Your Wishlist

Covid-19 มะรุมมะตุ้มรุมรัก (nc18+) (บทที่ 78 : ทะเลแหวก)

Author: L.sunanta

ความรักหลากอารมณ์ที่ดอมดมอยู่กลางดงโรคระบาดโควิด-19 เพื่อนที่ไม่ใช่เพื่อน แฟนที่ไม่ใช่แฟน งานนี้ไม่มี "กามเทพ" มีแต่ "กามรมณ์" ในกมลสันดาน

จำนวนตอน :

บทที่ 78 : ทะเลแหวก

  • 19/12/2564

“ผมทุบกระป๋องก๊าซได้รึยังพี่แพรว!”

หนูน้อยป้องปากตะโกนถาม ภายใต้กระแสลมต้านที่พุ่งอัดเข้ามาอย่างรุนแรง

.

ณ ตอนนี้หัวเรือกำลังเชิดทำมุมราว 30 องศา มันแล่นแหวกอากาศและโดนน้ำทะเลน้อยมาก แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่ได้รับผลกระทบอะไร เพราะทุกครั้งที่แรงพุ่งจากก๊าซด้านหลังเริ่มซาลง ส่วนหน้าที่โบ๊ทรับผิดชอบอยู่ตรงนี้ก็จะเป็นที่แรกที่โดน Covid-19 เล่นงานก่อนส่วนอื่น

.

แพรวจึงรีบตะโกนตอบน้องกลับไปในเสี้ยวอึดใจ

.

“รอจังหวะให้เรือช้ากว่านี้อีกนิดแล้วจัดการเลยโบ๊ท! เราต้องทำงานให้สัมพันธ์กันนะ งั้นจะใช้ประโยชน์จากก๊าซได้ไม่เต็มที่!”

“เราอาจจะหนีไปไม่พ้นเมืองหลวงก็ได้ ถ้าก๊าซในสต็อกเราหมดก่อน!”

.

“ครับพี่…ผมเข้าใจแล้ว”

.

ร่างเล็กของเด็กประถมก้มต่ำลงจนลำตัวแทบจะครูดกับพื้นเรือ โบ๊ทเจตนาจะทำให้ตัวเองสัมผัสโดนลมให้น้อยที่สุด พลันกระเถิบตัวขึ้นหน้ากระดืบๆ ไปราวกับตัวหนอน กระทั่งมาถึงจุดที่เป็นมุมสามเหลี่ยมตรงหัวเรือได้สำเร็จ ที่นี่เขาก้มลงไปมองผืนน้ำด้านล่างได้อย่างสบาย อ่านค่าความเร็วจากการกะด้วยสายตา แล้วทันทีที่เห็นว่าเรือเริ่มช้า เขาก็ได้ทุบก๊าซกระป๋องหนึ่งแล้วก็ปามันลงไป!

.

“ตูมมมมมมมม!!!!!!”

.

“ฟู่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”

.

ควันสีแดงแบบเดียวกันและอานุภาพเท่ากันเป๊ะคละคลุ้งฟุ้งตลบ ทว่าหนนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบนลำเรือแต่ดันย้ายลงไปฟู่อยู่บนท้องทะเลด้านล่างแทน มันทำปฏิกิริยาแทบจะทันที และผลจากการชะเง้อคอดูแบบกล้าๆ กลัวๆ ของโบ๊ท ก็ทำให้เขาได้พานพบเข้ากับสิ่งที่น่าอัศจรรย์บางอย่าง!

.

ทะเลแม่งเปลี่ยนสี! โควิดในกระแสน้ำตายเกลี้ยงตราบเท่าที่ระยะของก๊าซจะกระจายตัวออกไปถึง ผืนน้ำที่เคยเป็นสีดำในยามค่ำคืนก็เลยเรืองแสงสว่างวาบขึ้นมา แฟรงตอนพืชในน้ำคือผู้ได้รับอานิสงษ์ พวกมันได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งหลังจากที่เชื้อโควิดถูกกำราบลงไปหมด การเรืองแสงของพวกมันมีไว้เพื่อล่อสัตว์ทะเลตัวเล็กๆ แต่หารู้ไม่ว่ามันได้ล่อเด็กตัวเล็กอย่างโบ๊ทให้เจริญหูเจริญตาตามไปด้วย

.

มันดูแฟนตาซีเหลือเกินในสายตาเขา โบ๊ทถึงกับคิดว่าตัวเองเป็นพระเอกจากหนังเรื่อง Avatar! เลยทีเดียว ตอกย้ำว่าการปาก๊าซลงน้ำของเขานั้นทรงอิทธิพลขนาดไหน หมอกก๊าซจากส่วนหน้าเปรียบเสมือนการเปิดทางให้เรือได้แล่นฝ่ากระแสเชื้อไปได้ มิหนำซ้ำผลพลอยได้จากการเรืองแสงบนผิวน้ำ ก็ยังทำให้เจนิสที่อยู่ด้านหลังกะจังหวะการใช้ก๊าซจากท้ายเรือได้แม่นยำขึ้น

.

“ตูมมมมมมม!!!!!”

“ฟู่!!!!!!!!!!!!!!!!!”

.

“ตูมมมมมม!!!!!”

“ฟู่!!!!!!!!!!!!!!!!”

.

โบ๊ทเปิดทาง เจนิสผลักดันเรือ ส่วนก๊าซที่กระจายออกมาแล้วเหลือ ก็จะทิ้งตัวพรมลงมาปกคลุมเรือลำนี้เอาไว้ไม่ให้โดน covid รุกล้ำเข้ามากัดแทะได้ นี่จึงเป็นส่วนผสมที่โคตรลงตัว ทีมเวิร์คระดับเทพพและพวกเขาต้องทำงานผสานกันเป็นจังหวะ กระป๋องต่อกระป๋องหน้าหลังต้องสอดคล้องกันต่อเนื่อง โดยมีแพรวเป็นหัวหน้าทีมคอยดูแลจากวงนอก

.

บวกกับกระแสน้ำเองก็แสนจะเป็นใจ มันเลิกบ้าคลั่งเหมือนตอนแรกที่ออกมาจากโกดังท่าเรือแล้ว แถมยังมีทิศทางความเชี่ยวกราดที่มากพอจะนำพาทุกคน ให้ไปถึงสุพรรณฯ ได้ก่อนที่ก๊าซจะหมดสต็อกลงซะอีก

.

.

จากกลางคืนพาดผ่านมาถึงรุ่งสาง แดดอ่อนเริ่มทอแสงผ่านชั้นบรรยากาศลงมาแผดเผาหัว คล้อยกันกับสถานการณ์ของแคลนที่ต่างก็อิดโรยกันเต็มที กระป๋องก๊าซถูกใช้ไปหมดแล้วตั้งแต่เมื่อหลายชั่วโมงก่อน เรือเหล็กที่แต่ก่อนก็มีแต่โครงอยู่แล้วตอนนี้กลับเหลืออยู่แค่เสี้ยวเดียว เอียงกระเท่เร่เจียนอยู่เจียนไปคล้ายกับแผ่นเหล็กบางๆ แผ่นหนึ่ง

.

แพรวคำนวณผิดไปเล็กน้อย! เมื่อปริมาณก๊าซดันไม่สอดคล้องกับระยะทาง! เธอก็เป็นแค่คนธรรมดาแถมยังเป็นแค่นักศึาษาที่ยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ การจะพลาดอะไรไปบ้างจึงถือเป็นเรื่องปกติ ไม่มีใครตำหนิเธอสักคน แถมครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกในรอบสองปีเลยก็ว่าได้ ที่แพรวได้ออกมาจากเขตการปกครองของเมืองหลวง

.

ที่รู้เพราะทุกคนยังมีชีวิต! แพรวสัมผัสได้ว่าความเข้มข้นของเชื้อนั้นเริ่มจะเจือจางลงไป หลักฐานคือแผ่นเหล็กที่พวกเธอเหยียบยืนอยู่ ถ้ายังอยู่ในเมืองหลวงหากโดนปล่อยลอยแพรเป็นชั่วโมงขนาดนี้ ยังไงซะก็ต้องโดนเชื้อกัดกินไปหมดแล้ว แต่นี่ไม่เลย! ถึงจะสูญเสียเนื้อเหล็กไปบ้างแต่ทั้งแคลนก็ยังไม่จมลงสู่ก้นทะเล แปลว่าเชื้อตรงนี้น่าจะอ่อนความเข้มข้นลงไป

.

“เจนิส , โบ๊ท , เด็กๆ ฉันว่าพวกเรามาถึงแล้วล่ะ มีทำนบดินขนาบข้างกับตลิ่งที่ยกตัวสูง นี่เป็นแม่น้ำไม่ใช่ทะเลอีกต่อไปแล้ว!”

แพรวตั้งข้อสังเกตและชี้ให้ทุกคนดู

.

ประจักษ์แก่สายตาว่านอกเหนือจากเนินดินขอบตลิ่งแล้ว เมื่อทอดสายตาเลยขึ้นไปอีกนิด ทุกคนยังได้เห็นถึงทิวแถวของหลังคาบ้านทรงไทยที่เป็นหน้าจั่ว ตั้งเรียงรายกระจายตัวกันอยู่ทั่ว ต้นไม้ใบหญ้ารอบบริเวณก็เป็นสีเขียวสุกสกาว บรรยากาศมันต่างจากสิ่งแวดล้อมในเมืองหลวงลิบลับ แพรวจึงได้พูดเสริมขึ้นมาอีกว่า

.

“เราจะเอาเรือขึ้นฝั่งกันเดี๋ยวนี้เลยนะ! มีใครจะคัดค้านไหม?”

.

เจนิสกับเพื่อนที่นั่งชะเง้อคออยู่ส่วนท้ายตอบกลับทันควัน

.

“ไม่มีใครค้านหรอกพี่ แต่เราแค่สงสัยว่าพี่จะทำยังไงในเมื่อเราไม่มีอะไรที่จะใช้พายได้สักอย่าง เศษไม้ต่างๆ ก็โดนย่อยสลายกัดกินไปหมดแล้ว ถ้าพี่จะให้หนูใช้มือกวัก พวกเราไม่เอาด้วยหรอกนะบอกเลย!”

.

“บ้า! จะบ้าหรอใครเขาจะทำแบบนั้นกัน! เราแค่ต้องถ่ายเทน้ำหนักให้แผ่นเหล็กมันเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง จากนั้นรอให้คลื่นจากแม่น้ำพัดมากระแทก แล้วแผ่นเหล็กของเราก็จะกลายเป็นกระดานวินเซิร์ฟที่ลอยเข้าสู่ตลิ่งได้เอง”

แพรวอธิบาย พูดไปพลางทำให้น้องดูไปด้วย

.

ซึ่งมันก็ได้ผลจริงๆ คลื่นเบาๆ ของแม่น้ำท่าจีนกระแทกออกด้านข้าง ทำให้ทิศทางของแผ่นเหล็กเบนเข้าหาฝั่ง แคลนของแพรวกำลังจะรอด การเดินทางข้ามคืนข้ามวันกำลังจะจบลง หากไม่ติดปัญหาตรงหินโสโครกกับตะกอนทรายที่ทับถมกันอยู่ด้านล่างแม่น้ำ และไม่มีใครเห็น!

.

“โครมมมมมม!!!!”

.

ชนแรงประหนึ่งรถบ้ำงานวัดอัดกับซุ้มดีเจ ไม่ถึงกับตายแต่มากพอจะเทกระจาด แต่ละคนตกน้ำป๋อมแป๋มเคราะห์ดีอย่างที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ริมตลิ่ง ขาก็เลยหยั่งถึงแต่ก็ทุลักทุเลกันเต็มที

.

ยกเว้นแต่เพียงโบ๊ท! เด็กน้อยลอยอยู่บนฟากฟ้าเหนือหัวคนอื่นๆ โดยใช้ประโยชน์จากโดรนที่ตนมี แขนเล็กๆ เหนี่ยวที่ก้านจับเอาไว้แน่น ไม่เปียกน้ำแม้แต่หยดเดียว มิหนำซ้ำยังร่อนลงจอดบนเนินตลิ่งได้อย่างสวยงาม สร้างความอิจฉาตาร้อนให้แก่ทุกคนที่พบเห็น

.

“ทุกคนเป็นไงบ้าง? รอแป๊บนะผมจะรีบใช้โดรนดึงทุกคนขึ้นมาเดี๋ยวนี้ล่ะ”

 

 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า