Your Wishlist

จอมยุทธ์เจ้ายุทธจักร (ทำลายแผนการดอยตะวัน)

Author: หยกเหินลม

เมื่อยุทธภพแบ่งออกเป็นสอง มารยึดครองยุทธจักร คัมภีร์ยุทธ์ที่สาบสูญกลับคืนสู่บู๊ลิ้ม บุญคุณความแค้นรอการสะสาง หนี้เลือดต้องล้างด้วยเลือด เด็กน้อยผู้หนึ่งจะก้าวขึ้นมาเป็นเจ้ายุทธจักรได้เช่นไร หนึ่งคัมภีร์สยบกระบวนท่า หนึ่งเคล็ดวิชาดรรชนี สุริยันจันทราปรากฏในปถพี สยบไปหมื่นลี้ร้อยมณฑล

จำนวนตอน :

ทำลายแผนการดอยตะวัน

  • 13/08/2565

ตอนที่ 29

ทำลายแผนการดอยตะวัน

เมื่อสิ้นเสียงของซื่อเหมี่ยนซึ่งอยู่ในฐานะผู้เฒ่าลำดับแปดหว่านฉี บรรดาขอทานทั้งหลายต่างขยับเปิดทางให้กับทั้งสองผู้เฒ่าได้เดินไปยังเวที ในตอนแรกบรรดาขอทานทั้งหลายได้โอบล้อมซื่อเหมี่ยนกับอี้เซินเอาไว้ ตามคำสั่งของทั้งสามบนเวทีซึ่งให้จัดการกับทั้งสองผู้เฒ่าโดยพลันด้วยเกรงว่าความจะแตก เพื่อต้องการให้ความจริงได้ปรากฏ ระหว่างสองผู้เฒ่าบนเวทีกับสองผู้เฒ่าด้านล่างผู้ใดกันแน่ที่เป็นตัวปลอม ขอทานทั้งหลายจึงรีบเปิดทางให้กับผู้เฒ่าทั้งสองได้ขึ้นไปบนเวทีโดยสะดวก       

เมื่อทางสะดวกมิมีขอทานคนใดขัดขวาง ซื่อเหมี่ยนกับอี้เซินในคราบของผู้เฒ่าลำดับแปดกับกับผู้เฒ่าลำดับเจ็ด ทั้งสองต่างเกร็งลมปราณลงสู่ขาสองข้างผ่านเข้าสู่ฝ่าเท้าทั้งสอง พร้อมออกแรงเบา ๆ กระโดดลอยตัวรวดเดียวบรรลุถึงกึ่งกลางเวทีนับว่าวิชาตัวเบามิต่ำช้าเลยทีเดียว เมื่อทั้งสองทิ้งร่างลงกลางเวทีที่อยู่ห่างจากสามคนซึ่งยืนอยู่ก่อนไม่มากนัก ทั้งสองจึงได้เห็นใบหน้าโดยชัดเจนของคนทั้งสามบนเวที สองผู้เฒ่าตัวปลอมดูแล้วคาดเดาอายุได้น่าจะไม่เกินสี่ห้าสิบปี

ส่วนผู้ที่เรียกหาตนเองว่าเหยาจิ้งเฟย อายุไม่น่าจะเกินยี่สิบปีในความคาดเดาของซื่อเหมี่ยนกับอี้เซิน แต่เมื่อพิจารณาจากรูปร่างของเหยาจิ้งเฟยแล้วเพียงสูงกว่านางทั้งสองไม่ถึงครึ่งเชี๊ยะ รูปร่างเหยาจิ้งเฟยผู้นี้กลับดูบอบบางอรชรผิวพรรณยิ่งขับเน้นไปทางอิสตรีมากกว่าบุรุษเสียด้วยซ้ำ วงพักตร์เรียวได้รูปคิ้วโก่งตาแวววาวสุกใสแฝงความเจ้าเล่ห์อย่างร้ายกาจ พร้อมกันนั้นเหนือริมฝีปากบางเฉียบอวบอิ่มจนดูระเรื่อปกคลุมไปด้วยหนวดบาง ๆ แต่เมื่อพิจารณาโดยชัดเจนทั้งสองดูออกโดยทันทีว่านั่นเป็นหนวดปลอม โดยรวมแล้วซื่อเหมี่ยนกับอี้เซินพอจะสรุปได้ว่า เหยาจิ้งเฟยผู้นี้แม้กล่าวว่าตนเองเป็นบุรุษแต่แท้จริงคล้ายดรุณีเสียเก้าส่วน

เมื่อซื่อเหมี่ยนกับอี้เซินทั้งสองยืนอยู่บนเวที จึงเห็นว่าพื้นที่ด้านล่างเป็นพื้นดินขนาดใหญ่ มองออกไปล้วนชุมนุมไปด้วยบรรดาขอทานไม่น่าจะต่ำกว่าพันคน บัดนี้เหล่าขอทานทั้งหลายต่างลุกขึ้นยืนจนหมดสิ้นพร้อมขยับก้าวเท้าเข้ามาชิดติดกับเวทีมากยิ่งขึ้น เพื่อพวกเขาจะได้เห็นว่าบนเวที ฝ่ายใดกันแน่ที่แอบอ้างปลอมเป็นผู้เฒ่าลำดับแปดหว่านฉีกับผู้เฒ่าลำดับเจ็ดเยิ่นเหมา

ในเวลานี้เหยาจิ้งเฟยกับสองผู้เฒ่าตัวปลอมต่างยังมิกล้ากระทำเช่นไร ทั้งสามเองต้องการทราบเช่นกันในเมื่อผู้เฒ่าทั้งสองกับผู้ติดตามอีกผู้หนึ่ง ได้ถูกมารธุลีต้าเอ่อคากับมารนภาหม่าจิ้งเถา นั่นคือทั้งสองซึ่งยืนอยู่บนเวทีพร้อมกับมือดีอีกห้าคนของสำนักมารสวรรค์ ลอบทำร้ายและนำร่างไปทิ้งยังชายป่า ก่อนเดินทางเข้าสู่เมืองลั่วหยางเมื่อหลายวันก่อน

ดังนั้นทั้งสามคนบนเวทีย่อมดูออกเช่นกันว่า สองผู้เฒ่าที่ขึ้นมาบนเวทีล้วนเป็นตัวปลอมเช่นกัน สถานการณ์ในเวลานี้ขึ้นอยู่กับผู้ใดจะเปิดเผยศักดิ์ศรีที่แท้จริงของฝ่ายตรงข้ามได้ก่อนกัน ด้านเหยาเยี่ยนผิงในคราบของเหยาจิ้งเฟยดีดลูกคิดรางแก้วในใจเป็นมั่นเหมาะ ว่านางจะเปิดเผยฐานะที่แท้จริงของสองผู้เฒ่าปลอมให้รวดเร็วที่สุดเท่าที่จะกระทำได้ แล้วใช้บรรดาขอทานทั้งหลายที่มีจำนวนมากเป็นเครื่องมือ หยิบยืมมือขอทานเหล่านั้นให้จัดการกับขอทานเฒ่าทั้งสองโดยที่นางมิต้องลงมือเอง ส่วนนางเพียงยืนอยู่บนภูดูพยัคฆ์ห้ำหั่นกันแล้วค่อยหยิบฉวยผลประโยชน์ในภายหลังโดยมิต้องออกแรงให้สิ้นเปลือง

ทางด้านซื่อเหมี่ยนกับอี้เซินนางทั้งสองมิใช่คนเจ้าเล่ห์มากเหลี่ยมเท่าใดนัก แต่ด้วยสถานการณ์จำเป็นบังคับให้นางทั้งสองต้องขบคิดว่าจะทำเช่นไร ที่จะยับยั้งแผนการชั่วและทำให้เหตุการณ์ในค่ำคืนนี้ผ่านพ้นไปด้วยดี โดยไม่มีขอทานผู้หนึ่งผู้ใดต้องได้รับอันตรายหรือบาดเจ็บและเสียชีวิตลงอีกเช่นผู้เฒ่ารักษากฎทั้งสอง และที่สำคัญไปกว่านั้นผลแพ้ชนะครานี้ยังส่งผลต่อความอยู่รอดของบรรดาขอทานน้อยใหญ่ด้วย มาตรว่านางทั้งสองกระทำผิดพลาดไม่สำเร็จ ดั่งที่จ่านจือตั้งใจและได้รับปากขอทานพเนจรหวงเกาฉือเอาไว้ก่อนหน้านั้น หากบรรดาขอทานถูกใช้เป็นเครื่องมือในการสนับสนุนพรรคมารขึ้นเป็นผู้นำชาวยุทธ์ นั่นถือว่าเป็นความอัปยศครั้งใหญ่หลวงของขอทานทั่วแผ่นดิน

แต่ถึงกระนั้นนางทั้งสองยังไม่กังวลมากนัก ด้วยทราบว่าถือหมากเหนือกว่าอยู่ตาหนึ่ง โดยที่ฝ่ายศัตรูหาทราบไม่ ว่าหมากตานั้นก็คือท่านผู้เฒ่าลำดับเก้าทิกว่อนั่นเอง สามคนบนเวทีเข้าใจว่าท่านได้ตกเขาเสียชีวิตไปตั้งแต่เมื่อค่ำคืนวานแล้ว อีกทั้งยังมีตัวแปรสำคัญที่จะทำให้หมากตานี้เหนือชั้นขึ้นไปอีก ตัวแปรที่ว่ามิใช่ผู้ใดแต่เป็นจ่านจือนั่นเองและเขาเป็นผู้ที่เดินหมากตานี้

ผลแพ้ชนะขึ้นอยู่ที่ผู้เดินหมากว่าจะฉลาดปราดเปรื่องเพียงใดในการเดินหมาก เวลาที่เหลือซื่อเหมี่ยนกับอี้เซินนางทั้งสองเพียงรอคอย ว่าจ่านจือจะสามารถพาตัวท่านผู้เฒ่าลำดับเก้าทิกว่อมาทันเวลาหรือไม่  หากว่ามาไม่ทันเขาจะต้องเป็นผู้พลิกแพลงหมากตานี้ นางทั้งสองรู้แน่ว่าเขาเป็นคนฉลาดหลักแหลม แม้ภายนอกอาจจะดูซื่อ ๆ ทึ่ม ๆ แต่ทว่าภายในบุรุษน้อยผู้นี้ มักจะคิดแผนการล่วงหน้าไปก่อนก้าวหนึ่งเสมอ

มิเพียงแต่จ่านจือกับนางทั้งสองที่ทราบว่าหมากสำคัญคือผู้เฒ่าลำดับเก้าทิกว่อ แม้แต่เหยาเยี่ยนผิงซึ่งมากเล่ห์ร้อยเหลี่ยมแถมยังฉลาดหลักแหลมอย่างหาตัวจับยาก นางย่อมทราบเช่นกันว่าหมากสำคัญในกระดานนี้เป็นผู้เฒ่าลำดับเก้าทิกว่อ ดังนั้นจึงให้มารธุลีต้าเอ่อคากับมารนภาหม่าจิ้งเถาลงมือเก็บหมากตานี้เสียก่อน โดยให้สองมารฟ้าดินหรืออีกชื่อหนึ่งคือมารนภากับมารธุลีลงมือสังหารจนตกหุบเขาไปตั้งแต่ค่ำคืนก่อน ส่วนนางเองเพียงเป็นผู้เดินหมากเท่านั้นสำหรับนางแล้วตัวแปรสำคัญ ที่จะทำให้มีโอกาสพ่ายแพ้สูงถึงเก้าในสิบส่วน นั่นก็คือท่านขอทานพเนจรหวงเกาฉือนั่นเอง

ดังนั้นนางจึงส่งข่าวไปยังมารดานั่นคือนางมารเยือกเย็นเหยาเยี๊ยะเหยียน เจ้าสำนักมารสวรรค์ให้นางลงมือร่วมกับท่านน้านามอั้งเซี้ยะเปา ปลอมตัวเป็นสองนางชีของอารามอเทวตา หลอกล่อชักพาท่านขอทานพเนจรให้ออกนอกเส้นทาง โดยชักนำขอทานพเนจรหวงเกาฉือไปยังสถานที่พำนักของนางชีเทวราชชิ้วโส่ว สถานที่ต้องห้ามของบรรดาชาวยุทธ์ทั้งหลาย หากเกิดมีการประมือกันขึ้นไม่แน่นัก ว่าท่านขอทานพเนจรหวงเกาฉือจะสามารถรับมือกับนางชีเทวราชชิ้วโส่วได้ ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามแผนการของเหยาเยี่ยนผิง แต่นางหาทราบไม่ว่าขอทานพเนจรบังเอิญไปแอบได้ยินการสนทนา ระหว่างนางมารเยือกเย็นเหยาเยี๊ยะเหยียนกับอั้งเซี้ยะเปาเข้า เกี่ยวกับแผนต่ำช้าวางยาในวันชุมนุมชาวยุทธ์ที่เส้าหลิน

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เพิ่งได้ข่าวว่านางชีเทวราชชิ้วโส่ว นางสำเร็จสุดยอดวิชาเก้าชโลทรขั้นที่เก้าเรียบร้อยแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นขั้นสูงสุดยอดของวิชาเก้าชโลทรอันเลื่องลือ อีกทั้งนางยังมีวิชาดรรชนีเทวะอันร้ายกาจเป็นหนึ่งในวิชาดรรชนีทั้งหมดที่มีอยู่ในยุทธภพ และวิชาทำนายทายทักของนางยังนับว่าล้ำเลิศในใต้หล้า ยังไม่เพียงเท่านี้ในอารามอเทวตาของนางชีเทวราชชิ้วโส่ว ยังมีนางชีอีกแปดนางซึ่งมีวิชาฝีมือสูงสุดยอดที่ผ่านมาสิบกว่าปีเก็บตัวอยู่แต่ในอาราม ใช้เวลาทั้งหมดฝึกปรือฝีมือมิเคยออกมาข้องแวะกับเรื่องราวในบู๊ลิ้ม

หากว่าคราครั้งนี้นางมารเยือกเย็นเหยาเยี๊ยะเหยียนเจ้าสำนักมารสวรรค์ สามารถชักนำคนของอารามอเทวตาให้ออกมาพัวพันกับเรื่องราวในยุทธภพได้สำเร็จ เท่ากับเพิ่มสำนักมารอันกล้าแกร่งเข้มแข็งขึ้นมาอีกสำนักหนึ่ง การแก่งแย่งช่วงชิงผู้นำชาวยุทธ์ในครั้งนี้ ฝ่ายธัมมะคงต้องสิ้นเปลืองแรงไปไม่น้อยโดยที่ยังไม่แน่นักว่าจะได้รับชัยชนะ

นอกจากนั้นเหยาเยี่ยนผิงในฐานะนายน้อยแห่งสำนักมารสวรรค์ นางยังทราบมาอีกว่ามารดาของนางเดินหมากอีกหนึ่งกระดาน โดยได้ลอบวางแผนการร่วมกับอาคันตุกะชุดดำลึกลับผู้หนึ่ง ซึ่งเหยาเยี่ยนผิงเองยังมิเคยเห็นหน้าตามาก่อนว่าแท้จริงแล้วเป็นผู้ใด คนชุดดำที่กล่าวถึงมีความเป็นมาลึกลับไม่เปิดเผยมาก่อน ทุกครั้งที่ชุดดำผู้นั้นมาพบกับนางมารเยือกเย็นเหยาเยี๊ยะเหยียน คนผู้นั้นจะแต่งกายด้วยชุดดำอำพรางปกปิดใบหน้าทุกครั้ง จะคุ้นหูอยู่บ้างมีเพียงน้ำเสียงเท่านั้น

เมื่อห้าปีก่อนเหยาเยี่ยนผิงเคยเดินทางไปพบกับคนผู้นี้ที่หมู่บ้านเย้ยอรุณ ครั้งนั้นนางปลอมเป็นบุรุษเข้าไปในงานอวยพรครบรอบวันเกิดของหลิวกงกงแห่งหมู่ตึกกระเรียนฟ้า หลังจากออกจากงานอวยพรครบรอบวันเกิดหกสิบปีของท่านหลิวซุ่นกงกงแล้ว หลังจากนั้นไม่กี่วันนางมารเยือกเย็นมารดาส่งข่าวมาว่า ไม่สามารถไปพบกับชุดดำผู้นั้นได้ จึงให้เหยาเยี่ยนผิงเป็นตัวแทนเดินทางไปพบ พร้อมกับฝากคำพูดไปบอกกล่าวย้ำว่าทุกอย่างยังคงดำเนินไปตามแผนที่วางไว้ ซึ่งเยี่ยนผิงเองในตอนนั้นยังมิทราบว่าแผนการอันใด เพิ่งมากระจ่างเมื่อนางมารเยือกเย็นคิดชิงตำแหน่งผู้นำชาวยุทธ์ในครั้งนี้ แผนการใหญ่นั่นคือยึดครองยุทธภพนั่นเอง

แผนการแรกที่ต้องกระทำเร่งด่วนคือทำการกวาดล้างค่ายพรรคสำนักของฝ่ายธัมมะไปทีละสำนัก หากแม้นว่าค่ายพรรคสำนักใดยอมสิโรราบและยอมสวามิภักดิ์จะให้คงอยู่ต่อไป แต่จะต้องเปลี่ยนชื่อสำนักมาเป็นสาขาของพรรคมารสวรรค์อย่างลับ ๆ และคอยเป็นหูเป็นตาสอดส่องสืบหาข่าวคราวทำตัวใกล้ชิดกับค่ายพรรคสำนักฝ่ายธัมมะที่เหลือ เพียงเท่านี้หากฝ่ายธัมมะมีการเคลื่อนไหวใด ๆ ล้วนมิอาจเล็ดรอดหูตาของสำนักมารสวรรค์ไปได้

สองวันมานี้เหยาเยี่ยนผิงได้ข่าวมาว่า พรรคไผ่หลิวซึ่งตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเมืองลั่วหยางถูกมารขลุ่ยเงินคร่าวิญญาณเยิ่นหว่อถิง มารน้อยอายุเยาว์ที่เพิ่งเผยชื่อออกมา ก่อนหน้านั้นเมื่อห้าปีก่อนเหยาเยี่ยนผิงเคยพบพานมารน้อยผู้นี้มาแล้วครั้งหนึ่ง ในครั้งนั้นนางกับมารน้อยผู้นี้ได้ประลองบทกลอนกับบทเพลงโดยยังมิมีฝ่ายใดพ่ายแพ้หรือชนะ ด้วยนางต้องการติดตามสองเฮียม่วยแซ่เฟิ่นเกี่ยวกับตัวยาเก้าพิษกร่อนวิญญาณ จึงได้ล่าถอยหลบหนีออกจากโรงเตี้ยมแห่งนั้นมา

ในตอนนั้นผู้ที่นางประลองด้วยสวมใส่หน้ากากปีศาจจึงไม่อาจเห็นใบหน้า อีกทั้งยังไม่ทราบชื่อเสียงเรียงนามแต่ประการใด พอข่าวเรื่องที่มารน้อยผู้นี้บุกไปถล่มพรรคไผ่หลิวมาถึงหูนาง จึงได้ทราบว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันและมีฉายาว่ามารขลุ่ยเงินคร่าวิญญาณนามเยิ่นหว่อถิง แต่ที่นางยังมิทราบนั่นคือมารน้อยผู้นี้สังกัดค่ายพรรคมารใด

ข่าวที่ได้รับทราบมามารน้อยผู้นี้บุกไปพรรคไผ่หลิว พร้อมกับสามารถสยบเจ้าสำนักฝ่ายธัมมะพร้อมกันถึงสามสำนักอันได้แก่ พรรคไผ่หลิว สำนักเมฆฟ้าพิรุณ หุบเขาผาพยัคฆ์ขาว มารน้อยผู้นี้ลงมือทำร้ายประมุขพรรคไผ่หลิวเฉิงปู้กง เจ้าสำนักเมฆฟ้าพิรุณเหิงปี้ไป่ เจ้าหุบเขาผาพยัคฆ์ขาวมู่ชิวป้าบาดเจ็บสาหัส อีกทั้งศิษย์และคนในพรรคไผ่หลิวรวมร้อยสิบชีวิต ถูกบทเพลงอสูรดูดวิญญาณขับกล่อมด้วยปี้แป้กับพิณตายอนาถสุดทรมาน ที่หลงเหลือมีเพียงศิษย์เอกสามคนนั่นคือเหวินมู่ อวี้หว่อ เทียนจิ้ง แท้จริงแล้วทุกคนที่อาศัยอยู่พรรคไผ่หลิวในวันนั้นล้วนต้องสังเวยชีวิตให้กับมารน้อยผู้นี้หมดสิ้น เสียดายที่มีคนเร่งรุดไปช่วยเหลือเอาไว้ได้ทันท่วงที

ผู้ที่เร่งรุดไปช่วยเหลือมิใช่ผู้ใด นั่นคือขอทานพเนจรหวงเกาฉือนั่นเอง คิดว่าป่านนี้ยังคงช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้กับเจ้าสำนักทั้งสาม ดังนั้นเหยาเยี่ยนผิงจึงไม่ห่วงและกังวลอีกทั้งมั่นใจว่าขอทานพเนจรหวงเกาฉือ จะไม่สามารถเดินทางมาร่วมชุมนุมขอทานในค่ำคืนนี้ได้ทัน ดังนั้นตัวแปรที่ว่าจึงตัดทิ้งไปได้โดยปราศจากความกังวลแต่อย่างใด

แต่ทว่าคนคำนวณหรือจะสู้ชะตาฟ้ากำหนด ผู้ใดจะคาดคิดว่าหมากสำคัญที่จะตัดสินผลแพ้ชนะของหมากกระดานนี้ ซึ่งถูกสองมารฟ้าดินขจัดทิ้งลงหุบเขาไปเรียบร้อยแล้วนั้น  จะถูกจ่านจือตัวแปรสำคัญลงไปพบเห็นเข้า และได้นำร่างของผู้เฒ่าลำดับเก้าทิกว่อขึ้นมาโดยที่ท่านยังมีลมหายใจ พร้อมทั้งยังพบเจอหญ้ามังกรดำทำให้สามารถรักษาอาการบาดเจ็บของท่านได้รวดเร็วราวปาฏิหาริย์

จะกล่าวว่าเป็นวาสนาในคราเคราะห์ของผู้เฒ่าลำดับเก้าทิกว่อนับว่ามิผิดนัก การถูกทำร้ายตกหุบเขาของท่าน ทำให้จ่านจือพบเจอกับหญ้ามังกรดำใต้หุบเขาโดยบังเอิญ และสามารถนำหญ้ามังกรดำรักษาบาดแผลช่วยเหลือชีวิตท่านไว้ได้ในครั้งแรก ครั้งที่สองเขายังสามารถเข้าไปช่วยท่านออกมาจากซอกถ้ำไว้ได้ทันท่วงทีก่อนที่จะขาดอากาศหายใจ และที่สำคัญไปกว่านั้นท่านยังได้รู้จักกับจอมยุทธ์น้อยมากน้ำใจเช่นจ่านจือ อีกทั้งเขายังเป็นผู้คิดแผนการช่วยเหลือบรรดาขอทานในค่ำคืนนี้

จอมยุทธ์เกิดจากผู้กล้าและมานะบากบั่นฉันใด จ่านจือเองในเวลานี้ฉายแววจอมยุทธ์เห็นเด่นชัด และเป็นผู้ที่พร้อมจะผดุงคุณธรรมให้กับยุทธภพฉันนั้น หลังจากผ่านการขัดเกลาเคี่ยวกรำจนกล้าแกร่ง ดั่งเหล็กธรรมดาที่นำมาผ่านการเผาและตีจนกลายเป็นกระบี่คมกริบเล่มหนึ่ง หรือไม่อาจเปรียบได้กับเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่ผ่านการคัดเลือกมาเป็นอย่างดี ซึ่งเมล็ดพันธุ์ที่ว่านี้พร้อมจะเจริญงอกงามและเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาแก่ต้นไม้ต้นหญ้าเล็ก ๆ รวมถึงทุกสรรพสิ่งที่อาศัยอยู่โดยรอบ ดอกผลยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อีกอเนกอนันต์ และยังจะขยายเมล็ดพันธุ์สืบไปไม่สิ้นสุด

ซื่อเหมี่ยนกับอี้เซินเมื่อมั่นใจไม่รีบร้อนลนลาน ทราบแน่แก่ใจว่าทั้งสามคนบนเวทีจะยังมิกล้าลงมือผลีผลาม ดังนั้นอี้เซินจึงร้องกล่าวต่อเหล่าขอทานด้านล่างหน้าเวทีว่า

“รบกวนพี่น้องที่อยู่ด้านหน้าสี่ห้าท่าน ช่วยกรุณาขึ้นมาดูอาการท่านผู้เฒ่ารักษากฎทั้งสองว่าท่านยังมีชีวิตอยู่หรือไม่? หากท่านทั้งสองยังมีลมหายใจโปรดช่วยนำท่านลงไปดูแลรักษาอาการ ในเมื่อผู้เฒ่าทั้งสองบนเวทีกล่าวว่าท่านคือผู้เฒ่าลำดับแปดหว่านฉีกับผู้เฒ่าลำดับเจ็ดเยิ่นเหมาตัวจริง ย่อมแสดงว่าผู้เฒ่าทั้งสองกับสองผู้เฒ่ารักษากฎรวมถึงพี่น้องขอทานด่านล่างทั้งหมด ล้วนแล้วแต่เป็นพี่น้องขอทานด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้นท่านผู้เฒ่าทั้งสองบนเวทีย่อมยินดี หากท่านผู้เฒ่ารักษากฎทั้งสองยังคงมีลมหายใจ และคงมิมีเหตุผลใดที่จะไม่ให้พี่น้องทั้งหลายขึ้นมาช่วยนำตัวสองผู้เฒ่ารักษากฎลงไปใช่หรือไม่?”

เมื่ออี้เซินกล่าวกล่าววาจาจบขอทานด้านหน้าห้าหกคน รีบรุดขึ้นมาบนเวทีพร้อมกับนำร่างของท่านผู้เฒ่ารักษากฎทั้งสองลงจากเวทีไป ได้ยินเสียงขอทานหลายคนด้านล่าง ร่ำร้องดังขึ้นมาว่า

“ท่านผู้เฒ่าทั้งสองยังมีลมหายใจ ท่านผู้เฒ่ารักษากฎยังคงไม่ตาย”

ซื่อเหมี่ยนกับอี้เซินนางทั้งสองยินดียิ่ง เมื่อได้ยินว่าผู้เฒ่ารักษากฎทั้งสองยังไม่ตาย อย่างน้อยผู้เฒ่าทั้งสองยังมีโอกาสรักษาได้ นางทั้งสองพอทราบว่าจ่านจือพอมีความรู้เกี่ยวกับวิชาแพทย์อยู่บ้าง คงมีหนทางรักษาอาการบาดเจ็บให้แก่ผู้เฒ่ารักษากฎทั้งสอง หากว่านางทั้งสองทราบว่าแท้จริงจ่านจือได้รับการถ่ายทอดวิชาแพทย์จากผู้ใด นางทั้งสองคงจะยินดีและสบายใจมากมายกว่านี้อีกหลายเท่านัก

ทางด้านสองผู้เฒ่าลำดับแปดกับผู้เฒ่าลำดับเจ็ดตัวปลอม เมื่อได้ยินขอทานร่ำร้องออกมาเช่นนั้น ต่างอึดอัดขัดใจเก็บอารมณ์แทบไม่อยู่เลยทีเดียว ดีที่ว่าเหยาเยี่ยนผิงในคราบของเหยาจิ้งเฟยรีบส่งสายตาห้ามปรามเอาไว้ได้ทัน มิเช่นนั้นแล้วแผนการของเยี่ยนผิงคงพังพินาศลงในบัดดล

เยี่ยนผิงขบคิดในใจว่านางมิอาจดูแคลนขอทานปลอมทั้งสองตรงหน้าได้อีก มิได้คาดคิดว่าจากคำพูดของอี้เซินที่กล่าวออกมาเมื่อครู่ จะทำให้ตนเองและสองมารฟ้าดินมิกล้าด่วนลงมือโดยหักโหม มิฉะนั้นหากบรรดาขอทานที่มีเป็นจำนวนมาก พร้อมใจบุกเข้ามาโดยพร้อมเพรียงกันต่อให้เป็นยอดฝีมือยังหาทำเช่นไรได้ จึงได้แต่สงบเก็บอาการเอาไว้รอดูต่อไปว่าขอทานปลอมสองคนตรงหน้า  ซึ่งคือซื่อเหมี่ยนกับอี้เซินจะกระทำเช่นไรต่อไป ส่วนนางจะรอคอยจับปลาตอนน้ำขุ่นถือว่าประเสริฐสุด   

ซื่อเหมี่ยนกับอี้เซินเมื่อนางทั้งสองเห็นว่าผู้เฒ่ารักษากฎได้รับการช่วยเหลือลงไป ด้วยบรรดาขอทานด้านล่างอย่างปลอดภัยแล้ว ดังนั้นอี้เซินซึ่งตอนนี้อยู่ในฐานะผู้ของเฒ่าลำดับเจ็ดเยิ่นเหมา จึงส่งเสียงกล่าวกับขอทานทั้งหลายขึ้นว่า

“พี่น้องทั้งหลายโปรดฟังทางนี้ ข้าพเจ้าผู้เฒ่าทั้งสองมีเรื่องหนึ่งซึ่งจำเป็นจะต้องแจ้งแก่พี่น้องทั้งหลายให้รับทราบ ฟังจากพวกเขาสามคนนี้บ่งบอกออกมาว่า พวกเขาเดินทางมาจากทางใต้อีกทั้งยังได้รับคำสั่งโดยตรงจากท่านขอทานพเนจรหวงเกาฉือนั้น หาได้เป็นความจริงดั่งคำกล่าวของพวกเขาไม่ ข้าพเจ้าขอเรียนแก่พี่น้องทั้งหลายว่า ท่านขอทานพเนจรหวงเกาฉือท่านมิเคยเดินทางไปยังสถานที่ใด? สิบกว่าปีมานี้ท่านเดินทางท่องเที่ยวอยู่แต่ทางเหนือ เรื่องนี้ข้าพเจ้าผู้เฒ่าลำดับเจ็ดเยิ่นเหมากับผู้เฒ่าลำดับแปดหว่านฉีขอยืนยันว่าเป็นความจริง หากท่านขอทานพเนจรท่านเดินทางลงใต้จริงดั่งพวกเขากล่าว มีหรือที่ท่านจะไม่แวะเยี่ยมเยียมพี่น้องทั้งหลายถูกต้องหรือไม่?”

“ถูกต้องที่ผู้เฒ่าลำดับเจ็ดเยิ่นเหมากล่าวมาล้วนมิได้กล่าวเท็จ ข้าพเจ้าผู้เฒ่าลำดับแปดหว่านฉีกล้าเอาศีรษะบนบ่าเป็นประกัน หากว่าเรื่องที่ข้าพเจ้าทั้งสองกล่าวเป็นความเท็จเกี่ยวกับท่านขอทานพเนจรหวงเกาฉือบิดเบือนแม้เพียงครึ่งค่อนคำ  เราสองผู้เฒ่ายินยอมให้พี่น้องทั้งหลายหยิบฉวยศีรษะจากบ่าไปได้โดยมิขัดขืน อีกทั้งยังให้สับร่างเป็นหมื่นชิ้นได้ตามใจโดยไม่อาฆาตจองเวร  พี่น้องทั้งหลายน่าจะทราบว่าแม้แต่ผู้เฒ่าลำดับเก้าทิกว่อ ท่านยังไม่เคยทราบเกี่ยวกับเรื่องที่ท่านขอทานพเนจรหวงเกาฉือเดินทางลงใต้แม้แต่น้อย หรือว่ามีพี่น้องท่านใดเคยได้ยินผู้เฒ่าลำดับเก้าทิกว่อบอกกล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้”  

ซื่อเหมี่ยนกล่าวสนับสนุนคำพูดของอี้เซิน พร้อมกับบอกต่อบรรดาขอทานทั้งหลายว่า ขอเอาศีรษะกับชีวิตของนางทั้งสองเป็นเดิมพัน เมื่อนางทั้งสองกล่าวออกมาเช่นนี้ ทางฝ่ายของเยี่ยนผิงกับสองมารฟ้าดินรีบกล่าวแก้ต่างขึ้นทันทีว่า

“ท่านทั้งหลายที่ทั้งสองกล่าวมาล้วนเป็นเพียงลมปากหาได้มีหลักฐานยืนยันได้ไม่ ท่านทั้งหลายจะเชื่อได้เช่นไรว่าที่ทั้งสองพูดออกมาล้วนเป็นความจริง หากท่านทั้งหลายต้องการพิสูจน์ความจริงให้กระจ่าง ว่าขอทานโสโครกสองคนนี้ที่แท้จริงมีโฉมหน้าเป็นเช่นใด และมีจุดประสงค์ใดกันแน่? จึงกล้าอังอาจปลอมตัวเข้ามาก่อกวนในค่ำคืนนี้ เพื่อพิสูจน์ความจริงให้ปรากฏโดยพลัน เห็นทีจะต้องให้ท่านเหยาจิ้งเฟยลงมือกระชากหน้ากากมันสองคนในบัดดล”   

มารธุลีต้าเอ่อคากล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงดังกังวานและชัดเจน ทำให้ซื่อเหมี่ยนกับอี้เซินรับรู้ว่า คนทั้งสามเตรียมจะใช้กำลังเข้าจู่โจมเพื่อแย่งชิงความได้เปรียบ หากขืนชักช้าไปกว่านี้มาตรว่าขอทานทั้งหลายเอนเอียงมาทางนางทั้งสอง ทางฝ่ายของเหยาจิ้งเฟยต้องตกเป็นเบี้ยล่างอย่างแน่นอน และที่สำคัญแผนการที่วางไว้ทั้งหมดจะต้องล้มเหลวหมดสิ้น ดังนั้นเหยาจิ้งเฟยจึงลงมือจู่โจมเข้าหาซื่อเหมี่ยนกับอี้เซินโดยทันที       

ซื่อเหมี่ยนกับอี้เซินนางทั้งสองรีบถอยหลังไปสามก้าว พร้อมกับไม้เท้าทั้งสองเตรียมพร้อมรับกระบวนท่าจู่โจมของนายน้อย เหยาจิ้งเฟยเมื่อบรรลุถึงฝ่ามือทั้งสองพุ่งออก ใช้เคล็ดวิชาเถาวัลย์พันหลักตวัดรัดเกี่ยวไม้เท้าทั้งสองเอาไว้ พร้อมกับชักนำไม้เท้าทั้งสองมาทางด้านหลัง ขณะเดียวกันพลิกร่างตีลังกาข้ามศีรษะของทั้งสองไป ขณะที่ร่างลอยอยู่เหนือศีรษะก่อนจะตกลงสู่พื้นเวที สองฝ่ามือของเหยาจิ้งเฟยแผ่พุ่งออกอย่างเร่งร้อนรวดเร็ว        

อี้เซินกับซื่อเหมี่ยนขณะที่พุ่งร่างไปตามสภาวะไม้เท้าที่ถูกชักนำ ทั้งสองรับรู้ได้ถึงคลื่นพลังที่เกรี้ยวกราดของสองฝ่ามือซึ่งบัดนี้บรรลุถึงกลางหลังของทั้งสอง ดังนั้นนางทั้งสองรีบทิ้งร่างลงสู่พื้นเวทีพร้อมกับกลิ้งไปราวสองวา จึงสามารถหลบรอดฝ่ามือที่เกรี้ยวกราดของเหยาจิ้งเฟยไปได้โดยไม่ง่ายดายนัก ขณะที่เหยาจิ้งเฟยทิ้งร่างลงสู่พื้นซื่อเหมี่ยนกับอี้เซินทั้งสองรีบถลันลุกขึ้นตั้งหลักมั่น พร้อมกับไม้เท้าทั้งสองกวัดแกว่งแย่งชิงจังหวะเข้าหาเหยาจิ้งเฟยโดยหาหวั่นเกรงหวาดกลัวใด ๆ ไม่

หยกเหินลม/ชล ชโลทร

 

17 เมษายน 2564
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป