Your Wishlist

กำเนิดใหม่สาวนักเรียนเซียนธุรกิจ (ตอนที่ 319-320: ของขวัญ, ประมูล I)

Author: BuaElla แปล

เธอเปรียบดั่งหุ่นเชิดของตระกูล เป็นสายลับและนักฆ่า เธอถูกหักหลังและตกลงไปในทะเล เมื่อเธอลืมตาขึ้นมา เธอกลายเป็นเด็กสาวมัธยมธรรมดาๆ เนื่องจากเกิดมาไม่มีพ่อ เธอจึงถูกญาติของเธอถากถางมาตั้งแต่เด็กจนโต และถูกรังแกจากเพื่อนร่วมชั้นเรียน แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่คนขี้ขลาดตาขาวอีกแล้ว ใครกล้าทำร้ายเธอ เธอจะหักกระดูกพวกมัน !

จำนวนตอน : ยังไม่จบ

ตอนที่ 319-320: ของขวัญ, ประมูล I

  • 07/06/2564

ตอนที่ 319 ของขวัญ

 

มีรอยยิ้มภูมิใจปรากฏที่มุมปากเลิ่งเชาถิงเมื่อคุณปู่ของเขาเอ่ยชมแฟนสาวของตน นายท่านเลิ่งตะลึงอีกครั้งที่เห็นรอยยิ้มหลานชาย นายท่านเลิ่งรู้แล้วว่าหลานชายของเขาคงพบกับรักแท้ของตัวเองแล้ว แบบนี้ยิ่งทำให้อยากรู้มากขึ้นว่าหญิงสาวผู้โชคดีคนนั้นเป็นใคร ในขณะเดียวกันเขาก็ต้องยอมรับว่าเธอใจป้ำมากที่ส่งของขวัญที่ประเมินค่าไม่ได้นี้ให้เขา

 

กู้หนิงคิดว่าหลัวเฉินฝูราคาอย่างน้อยแปดล้านหยวนหรือสิบล้านหยวนเป็นอย่างมาก แต่อันที่จริงแล้วมันมีมูลค่าถึงสามสิบล้านหยวนเป็นอย่างต่ำ ถ้านำมาประมูลราคาอาจสูงถึงห้าสิบล้านหยวนเลยก็ว่าได้

 

นายท่านเลิ่งลังเล “แต่ยังไงของขวัญชิ้นนี้ก็ราคาสูงเกินไปจริงๆ”

 

เขาไม่คิดว่ากู้หนิงพยายามทำให้เขาชอบเขาด้วยการส่งของขวัญล้ำค่า แต่เขาเชื่อว่าเธอจะต้องเป็นผู้หญิงที่ฉลาดจากครอบครัวที่ร่ำรวย อย่างไรก็ตาม ของขวัญนั้นแพงเกินไปจริงๆ และเขารู้สึกไม่สบายใจที่จะรับมัน

 

“มีของขวัญราคาสูงกว่าชิ้นนี้ให้คุณปู่อีกครับ” เลิ่งเชาถิงเอ่ย จากนั้นก็วางของขวัญอีกชิ้นบนโต๊ะ

 

นายท่านเลิ่งประหลาดใจ ยังมีของขวัญแพงกว่านี้อีกหรือ?

 

"มันคืออะไร?" นายท่านเลิ่งถามและเอื้อมมือไปเปิดดู เลิ่งเชาถิงไม่ได้ตอบคำถามของเขา แต่ปล่อยให้เขาดูด้วยตัวเอง นายท่านเลิ่งเปิดกล่องไม้และหยกสีเขียวเข้มชิ้นหนึ่งก็ปรากฏสู่สายตา เขาเบิกตาโตด้วยความตกใจ “นี่ นี่…” เขาประหลาดใจเกินกว่าจะพูดอะไรออกมาได้ แม้ว่าเขาจะมีคำตอบอยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่แน่ใจ นายท่านเลิ่งหยิบหยกออกมาดูใกล้ๆ “นี่คือหยกจักรพรรดิ! แกได้มันมายังไง?”

 

“หนิงหนิงเป็นคนตัดมันได้ที่ถนนพนันหินวันนี้ครับ” เลิ่งเชาถิงเอ่ย

 

“อะไรนะ?” นายท่านเลิ่งยิ่งกว่าตกใจ แน่นอนว่าเขาย่อมทราบข่าวว่ามีเด็กสาวตัดหยกจักรพรรดิได้ที่มีมูลค่ากว่าหนึ่งร้อยล้านหยวนที่ถนนพนันหินเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว คาดไม่ถึงว่าเด็กสาวคนนั้นจะเป็นแฟนของหลานชายของเขา

 

หยกจักรพรรดิมีมูลค่ากว่าร้อยล้านหยวนหรือมากกว่านั้น นายท่านเลิ่งไม่สามารถบรรยายความรู้สึกของเขาได้ในขณะนี้

 

“เชาถิง แฟนของหลานช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ! เธอสามารถเลือกของเก่าและตัดหยกคุณภาพสูงออกมาได้” นายท่านเลิ่งคิดว่าเลิ่งเชาถิงเพียงแค่เลือกเด็กสาวที่สวยคนหนึ่ง แต่ที่ทำให้เขาแปลกใจคือ เด็กสาวคนนี้มีความสามารถจริงๆ

 

“ยังมีเรื่องให้ปู่ทึ่งอีกเยอะ” เลิ่งเชาถิงตอบ

 

“แต่ยังไงก็แพงเกินไป” นายท่านเลิ่งไม่สบายใจ หยกจักรพรรดิมูลค่ากว่าร้อยล้านหยวน ใช่อยู่ว่าไม่ได้มากมายสำหรับตระกูลเลิ่ง แต่ก็ยังแพงเกินไปสำหรับเป็นของขวัญ ตระกูลเลิ่งเองก็ยังไม่เคยมอบของขวัญราคาสูงเช่นนี้ให้คนอื่น กู้หนิงเป็นเพียงแฟนของเลิ่งเชาถิง พวกเขายังไม่ได้แต่งงานกัน ดังนั้นนายท่านเลิ่งจึงไม่ใช่ครอบครัวของกู้หนิงในตอนนี้ แต่เธอเต็มใจมอบของขวัญที่ทั้งแพงและหายากให้เขา นายท่านเลิ่งนึกแปลกใจกับความใจกว้างของเธอ

 

“อย่ากังวลไปเลยครับ สำหรับเธอไม่ใช่เรื่องยากที่จะตัดหยกจักรพรรดิ และเธอไม่รับของที่ให้ไปแล้วคืน” เลิ่งเชาถิงเอ่ย แม้ว่าเขาจะคิดแบบเดียวกับคุณปู่ ไหนๆเลิ่งเชาถิงก็พูดแล้ว ดังนั้นนายท่านเลิ่งจึงยอมรับของขวัญ

 

“งั้นปู่จะส่งของขวัญกลับไปให้เธอ!” นายท่านเลิ่งกล่าวและกำลังจะหาบางอย่างให้กู้หนิง แต่ถูกเลิ่งเชาถิงหยุดไว้ “ไม่ต้องหรอกครับ ผมไม่ได้บอกเธอว่าปู่รู้แล้วว่าผมมีแฟนเพราะเธอต้องการเก็บเป็นความลับไว้ก่อน เธอบอกให้ผมส่งของขวัญสองชิ้นนี้ให้คุณปู่ในนามของผม แต่ผมไม่ต้องการให้ความมีน้ำใจของเธอเสียไปเปล่าประโยชน์ ดังนั้นผมจึงบอกความจริงกับคุณปู่” เลิ่งเชาถิงกล่าว

 

“อะไรนะ?” ได้ยินเช่นนั้นนายท่านเลิ่งก็ตกใจ ใครจะคิดว่ากู้หนิงมีความตั้งใจไม่ให้เขารู้ว่าของขวัญนี้มาจากเธอ นายท่านเลิ่งเชื่อว่าหลานชายคงไม่โกหก

 

เลิ่งเชาถิงไม่ได้อยู่นาน เขากลับออกไปทันทีหลังจากมอบขวัญ ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้คิดว่าบ้านนี้เป็นบ้านของเขา นายท่านเลิ่งคิดว่าเขาคงอยากรีบกลับไปหาคนรัก สมาชิกคนอื่นในตระกูลเลิ่งคิดว่าเขาคงยุ่งกับธุรกิจและงานทหารของเขา

 

เลิ่งเชาถิงไม่ต้องการให้คนอื่นในตระกูลรู้ว่าเขามีแฟน ดังนั้นนายท่านเลิ่งจึงสัญญาว่าจะเก็บเป็นความลับ นายท่านเลิ่งอยากรู้จักกู้หนิงให้มากกว่านี้แต่เลิ่งเชาถิงไม่อนุญาตให้เขาตรวจสอบเธอ ดังนั้นเขาจึงล้มเลิกความคิด

 

อย่างไรก็ตามเลิ่งเชาถิงปฏิเสธที่จะบอกชื่อเต็มของหญิงสาวคนนี้ซึ่งทำให้นายท่านเลิ่งสับสน แต่ถ้าเลิ่งเชาถิงไม่ต้องการบอก แม้แต่นายท่านเลิ่งที่เป็นปู่ก็ไม่สามารถบังคับให้เขาพูดได้

 

หลังจากที่เลิ่งเชาถิงกลับไปแล้ว นายท่านเลิ่งก็โทรหาใครบางคน “สวัสดี ตาแก่เจียง! ฉันเพิ่งได้หลัวเฉินฝูของจ้าวเหมิงฝู ทำไมนายไม่ลองมาดูพรุ่งนี้ล่ะ?”

 

ชื่อเต็มของนายท่านเจียงคือเจียงจงหยู เพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของนายท่านเลิ่ง และเขาเป็นหัวหน้าสมาคมของโบราณแห่งชาติ แม้ว่าตอนนี้จะเกษียณแล้ว เขาก็ยังมีอิทธิพลในวงการของเก่า เมื่อได้ยินเช่นนั้นเจียงจงหยูก็ตื่นเต้น “อะไรนะ? หลัวเฉินฝู? จริงหรือ? ตาแก่นี่นิสัยไม่ดีๆจริงๆ โทรมาหาฉันตอนนี้แต่บอกให้ฉันไปหาพรุ่งนี้! แล้วคืนนี้ฉันจะนอนหลับยังไง! ไม่ล่ะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้และนายต้องอยู่รอฉัน!”

 

แน่นอนว่าเจียงจงหยูไม่สามารถรอจนถึงพรุ่งนี้ได้ เขาเดินออกจากห้องอย่างรวดเร็วและตะโกนขึ้นชั้นบน “เจียงรุ่ยหนิง ออกบ้านเดี๋ยวนี้!” เจียงจงหยูอายุ 70 ​​ปีแล้ว แต่ออกกำลังกายตลอด ดังนั้นเขาจึงยังแข็งแรงอยู่ ภายในไม่กี่วินาที ชายหนุ่มรูปงามอายุประมาณ 20 ปีก็ปรากฏตัวขึ้นที่บันไดโดยมองลงมาข้างล่าง “คุณปู่ มีอะไรหรือเปล่าครับ?”

 

เจียงจงหยูสังเกตว่าเจียงรุ่ยหนิงยังอยู่ในชุดนอน “เปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้ แล้วพาปู่ไปที่บ้านตระกูลเลิ่ง”

 

“ตอนนี้มันดึกแล้วนะครับ ปู่จะไปบ้านตระกูลเลิ่งทำไม?” เจียงรุ่ยหนิงเอ่ยถาม

 

“หยุดถามสักทีนา แกมีเวลาแค่สองนาทีเท่านั้น!” เจียงจงหยูสั่ง เจียงรุ่ยหนิงเดินกลับไปที่ห้องของเขาเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า หนึ่งนาทีต่อมาเขาก็เดินออกมา

 

โชคดีที่บ้านตระกูลเจียงอยู่ห่างจากบ้านตระกูลเลิ่งไปสองช่วงถนน ไม่กี่นาทีเจียงจงหยูก็มาถึง

เลิ่งฉางจื่อกำลังรอนายท่านเจียงอยู่ที่ประตู เมื่อเจียงจงหยูมาถึง พวกเขาก็พากันไปที่ห้องหนังสือนายท่านเลิ่ง เจียงรุ่ยหนิงต้องยอมรับว่าคุณปู่ของเขาเป็นคนคลั่งของโบราณมากทีเดียว! ท่านมาที่นี่โดยไม่ลังเลเลยสักนิด เจียงรุ่ยหนิงจำต้องเดินตามคุณปู่เข้าไป

 

ภายในห้องนั่งเล่นมีเพียงเลิ่งเชาซุน เมื่อเห็นเจียงจงหยู เลิ่งเชาซุนก็ลุกขึ้นทักทายด้วยความเคารพแต่ถูกเมิน เลิ่งเชาซุนคุ้นชินเสียแล้วเพราะเขารู้ว่าเจียงจงหยูมาที่นี่ทำไม

 

เจียงรุ่ยหนิงไม่มีความสนใจในวัตถุโบราณ ดังนั้นเขาจึงนั่งในห้องนั่งเล่นดูทีวีกับเลิ่งเชาซุน “ปีใหม่ใกล้เข้ามาแล้ว พี่เชาถิงจะกลับมาบ้านไหม?” เจียงรุ่ยหนิงเองก็ชื่นชมเลิ่งเชาถิงไม่น้อยไปกว่าเลิ่งเชาซุน และถูกฝึกโดยเลิ่งเชาถิงพร้อมๆกับเลิ่งเชาซุน แม้ว่าเขาจะเทียบไม่ได้กับเลิ่งเชาซุนแต่ก็ไม่ถือกับยากเกินไปในการจัดการผู้ชายหลายคนด้วยตัวคนเดียว

 

“พี่เชาถิงกลับมาได้สองวันแล้ว แต่อยู่ที่นี่แค่ไม่กี่นาที ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมพี่เขาถึงยุ่งนัก ฉันว่าบางทีเขาอาจจะกลับมาช่วงเทศกาลมั้ง” เลิ่งเชาซุนไม่แน่ใจเพราะทุกปีเลิ่งเชาถิงไม่ได้อยู่ฉลองเทศกาลปีใหม่กับที่บ้านเลย

 

ภายในห้องหนังสือ เจียงจงหยูถามนายท่านเลิ่งด้วยความตื่นเต้นว่า “หลัวเฉินฝูอยู่ไหน? ขอฉันดูหน่อยสิ!” พูดจบ เจียงจงหยูก็ก้าวเท้าตรงไปที่โต๊ะเขียนหนังสือและชื่นชมหลัวเฉินฝูที่วางอยู่บนโต๊ะ

 

วันต่อมา....

 

อ้ายกวงเหยาและคนอื่นๆได้เที่ยวบินรอบเช้า 7.20 น. พวกเขามาถึงเมืองหลวงประมาณ 10.30 น.

 

ตอนที่ 320 ประมูล I

 

เลิ่งเชาถิงช่วยกู้หนิงหารถไปรับคณะของอ้ายกวงเหยา ดังนั้นคณะของอ้ายกวงเหยาจึงมุ่งหน้าไปที่โรงแรมจินหลินทันทีเมื่อพวกเขาออกจากสนามบิน สิบห้านาทีต่อมาพวกเขาก็มาถึง

 

กู้หนิงกำลังรอพวกเขาในห้องอาหารส่วนตัว ทุกคนจะทานข้าวพร้อมกันก่อนไปตึกออฟฟิศ

 

กู้หนิงและเลิ่งเชาถิงจะเข้าร่วมการประมูลตอนบ่ายสอง ดังนั้นเธอจึงสั่งอาหารรอไว้แล้วเผื่อว่าพวกอ้ายกวงเหยาจะได้ลงมือรับประทานได้ทันที

 

“คุณกู้!และก็คุณเลิ่ง! สวัสดีครับ” อ้ายกวงเหยาเอ่ยทักทาย มีคนอื่นอยู่ด้วยเขาจึงไม่ได้เรียกกู้หนิงว่าบอส

 

คณะของอ้ายกวงเหยาประกอบด้วยเลขานุการ ‘จางชุนเจี๋ย’ นักออกแบบ ‘อู๋หมิงข่าย’ พร้อมกับผู้ช่วยนักออกแบบ และนักสำรวจอีกสองชคน

 

“คุณกู้ คุณเลิ่ง ยินดีที่ได้พบครับ” คนอื่นๆที่เหลือทักทาย กู้หนิงและเลิ่งเชาถิงเป็นลูกค้าของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงแสดงความเคารพนอบน้อมและสุภาพต่อทั้งสองคน จางชุนเจี๋ยรู้ว่ากู้หนิงเป็นเจ้านายของเขา ดังนั้นเขาจึงระมัดระวังพฤติกรรมของตน

 

กู้หนิงเชิญทุกคนนั่ง

 

ระหว่างรับประทานอาหาร พวกเขาไม่ได้พูดคุยเรื่องงานมากนัก กู้หนิงได้จดสิ่งที่เธอคิดและพิมพ์เขียวสำหรับตึกออฟฟิศไว้แล้ว อ้ายกวงเหยาจะรับผิดชอบส่วนที่เหลือต่อ

 

เป็นอาคารสำนักงานสูง 18 ชั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแผนกต้อนรับจะอยู่ที่ชั้นหนึ่ง ในขณะที่ห้องทำงานของประธานจะอยู่ที่ชั้น 18

 

สำหรับแผนกต่างๆ พวกเขาจะตั้งแผนกการเงิน ทรัพยากรบุคคล การตลาด ข้อมูลและหลักทรัพย์ อาคารสำนักงานขนาด 550 ตร.ม. แต่ละชั้นมีสามแผนกพร้อมห้องน้ำและห้องเตรียมอาหาร โรงอาหารจะอยู่ที่ชั้นหนึ่ง ในขณะที่ห้องประชุมอยู่อีกห้องหนึ่ง

 

เฟิ่งหัวเอนเตอร์เทนเมนท์จะอยู่บนชั้นที่เจ็ด แปด และเก้า ชั้นเจ็ดจะเป็นห้องซ้อมเต้น ชั้นที่แปดจะเป็นห้องบันทึกเสียง และชั้นที่เก้าเป็นสำนักงานสำหรับพนักงานของเฟิ่งหัว

 

มีพื้นที่ที่ยังว่างอยู่ในชั้น 18 เพราะเวลานี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่กู้หนิงจะรวมทุกบริษัทให้มาอยู่ที่นี่ กู้หนิงตัดสินใจตกแต่งชั้นตามแผนที่วางไว้ ส่วนพื้นที่ว่างที่เหลือรอจนกว่าจะถูกใช้งาน

 

อ้ายกวงเหยาประหลาดที่ได้ยินเกี่ยวกับเฟิ่งหัวเอนเตอร์เทนเม้นต์ กู้หนิงกำลังจะเข้าสู่อุตสาหกรรมธุรกิจบันเทิง เพราะเจิ้งหัวเรียลเอสเตทและหยกบิวตี้จิวเวอรี่ อ้ายกวงเหยาไม่สงสัยในความสามารถของกู้หนิง เขาชื่นชมเธอมากกว่าเดิมเพราะเธอสามารถตั้งอาณาจักรธุรกิจของตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย

 

พวกเขาทั้งหมดรู้ว่ากู้หนิงและเลิ่งเชาถิงมีอย่างอื่นที่ต้องจัดการ ดังนั้นพวกเขาจึงทานอาหารเสร็จภายในครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นก็ออกไปที่อาคารสำนักงาน เมืองหลวงไม่เพียงแต่ใหญ่เท่านั้นแต่ยังมีการจราจรหนาแน่นอีกด้วย  กู้หนิงและเลิ่งเชาถิงกำลังจะเข้าร่วมการประมูล ดังนั้นพวกเขาจึงออกไปอีกทางหนึ่ง

 

การประมูลจัดขึ้นที่ใจกลางเมือง และเจ้าภาพเป็นบริษัทประมูลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง ดาราดังหลายคนได้รับเชิญมาร่วมงานหลายคน

 

ไม่ใช่ผู้เข้าร่วมงานทุกคนเป็นคนรักของเก่า หลายคนมาที่นี่เพื่อขยายเครือข่าย ในขณะที่บางคนก็คว้าโอกาสที่จะอวดความมั่งคั่งของตัวเอง ในขณะเดียวกันไม่ใช่ทุกคนที่ได้รับเชิญจะมาเพราะบางคนไม่สนใจและบางคนที่มีสถานะทางสังคมสูงไม่สนใจที่จะเข้าร่วม

 

เมื่อกู้หนิงและเลิ่งเชาถิงจอดรถที่ลานจอดรถ พวกเขาเจอคณะของซู่จินเฉินที่กำลังรออยู่

 

เฉินเมิ่ง ซีหมิง ฉิวอี้ซินและซูฉินหยินก็มาพร้อมกับซู่จินเฉิน

 

“หวัดดี เชาถิง กู้หนิง!” ทุกคนทักทายเลิ่งเชาถิงกับกู้หนิง กู้หนิงทักทายกลับอย่างสุภาพ ในขณะที่เลิ่งเชาถิงแค่พยักหน้าเบาๆ

 

“กู้หนิง ผมได้ยินมาว่าคุณจะเอาของเก่าร่วมประมูลด้วย โชว์ให้พวกเราดูหน่อยได้ไหม?”

 

เฉินเมิ่งและคนอื่นที่เหลือแปลกใจตอนที่ได้ยินว่ากู้หนิงจะเอาของเก่ามาประมูล ดังนั้นเฉินเมิ่งจึงอดถามไม่ได้เมื่อทั้งคู่มาถึง

 

“ค่ะ แต่ฉันแค่ร่วมประมูลสนุกๆ ไม่ได้ชื่นชอบของเก่าอะไรมากมายหรอกค่ะ” กู้หนิงเอ่ยและหยิบเอาที่ล้างพู่กันออกมาจากกระเป๋าของเธอ

ไม่มีใครรู้เกี่ยวกับโบราณวัตถุมากนัก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถบอกได้ว่าที่ล้างพู่กันนี้มีค่าเพียงใด พวกเขามาที่นี่เพียงเพราะพวกเขาได้รับเชิญ

 

“เข้าไปข้างในกันเถอะ งานกำลังจะเริ่มแล้ว”

 

ตอนนี้เวลา 13.00 น. และกู้หนิงต้องเอาที่ล้างพู่กันไปประเมินก่อนดังนั้นถึงเวลาแล้วที่ต้องเข้าไปข้างใน

 

ในห้องโถงทุกคนกำลังพูดคุยและจับมือกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อเลิ่งเชาถิงและคนอื่นๆ เดินเข้าไปข้างใน พวกเขาก็กลายเป็นจุดสนใจและได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ไม่ใช่เพราะหลายคนรู้จักพวกเขาแต่เพราะรูปลักษณ์ที่โดดเด่นของพวกเขาต่างหาก

 

“ว้าว ผู้ชายกลุ่มนั้นหล่อจัง!”

 

“ใช่!”

 

“ผู้หญิงก็สวยมาก!”

 

“เห็นด้วย โดยเฉพาะคนที่สูงๆ รูปร่าเธอดีจังเลยเนอะ”

 

คนในงานกำลังเอ่ยชมพวกกู้หนิงอย่างไม่ขาดปาก

 

เลิ่งเชาถิงและผู้ชายที่เหลือต่างก็หล่อเหลาและหุ่นดี ถึงแม้ว่าใบหน้าของกู้หนิงจะสวยกว่าฉิวอี้ซิน แต่รูปร่างของเธอยังไม่อาจเทียบฉิวอี้ซินได้ ฉิวอี้ซินเป็นหญิงสาวโตเต็มวัยแล้วและแต่งตัวเซ็กซี่มีสไตล์ เธอเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดท่ามกลางสาวๆ ในขณะที่กู้หนิงดูเหมือนเด็กนักเรียนจึงไม่ได้รับความสนใจมาก กู้หนิงไม่ได้สนใจอะไรและเลิ่งเชาถิงก็ไม่ต้องการให้ผู้ชายคนอื่นจ้องแฟนสาวของเขาตาเป็นมัน ส่วนซู่ฉินหยินก็มีเสน่ห์เช่นกันแต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับฉิวอี้ซิน

 

“คนนั้นใช่ลูกสาวตระกูลซู่รึเปล่า?”

 

“คุณหมายถึงเศรษฐีตระกูลซู่?

 

“ใช่ เธอเป็นลูกสาวของนายท่านรองตระกูลซู่ ชื่อว่าซู่ฉินหยิน”

 

“และฉันคิดว่าฉันเคยเห็นผู้หญิงตัวสูงคนนั้นที่ไหนมาก่อน เธอดูคุ้นมาก!”

 

“ก็ต้องหน้าปกนิตยาสารน่ะสิ เพราะเธอเป็นนางแบบ”

 

“โอ้ ใช่เธอจริงด้วย! ถึงว่าทำไมเธอถึงดูคุ้นๆ เธอเซ็กซี่มากและสวยมากด้วย สวยกว่าในรูปปกนิตยสารอีก!”

 

ทั้งฉิวอี้ซินและซู่ฉินหยินต่างเป็นที่คุ้นหน้าสำหรับพวกเขา

 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป