เมื่อพี่เลี้ยงหยูเดินมาตรงที่ลั่วลั่วซ่อนตัวอยู่ เธอหันหน้ามาและเห็นหญิงสาวนอนแผ่อยู่หน้าป้ายโฆษณา ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจเหตุการณ์ทุกอย่าง
เธอรู้สึกหัวหมุนและก้มลงไปอุ้มเด็กชายขึ้นมา
ขณะที่เด็กสาวที่ล้มลงบนพื้นถูกดึงขึ้นโดยเพื่อนของเธอ ก่อนที่จะตะโกนร้องด้วยเสียงแหลมบาดแก้วหู
“ใครเป็นคนโยนเปลือกกล้วย!”
ไม่มีใครตอบคำถามเธอ ดังนั้นเธอจึงหันไปหาแคชเชียร์ที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์และถามว่า
“เธอเป็นคนโยนรึเปล่า?” พื้นที่บริเวณนี้อยู่ภายในร้านของเธอ ฉันเหยียบเปลือกกล้วยลื่นล้มที่นี่ ร้านเธอต้องรับผิดชอบ ผู้จัดการร้านอยู่ไหน?”
แคชเชียร์สาวไม่อยากถูกลากเข้าไปในปัญหาที่เธอไม่ได้ก่อ เธอจึงรีบตอบว่า
“มีเด็กผู้ชายอายุประมาณสามขวบ เขาเป็นคนขว้างเปลือกกล้วยค่ะ”
ลั่วลั่วปิดปากเล็กๆของเขาอย่างรวดเร็ว แก้มของเขาป่องออกมาและดวงตาเบิกกว้าง
ฝูงชนหันไปมองที่ป้ายโฆษณาเป็นจุดเดียวกัน พวกเขาเห็นเด็กน้อยซ่อนตัวอยู่หลังโปสเตอร์
หนึ่งในเด็กสาววัยรุ่นเห็นเศษกล้วยติดอยู่ที่ข้างแก้มเด็กน้อย เธอชี้นิ้วไปที่เขาทันที
“เป็นเด็กคนนั้น เขายังกินกล้วยไม่หมดด้วยซ้ำ!”
ทันใดนั้นฝูงชนก็หันไปมองดูพี่เลี้ยงเด็กที่อุ้มเด็กน้อยอยู่
เด็กสาวในชุดสีแดงโกรธจัด “นี่ป้าเลี้ยงลูกยังไงเนี่ย เด็กบ้านี่เป็นคนโยนเปลือกกล้วยจริงๆด้วย! ทำหนูลื่นล้ม ป้าต้องขอโทษไม่อย่างนั้นก็จ่ายค่ารักษาพยาบาลมาให้หนู!”
พี่เลี้ยงหยูไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน เมื่อเธอสังเกตเห็นว่าทุกคนจ้องมองมาที่เธอ เธออดไม่ได้ที่จะตกใจและพูดว่า
“ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ลูกของฉันไม่เข้าใจว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ หนูไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมจ้ะ”
“ใครบอกว่าหนูไม่เป็นอะไรไม่ทราบ? ป้ารู้ไหมว่าชุดนี้ราคาเท่าไหร่? และเข่าของหนูก็เจ็บ หนูมีการแสดงพรุ่งนี้ด้วย" เด็กสาวพูดพลางเอามือกุมเข่า
"ไม่รู้ล่ะ ป้าต้องมากับหนูจ่ายค่าพยาบาล ส่วนเด็กคนนี้ต้องขอโทษหนู!”
พี่เลี้ยงหยูหันไปมองรอบๆซุปเปอร์มาร์เก็ต เฉียวโม่หยูยังไม่กลับมา เธอไม่รู้จะทำอย่างไรขณะที่อุ้มลั่วลั่วไว้ในอ้อมแขน
ในขณะเดียวกันเด็กน้อยกลืนกล้วยคำสุดท้ายลงคอ เขาจ้องไปที่เด็กสาวด้วยความโกรธ
“ผมไม่ขอโทษ ผมไม่ผิด ก็พี่นิสัยไม่ดี”
“ฮ่า! ดูเด็กคนนี้สิ!”
เด็กสาวชุดแดงเดินเข้าไปพยายามคว้าลั่วลั่วจากอ้อมแขนพี่เลี้ยงอย่างรวดเร็ว
“ฉันจะสั่งสอนแกแทนพ่อแม่แกเอง พ่อแม่แกจะต้องขอบคุณฉัน!”
เมื่อพี่เลี้ยงหยูเห็นว่าเด็กสาวคนนี้กำลังจะพาเด็กไป เธอตะโกนร้องให้คนช่วย
“ช่วยด้วยค่ะ ใครก็ได้ช่วยที มีคนจะลักพาตัวเด็ก!”
เย่เป่ยเฉิงผู้ที่นานๆทีจะออกมาซื้อของก็อยากแวะมาซูเปอร์มาร์เก็ตหลังจากการถ่ายทำในเช้านี้เสร็จสิ้น ขณะที่กำลังเดินดูของอยู่นั้น เขาได้ยินใครบางคนตะโกนว่า 'ลักพาตัวเด็ก' ขาสองขาพาเขาไปทิศที่เสียงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือทันที
วันนี้เขาสวมหมวกและดึงลงมาปิดใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่งจึงไม่มีใครจำเขาได้ แต่เขารีบร้อนวิ่งไปทิศทางที่ได้ยินเสียงตะโกนขอความช่วยเหลือ จึงไม่ทันระวังว่าจะมีใครเห็นใบหน้าเขารึเปล่า
คนอยู่ระหว่างทางสังเกตเห็นเขาและอุทานว่า
“โอ้พระเจ้า นั่นเย่เป่ยเฉิงเหรอ!”
“เป็นราชาเย่จริงๆด้วย!”
“ตายแล้ว ฉันไม่คิดว่าจะได้พบเขาที่นี่!”