หากมีใครเมินเฉยต่อความเย็นชาและออร่าความกดดันของเขา ใบหน้าที่น่าดึงดูดไร้ที่ติของเย่เป่ยเฉิงอาจทำให้แฟนคลับสาวๆกรีดร้องได้
ขณะที่เฉียวโม่หยูสงสัยว่าทำไมผู้ชายอย่างเขาถึงไม่ใช่พระเอกของเรื่อง ทันใดนั้นความโกลาหลด้านนอกก็ดึงดูดความสนใจจากเธอ
มีรถตู้คันหนึ่งขับเข้ามาจอดใกล้ๆทางเข้า ผู้ช่วยลงมาเปิดประตูให้ผู้หญิงที่นั่งอยู่เบาะด้านหลังออกมา สายตาเฉียวโม่หยูจับไปที่มือขาวคู่หนึ่ง ตามมาด้วยขาที่ขาวเนียนละเอียดสวมรองเท้าส้นสูงสีนู้ด ก้าวออกมาหยุดยืนที่หน้าประตูรถ
เวลานี้เธอมองเห็นใบหน้าผู้มาใหม่ได้อย่างถนัดตา ถึงแม้ว่าใบหน้าของสาวน้อยผู้นี้จะละม้ายคล้ายชิงอี้เฉิน แต่ความสง่างามยังเป็นรองพี่ชายอยู่มาก อย่างไรก็ตามเธอก็ยังเปล่งประกายสดใสน่ารัก ด้วยรูปร่างอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอ
หญิงสาวเดินตรงเข้ามาทักทายผู้กำกับอย่างอบอุ่น จากนั้นหันไปหาเย่เป่ยเฉิง พยักหน้าพร้อมยิ้มให้เขา สุดท้ายจึงค่อยหันมามองเฉียวโม่หยู
ในเรื่อง ตัวละครเฉียวโม่หยูผู้หลงรักชิงอี้เฉินอย่างหัวปักหัวปำ ทุกครั้งที่เห็นน้องสาวของเขา ชิงหว่านชวง เธอจะเข้าหาโดยไม่ลังเล แต่ในเวลานี้เฉียวโม่หยูกลับยืนนิ่งอยู่ด้านหลังเฉยๆ โดยไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
ชิงหว่านชวงเยาะเย้ยในใจ เธอได้ข่าวมาว่า เมื่อวานเฉียวโม่หยูไปออฟฟิศของพี่ชายเธอและเปลื้องผ้าต่อหน้าเขา ‘นี่เธอคิดว่าจะสามารถปีนขึ้นเตียงพี่ชายของฉันแล้วทำให้เขาตกหลุมพรางได้งั้นเหรอ?’ ยัยผู้หญิงน่ารังเกียจที่เป็นเพียงลูกเลี้ยงของตระกูลเฉียว เธอคิดว่าครอบครัวชิงของพวกเราจะยอมรับคนอย่างเธอรึไงกัน?!
ชิงหว่านชวงถอนสายตากลับไปและไม่สนใจเฉียวโม่หยูอีก เธอต้องเข้าฉากคู่กับเย่เป่ยเฉิงเช้านี้ จึงเดินไปยังห้องแต่งตัวด้วยความรวดเร็ว
เสี่ยวซูรู้ว่าชิงหว่านชวงไม่ค่อยชอบให้ใครเข้าใกล้เธอมากนัก หลังจากที่เธอช่วยนักแสดงหญิงแต่งตัวแต่งหน้าเสร็จ เธอจึงออกไปหาเฉียวโม่หยู
เฉียวโม่หยูเล่นเป็นนักแสดงหญิงลำดับที่สาม ผู้เป็นรักแรกของพระเอก พ่อของเธอเป็นถึงอาจารย์สอนการต่อสู้ของเขา ครั้งเธอยังเด็ก เธอเรียนศิลปะการต่อสู้อย่างเด็กผู้ชาย อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอออกตามหาเขาในสนามรบ เธอต้องพบกับความตายในสงคราม ด้วยความโศกเศร้าต่อการจากไปของเธอ พระเอกได้รวบรวมกองทัพและยึดบัลลังก์ได้ในที่สุด
สำหรับบทของเธอ เฉียวโม่หยูจะออกมาในฉากอดีต เมื่อตัวละครหญิงลำดับที่สามกำลังเรียนรู้วิทยายุทธ์ในชนบทกับตัวละครนำชาย ฉากเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยบรรยากาศที่มีความสุข
ตอนนี้ทุกคนรวมตัวกันเพื่อถ่ายภาพโปรโมตละคร “เชิงชี” ตั้งแต่ที่ผู้กำกับต้องการโปรโมทรูปภาพนักแสดงในเรื่องลงเว็บไซต์หลัก
ถึงแม้ว่าเฉียวโม่หยูจะมีฉากน้อยมาก แต่บทของเธอเป็นถึงรักแรกของพระเอก ดังนั้นเธอต้องเข้าร่วมถ่ายภาพโฆษณานักแสดงในเรื่องด้วย
เย่เป่ยเฉิงเปลี่ยนมาสวมเสื้อคลุมสีดำปักดิ้นทองลวดลายมังกรอันหรูหรา ส่งผลให้เขาดูสูงส่งสง่างามอย่างกับผู้ปกครองที่ยืนอยู่เหนือโลกทั้งใบ
ชิงหว่านชวงแสดงเป็นหญิงสาวที่มีความมั่นใจในตนเอง ผู้ที่คอยยืนอยู่ข้างกายพระเอก ยามที่เขาต้องสู้รบเพื่อแย่งชิงบัลลังค์ เธอตกหลุมรักเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่พบ แต่เธอรู้ว่าหัวใจของเขานั้นเป็นของเพื่อนสมัยเด็ก ดังนั้นเธอเลือกที่จะไม่แสดงออกอย่างเปิดเผยแต่เลือกที่จะสนุบสนุนเขาอย่างเงียบๆ
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เผชิญเหตุการณ์หลายอย่างด้วยกันมามากมาย ทั้งคู่จึงมีความรู้สึกดีๆต่อกัน นางเอกคนนี้ถือได้ว่าเป็นคู่ครองที่ซื่อสัตย์คนหนึ่งของพระเอก เธอคอยอยู่ข้างกายพระเอกเสมอ
ชิงหว่านชวงแต่งกายด้วยชุดสีแดงเพลิงพร้อมด้วยดาบเล่มหนึ่ง ทั้งผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ต่างชื่นชมเธอไม่ขาดปาก
เวลาผ่านไป นักแสดงหลักต่างออกมาถ่ายรูป จนเหลือเฉียวโม่หยูเป็นคนสุดท้าย
ก่อนที่จะมีการประกาศนักแสดงของเรื่องอย่างเป็นทางการ ผู้กำกับได้เลือกนักแสดงที่เหมาะสมกับบทนักแสดงหญิงลำดับที่สามไว้แล้ว แต่ด้วยอิทธิพลของตระกูลเฉียว บทนี้จึงตกมาเป็นของเฉียวโม่หยู ซึ่งนั่นทำให้ผู้กำกับไม่ค่อยพอใจเธอเท่าไหร่นัก
ถึงแม้ว่าเฉียวโม่หยูจะสวมเสื้อผ้าอย่างเรียบง่ายไม่มีลวดลายใดๆ แต่ความงามของเธอยังฉายชัดออกมาทำให้ผู้พบเห็นแทบลืมหายใจ กระนั้นผู้กำกับก็ยังจงใจทำให้เธออับอายด้วยคำพูดของเขา
“โม่หยู บทของคุณคือลูกสาวของอาจารย์สอนการต่อสู้ ดังนั้นศิลปะการต่อสู้ของคุณต้องไม่น้อยหน้ากว่าคนอื่น ผมหวังว่าคุณจะสามารถแสดงการเคลื่อนไหวที่แท้จริงขณะถ่ายรูป คุณมีอะไรจะมาโชว์ให้เราดูไหม?
ผู้กำกับคิดว่าอดีตเจ้าหญิงผู้เอาแต่ใจคนนี้จะขอโพสท่ากับดาบเฉยๆ ดังนั้นเขาจึงไม่คิดว่าเธอจะตอบกลับมาว่า “ฉันพอจะรู้การเคลื่อนไหวอยู่บ้าง ผู้กำกับชางจะให้ฉันแสดงดูแล้วคุณค่อยเลือกว่าท่าไหนที่คุณต้องการ ดีไหมคะ?”
ผู้กำกับชางรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็พยักเบาๆ “เอาอย่างนั้นก็ได้”
สายตาทุกคนจับจ้องมายังร่างของเธอ รวมทั้งชิงหว่านชวง พวกเขาต่างรอคอยว่าเธอจะทำอะไรโง่ๆออกมาให้ตัวเองขายหน้า
“ช่างภาพ เตรียมตัวถ่ายได้” ผู้กำกับสั่ง “โม่หยู คุณเริ่มการแสดงได้”
เมื่อแสงไฟสาดส่องมาที่เธอ บุคลิกของหญิงสาวที่สงบเยือกเย็นผู้นั้นหายไป เธอเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วปราศจากความอ่อนโยนแบบผู้หญิง แต่เต็มไปด้วยความแข่งแกร่งและห้าวหาญอย่างกับคนที่ฝึกศิลปะการต่อสู้มาก่อน
ผู้กำกับรู้สึกอัศจรรย์ใจอย่างมากแต่ก็ยังไม่พูดอะไรออกมา สายตาของเขายังคงจับจ้องการเคลื่อนไหวของเฉียวโม่หยูต่อไป
ขณะยืนอยู่ภายใต้แสงไฟ ดูเหมือนว่าผู้หญิงที่อยู่รอบๆเธอจะถอยหลังออกมาสองก้าวภายใต้สายตาที่จ้องเขม็งและดูถูกเหยียดหยาม เธอแสดงการเตะหมุนสองครั้งติดต่อกันในอากาศ
ผู้กำกับ “…”
โปรดิวเซอร์ “…”
ทุกคนต่างตื่นตะลึงขณะจ้องไปที่หญิงสาวที่ยืนอยู่อย่างมั่นใจ ช่างภาพกะพริบตาด้วยความงุนงงและตรวจสอบภาพที่เขาเพิ่งถ่ายอีกครั้ง