“เจียนอ้าย แกเรียกใครว่าหมู?”
หลี่หยุนเหม่ยจะไม่ได้ยินคำพูดเสียดสีของเจียนอ้ายได้อย่างไร? เธอโกรธมากจนลุกพรวดขึ้นจากรถเข็น เส้นเอ็นที่ตึงอยู่แล้วถูกดึงรั้งให้ตึงขึ้นอีก หลี่หยุนเหม่ยอ้าปากค้างด้วยความเจ็บปวด
“เสี่ยวเหม่ย อย่าเพิ่งขยับสิลูก ลูกยังเจ็บขาอยู่นะ” หลิวชุนเซี่ยเดินไปหาหลิวหยุนเหม่ยอย่างรวดเร็วเพื่อช่วยเธอนั่งลง
“โอ้ เสี่ยวเหมี่ย อย่าขยับสิ ลูกบาดเจ็บอยู่นะ” หลิวชุนเซี่ยรีบเข้าไปช่วยหลี่หยุนเหม่ยนั่งลง
เจียนอ้ายตอบอย่างใจเย็นว่า “ใครที่ชนต้นไม้ก็คนนั้นแหละที่เป็นหมู!”
“ฟังสิ ฟังสิ!” หลิวชุนเซี่ยโกรธจนนิ้วสั่น เธอชี้ไปที่เจียนอ้ายและพูดกับบรรดาครูๆ ที่อยู่ในห้องว่า “ดูความคิดของเธอสิ เธอมาที่นี่เพื่อขอโทษรึเปล่าเนี่ย? เฮอะ?”
ครูหลี่ไม่สนใจต่อข้อกล่าวหาของหลิวชุนเซี่ย และพูดกับครูใหญ่ว่า “ครูใหญ่ชุนค่ะ ในฐานะที่ฉันเป็นครูของเจียนอ้ายและหลี่หยุนเหม่ย ฉันมีส่วนรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างนักเรียนในชั้น แต่วันนี้ฉันเลือกที่จะเชื่อเจียนอ้าย เธอตั้งใจเรียนมาโดยตลอดและไม่เคยหาเรื่องใคร”
ครูหลี่สอนที่เอ้อจงมาหลายปี ทุกคนในเอ้อจงรู้จักอุปนิสัยเธอดี ตอนนี้เธอยืนอยู่ข้างเจียนอ้าย ทุกคนเลือกที่จะเชื่อเธอจากก้นบึ้งของใจ
หลิวชุนเซี่ยถลาไปด้วยความโกรธอีกครั้ง ตรงเข้าไปหาครูหลี่และตะโกนใส่หน้าว่า “คุณกำลังพูดอะไร ห๊ะ? เป็นทั้งครูประจำชั้นและครูผู้สอน ลำเอียงมากไปหน่อยไหม? ทำไมถึงคิดว่านังเด็กนั่นพูดความจริงแล้วหาว่าลูกสาวฉันพูดโกหก? แค่นังเด็กนั่นตั้งใจเรียน ก็เชื่อเลยงั้นเหรอ? ฉันก็บอกได้ว่าอยู่บ้านลูกสาวฉันก็เชื่อฟังเหมือนกัน ตอนนี้ลูกฉันถูกรังแกที่โรงเรียน คุณต้องให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจกับฉัน!”
น้ำลายของหลิวชุนเซี่ยกระเด็นไปทุกที่ ยามที่เธอโกรธ ไม่เหลือความสง่างามอย่างคนที่มีฐานะ ครูหลี่ฟังเธอพูดก็คลี่ยิ้มให้อย่างสุภาพ “คุณหลิวคะ ฉันรู้ว่าถ้าพูดไปอาจฟังดูไม่สุภาพ แต่คุณอาจมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับลูกสาวที่เชื่อฟังของคุณ ฉันในฐานะครูประจำห้องของหลี่หยุนเหม่ย นักเรียนคนอื่นๆ ต่างมาร้องเรียนกับฉันเรื่องหลี่หยุนเหม่ยทุกสองถึงสามวัน แม้กระทั่งครูจากห้องอื่นก็มาบ่น ซึ่งนั่นไม่ใช่แค่เรื่องที่หลี่หยุนเหม่ยกลั่นแกล้งเพื่อนร่วมห้องเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเพื่อนห้องอื่นอีกด้วย ในฐานะเป็นครูที่รับผิดชอบทั้งสองคน ฉันก็อยากปฏิบัติต่อทั้งสองคนอย่างเท่าเทียม แต่เนื่องด้วยพฤติกรรมของหลี่หยุนเหม่ยเอง ฉันต้องขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะ ฉันพูดแทนลูกสาวของคุณไม่ได้จริงๆ”
หลี่หยุนเหม่ยเป็นลูกคนเดียว พ่อแม่เธอเอาอกเอาใจเธอตั้งแต่ยังเด็ก หลิวชุนเซี่ยทนไม่ได้เมื่อคนอื่นพูดถึงลูกสาวเธอแบบนี้ ในห้องยังมีครูคนอื่นและครูใหญ่ ไม่มีใครสงสารลูกของเธอเลย
“ก็ได้ ก็ได้ ฉันเข้าใจแล้ว นี่คือวิธีที่โรงเรียนจัดการกับปัญหาสินะ” หลิวชุนเซี่ยมองไปที่เจียนอ้าย “ในเมื่อโรงเรียนไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ ก็อย่ามาโทษฉันแล้วกัน”
หลิวชุนเซี่ยหยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างรวดเร็วและกดหมายเลข
“สวัสดีค่ะ? สถานีตำรวจใช่ไหมค่ะ? ฉันต้องการแจ้งตำรวจ ลูกสาวของฉันกำลังทุกข์ทรมานจากความรุนแรงในโรงเรียน.....”
เมื่อหลี่หยุนเหม่ยได้ยินแม่ของตัวเองโทรหาตำรวจ เธอรู้ได้ทันทีว่าเรื่องชักจะบานปลาย ตอนแรกเธอคิดว่าจากนิสัยขี้ขลาดของเจียนอ้าย แม่ของเธอจะทำให้เจียนอ้ายตกใจกลัว จากนั้นแม่ก็จะกดดันโรงเรียนให้ไล่เจียนอ้ายออก
เธอไม่คิดว่าแม่จะโทรแจ้งตำรวจ
ทุกวัน