ตอนที่ 301 คุกคามซู่จินเฉิน
และนี่เป็นครั้งที่สองที่เธอพบเลิ่งเชาถิง เธอชอบคุณลักษณะและรูปร่างหน้าตาที่โดดเด่นของเขา แต่นิสัยของเขานั้นเธอรู้น้อยมาก ไม่ใช่เรื่องยากที่เธอจะเอาชนะได้ เธอแค่รู้สึกเสียดายที่พลาดโอกาสไป
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณฉิว” กู้หนิงพูดอย่างสุภาพ
“เอาล่ะ ถึงเวลากินข้าวแล้ว ไปกินข้าวกันเถอะ!” ซู่จินเฉินกล่าว จากนั้นทุกคนก็ออกจากสนามบินไปด้วยกัน
กู้หนิงและเลิ่งเชาถิงไปกับซู่จินเฉิน ฉิวอี้ซินไปกับซู่ฉินหยิน
“ฉันคิดว่ากู้หนิงคนนั้นอายุไม่ถึงยี่สิบด้วยซ้ำมั้ง” ถึงแม้ฉิวอี้ซินจะพอรู้ เธอก็อดซุบซิบไม่ได้ “บางทีอาจแค่สิบแปด! ฉันแปลกใจที่เชาถิงชอบผู้หญิงอายุน้อยกว่าเขามาก!” ซู่ฉินหยินเอ่ย เธอกล้าพูดก็เฉพาะตอนที่เลิ่งเชาถิงไม่อยู่
“นี่ คุณอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม?” ซู่จินเฉินถามกู้หนิง กู้หนิงเป็นแขกและแขกควรได้ตัดสินใจก่อน
“อะไรก็ได้ที่คุณคิดว่าอร่อยค่ะ” กู้หนิงตอบ
“ดี ถ้างั้นผมจะเป็นคนตัดสินใจเองแล้วกัน”
“โอ้ บอส นายบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า?” อยู่ๆซู่จินเฉินก็นึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้ถามถึงความปลอดภัยของพวกเขา ถึงแม้พวกเขาจะดูสบายดี แต่เขาก็ยังต้องถามเพราะความเป็นห่วง
“ไม่” เลิ่งเชาถิงตอบ
“ดีแล้ว”
มองดูตึกรามบ้านช่องและถนนที่คุ้นเคยผ่านทางหน้าต่างรถ กู้หนิงก็มีความรู้สึกหลากหลาย เธอเคยผ่านถนนเส้นนี้มานับครั้งไม่ถ้วนและอาศัยอยู่ในเมืองนี้มานานหลายปีในชาติที่แล้ว เลิ่งเชาถิงรับรู้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของเธอ ถึงแม้เขาจะไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆเธอถึงเศร้า เขากุมมือเธอไว้ กู้หนิงไม่ต้องการให้อารมณ์ไม่ดีของเธอมีผลกระทบต่อเลิ่งเชาถิง ดังนั้นเธอจึงหยุดคิดถึงชาติที่แล้วของเธอ
“อ้อ แล้วคุณจะอยู่เมืองหลวงนานแค่ไหน?” ซู่จินเฉินถาม
“น่าจะอาทิตย์หนึ่งค่ะ” กู้หนิงตอบ
“งั้นก็ห่างจากปีใหม่แค่สิบกว่าวัน ผมคิดว่าคุณจะไปบ้านบอสเพื่อฉลองปีใหม่กับครอบครัวของเขาเสียอีก” ซู่จินเฉินกล่าว
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เลิ่งเชาถิงมองไปที่กู้หนิงด้วยความคาดหวัง เห็นได้ชัดว่าเขามีความคิดนี้เช่นเดียวกัน
กู้หนิงปฏิเสธ “คงไม่ล่ะค่ะ” พวกเธอยังไม่ได้คบกันนานขนาดที่ใช้เวลากับครอบครัวอีกฝ่าย
คำพูดของกู้หนิงทำให้เลิ่งเชาถิงเจ็บที่หัวใจ เขาผิดหวัง
“อย่าผิดหวังไปเลยค่ะ อย่างน้อยช่วงเวลาสั้นๆนี้เราก็ได้อยู่ด้วยกัน ครอบครัวของเราไม่ทราบว่าเราเป็นแฟนกัน ถ้าอยู่ดีๆฉันไปปรากฏตัวที่บ้านคุณ พวกเขาจะไม่ตกใจแย่หรอคะ?”
“ผมจะบอกพวกเขาเดี๋ยวนี้” เลิ่งเชาถิงเอ่ย
“แต่แม่ของฉันคงไม่อนุญาตให้ฉันมีแฟนจนกว่าฉันจะเข้ามหาวิทยาลัยค่ะ ถ้าแม่รู้ ฉันกลัวว่าแม่จะมองคุณไม่ดี ถ้าหากแม่ไม่อนุญาตให้เราคบกันล่ะคะ?”
“ได้ๆ ผมจะรอจนกว่าคุณจะเข้ามหาลัย”
“ฮ่า ฮ่า” ซู่จินเฉินหัวเราะด้วยความชอบใจ “ฉันว่าฉันหาแฟนที่เรียนจบแล้วดีกว่า จะได้แต่งงานได้เลยไม่ต้องห่วงเรื่องอายุของหล่อน”
ซู่จินเฉินล้อเลียนพวกเขา เลิ่งเชาถิงหน้างอ เขาเองก็อยากแต่งงานกับผู้หญิงที่เขารักเหมือนกัน
เมื่อกู้หนิงยอมรับเขาเป็นแฟนแล้ว เลิ่งเชาถิงก็ไม่คิดว่าพวกเขาจะเลิกกัน ดังนั้นเขาจึงมีความคิดแต่งงานกับเธอ
อย่างไรก็ตาม กู้หนิงขู่ซู่จินเฉินว่า “จินเฉิน คุณไม่กลัวว่าถ้าทำให้บอสของคุณรำคาญ เขาจะจัดงานบางอย่างให้คุณและคุณจะไม่มีเวลาไปเดทกับสาวๆ นับประสาอะไรกับการแต่งงาน?”
“ไม่ ไม่ ได้โปรด!” ซู่จินเฉินอ้อนวอน “บอส ฉันผิดไปแล้ว ยกโทษให้ด้วย!” ถ้าเขาทำให้เลิ่งเชาถิงหงุดหงิด อาจเป็นไปตามที่กู้หนิงพูดก็ได้
เมืองหลวงมีขนาดใหญ่มากและใช้เวลาอย่างน้อย 45 นาทีในการขับรถจากสนามบินไปยังตัวเมือง
เวลาเที่ยงพวกเขาก็ขับรถมาถึงโรงแรมที่ตระกูลซู่เป็นเจ้าของ
เมื่อเดินไปยังห้องทานอาหารส่วนตัว กู้หนิงก็เปิดโทรศัพท์
เธอได้รับข้อความเจ็ดข้อความซึ่งเตือนเธอว่าเธอไม่ได้รับสายจากซื่อตู้เย่ นอกจากนี้ยังมีข้อความที่ส่งโดยซื่อตู่เย่ ‘กู้หนิง ผมรู้ว่าคุณสบายดี แต่ผมกังวลเรื่องความปลอดภัยของคุณมาก ตอนนี้ผมกำลังบินไปเมืองหลวง ผมไม่สามารถสบายใจได้จนกว่าจะได้พบคุณด้วยตัวเอง กรุณารอผมด้วย
กู้หนิงรู้สึกเครียดและรู้สึกผิดเล็กน้อย เพราะเธอรู้ว่าซื่อตู้เย่ชอบเธอ แต่เธอมีเลิ่งเชาถิงอยู่แล้ว กู้หนิงโทรกลับหาซื่อตู้เย่โดยไม่ชักช้า เธอสบายดีจึงไม่อยากให้เขาเสียเวลาบินไปเมืองหลวงเพื่อพบเธอ อย่างไรก็ตามโทรศัพท์ของเขาถูกปิด เขาคงอยู่บนเครื่องบินแล้ว จากนั้นกู้หนิงก็เอาข้อความให้เลิ่งเชาถิงดู เธอไม่มีเจตนาที่จะปิดบังเขา
เลิ่งเชาถิงรู้สึกไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเขาอ่านข้อความ
“ผมจะไปกับคุณ” เลิ่งเชาถิงพูดด้วยน้ำเสียงที่กู้หนิงปฏิเสธไม่ได้ เขาจะไม่ปล่อยให้กู้หนิงพบกับซื่อตู้เย่ตามลำพัง เขารู้ว่าซื่อตู้เย่ชอบกู้หนิง และเขาจะไม่ยอมให้พวกเขาพบกันตามลำพัง
“ได้ค่ะ” กู้หนิงกล่าว เธอเองก็ไม่อยากให้ความหวังซื่อตู้เย่ การพาเลิ่งเชาถิงไปด้วยก็ดีเหมือนกัน หลังจากนั้นกู้หนิงก็ส่งข้อความหาซื่อตู้เย่
‘ขอบคุณสำหรับความห่วงใยค่ะ ตอนนี้ฉันปลอดภัยดี แต่ในเมื่อคุณมาแล้ว โทรหาฉันเมื่อคุณมาถึงนะคะ’
ใช้เวลาบินประมาณสามชั่วโมงจากเมือง G ไปยังเมืองหลวงโดยเครื่องบิน และซื่อตู้เย่จะมาถึงภายในสองชั่วโมง
ตอนที่ 302: หยุดไม่ได้เหรอ?
กู้หนิงวางแผนจะไปพบซื่อตู้เย่ที่สนามบินหลังจากทานข้าวเสร็จ เธออยากให้เขากลับไปทันที และนั่นเป็นการไม่สุภาพนิดหน่อย ดังนั้นกู้หนิงจึงเปลี่ยนใจ ซื่อตู้เย่เป็นคนดี เธอควรต้อนรับเขาในฐานะแขกของเธอ
ซู่ฉินหยินขับรถช้ากว่าซู่จินเฉิน และมาถึงโรงแรมทีหลัง เมื่อมาถึงซู่จินเฉินก็สั่งอาหารรอไว้แล้ว
ทั้งซู่ฉินหยินและฉิวอี้ซินรู้สึกประหม่าเล็กน้อยที่รับประทานอาหารร่วมโต๊ะเดียวกันกับเลิ่งเชาถิง ดังนั้นพวกเธอจึงอยู่เงียบๆเกือบตลอดเวลา แต่พวกเธออยากรู้เกี่ยวกับกู้หนิง ทั้งคู่ต้องการหาข้อมูลของเธอ เช่นภูมิหลังครอบครัวหรือว่าเธอได้พบกับเลิงเชาถิงได้อย่างไร
ระหว่างทานข้าว เลิ่งเชาถิงก็เอาแต่คีบอาหารใส่ถ้วยของกู้หนิง และไม่สนใจคนร่วมโต๊ะคนอื่น
“หยุดทำแบบนั้นทีได้ไหม? มันทำร้ายความรู้สึกพวกเรานะ!” ซู่จินเฉินบ่น
“ทำไมนายไม่หาแฟนเป็นของตัวเองล่ะ?” เลิ่งเชาถิงโต้กลับ
ซู่จินเฉินชะงักค้าง ถ้าเขามีแฟนก็อาจทำแบบเดียวกัน!
ในความเป็นจริงมีผู้หญิงที่โดดเด่นหลายคนอยู่รอบๆ ซู่จินเฉิน เช่นเพื่อนผู้หญิงของลูกพี่ลูกน้องของเขา หลายคนมีเสน่ห์ เช่น ฉิวอี้ซิน ไม่ว่าจะเป็นภูมิหลังของครอบครัว รูปร่างหน้าตา การศึกษา อาชีพหรือมารยาท เธอก็เป็นหนึ่งในล้าน ซู่ฉินหยินยังพยายามสร้างโอกาสให้กับพวกเขา แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีความรู้สึกต่อกัน
หลังรับประทานอาหาร เลิ่งเชาถิงบอกซู่จินเฉินให้กลับไปก่อนและทิ้งรถไว้ให้เขา ซู่จินเฉินบ่นอุบอิบที่บอสของเขาเห็นแฟนดีกว่าเพื่อนสนิท ซู่จินเฉินไม่คิดจะรบกวนการเดทของคู่รักแต่ก็หมั่นไส้ท่าทางของเลิ่งเชาถิง เขาจึงได้แต่ทำตามคำสั่ง
ก่อนที่เขาจะจากไป ซู่จินเฉินเอ่ยถามเลิ่งเชาถิงว่า “บอส คืนนี้ไปเที่ยวกันไหม? เดี๋ยวโทรนัดเพื่อนๆ พวกเขายังอยู่เมืองหลวง”
“ดูก่อน” เลิ่งเชาถิงตอบ เขายังไม่แน่ใจ
“ก็ได้” ซู่จินเฉินถอนหายใจและกลับไปพร้อมกับซู่ฉินหยิน
แม้ว่าซู่จินเฉินจะต้องกลับกับซู่ฉินหยิน แต่เขาอาสาขับให้ เพราะเขาไม่ชอบวิธีการขับรถของซู่ฉินหยิน
เมื่อพวกเขาจากไป ซู่ฉินหยินก็ถามซู่จินเฉินโดยไม่รอช้า “จินเฉิน กู้หนิงดูเด็กมาก เธอยังเป็นนักเรียนอยู่หรือเปล่า?”
“ใช่ ม.6” ซู่จินเฉินตอบ
“อะไรนะ?”
ม.6? งั้นก็อายุ 17 หรือไม่ก็ 18 น่ะสิ! ถึงแม้พวกเธอจะรู้ว่ากู้หนิงยังเด็ก แต่คิดว่าอย่างน้อยก็น่าจะเป็นเด็กมหาลัย
“เธอมาจากไหน? พ่อแม่ทำงานอะไร? แล้วมาเป็นแฟนเชาถิงได้ยังไง?” ซู่ฉินหยินยิงคำถามรัว
“ทำไมเธอต้องถามมากด้วย?” ซู่จินเฉินชอบซุบซิบก็จริงแต่เขาไม่กล้าเปิดเผยรายละเอียดเรื่องส่วนตัวของบอส ไม่อย่างนั้นทุกคนในทีมเรดเฟลมคงรู้จักกู้หนิงไปแล้ว
“ฉันก็แค่สงสัย! นายก็รู้ว่าเชาถิงไม่เคยใกล้ชิดผู้ญิงคนไหนมาก่อน นายไม่สงสัยหรอว่าอยู่ๆเขาก็มีแฟน” ซู่ฉินหยินโต้กลับ
“ฉันก็ไม่รู้รายละเอียด ถ้าเธออยากรู้ก็ถามเขาเองสิ” ซู่จินเฉินยักไหล่ เขาเองก็รู้นิดเดียวเหมือนกันนะ
“ช่างเถอะ ลืมมันซะ!” ซู่ฉินหยินหรือจะกล้าถามเลิ่งเชาถิง ถ้าเธอกล้าจะถามซู่จินเฉินทำไม
“ฉันขอเตือนเธอว่าให้ทำตัวดีๆกับกู้หนิงไม่งั้น...” ซู่จินเฉินยังพูดไม่ทันจบ ซู่ฉินหยินเป็นคนดี แต่เธอถูกครอบครัวตามใจ เธอไม่ได้แสดงความไม่ชอบใจทางสีหน้าแต่ก็ไม่ได้สนใจความรู้สึกของคนอื่น ซู่จินเฉินเป็นห่วงว่าเธออาจเข้าไม่ได้กับกู้หนิงและทำให้เกิดปัญหาที่ไม่จำเป็นเกิดขึ้น
“แน่นอนย่ะ!” ซู่ฉินหยินพูดเสียงดัง ต่อให้เธอไม่ชอบกู้หนิง เธอก็คงไม่แสดงออกอะไรเพราะเห็นแก่เลิ่งเชาถิง แน่นอนว่ากู้หนิงแสดงความเป็นมิตรต่อเธอก่อน เธอจึงรู้สึกประทับใจกู้หนิง แต่เธอไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับกู้หนิง เพราะฉะนั้นจึงยังไม่รู้ว่าจะสามารถเป็นเพื่อนกันได้ไหม
กู้หนิงและเลิ่งเชาถิงไปยังร้านชาเพื่อรอซื่อตู้เย่
ระหว่างที่รอ ปู่ของเลิ่งเชาถิงก็โทรมา
“คุณปู่” เลิ่งเชาถิงเอ่ย ถึงแม้เสียงของเขาจะเย็นชาตามปกติ แต่ก็ยังแฝงความยำเกรงต่อคุณปู่ของเขา
คุณปู่ของเขาเป็นเพียงคนเดียวที่ทำให้เขารู้สึกว่าเขายังมีครอบครัว และเลิ่งเชาถิงก็ใส่ใจเฉพาะคุณปู่ท่ามกลางสมาชิกตระกูลเลิ่งทั้งหมด
เมื่อเลิ่งเชาถิงพูดจบ คุณปู่ของเขาก็ตะโกนก้องใส่โทรศัพท์ “แกยังรู้ว่าฉันเป็นปู่ของแกเรอะ? ทำไมไม่บอกอะไรฉันเลยเรื่องที่เกิดอุบัติเหตุกับเครื่องบิน? แกคิดจะปิดบังฉันไปตลอดเลยสินะ!” คุณปู่เลิ่งด่าเสียงดัง กู้หนิงได้ยินชัดเจน นายท่านเลิ่งดูเหมือนจะเป็นห่วงหลานชายจริงๆ
อาชีพของเลิ่งเชาถิงเต็มไปด้วยอันตรายและมีความเสี่ยงสูง คุณปู่ของเขารู้เรื่องนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณปู่ของเขาจะไม่สนใจ นายท่นเลิ่งมักจะกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเลิ่งเชาถิงเสมอ
และครั้งนี้เมื่อเขาพบว่าหลานชายอาจเสียชีวิตในอุบัติเหตุทางเครื่องบินเ ขาเกือบจะสูญเสียการควบคุมตัวเอง
“ตอนนี้ผมไม่เป็นไรแล้วครับ” เลิ่งเชาถิงเอ่ย
“ถ้างั้นทำไมแกถึงไม่กลับบ้าน?” นายท่านเลิ่งถาม เลิ่งเชาถิงมาถึงเมืองหลวงสองชั่วโมงแล้วแต่เขายังไม่กลับบ้าน
“ผมมีเรื่องต้องจัดการ คืนนี้ถึงจะกลับครับ”
นายท่านเลิ่งรู้ว่าเลิ่งเชาถิงเป็นผู้ใหญ่แล้วและมีการงานมั่นคง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้บังคับให้เลิ่งเชาถิงกลับบ้านในตอนนี้ แต่เตือนให้เขากลับบ้านในตอนกลางคืนก่อนที่จะวางสายไป