาย
แม้ว่ากู้หนิงจะเกลียดหญิงชรามาก แต่เธอจะไม่ฆ่าหญิงชรา “อย่าบังคับให้ฉันต้องฆ่าคุณ!” กู้หนิงพูดกัดฟัน สิ้นเสียง แก้วน้ำในมือก็แตกละเอียดคามือกู้หนิง
ทุกคนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ มองกู้หนิงด้วยความสยองขวัญ ปะ เป็น ไปได้อย่างไร?
“หนิงหนิง!” กู้ม่านหวาดเสียว รีบตรวจดูมือของลูกสาวทันที เมื่อเห็นว่ามือของกู้หนิงปลอดภัยดี กู้ม่านก็โล่งอก
“ลุงฉินหยาง หนูว่าวันนี้มีเรื่องบันเทิงมากพอแล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะไปหรือลุงจะไปกับพวกเขาหรือไม่ก็ตาม พวกเราจะนั่งทานข้าวที่นี่จนกว่าจะอิ่ม” กู้หนิงพูดด้วยน้ำเสียงเดายาก
ไม่ใช่กู้หนิงที่ต้อนกู้ฉินหยางจนมุม เพราะพวกเธอตกลงกันก่อนหน้านี้แล้ว
เมื่อได้เห็นสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น กู้ฉินเซียงก็ไม่อยากเสี่ยงชีวิต แม้ว่ากู้หนิงจะไม่พูดไล่เขาออกไปตรงๆ เขาก็ไม่เต็มใจที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไปเช่นกัน เขาพูดกับหลินหลี่หยวนว่า “ไปกันเถอะ”
ภายในไม่กี่วินาที ครอบครัวกู้ฉินเซียงก็ต้องสลายตัว กู้ฉิงหยุนที่อ้างว่าจะสั่งสอนกู้หนิงก็รีบเผ่นหนีแทบไม่ทัน
ครอบครัวกู้ฉินหยางยังอยู่ แต่หมดความอยากอาหาร พวกเขาระมัดระวังตัว เผื่อว่ากู้หนิงจะโมโหไล่พวกเขาไปอีกคน กู้หนิงและครอบครัวของเธอทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยราวกับว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
ที่ผ่านมา กู้ฉินหยางเคยอยู่เหนือกู้ชิงและกู้ม่าน แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้วอย่างสิ้นเชิง เขารู้สึกยำเกรงกู้ชิงและกู้ม่านหลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ พวกเขาก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ครอบครัวของกู้ฉินหยางรู้สึกราวกับได้ออกจากคุกหลังจากที่ออกมาจากร้านอาหาร
“กู้ชิงกับกู้ม่านเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ” เว่ยอูหลานถอนหายใจด้วยความอิจฉา กระนั้นก็รู้สึกโชคดีที่ไม่มีความแค้นระหว่างกัน
ในความเป็นจริง ครอบครัวของกู้ฉินหยางมักจะดูถูกกู้ชิงและกู้ม่านเพราะพวกเธอมีรายได้น้อย แต่ตอนนี้กู้ชิงและกู้ม่านต่างก็รวยกว่าพวกเขามาก แม้ว่ากู้ฉินหยางจะมีงานทำที่มั่นคง แต่เขาไม่มีอำนาจเลย และเงินเดือนของเขาแทบจะไม่เพียงพอที่จะยกระดับการครองชีพของครอบครัวได้
ตอนที่ 374 เลิ่งเชาถิงกลับมาแล้ว
หญิงชราล้มลง ตัวสั่น และมีไข้เมื่อกลับถึงบ้าน กู้ฉินเซียงพาแม่ไปที่โรงพยาบาลและโทรเรียกกู้ฉินหยาง ครอบครัวของกู้ฉินเซียงไปเยี่ยมหญิงชราทันที แม้ว่าวันรวมญาติของครอบครัวจะจบลงได้ไม่ดีในวันนี้ แต่หญิงชราก็คือแม่ของกู้ชิงและกู้ม่าน ดังนั้นกู้ฉินเซียงยังคงโทรหาพวกเธอและบอกว่าแม่ไม่สบายต้องเข้าโรงพยาบาล
กู้ม่านและกู้ชิงไม่ได้รู้สึกเสียใจหรือตื่นตระหนกแต่อย่างใด เพราะพวกเธอยอมแพ้สิ่งที่เรียกว่าครอบครัวกับผู้เป็นมารดาไปแล้ว ถึงอย่างไรพวกเธอก็ยังคงไปเยี่ยมแม่ของพวกเธอ
กู้หนิงไม่อยากเห็นหน้าหญิงชราอีก แต่อดเป็นห่วงแม่ไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงไปโรงพยาบาลด้วย กู้หนิงไม่ได้เดินเข้าไปข้างในโรงพยาบาล เธอรออยู่ข้างนอก
หญิงชราไม่รู้สึกตัวเมื่อถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาล และเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ กู้ฉินเซียงไม่ได้กล่าวโทษน้องสาวทั้งสองคน บรรยากาศในห้องผู้ป่วยจึงเป็นไปอย่างสมานฉันท์
ในขณะที่กู้หนิงรออยู่ที่ด้านนอก เลิ่งเชาถิงก็โทรมา
“หนิงหนิง ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?” เลิ่งเชาถิงถาม
“ฉันอยู่ที่โรงพยาบาลค่ะ” กู้หนิงตอบ
“เกิดอะไรขึ้น? ไม่สบายหรือ?” เลิ่งเชาถิงถามเสียงเครียด
“เปล่าค่ะ ไม่ใช่ฉัน ญาติน่ะ” กู้หนิงอธิบาย
“อ้อ” เลิ่งเชาถิงเดาว่าคงไม่ใช่ญาติสำคัญจากน้ำเสียงของกู้หนิง
“คุณจะกลับตอนไหน?” เลิ่งเชาถิงถามอีกครั้ง
“สักพัก คิดว่านะ” กู้หนิงเอ่ย เธอไม่คิดอะไรมากว่าทำไมเลิ่งเชาถิงถึงถามเธอแบบนั้น
กู้ชิงและกู้ม่านอยู่ที่โรงพยาบาลไม่นาน พวกเขาพากันกลับไปที่เฟิงหัวแมนชั่น เลิ่งเชาถิงโทรมาอีกครั้ง กู้หนิงไม่ได้รับเพราะกู้ม่านยังอยู่ตรงนี้ เธอกดตัดสายแล้วส่งข้อความหาเขาแทน
เลิ่งเชาถิงส่งข้อความกลับมาว่า “ผมรออยู่ที่ด้านนอกเฟิ่งหัวแมนชั่น รถสีดำ”
ขณะที่อ่านข้อความ มือของกู้หนิงสั่นเบาๆ เธอดีใจจนระงับความตื่นเต้นไว้ไม่อยู่ เลิ่งเชาถิงกลับมาที่เมือง F แล้ว
“แม่คะ เพ่ยหานชวนหนูไปร้องคาราโอเกะ หนูขอตัวออกไปข้างนอกแปบนะคะ” กู้หนิงโกหก
“อย่ากลับดึกล่ะ” กู้ม่านรู้จักฉู่เพ่ยหาน ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ห้ามอะไร และตอนนี้ก็ยังไม่ดึกมาก
จากนั้นก็กู้หนิงก็วิ่งออกไปยังประตูทางเข้าเฟิ่งหัวแมนชั่น
เธอเห็นรถสีดำจอดอยู่ด้านหน้า เธอรู้ว่าเลิ่งเชาถิงนั่งอยู่ข้างใน
เลิ่งเชาถิงลงจากรถอย่างไม่รอช้าเมื่อกู้หนิงเดินเข้ามาใกล้ เขาเห็นเธอแล้วก่อนหน้านี้ แต่ต้องระงับความปรารถนาที่จะเข้าไปกอดเธอ เพราะครอบครัวของเธอยังไม่จากไป เมื่อเห็นกู้หนิงก้าวเข้ามาหา เลิ่งเชาถิงรู้สึกตื่นเต้นและแทบรอไม่ไหวที่จะกอดเธอไว้ในอ้อมแขน แต่เขายังคงควบคุมตัวเองไม่ให้ทำเช่นนั้น เพราะมีผู้คนมากมายเดินผ่านไปมา เลิ่งเชาถิงเปิดประตูรถให้กู้หนิงอย่างเงียบๆ แต่ทว่าในดวงตามีความปรารถนาอันแรงกล้า
กู้หนิงก็รู้สึกไม่ต่างกัน
เมื่อกู้หนิงเข้ามานั่งในรถ เลิ่งเชาถิงก็ปิดประตูและเดินไปนั่งตรงฝั่งคนขับ เขากุมมือกู้หนิงไว้ และมองเธอด้วยความหลงใหล
“พวกเราจะไปไหนกันคะ?” กู้หนิงถาม
“ไม่รู้สิ” เลิ่งเชาถิงตอบ
“งั้นคุยกันในรถ?” กู้หนิงถาม
เลิ่งเชาถิงขมวดคิ้ว นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ
“งั้นพวกเราจะทำอะไรกันดีล่ะคะ?” กู้หนิงถาม “อืม คืนนี้ผมพักที่โรงแรม” เลิ่งเชาถิงเอ่ย เขากำลังสื่อถึงอะไรบางอย่าง กู้หนิงหน้าแดงและหันหน้าไปทางอื่น “งั้นไปที่นั่นแล้ว!”
กู้หนิงอนุญาตแล้ว ดวงตาของเลิ่งเชาถิงก็วาววับด้วยความพอใจ เขาขับรถมุ่งไปที่โรงแรมทันที
เพื่อระงับความอาย กู้หนิงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “คุณทำงานเสร็จแล้วหรอคะ?”
“ใช่” เลิ่งเชาถิงตอบ
“คุณจะกลับบ้านเมื่อไหร่คะ?”
“พรุ่งนี้บ่าย” เลิ่งเชาถิงตอบ
ระหว่างการพูดคุยเล็กๆ ก็มีภาพปรากฏขึ้นในหัวของกู้หนิง เธอเห็นว่ามีเงาดำแอบมาที่รถและงัดประตูรถก่อนจะตัดสายเบรก กู้หนิงจำได้ว่าเป็นรถของอ้ายกวงเหยา เธอไม่ได้เพ่งดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อ แต่ต้องอันตรายมากแน่หากเบรกรถใช้งานไม่ได้
กู้หนิงโทรหาอ้ายกวงเหยาทันที
อ้ายกวงเหยากดรับสาย เขายังไม่ได้เอ่ยทัก กู้หนิงก็รีบพูดว่า “ลุงอ้าย ตอนนี้ลุงอยู่ที่ไหนคะ?”
“ผมอยู่ที่โรงแรมกาดุน งานเลี้ยงเพิ่งเลิก กำลังจะกลับบ้าน มีอะไรรึเปล่า?”
“หนูมีเรื่องจะปรึกษา อย่าเพิ่งกลับนะคะ รอหนูอยู่ที่โรงแรม” กู้หนิงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ได้ครับ” อ้ายกวงเหยาตอบ
ตอนที่เลิ่งเชาถิงได้ยินว่ากู้หนิงกำลังจะไปพบอ้ายกวงเหยา ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เขาเข้าใจว่ามันต้องเป็นเรื่องฉุกเฉิน อย่างไรก็ตาม คืนนี้พวกเขาจะค้างคืนด้วยกันอยู่แล้ว ถึงจะเปลี่ยนสถานที่เขาก็ไม่ว่าอะไร
กู้หนิงรู้ว่ามันแปลกๆที่เปลี่ยนแผนกะทันกัน เธอจึงอธิบายว่า “เอ่อ ลุงอ้ายอยู่ที่งานเลี้ยง ฉันสังหรณ์ใจว่าจะมีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้น ดังนั้นฉันจะต้องไปหยุดมัน ขอโทษนะคะถ้ามันฟังดูแปลกๆ"
ก็ฟังดูแปลกจริงๆนั่นแหละ แต่เลิ่งเชาถิงเลือกเชื่อกู้หนิงมากกว่าตั้งคำถามเธอ
ที่ลานจอดรถ ดวงตาคู่หนึ่งจ้องไปที่อ้ายกวงเหยาจากในรถที่อยู่ห่างจากอ้ายกวงเหยาเพียง 10 เมตร เมื่อเห็นว่าอ้ายกวงเหยารับโทรศัพท์ และกลับเข้าไปในโรงแรมอีกครั้ง ชายคนนั้นคิดว่าอ้ายกวงเหยาคงมีอย่างอื่นที่จะต้องจัดการ ดังนั้นเขาจึงรออยู่ในรถ
เลิ่งเชาถิงขับรถเร็ว ไม่นานพวกเขาก็มาถึงโรงแรมกาดุน
เมื่อกู้หนิงเดินลงไป เธอก็โทรหาอ้ายกวงเหยา อ้ายกวงเหยาบอกว่าเขารออยู่ที่ห้องดื่มชา กู้หนิงและเลิ่งเชาถิงรีบเดินไปพบเขา อ้ายกวงเหยาและจางชุนเจี๋ยรออยู่ที่ห้องดื่มชาเมื่อพวกเขาเดินมาถึง
“สวัสดีครับบอส คุณเลิ่ง!” อ้ายกวงเหยาและจางชุนเจี๋ยทักทายกู้หนิงและเลิ่งเชาถิง
กู้หนิงและเลิ่งเชาถิงนั่งลง จางชุนเจี๋ยรินน้ำชาให้พวกเขา “งานเลี้ยงเป็นไงบ้างคะ?” กู้หนิงเอ่ยถาม
“ก็ไม่แย่ พวกเราเพิ่งมีเรื่องกับอู๋เหลียนฉิน” อ้ายกวงเหยาตอบ
“ทำไมคะ?” กู้หนิงถาม