ตอนที่ 91: ใจร้าย?
เธอไม่กลัวว่าเขาจะค้นตัวเธอ แต่เธอไม่อยากตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เมื่อกู้หนิงกลับไปที่โรงเรียน เหลือเวลาอีกห้านาทีคาบบ่ายก็จะเริ่ม กู้หนิงจึงรีบวิ่งไปเข้าห้องเรียน
เธอกำลังจะเข้าตึกเรียน จู่ๆก็มีคนมายืนขวางทางเธอไว้ ถ้าเธอหยุดไม่ทันคงชนเข้าอย่างจัง
เมื่อเห็นว่าคนคนนั้นคือฉินเจิ้ง กู้หนิงก็หัวเสีย เธอเบี่ยงตัวหลบเขา
“กู้หนิง คุยกันหน่อยได้ไหม?” ฉินเจิ้งถามเธอ
กู้หนิงไม่ตอบข้อความเขากลับตั้งแต่วันศุกร์ที่แล้ว เขาหงุดหงิดแต่ก็อดเป็นห่วงเธอไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงส่งข้อความหาเธออีกวันเสาร์
ผลก็เหมือนเดิม เธอไม่ตอบกลับ
ฉินเจิ้งจึงโทรหากู้หนิงโดยตรง แต่ปรากฏว่าเธอบล็อกเบอร์เขา เขาโมโหเธอมาก เขาจึงตัดสินใจไม่สนใจเธออีก
เมื่อวานเขาไม่เห็นกู้หนิงที่โรงเรียน เขาอยากจะถามมู่เค่อเรื่องนี้ แต่รู้สึกละอายที่จะถาม และเขาก็ได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานจากกู้เซียวเซียว
“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับนาย” กู้หนิงตอบเสียงห้วน เธอหลบไปอีกทางแต่ก็ถูกเขาขวางเอาไว้
รังสีเย็นชาแผ่ออกมาจากตัวกู้หนิงพุ่งเข้าใส่ฉินเจิ้ง “กู้หนิง ทำไมเธอถึงใจร้ายแบบนี้? ฉันแค่อยากจะช่วยเรื่องที่เธอถูกไล่ออกจากบ้าน”
“ฉันใจร้าย? ช่วยฉัน?” ได้ยินแบบนั้นกู้หนิงก็หัวเราะสะใจ เธอมองเขาอย่างไม่ชอบใจนัก
“ฉินเจิ้ง เคยมีคนบอกนายไหมว่านายมันอวดดี?”
“เธอ...” ฉินเจิ้งหงุดหงิดที่ถูกกู้หนิงปรามาส เขาต้องการช่วยเธอจริงๆ แต่เธอกลับบอกว่าเขาอวดดี
เห็นได้ชัดว่าฉินเจิ้งไม่เข้าใจความหมายของคำพูดกู้หนิง
“ที่ฉันใจร้ายก็เพราะฉันไม่อยากคุยกับนาย ไม่อยากได้ความช่วยเหลือจากนายเลยสักนิด นายอยากจะช่วยคนที่เขาไม่ได้ขอให้ช่วย ไม่ฟังดูตลกไปหน่อยหรอ?” กู้หนิงไม่ลังเลที่จะพูดเสียดสีเขา
“กู้หนิง เธอ...” ใบหน้าฉินเจิ้งเปลี่ยนเป็นสีแดง แววตาของเขาฉายความโกรธ
“อยู่ให้ห่างจากฉัน ไม่อย่างนั้นนายเจอดีแน่” กู้หนิงขู่เขาแล้วเดินจากไป
ฉินเจิ้งอยากจะตามไปคุยกับเธอให้รู้เรื่อง แต่คำขู่ของกู้หนิงทำให้เขาหยุดตามเธอ เขารู้สึกว่าเธอสามารถทำตามที่พูดได้
ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกหงุดหงิด เขาอยากจะสั่งสอนกู้หนิงให้ได้รับบทเรียน แต่เขาก็ไม่อยากให้มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับเธอ ความรู้สึกของเด็กหนุ่มผสมปนเปกันจนยุ่งเหยิง
ชั้นบน กู้เซียวเซียวมองกู้หนิงอยู่ตลอด เธอเห็นและได้ยินกู้หนิงคุยกับฉินเจิ้ง
กู้หนิงเมินกู้เซียวเซียว แต่เมื่อกำลังจะเดินผ่าน กู้หนิงก็หันไปส่งสายตายั่วยุ
กู้เซียวเซียวอยากจะฉีกทึ้งกู้หนิงออกไปชิ้นๆตรงนี้ แต่เธอไม่กล้า
ทำไม? ทำไมฉินเจิ้งถึงต้องการช่วยกู้หนิง? ในเมื่อตอนนี้เขาเป็นแฟนเธอแล้ว! หรือเขาจะชอบกู้หนิงขึ้นมาเพราะเห็นว่าเธอเปลี่ยนไป?
ไม่ เป็นไปไม่ได้!
ถึงกู้หนิงจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน เธอก็ยังเป็นเด็กสาวยากจนที่ไม่เหมาะสมกับฉินเจิ้งเลยสักนิด
ฉินเจิ้งหมุนตัวกลับมาและเห็นกู้เซียวเซียวยืนโกรธอยู่ตรงหน้าเขา เขารู้ทันทีว่าเรื่องอะไร
“เซียวเซียว อย่าโกรธฉันสิ ฉันแค่รู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้า ฉันเลยอยากจะช่วยกู้หนิง ไม่มีอะไรอย่างอื่น” ฉินเจิ้งอธิบาย
“แต่ตอนนี้เธอก็สบายดีแล้ว!” กู้เซียวเซียวแย้ง เธอไม่ได้ต่อว่าฉินเจิ้งตรงๆ เธอแค่ไม่อยากเห็นเขามาวอแวกู้หนิง
“ฉันรู้ว่ากู้หนิงไม่ได้เป็นอะไรแล้ว แต่เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะพวกเรา เธอรู้ใช่ไหมว่าฉันไม่ได้เป็นคนเลือดเย็น ที่ฉันทำเรื่องเลวร้ายทั้งหมดนี่ก็เพราะเธอ! เธอไม่ไว้ใจฉันเหรอ?” ฉินเจิ้งโกหกหน้าตาย
กู้เซียวเซียวรู้สึกดีขึ้นมาหลังจากฟังคำอธิบายของฉินเจิ้ง แต่เธอยังพูดเตือนเขาไว้ว่า
“อย่าพูดกับเธอหรือช่วยเธออีก เธอสมควรถูกไล่ออกจากบ้านแล้ว” ในสายตากู้เซียวเซียว กู้หนิงผิดเสมอ
“ได้ ได้ ชั่วโมงเรียนกำลังจะเริ่มแล้ว ไปกันเถอะ!” ฉินเจิ้งรับคำ เขาไม่ได้สังเกตตัวเองว่าความรู้สึกที่มีต่อกู้เซียวเซียวได้เปลี่ยนไปแล้ว
กู้เซียวไม่พูดอะไร ตอนนี้เธอยิ่งเกลียดกู้หนิงมากกว่าเดิม
หลังจากเลิกเรียนในชั่วโมงเย็น กู้หนิงก็ไม่ได้สังเกตเห็นเลิ่งเชาถิงที่ตามเธออีกครั้งถึงแม้จะมีนักเรียนสวมชุดนักเรียนอยู่เยอะแยะ แต่เลิ่งเชาถิงก็สามารถจำกู้หนิได้ในแวบแร
เขาเห็นว่าเธอไม่ได้ขึ้นรถบัสหรือนั่งแท็กซี่ แต่วิ่งกลับบ้านแทน เขาแปลกใจมาก เขารู้ว่ากู้หนิงรู้วิธีการต่อสู้ แต่มันก็อันตรายสำหรับเด็กสาววัยรุ่นที่จะวิ่งกลับบ้านในตอนกลางคืน
เลิ่งเชาถิงที่ตั้งใจจะเอาปืนคืนจากกู้หนิงในตอนแรกกลับรู้สึกเป็นกังวลเรื่องเธอ จู่ๆเขาก็ลืมจุดประสงค์ของเขา เขาต้องการตามไปปกป้องเธออย่างเงียบๆ
เลิ่งเชาถิงตามกู้หนิงจนกระทั่งมาถึงเฟิ่งหัวแมนชั่น
เธออาศัยอยู่ที่เฟิ่งหัวแมนชั่น?
เลิ่งเชาถิงจะเข้าไปหากู้หนิง แต่เธอหยุดทักทายชายวัยกลางคนคนหนึ่ง จากนั้นก็เดินเข้าไปข้างในพร้อมกับเขา
เลิ่งเชาถิงคิดว่าผู้ชายคนนั้นคงเป็นพ่อของกู้หนิง แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร เลิ่งเชาถิงก็จะไม่ปรากฏตัวออกมาตราบใดที่ยังมีคนอยู่กับเธอ
ดังนั้นเขาจึงตามเธอไปเงียบๆเพื่อดูว่าเธอพักที่โซนใด
ชายวัยกลางคนคนนั้นคือเจียงซู่ กู้ชิงอยากกินผลไม้ ดังนั้นเขาจึงออกไปซื้อ ขากลับก็บังเอิญพบกู้หนิง
ระหว่างเดิน เจียงซู่ก็บอกกู้หนิงเรื่องเช่าร้าน ค่าเช่าร้านห้าแสนหยวน เขาเซ็นสัญญาปีต่อปี ภายในร้านยังมีของอยู่เต็ม เจ้าของเดิมจึงต้องทำความสะอาดก่อน เขาขอเวลาเก็บกวาดถึงวันจันทร์หน้า
วันนี้เป็นวันอังคาร อีกห้าวันถึงจะถึงวันจันทร์ ในระหว่างนี้ เจียงซู่ต้องหาของมาลงหน้าร้าน และติดต่อโรงงานผู้ผลิต จ้างพนักงานและอื่นๆ
ตอนที่ 92: ทีมเรดเฟลม
สำหรับการจดทะเบียนบริษัท กู้หนิงยังคิดว่าถ้าใช้เครือข่ายน่าจะเร็วกว่า คนแรกที่เธอนึกถึงคือฉินอี้ฟาน
แต่ถ้าฉินอี้ฟานไม่ช่วย เธอก็หาทางอื่น
ส่วนรถ คนสูงอายุมักชอบเมอร์เซเดส-เบนซ์ หรือบีเอ็มดับบลิว เจียงซู่เห็นว่ารถยนต์ของกู้ฉินเซียงเป็นเมอร์เซเดส-เบนซ์ หลังจากนั้นเขาก็หลงรักเมอร์เซเดส-เบนซ์ ดังนั้นเขาจึงซื้อเมอร์เซเดส-เบนซ์เหมือนกัน เขาจ่ายไป 486,000 หยวนสำหรับรถ
กู้หนิงไม่พูดอะไรเรื่องนี้ ตราบใดที่เจียงซู่ชอบเธอก็ไม่ว่าอะไร
เจียงซู่ยังซื้อคอมพิวเตอร์ และพนักงานจะมาติดตั้งอินเทอร์เน็ตพรุ่งนี้ กู้หนิงจึงบอกเจียงซู่ให้มาช่วยเธอติตั้งอินเทอร์เน็ตที่บ้านเธอด้วย
กู้หนิงคิดว่าถ้ามีโน๊ตบุ๊คคงสะดวกสำหรับเธอมากกว่า
เลิ่งเชาถิงตามเธอมาจนมาถึงโซนจี เขาหยุดรอจนกระทั่งกู้หนิงเดินเข้าไปข้างใน
จากนั้นเลิ่งเชาถิงก็ขับรถเข้าไปในโซน C ตอนนี้เขาพักอาศัยอยู่ที่นี่
บ้านเดี่ยวหนึ่งหลังในโซน C มีพื้นที่อย่างน้อยสองร้อยตารางเมตร คนที่อาศัยอยู่โซนนี้ต้องระดับมหาเศรษฐีหรือเจ้าหน้าที่ทางการ จะว่าไปแล้วคนที่อาศัยในโซนวิลล่านั้นร่ำรวยมากหรือก็เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง
เลิ่งเชาถิงไม่ได้อาศัยอยู่ในเมือง F เขาจึงไม่มีบ้านที่นี่ บ้านในเฟิ่งหัวแมนชั่นเป็นของเพื่อนสนิทเขา ‘ซู่จินเฉิน’
ซู่จินเฉินไม่ได้อาศัยอยู่ที่เมือง F เช่นกัน เวลานี้เขาควรจะได้ไปเที่ยวพักผ่อน แต่ถูกบังคับให้มาจัดการธุรกิจบางอย่างที่นี่กับหัวหน้าของเขา ดังนั้นเขาจึงอาศัยอยู่ที่นี่ชั่วคราว
ขณะนี้ซู่จินเฉินสวมชุดสูทสีเทาอยู่บ้าน เขาเอนกายพิงโซฟาสีขาวกำลังดูโทรทัศน์ และกำลังบ่นถึงทักษะการแสดงของดาราชาย ดูเหมือนว่าเขากำลังบ่นพึมพำกับตัวเอง
เขาไม่ค่อยมีเพื่อนในเมือง F เขามาที่นี่เพื่อทำงาน ไม่มีสิ่งบันเทิง ดังนั้นเขาจึงทำได้แต่นั่งดูทีวีอยู่บ้านและพูดกับตัวเอง
ซู่จินเฉินเกือบจะเกลียดเลิ่งเชาถิง เลิ่งเชาถิงแทบไม่แวะมาหาเขาเลย ไม่รู้ตอนนี้เลิ่งเชาถิงอยู่ไหน ซู่จินเฉินเลยรู้สึกเบื่อ
ช่างเถอะ ต่อให้เลิ่งเชาถิงอยู่ที่นี่ เขาก็ไม่ค่อยพูด แต่อย่างน้อยซู่จินเฉินก็ไม่ได้อยู่คนเดียวลำพัง
ถ้าไม่ใช่เพราะงาน ป่านนี้เขาคงมีแฟนไปเรียบร้อยแล้ว
คิดแบบนั้นซู่จินเฉินก็เจ็บปวดที่เห็นฉากจูบในทีวี
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังจากด้านนอก ซู่จินเฉินรู้ว่าเป็นเลิ่งเชาถิง เขาเหยียดหลังนั่งตัวตรง
ในฐานะที่เป็นนายทหาร เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้บังคับบัญชาเขาจำเป็นต้องวางตัวให้อยู่ในระเบียบ ไม่อย่างนั้นเขาอาจถูกตำหนิหรือลงโทษ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ถูกลงโทษและฝึกฝนโดยเลิ่งเชาถิง แต่มันก็ทรมานเหมือนกันเพราะเขาโหดร้ายเกินไป ซู่จินเฉินไม่อยากทรมานตัวเอง
“เชาถิง นายไปไหนมา?” ซู่จินเฉินเอ่ยถาม
“ไม่ใช่เรื่องของนาย” เลิ่งเชาถิงตอบ
ซู่จินเฉินกรอกตามองบน
เขารู้ดีว่าเลิ่งเชาถิงถ้าไม่เต็มใจบอก ต่อให้ง้างปากก็ไม่มีทางพูด ดังนั้นเขาจึงหุบปาก
เลิ่งเชาถิงเปลี่ยนมาสวมรองเท้าใส่ในบ้าน จากนั้นก็เดินขึ้นบันไดไป ดูเหมือนว่าเขาไม่ต้องการพูดกับซู่จินเฉิน ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบซู่จินเฉิน แต่เขาเป็นคนไม่ค่อยพูด ทุกคนที่รู้จักเขาเคยชินกับนิสัยของเขาแล้ว
จู่ๆเลิ่งเชาถิงที่เดินไปได้ครึ่งทางก็หยุดเดิน เขาหันมามองซู่จินเฉิน
“ฉันจะอยู่ที่บ้านนายสักพัก เตรียมเสื้อผ้าไว้ให้ด้วย”
เลิ่งเชาถิงเป็นคนที่เลือกเสื้อผ้าได้แย่สุดๆ เขาสวมแต่เครื่องแบบทหารหรือไม่ก็ชุดสีดำ อีกอย่างครอบครัวของซู่จินเฉินเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเสื้อผ้า ดังนั้นเขาแค่โทรกริกเดียว เสื้อผ้าชุดใหม่ก็มาส่ง
“อะไรนะ?”
ซู่จินเฉินทำตาโต เขาไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน เขาไม่ได้ตกใจที่เลิ่งเชาถิงไม่เตรียมเสื้อผ้ามาด้วย แต่เป็นเพราะว่าเลิ่งเชาถิงจะอยู่ที่นี่สักพัก
เกิดอะไรขึ้น? หรือในที่สุดเขาก็อยากพักร้อนขึ้นมาแล้ว?
เลิ่งเชาถิงเข้าใจได้ว่าทำไมซู่จินเฉินถึงตกใจ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาหันหน้ากลับมาและเดินขึ้นบันไดต่อไป
ในที่สุดซู่จินเฉินก็ดึงสติกลับมาได้ เขายิ้มออกมา เขามีความสุขที่เห็นเลิ่งเชาถิงต้องการหยุดพัก โดยเฉพาะสมาชิกทีมเรดเฟลมทั้งหมดจะต้องตื่นเต้นที่ได้ยินข่าวนี้
ที่จริงแล้วมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ทีมเรดเฟลมต้องจัดการ จริงอยู่เลิ่งเชาถิงในฐานะกัปตันไม่จำเป็นต้องจัดการทุกอย่างด้วยตนเอง ทุกคนในทีมมีอำนาจสูงสุดด้วยตัวเขาเอง แต่ชีวิตของเลิ่งเชาถิงนั้นยุ่งอยู่กับการทำงาน หากภารกิจไม่อันตรายเขาสามารถหลบออกมาดูเฉยๆได้ แต่ถ้าอันตรายมากเขาจะเข้าร่วมอย่างแน่นอน
พวกเขาสามารถมีวันหยุดหนึ่งหรือสองเดือนต่อปี แต่เลิ่งเชาถิงไม่เคยมีวันหยุด
ดังนั้นเลิ่งเชาถิงจึงใช้ชีวิตอยู่ในที่อันตรายและมีชีวิตที่น่าเบื่อ แม้แต่เพื่อนร่วมทีมของเขาก็ไม่สามารถทนได้ หลายคนเกลี้ยกล่อมเลิ่งเชาถิงให้หยุดพักผ่อนบ้าง แต่เขาไม่ฟัง
ในเมื่อเลิ่งเชาถิงตัดสินใจหยุดพัก ซู่จินเฉินคนนี้จะเป็นคนพากัปตันไปผ่อนคลายเอง
ว่าด้วยเรื่องทีมเรดเฟรม
ทีมเรดเฟรมเป็นทีมทหารระดับสูงสุดในประเทศ แม้ว่าจะอยู่ภายใต้รัฐบาล แต่ก็ไม่ได้ถูกควบคุม จึงถือว่าทีมมีอิสระอย่างแท้จริง
นั่นเป็นเพราะทีมเรดเฟลมมีความแข็งแกร่งและจงรักภักดีต่อประเทศ เมื่อประเทศเผชิญกับภัยคุกคามใดๆ ทีมเรดเฟรมจะเป็นทีมแรกที่ปกป้องประเทศ
แม้ว่าจะมีคนเพียงสิบสองคนในทีมเรดเฟรม แต่ละคนนั้นมีความแข็งแกร่งและมีพลังมาก ยิ่งไปกว่านั้นสมาชิกทุกคนในทีมเรดเฟลมต่างก็มีตำแหน่งทางทหารระดับสูง ทั้งยังรับผิดชอบดูแลกองทัพอีกด้วย
เลิ่งเชาถิงเป็นนายทหารยศพลตรี เขาเป็นพลตรีที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์
ที่เขาสามารถไต่เต้าเป็นพลตรีได้ไม่ใช่เพราะเขามีครอบครัวที่ทรงอำนาจ แต่เพราะความสามารถที่โดดเด่นไม่ธรรมดาของเขาเอง
ส่วนซู่จินเฉิน เขามียศพันโทที่มีผลงานมากมาย แต่อยู่ภายใต้การนำของเลิ่งเชาถิง ดังนั้นความสามารถของเขายังไม่อาจเทียบเคียงเลิ่งเชาถิงได้
สรุปแล้วไม่มีใครในเรดเฟรมจะไม่ชื่นชมและเชื่อฟังเลิ่งเชาถิง ถึงแม้ซู่จินเฉินจะมียศต่ำกว่าเลิ่งเชาถิง แต่ช่องว่างนั้นแตกต่างกันมาก
เลิ่งเชาถิงเป็นกัปตันทีม ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องบอกใครเรื่องที่เขาจะหยุดพักผ่อน ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น คนในทีมจะโทรเรียกเขาเอง
กู้หนิงกับเจียงซู่ตรงไปที่บ้านกู้หนิง เพราะกู้ชิงและเจียงซินหยูอยู่ที่นั่น
เจียงซินหยูอยู่ม.3 ความจริงแล้วเธอควรจะเรียนตอนเย็น แต่พ่อแม่ของเธอเป็นห่วงความปลอดภัย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สมัครชั้นเรียนตอนเย็นให้เธอ