ตอนที่ 299: ฉิวอี้ซิน
เป็นไปได้ยังไง? ทำไม?
“ฉันจะไปเดี๋ยวนี้” ซู่จินเฉินเอ่ย จากนั้นก็รีบวิ่งออกไปและเกือบจะชนพ่อของเขาที่เพิ่งเดินเข้ามาข้างใน
ซู่จีฟ่านบ่น “เดินให้มันระวังๆหน่อย!” อย่างไรก็ตามเพียงเสี้ยววินาที ซู่จินเฉินก็หายลับไปจากสายตา ซู่จีฟ่านขมวดคิ้ว หรือว่ามีเรื่องด่วน?
ซู่จินเฉินขับรถไปสนามบินด้วยความเร็วสูงและขับรถฝ่าไฟแดง เขาภาวนาให้เลิ่งเชาถิงปลอดภัย
บังเอิญกับที่ซื่อตู้เย่และฉู่ซวนเฟิงเพิ่งมาถึงสนามบินในเมือง G และพวกเขากำลังเดินทางไปเมือง B
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเครื่องบินจากเมืองเถิงไปยังเมืองหลวงยังปรากฏบนจอ LED ที่ห้องโถงของสนามบินในเมือง G ดังนั้นทั้งซื่อตู้เย่และฉู่ซวนเฟิงก็สังเกตเห็นข่าวร้ายนี้เช่นกัน เมื่อพวกเขาเห็นชื่อกู้หนิง พวกเขาก็ตกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งซื่อตู้เย่ หัวใจของเขาปวดรัดบีบอย่างรุนแรง ใบหน้าของเขาซีดลงในทันที เขาไม่รู้เลยว่าเขาห่วงใยกู้หนิงมากขนาดนี้จนกระทั่งเดี๋ยวนี้
เขาหยิบโทรศัพท์ของเขาออกมาเพื่อโทรหากู้หนิงทันที เขาหวังว่าจะเป็นคนละคนที่มีชื่อเหมือนกัน เขาหวังว่ากู้หนิงคนที่เขารู้จักจะยังปลอดภัยและมีชีวิตอยู่ อย่างไรก็ตามโทรศัพท์ของกู้หนิงปิดเครื่อง
“ซวนเฟิง นายไปเมือง B ก่อน ตอนนี้ฉันจะไปเมืองหลวง” ซื่อตู้เย่เอ่ยกับฉู่ซวนเฟิงและเดินไปซื้อตั๋วเครื่องบินโดยไม่ลังเล
ฉู่ซวนเฟิงรู้ว่าเจ้านายของเขารู้สึกอย่างไรต่อกู้หนิง ดังนั้นเขาจึงไม่ห้าม แม้แต่ตัวเขาเองที่เป็นพี่ชายของเพื่อนสนิทกู้หนิงก็ยังอดเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอไม่ได้
ข่าวยังคงถูกปล่อยออกมาในชั่วโมงต่อมา มีรายงานว่ามีผู้โดยสารคนหนึ่งศีรษะกระแทกและได้รับบาดเจ็บมีเลือดออกมาก ในขณะที่มีผู้โดยสารคนอื่นที่จู่ๆก็หัวใจวายหมดสติเพราะความดันสูงเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ต้องเตรียมรถพยาบาลให้พร้อม
พอข่าวออก หลายคนกังวลมากขึ้น หากใครป่วยหรือได้รับบาดเจ็บในเครื่องบินที่กำลังบินอยู่ มีความเป็นไปได้สูงที่จะเสียชีวิต!
ผู้ที่มาสนามบินเพื่อมารับสมาชิกในครอบครัวต่างกังวลเป็นพิเศษ พวกเขากังวลอย่างมากเกี่ยวกับความปลอดภัยของคนในครอบครัว
“พวกเราจะทำไงดี? คุณปู่เป็นโรคความดันสูง!”
“ไม่เป็นไรหรอก ไม่เป็นไรหรอก”
“ที่รัก บาดแผลที่ศีรษะของลูกชายเรายังไม่หายสนิท เกิดอะไรขึ้นถ้ามันปริออก? มันเป็นความผิดของฉันทั้งหมด ฉันไม่ควรเร่งให้ลูกกลับมาในวันนี้เลย”
“อย่าห่วงเลย เขาจะไม่เป็นไร เขาจะไม่เป็นไรแน่นอน”
สิบนาทีต่อมาเครื่องบินก็อยู่ภายใต้การควบคุมในที่สุด ยกเว้นผู้โดยสารในชั้นเฟิร์สคลาส คนที่เหลือไม่รู้ว่าเลิ่งเชาถิงเป็นพระเอก แม้ว่าวิกฤตจะคลี่คลาย แต่ทุกคนก็ยังค่อนข้างกังวลเพราะเครื่องบินยังไม่ลงจอดอย่างปลอดภัย ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอุบัติเหตุระหว่างทางลงจอดอีกหรือไม่
มันเป็นช่วงเวลาที่ทรมานใจอย่างยิ่งเมื่อพวกเขากำลังรอเครื่องลงจอด และเป็นเรื่องแปลกมากที่เครื่องบินได้พบกับนกบินฝูงใหญ่เช่นนี้ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นอกจากนี้มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่เครื่องบินสามารถหลีกเลี่ยงนกบินได้อย่างปลอดภัย!
โดยรวมแล้วกู้หนิงได้ช่วยชายหนุ่มคนหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ลู่เจินที่มีอาการหัวใจวายผู้สูงอายุสองคนที่เป็นโรคความดันสูงและผู้หญิงที่ข้อมือเคล็ด สำหรับคนอื่นๆที่ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย กู้หนิงไม่มีเวลาช่วยพวกเขา เธอใช้พลังไปมาก ใบหน้าของเธอจึงซีดเผือด
ผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บทุกคนที่ได้รับการช่วยเหลือจากกู้หนิงขอบคุณเธออย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะไม่มีใครทราบว่ากู้หนิงสามารถช่วยเหลือพวกเขาได้อย่างไร แต่พวกเขาก็ชื่นชมความกล้าหาญและความสามารถของเธอ
ในเวลานี้เลิ่งเชาถิงเดินออกมาจากห้องควบคุม เขาสังเกตเห็นว่ากู้หนิงอยู่ในชั้นประหยัด ดังนั้นเขาจึงเดินเข้าไปหาเธอทันที
เมื่อเขาเดินมาหยุดที่หน้ากู้หนิง เขาเห็นว่าใบหน้าของเธอซีดมากและเธอดูอ่อนเพลีย หัวใจของเขาปวดร้าวและรีบจับเธอไว้ในอ้อมแขนและเดินกลับไปที่ที่นั่ง
พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินคนหนึ่งรินน้ำให้กู้หนิงและขอบคุณพวกเธอสำหรับสิ่งที่พวกเธอทำ
เมื่อมีการประกาศข่าวว่าเครื่องบินปลอดภัยและผู้ป่วยทั้งหมดได้รับการช่วยเหลือในสนามบินของเมืองหลวง ทุกคนก็โล่งใจ แต่ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นผู้ช่วยพวกเขา
ซู่จินเฉินขับมาได้ครึ่งทางเมื่อเขาได้รับสายจากซู่ฉินหยินอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเครื่องบินปลอดภัยแล้ว แต่เขาก็ยังขับรถด้วยความเร็วสูงเพื่อมุ่งหน้าไปยังสนามบิน เขายังไม่สบายใจจนกว่าจะได้เห็นเลิ่งเชาถิงด้วยตนเอง ซื่อตู้เย่มีความรู้สึกเดียวกัน ถ้าเขาไม่ได้เห็นกู้หนิงด้วยตาของเขาเอง เขาก็ยังวางใจไม่ได้
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เครื่องบินได้เข้าสู่น่านฟ้าเหนือเมืองหลวงแล้ว เมื่อวิทยุประกาศว่าเครื่องบินกำลังจะลงจอด ทุกคนต่างร้องอุทานและปรบมือด้วยความตื่นเต้น
กู้หนิงรู้สึกโล่งใจในที่สุด เธอต้องยอมรับว่าเธอกลัวความตายในช่วงเวลานั้นเพราะเธอเคยตายมาแล้วครั้งหนึ่ง และตอนนี้หวงแหนชีวิตมากขึ้นกว่าเดิม ในชาติที่แล้วเธอเสียชีวิตด้วยความผิดหวังและความเกลียดชัง แต่ในชาตินี้เธอได้พบความรักแล้วและยังไม่อยากตายในตอนนี้
หลังจากพักครึ่งชั่วโมง กู้หนิงก็กลับมาเป็นปกติ
ซู่จินเฉินมาถึงทางออกแล้วและกำลังรอเลิ่งเชาถิง เขาคิดว่าเลิ่งเชาถิงกลับมาคนเดียว แต่เมื่อเขาเห็นกู้หนิง เขาก็เข้าใจทันทีว่าทำไมเจ้านายของเขาถึงหายตัวไปเลย อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่จะถาม
ซู่จินเฉินรับเพื่อนสาวของเธอเรียบร้อยแล้ว แต่เธอเป็นห่วงเลิ่งเชาถิง ดังนั้นจึงรั้งรออยู่กับซู่จินเฉินเพื่อรอเขา
เพื่อนสนิทของซู่ฉินหยิน ‘ฉิวอี้ซิน’ เธออายุ 25 ปีและสูง 177 ซม. เธอมีร่างกายที่สมบูรณ์แบบและใบหน้าที่สวยงามและเป็นนางแบบที่มีชื่อเสียงในประเทศ ฉิวอี้ซินเคยพบกับเลิ่งเชาถิงมาแล้วครั้งหนึ่งและไม่สามารถลืมเขาได้ เธออยากพบเขาอีกครั้งเสมอ และเธอกำลังจะกลับบ้านหลังจากที่เธอไปเรียนที่ต่างประเทศ แต่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินข่าวร้ายเกี่ยวกับเครื่องบิน เธอเป็นห่วงเลิ่งเชาถิงมากกว่าซู่ฉิวหยินเสียอีก
ตอนที่ 300: แฟนสาวของเลิ่งเชาถิง
สิบห้านาทีต่อมาเครื่องบินลงจอดอย่างปลอดภัยที่สนามบินในเมืองหลวง มีรถพยาบาลรออยู่แล้วและผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บถูกส่งไปที่โรงพยาบาลในนาทีที่พวกเขาลงจากเครื่องบิน กู้หนิงและเลิ่งเชาถิงเดินออกไปยังประตูผู้โดยสารขาเข้า
เลิ่งเชาถิงตัวสูงและหล่อเป็นพิเศษ เมื่อเขาปรากฏตัว เขาดึงดูดความสนใจจากผู้คนรอบข้างเป็นอย่างมากและยังทำให้เกิดเสียงชื่นชม
“ว๊าว หล่อชะมัด!”
“เขาเป็นดาราหรือเปล่า?”
“ฉันคิดว่าเขาหล่อกว่าดาราชายทุกคนที่ฉันรู้จัก!”
“ใช่! สังเกตไหมว่าเขาดูมีอำนาจและดูเป็นคนชั้นสูง? ฉันคิดว่าเขาเป็นเศรษฐีไม่ก็เป็นคนที่มีอำนาจมาก Mr.perfect!”
“ฮ่าฮ่า ฉันคิดว่าเธอออ่านนิยายโรแมนติกมากไปแล้ว”
“อย่าลืมว่าฉันเป็นนักเขียนนะยะ!”
“ฉันหวังว่าจะมีแฟนแบบเขา!” ผู้หญิงที่เป็นนักเขียนเป็นคนเอ่ย
กลุ่มหญิงสาวชื่นชมเลิ่งเชาถิงไม่หยุดปาก
และบางคนถึงกับเดินตามเลิ่งเชาถิงแม้ว่ากู้หนิงจะอยู่เคียงข้างเขาก็ตาม พวกเธอแค่อยากจะมองเขาให้มากขึ้นเหมือนแฟนๆที่ได้พบกับไอดอลของตัวเอง
เมื่อกู้หนิงและเลิ่งเชาถิงเดินไปถึงทางออก พวกเขาก็สังเกตเห็นซู่จินเฉิน
วินาทีที่ซู่จินเฉินเห็นเลิ่งเชาถิงและกู้หนิง เขาเกือบร้องไห้ออกมา
“เชาถิง!” ซู่ฉินหยินตะโกนร้องเรียกด้วยความดีใจ
ฉิวอี้ซินก็เห็นเลิ่งเชาถิง แต่รอยยิ้มของเธอหยุดนิ่งเมื่อสังเกตเห็นว่าเขาจับมือของผู้หญิงที่มาด้วยกัน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นคู่รัก แม้ว่าเธอจะไม่รู้จักเลิ่งเชาถิงมากนัก แต่เธอก็เคยได้ยินเกี่ยวกับเขาจากซู่ฉินหยิน ซู่ฉินหยินบอกเธอว่าเลิ่งเชาถิงมักจะเย็นชาและไม่เคยมีแฟน ดังนั้นทุกคนจึงเชื่อว่าเขาจะเป็นโสดตลอดไป ในเวลานั้นฉินอี้ซินคิดว่าเธอยังมีโอกาส
ฉิวอี้ซินไม่ค่อยกระจ่างชัดเกี่ยวกับภูมิหลังของเขา รู้แค่ว่าเป็นเพื่อนสนิทของซู่จินเฉิน ซู่จินเฉินมาจากครอบครัวเศรษฐี และเลิ่งเชาถิงต้องอยู่ระดับเดียวกันกับซู่จินเฉิน ส่วนครอบครัวของเธอเป็นที่รู้จักกันดีในเมือง B เธอทั้งสวยและดูดี เธอคิดว่าตัวเธอกับเลิ่งเชาถิงเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมาก
ถึงแม้ว่าตระกูลฉิวจะเทียบกับตระกูลเลิ่งไม่ได้ แต่ไม่ได้มีช่องว่างห่างกันมากนัก ยิ่งไปกว่านั้นฉิวอี้ซินและเลิ่งเชาถิงเข้ากันได้อย่างลงตัวจากรูปลักษณ์ภายนอก
“เอ๊ะ ผู้หญิงคนนี้ใครกัน?” ซู่ฉินหยินประหลาดใจที่เห็นกู้หนิง เลิ่งเชาถิงไม่เคยมีแฟนหรืออกเดทมาก่อน แต่ตอนนี้เขากุมมือเด็กสาวไว้ในมืออย่างสนิทชิดเชื้อ
ซู่จินเฉินไม่ตอบคำถามของญาติสาว แต่เดินตรงไปหาเลิ่งเชาถิงและกู้หนิง “เชาถิง!” ซู่จินเฉินกอดเลิ่งเชาถิงเต็มแรง
“ฉันไม่เป็นไร” เลิ่งเชาถิงบอกเพื่อนของเขาให้หายห่วง
ซู่จินเฉินเบนสายตามามองกู้หนิง “สวัสดีครับ ดีใจที่ได้เจอคุณอีกครั้ง! ประหลาดใจจังที่เลิ่งเชาถิงทิ้งพวกเราไปหาคุณ!”
เมื่อเห็นว่าทั้งคู่ปลอดภัย ซู่จินเฉินก็อารมณ์ดีขึ้นมาจึงได้หยอกล้อพวกเขา
เขารู้สึกว่าเลิ่งเชาถิงปฏิบัติต่อกู้หนิงแตกต่างออกไป ดังนั้นเขาจึงไม่ตกใจมากเมื่อพวกเขาปรากฏตัวเหมือนคู่รัก
กู้หนิงยิ้มเล็กน้อย “ดีใจที่ได้เจอเช่นกันค่ะ นานมากที่ไม่ได้เจอ”
“ใช่ๆ เอ้อ ว่าแต่คุณจะอยู่เมืองหลวงนานไหม ตอนนี้ผมว่าง ให้ผมเป็นไกด์พาคุณ…” อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาก็ได้รับสายตาเย็นชาจากเลิ่งเชาถิง ซู่จินเฉินตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าตอนนี้กู้หนิงเป็นแฟนของเจ้านายของเขา และเจ้านายของเขาดูแลเธอเป็นอย่างดีอยู่แล้ว
“เชาถิง!” ซู่ฉินหยินเรียกเลิ่งเชาถิง เธอชื่นชมคนระคนกริ่นเกรง
“สวัสดีค่ะคุณเลิ่ง” ฉิวอี้ซินทักทายเลิ่งเชาถิงอย่างสุภาพ เธอไม่ได้แสดงอาการชมชอบเขาต่อหน้า
เลิ่งเชาถิงกวาดตาพวกเธอพร้อมพยักหน้าเบาๆแทนการตอบรับ เขาคุ้นเคยซู่ฉินหยินแต่ไม่คุ้นเคยฉิวอี้ซิน
“เชาถิง นี่แฟนนายเหรอ?” ซู่ฉินหยินมองไปที่กู้หนิงและจงใจถาม
“ใช่” เลิ่งเชาถิงรับคำเสียงหนักแน่น
แม้ว่าพวกเขาจะรู้คำตอบแล้ว แต่ก็ยังแปลกใจเล็กน้อยที่เลิ่งเชาถิงยอมรับด้วยตัวเอง โดยเฉพาะฉิวอี้ซิน หัวใจของเธอเจ็บปวดเล็กน้อย แต่ใบหน้าของเธอสงบราบเรียบ
“สวัสดีจ้ะ ฉันชื่อซู่ฉินหยิน เป็นลูกพี่ลูกน้องของซู่จินเฉิน ฉันขอทราบชื่อของเธอได้ไหม” ซู่ฉินหยินกล่าวกับกู้หนิง ซู่ฉินหยินไม่รู้ว่าฉิวอี้ซินชอบเลิ่งเชาถิง และเธอไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของพวกเขา ถ้าเลิ่งเชาถิงและฉิวอี้ซินชอบพอกัน ซู่ฉินหยินจะสนับสนุนพวกเขาอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้เลิ่งเชาถิงมีแฟนอยู่แล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถทำอะไรกับมันได้
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อกู้หนิงค่ะ” กู้หนิงตอบกลับสุภาพ
กู้หนิงวางตัวสง่างามและดูไม่เหมือนวัยรุ่นเลยซึ่งทำให้ฉิวอี้ซินและซู่ฉินหยินประทับใจเป็นอย่างมาก
“กู้หนิง นี้เพื่อนสนิทของฉัน ฉิวอี้ซิน” ซู่ฉินหยินแนะนำฉิวอี้ซินแก่กู้หนิง
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ คุณกู้!” ฉิวอี้ซินเปิดปากของเธอก่อน เธอไม่ได้มองกู้หนิงเป็นศัตรูเพียงเพราะเธอเป็นแฟนของเลิ่งเชาถิง แม้ว่าเธอจะชอบเลิ่งเชาถิง และรู้สึกเศร้าที่เขามีแฟนแล้ว แต่เธอก็เป็นผู้หญิงที่มีการศึกษาดีและมีมารยาทที่ดี เธอจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของพวกเขาเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ