“คุณคิดว่าจะหนีจากฉันไปง่ายๆอย่างนั้นเหรอ? ชิ ชิ คุณฮัน คุณประเมินฉันต่ำไปจริงๆ” “ฉันจะตามล่าคุณจนเจอ แม้ว่าคุณจะพยายามซ่อนตัวจากฉันสุดล่าฟ้าเขียวแค่ไหนก็ตาม” เธอพูดพร้อมกับหัวเราะเยาะอย่างชั่วร้าย
“คุณคิดว่าจะหนีจากฉันไปง่ายๆอย่างนั้นเหรอ? ชิ ชิ คุณฮัน คุณประเมินฉันต่ำไปจริงๆ” “ฉันจะตามล่าคุณจนเจอ แม้ว่าคุณจะพยายามซ่อนตัวจากฉันสุดล่าฟ้าเขียวแค่ไหนก็ตาม” เธอพูดพร้อมกับหัวเราะเยาะอย่างชั่วร้าย
ชวี่หน่วนเม้มปากขณะที่เธอจ้องแฟ้มในมือซึ่งมีคำว่า 'มูลนิธิให้ชีวิต' เขียนอยู่
'ทำไมชื่อนี้ถึงฟังดูคุ้นๆ นะ? ฉันเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน? เธออดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าชื่อนี้ฟังดูคุ้นเคยแค่ไหน
" คุณกำลังทำอะไร?" ความคิดของเธอถูกขัดจังหวะด้วยเสียงอันทุ้มต่ำของฮันจื่อห่าว
เขาวางบะหมี่สองชามไว้บนเคาน์เตอร์ที่ติดกับห้องครัวและส่งสัญญาณเรียกเธอ
เธอวางแฟ้มกลับลงบนโต๊ะ เดินไปที่เคาน์เตอร์อย่างมีความสุข เธอนั่งบนเก้าอี้บาร์สีดำออสโล แม้แต่เก้าอี้ของเขาก็ยังสวยและสง่างาม
ดวงตาของเธอเบิกกว้างเมื่อเห็นก๋วยเตี๋ยวที่ตกแต่งด้วยไข่ลวกและต้นหอม เธอกลืนน้ำลายขณะน้ำลายไหลเพราะกลิ่นหอมของเส้นก๋วยเตี๋ยว
เธอประสานมือและมองเขาด้วยรอยยิ้มสดใส "คุณฮัน คุณทำอาหารเป็นด้วย มันดูน่าทึ่งมาก มันต้องอร่อยแน่"
"-_-"
เขาทำหน้าคว่ำเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ นี่เธอยังสงสัยในทักษะการทำอาหารของเขาอีกเหรอ?
เขาพ่นลมหายใจเมื่อเห็นเธอทำท่าทางตื่นเต้นเกินไปเมื่อเห็นก๋วยเตี๋ยว เธอกำลังมองก๋วยเตี๋ยวราวกับว่าเธอกำลังจะได้กินมันเป็นครั้งแรก
"กินเลย" ตามที่เขาพูด เธอหยิบตะเกียบและหยิบคีบเส้นมาชิม
“อืมมม” เธออดไม่ได้ที่จะส่งเสียงเมื่อรสชาติของก๋วยเตี๋ยวแล่นเข้าต่อมรับรสของเธอ
“มันนานมากกที่ฉันได้กินอะไรบางอย่างจากสวรรค์” เธอหลับตาขณะลิ้มรสบะหมี่
แค่ก่อนพ่อของเธอเป็นคนทำอาหาร เธอเคยกินอาหารที่สมาชิกทำกัน แต่เมื่อไม่ว่าง เธอมักจะทานอาหารที่โรงแรมเกาะหยก
และหลายปีมาแล้วที่พวกเขาเคยมีโอกาสทำอาหารและกินด้วยกันเพราะตารางงานที่ยุ่ง พวกเขาแทบจะไม่ได้กินอาหารตามเวลาเลย นับประสาเวลาทำอาหาร
อย่างไรก็ตาม เส้นก๋วยเตี๋ยวของเขาอร่อยจนลืมโรงแรมเกาะหยกไปชั่วขณะ
ระหว่างกิน เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วถามว่า "คุณฮัน ฉันเห็นแฟ้มบนโต๊ะในห้องนั่งเล่น มันเขียนว่ามูลนิธิให้ชีวิต มันเกี่ยวกับอะไร?"
เขาเงยหน้าขึ้นและเหลือบมองโต๊ะในห้องนั่งเล่น
เขาเช็ดมุมปากด้วยผ้าเช็ดปากแล้วพูดว่า "มันเป็นมูลนิธิที่พ่อของผมก่อตั้ง ตอนนี้ตั้งแต่เขาตัดสินใจเกษียณ ผมไม่ได้ดูแลแค่บริษัทเท่านั้นแต่รวมมูลนิธินี้ด้วย"
"โอ้! มูลนิธีให้ชีวิตนี้ทำอะไรบ้างค่ะ?" เธอถามขณะเคี้ยว
เขาขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าเธอกินเร็วแค่ไหน เขาถอนหายใจและอธิบายว่า “มูลนิธินี้ไม่ได้สนับสนุนสาเหตุเดียวแต่หลายสาเหตุ เช่น เราติดต่อกับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า บ้านพักคนชรา และโรงพยาบาลที่เราให้การสนับสนุนทางการเงิน วิธีนี้ทำให้มูลนิธิสามารถทำงานรองรับได้หลายสาเหตุและคอยดูแลการบริหารเงินที่จัดหาให้พวกเขาด้วย มันจะได้ไม่ตกไปอยู่ในมือโจร"
เธอประทับใจกับวิธีที่เขาอธิบายเกี่ยวกับมูลนิธิ ในฐานะประธานของฮันคอร์เปอเรชั่น เธอไม่ได้คาดหวังสิ่งนี้เพราะหลายครั้งที่มูลนิธิแบบนี้มีไว้เพื่อแสดงเพื่อแปลงเงินของพวกเขาจากดำเป็นขาวหรือดึงเงินจากผู้คนให้มากขึ้น
เช่นฉิ่นจูที่กำลังทำอยู่ เมื่อคิดถึงชื่อของเขา สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป
'ไอ้เลว' เธอพึมพำในลมหายใจ แต่เขาได้ยินคำพูดของเธอ
คิ้วของเขาขมวดทันทีพร้อมหรี่ตาจ้องเธอ “คุณพูดว่าอะไรนะ?”
เธอเม้มปากและมองเขาอย่างขอโทษ เขาได้ยินที่ฉันพูด?
ฉันไม่ได้พูดออกมาดัง ๆ ใช่ไหม?
“ฮิฮิ ฉันแค่บอกว่าฉันไม่รู้ว่านอกจากทำเงินแล้ว คุณรู้วิธีทำอาหารด้วย น่ายกย่อง”
“ว่าแล้วก็ฉันขอบะหมี่อีกชามได้ไหม?” เธอผลักชามเข้าหาเขาอย่างไร้ยางอายเพื่อขอเพิ่มอีก
เขาพูดไม่ออกเมื่อเห็นความอยากอาหารและความไร้ยางอายของเธอ ชามไม่เล็ก มันใหญ่พอสมควร เขาให้อาหารเธอเพิ่มอีกเมื่อคิดว่าเธอไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้า แต่เธอยังไม่อิ่ม เธอยังขอเพิ่มเติมอีก
ยิ่งไปกว่านั้น เธอไม่รีรอที่จะขอเขาอีกถ้วยแม้จะเรียกเขาว่า 'แก่' ก็ตาม เขายังคงรู้สึกโกรธที่เธอเรียกเขาว่าแก่
…..
หลังอาหารเย็น เธอนั่งบนโซฟาในห้องนั่งเล่นขณะลูบท้องที่อิ่มแน่น เธอหิวมากจนกินก๋วยเตี๋ยวไปสองชาม ถ้าเขามีเบียร์อีกกระป๋องนะ
เธอตบริมฝีปากเข้าหากันและจ้องไปที่ฮันจื่อห่าว ซึ่งนั่งอยู่บนโซฟาตัวติดกันและกำลังตรวจรายงานบนแล็ปท็อปของเขา
เธอเหวี่ยงขาของเธอขึ้นไปในอากาศและจ้องที่เขาขณะคิดอะไรบางอย่างอยู่ครู่หนึ่งและพูดขึ้นว่า “คุณฮัน?”
" ทำไม?" เขาถามโดยไม่เงยหน้าจากแล็ปท็อป
เธอไม่พูดอะไรซักพัก มองเขาด้วยความงุนงง
ฮันจื่อห่าวขมวดคิ้วเมื่อเธอไม่พูดอะไรซักพัก เขาเงยหน้าขึ้นและถามว่า "อะไร?"
เธอเม้มริมฝีปากเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ไม่เฉยเมยของเขา เธอยังคงยิ้มและถามว่า “คุณชอบฉันไหม?”
"-_-"