ร่างของคุณพระที่กำลังยืนปลดฟิล์มหนัง มิได้บังร่างของคุณนิตยาซึ่งนอนแผ่ หลับตาพริ้มอยู่บนเตียงมิได้นุ่งผ้าเลย เขาเผลอตัวเพ่งตาดูส่วนสัดต่างๆของคุณนิตยาไว้ราวจะจำไปจนตาย สัดส่วนของคุณนิตยาถูกใจเขานัก
ร่างของคุณพระที่กำลังยืนปลดฟิล์มหนัง มิได้บังร่างของคุณนิตยาซึ่งนอนแผ่ หลับตาพริ้มอยู่บนเตียงมิได้นุ่งผ้าเลย เขาเผลอตัวเพ่งตาดูส่วนสัดต่างๆของคุณนิตยาไว้ราวจะจำไปจนตาย สัดส่วนของคุณนิตยาถูกใจเขานัก
เมื่อสงครามมหาเอเซียบูรพาเกิดขึ้นใหม่ๆ
ยอดชายมีอายุได้ ๑๑-๑๒ ปีเท่านั้น
และยังอาศัยอยู่กับคุณแม่และพี่ๆในต่างจังหวัด
คือที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ตำบลท่าไข่ บ้านอยู่ในคลองท่าไข่
ติดริมคลองเลย เนื่องจากครอบครัวของยอดชายเป็นผู้มีอันจะกิน
บ้านช่องของเขาจึงกว้างขวางใหญ่โตมาก
ทั้งนี้เมื่อคุณพ่อของเขายังมีชีวิตอยู่
ได้ดำรงตำแหน่งกำนันมาจนตลอดชีวิต
มีบรรดาศักดิ์เป็น"ขุน"เสียด้วย
ซ้ำท่านได้เคยเป็นทหารอาสาผ่านสงครามโลกครั้งที่ ๑ มา
จึงเป็นที่รู้จักและกว้างขวางในตำบลท่าไข่เป็นอย่างดี
คุณพ่อของยอดชายถึงแก่กรรมเมื่อก่อน
สงครามเอเซียบูรพาเพียงปีเดียว
งานศพพ่อของเขาจะเรียกว่าเป็นงานที่ใหญ่ยิ่งในจังหวัดขณะนั้นก็ได้
มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทั้งทางกรุงเทพฯและต่างจังหวัด
รวมทั้งพ่อค้าและชาวบ้านที่สนิทสนมนับถือท่านไปร่วมด้วยเป็นอันมาก
ในงานครั้งนี้นอกจากคุณแม่และครอบครัวเป็นเจ้าภาพแล้ว
ยังมีท่านผู้ใหญ่ทางกรุงเทพฯผู้หนึ่ง มีบรรดาศักดิ์เป็น
"คุณพระ"ร่วมเป็นเจ้าภาพด้วย
ซึ่งเห็นคุณแม่บอกว่าคุณพระเป็นเพื่อนสนิทของคุณพ่อ
ตั้งแต่มหาสงครามโลกครั้งที่ ๑
หลังเสร็จงานศพคุณพ่อแล้ว
คุณพระยังพักอยู่ที่บ้านยอดชายหลายวัน
จำได้ว่าตอนนั้นคุณพระได้ออกปากขอยอดชาย
ไปเลี้ยงเป็นบุตรบุณธรรมที่กรุงเทพฯ
ทั้งนี้เพราะคุณพระเองมีลูกเพียง ๒ คน
เป็นชายคนหนึ่งแต่ก็ได้ส่งไปเรียนที่อเมริกา
คนเล็กเป็นหญิงอายุยังน้อยมาก ตอนนั้นอายุสัก ๗-๘ ขวบเห็นจะได้
และอีกทั้งคุณพระก็กำพร้าเมียเหมือนกัน
ตอนนั้นคุณแม่บอกว่ายอดชายยังเล็กนัก
ขอให้โตเรียนจบชั้นประถมเสียก่อนแล้วจึงจะส่งไปให้อยู่
กับคุณพระที่กรุงเทพฯ ทั้งนี้เพราะยอดชายเป็นลูกคนสุดท้อง
ในจำนวน ๔ คนที่คุณแม่มี
พวกพี่ๆของยอดชายก็มีเหย้ามีเรือนไปหมดแล้ว
ถ้ายอดชายจากไปเสียอีกคนคุณแม่ก็จะเหงามาก
พอสงครามเอเซียเกิดขึ้นก็พอดีกับยอดชายสำเร็จชั้นประถม ๔
แต่คุณแม่ก็ยังไม่ยอมส่งตัวยอดชายไป
เพราะเกรงจะเป็นอันตรายจากภัยสงครามทางกรุงเทพฯ
เมื่อสงครามเกิดได้สักปีกว่า กรุงเทพฯก็ถูกระเบิดลงเรื่อยๆ
คุณแม่มีความเป็นห่วงคุณพระผู้เพื่อนของคุณพ่อทางกรุงเทพฯ
จึงส่งพี่ชายของยอดชายไปเยี่ยมท่าน
และขอร้องให้ท่านอพยพครอบครัวมาอยู่ที่บ้านด้วย
ตอนเย็นวันหนึ่ง เมื่อยอดชายกลับจาก ร.ร.
จึงได้พบครอบครัวของคุณพระที่อพยพมาอยู่ที่บ้านแน่นขนัดไปหมด
อาศัยที่บ้านใหญ่โตและมีเรือนหลังเล็กๆอีกหลายหลัง
จึงพออาศัยอยู่กันสบาย
คุณแม่กับยอดชายย้ายจากเรือนใหญ่ไปอยู่ที่บ้านหลังเล็ก
เพราะคุณแม่ต้องการยกเรือนหลังใหญ่ให้คุณพระและครอบครัวได้อยู่
คณะคุณพระที่มาอยู่ที่บ้านก็มีตัวคุณพระ
ลูกสาวหรือคุณ"ศิริสม"หรือคุณ"แดง" ซึ่งเป็นชื่อเรียกกันเล่นๆ คุณ
"นิตยา" ซึ่งเป็นภรรยาใหม่ของคุณพระ
อายุอ่อนกว่าคุณพระมาก
เห็นคุณแม่บอกว่าว่าอ่อนกว่าลูกชายคนโตของคุณพระอีก
ตอนนั้นคงอายุสัก ๒๐ ปีได้
นอกจากนี้ก็มีพี่เลี้ยงคุณแดง แม่ครัว และคนรับใช้ทั่วไป
รวมแล้วครอบครัวคุณพระมีด้วยกัน ๖ คน
เป็นชายคือตัวคุณพระคนเดียว นอกนั้นเป็นหญิงทั้งนั้น
มีเด็กๆและสาวๆทั้งสิ้น แม้แต่แม่ครัวของคุณพระอายุก็ไม่เกิน ๓๐ ปี
ทั้งนี้เพราะคุณพระไม่ต้องการให้มีคนแก่ในบ้านของท่าน
ท่านเกลียดความแก่มาก ตัวท่านเองแม้จะอายุร่วม ๕๐ แล้วก็ยังดูเป็นหนุ่ม
ผมไม่มีหงอกเลย ซึ่งท่านย้อมของท่านเสมอ
ฟันยังเต็มปากซึ่งก็ล้วนแต่ฟันปลอม
ท่าทางท่านก็ยังดูกระฉับกระเฉงมากอยู่เหมือนกัน
ในตอนนี้ยอดชายรู้สึกว่าเวลาอยู่บ้านสนุกพอใช้
เพราะได้รับความกรุณาเรื่องขนมนมเนย
จากครอบครัวของคุณพระเป็นอย่างดี
และซ้ำยังมีเพื่อนเล่นคือคุณแดง แม้จะเป็นหญิงก็ยังดี
แต่ในไม่ช้าคุณพระก็นำคุณแดงไปฝากโรงเรียนสตรีในจังหวัด
เพื่อจะไม่เสียเวลาในการเล่าเรียน
โดยต่อจากนั้นมายอดชายก็ต้องเป็นผู้ทำหน้าที่รับส่งคุณแดง
ไปกลับโรงเรียน จึงทำให้มีความสนิทสนมกันยิ่งขึ้น
ยอดชายเองได้ทำหน้าที่สุภาพบุรุษอย่างดี
เช่นป้องกันมิให้เด็กอื่นมาเกเรรังแกคุณแดงได้
หรือช่วยเหลือในการถือของเล่นหรือหนังสือ
ยอดชายปฏิบัติกับคุณแดงเช่นน้องในไส้
ทำให้คุณพระให้ความเอ็นดูยอดชายมากขึ้น
ถึงกับออกปากกับคุณแม่ของยอดชายว่า
ถ้าสงครามสงบเมื่อใดจะส่งยอดชายไปเรียนเมืองนอก
และจะอุปการะจนสำเร็จการศึกษา
และยังพูดเป็นเชิงหมั้นหมายให้ยอดชายแต่งกับลูกสาวท่าน
เมื่ออายุสมควร ซึ่งคุณแม่ของยอดชายก็พอใจ
ในไม่ช้าคุณพระก็ซื้อเรือแท็กซี่เล็กๆไว้ใช้ ๑ ลำ
เพราะท่านจำเป็นต้องเดินทางขึ้นล่องไปมาระหว่างกรุงเทพฯกับแปดริ้วอยู่
เสมอ ด้วยท่านเป็นสมาชิกสภาสูง บางเวลาต้องเข้าไปประชุมสภา
เมื่อท่านเดินทางเข้ากรุงเทพฯก็ไปกับคุณนิตยาและคนเรือเท่านั้น
เหตุการณ์ในตอนสงครามไม่มีอะไรมาก
และอีกทั้งยอดชายก็ยังเด็กมากเกินกว่าที่จะเข้าใจในโลกีย์วิสัย
นอกจากสนุกสนานไปวันๆ
.จนกระทั่งเมื่อมหาสงครามเอเซียสงบลง
คุณพระและครอบครัวก็อพยพกลับ และได้ชวนยอดชายไปอยู่ด้วย
แต่คุณแม่ของยอดชายขอร้องให้สอบห้อง ๖ เสร็จก่อน
แล้วจึงจะส่งไปเรียน ม.๗-๘ ที่กรุงเทพฯ
และจะให้พักอยู่ที่บ้านคุณพระด้วย
พอสอบห้อง ๖ เสร็จแล้ว คุณแม่ก็พายอดชายเข้ากรุงเทพฯ
เพื่อจะฝากฝังกับคุณพระดังที่สัญญาไว้
คุณพระได้ให้ความปราณียอดชาย
จนคุณแม่ของยอดชายถึงกับน้ำตาคลอ
เพราะท่านได้ลงทุนปลูกเรือนไว้ในบริเวณบ้านของท่าน
สำหรับยอดชายหลัง ๑ เป็นเรือนขั้นเดียว มีห้องนอน ๑ ห้อง
ห้องน้ำและห้องนั่งเล่นพร้อมทั้งเครื่องแต่งบ้านทุกประการ
และท่านยังออกปากขอยอดชายมาเป็นบุตรบุญธรรมด้วยเลย
เพื่อท่านจะได้อุปการะให้เต็มที่
สมกับความดีของพ่อแม่ของยอดชายที่เคยมีต่อท่าน
ซึ่งคุณแม่ของยอดชายก็จำต้องรับปาก
บริเวณบ้านคุณพระกว้างขวางมาก
เนื้อที่ในอาณาเขตไม่ต่ำกว่า ๒ ไร่ มีตึกปลูกอย่างทันสมัย
ซ้ำยังมีเรือนกล้วยไม้กว้างขวาง
คุณพระเป็นนักเล่นกล้วยไม้มือหนึ่งของกรุงเทพฯทีเดียว
เวลาหน้าออกดอกจะดูสะพรั่งไปทั้งเรือน มีกลิ่นหอมตลบไปหมด
เรือนกล้วยไม้ติดกับตัวตึกเลยทีเดียว
มีโรงรถแยกอยู่ต่างหากทางรั้วด้านหนึ่ง
คนขับรถเป็นแขกอิสลามชื่อลุงหวัง ลูกเมียไม่มี
อาศัยอยู่กับคุณพระแต่กินอยู่แยกต่างหากที่เรือนคนใช้
นอกจากคนทำสวนอีกคนแล้วก็ไม่มีใครในบ้านที่เป็นผู้ชายอีกเลย
พอคุณแม่ลาคุณพระกลับบ้าน
คุณพระก็จัดแจงพายอดชายไปเข้าโรงเรียนกวดวิชา
เพื่อการสอบเข้า ร.ร.เตรียมอุดมฯต่อไป
คุณพระได้ถามความประสงค์ว่ายอดชายจะเรียนอะไร
ยอดชายตอบว่าจะเรียนบัญชีและธรรมศาสตร์(นิติศาสตร์?)
ซึ่งตรงกับประสงค์ของคุณพระอย่างยิ่ง เพราะลูกชายที่ไปเรียนนอก
ปรากฏว่าไปเรียนวิศวกรรม ไม่ได้เรียนวิชาซึ่งคุณพระต้องการ
ขอรวบรัดตัดความเพื่อให้ย่นย่อเข้า
เป็นอันว่ายอดชายได้อยู่อย่างสุขสบายในบ้านของ
คุณพระพ่อบุญธรรม และได้เรียน ร.ร.เตรียมฯ
แผนกอักษรศาสตร์ตามความปรารถนาของคุณพระ
จนกระทั่งสำเร็จเตรียมเข้ามหาวิทยาลัย
ได้เรียนวิชาบัญชีตามความประสงค์
โดยไปสมัครเข้าเรียนธรรมศาสตร์อีกด้วย
พอยอดชายเข้าเป็นนิสิตปีที่ ๑
คุณพระก็ซื้อรถยนต์ให้ใช้ส่วนตัวคัน ๑
แต่ให้ช่วยทำหน้าที่ขับรับส่งคุณแดงด้วย
เพราะเธอยังเรียนย ม.๖อยู่ ร.ร.ฝรั่งแห่งหนึ่ง
ปกติ คุณพระมักจะชอบให้มีการฉายหนังเล่นในบ้านเสมอ
ท่านมีเครื่องฉายหนังขนาดเล็กของท่านเอง
ส่วนฟิล์มหนังขอยืมเขามาบ้าง เช่ามาบ้าง
และท่านยังได้ซื้อกล้องถ่ายหนังขนาด ๘ ม.
ม.ขนาดเล็กให้ยอดชายหัดถ่ายแล้วเอามาฉายเล่นเสมอๆเหมือนกัน
นับว่ายอดชายมีโชคอย่างยิ่ง
ในอันที่จะได้พ่อตาในอนาคตผู้ใจดีต่อเขายิ่งกว่าลูกในไส้
ยอดชายก็ให้ความเคารพนับถือท่านมาก เป็นการตอบแทนกัน
แต่เกณฑ์ชะตาของยอดชายยังจะมีความสุขยิ่งขึ้นไปอีก
โดยที่กามเทพได้หมายหัวเอาไว้แล้ว
จึงทำให้เขาต้องพัวพันกับผู้หญิงอีกมากมาย
เพียงแค่เข้าเรียนไม่ถึงครึ่งปี
ยอดชายก็เป็นดาราอยู่ในกลุ่มเพื่อนหญิงชายเสียแล้ว
ทั้งนี้เขาไม่ได้มีความลืมตัวแต่ประการใด
เขาวางตัวอย่างเหมาะสม
ทำให้เพื่อนหญิงจำนวนไม่น้อย
เปิดประตูใจให้เขาเป็นแฟนอย่างเห็นชัด
ทุกคนในครบครัวคุณพระเองก็ให้ความรักเอ็นดูเขาเหมือนกับ
ลูกชายคุณพระจริงๆ
ยิ่งคุณแดงทราบว่ายอดชายเป็นคู่ของเธอในอนาคตด้วย
ทำให้เธอภูมิใจจนอดจะอวดกับเพื่อนๆ
ไม่ได้ว่าเธอมีคู่หมั้นหมายที่ถูกใจเธออย่างยิ่ง