Your Wishlist

ชุลมุนวุ่นสวาทเรือนคุณพระ (ชุลมุนวุ่นสวาทเรือนคุณพระ)

Author: xxx555

ร่างของคุณพระที่กำลังยืนปลดฟิล์มหนัง มิได้บังร่างของคุณนิตยาซึ่งนอนแผ่ หลับตาพริ้มอยู่บนเตียงมิได้นุ่งผ้าเลย เขาเผลอตัวเพ่งตาดูส่วนสัดต่างๆของคุณนิตยาไว้ราวจะจำไปจนตาย สัดส่วนของคุณนิตยาถูกใจเขานัก

จำนวนตอน :

ชุลมุนวุ่นสวาทเรือนคุณพระ

  • 25/09/2568

เมื่อสงครามมหาเอเซียบูรพาเกิดขึ้นใหม่ๆ 

ยอดชายมีอายุได้ ๑๑-๑๒ ปีเท่านั้น

 และยังอาศัยอยู่กับคุณแม่และพี่ๆในต่างจังหวัด

 

 คือที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ตำบลท่าไข่ บ้านอยู่ในคลองท่าไข่

 ติดริมคลองเลย เนื่องจากครอบครัวของยอดชายเป็นผู้มีอันจะกิน

 บ้านช่องของเขาจึงกว้างขวางใหญ่โตมาก

 

ทั้งนี้เมื่อคุณพ่อของเขายังมีชีวิตอยู่

 ได้ดำรงตำแหน่งกำนันมาจนตลอดชีวิต

 มีบรรดาศักดิ์เป็น"ขุน"เสียด้วย

 ซ้ำท่านได้เคยเป็นทหารอาสาผ่านสงครามโลกครั้งที่ ๑ มา

 จึงเป็นที่รู้จักและกว้างขวางในตำบลท่าไข่เป็นอย่างดี

 

คุณพ่อของยอดชายถึงแก่กรรมเมื่อก่อน

สงครามเอเซียบูรพาเพียงปีเดียว

 งานศพพ่อของเขาจะเรียกว่าเป็นงานที่ใหญ่ยิ่งในจังหวัดขณะนั้นก็ได้

 มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทั้งทางกรุงเทพฯและต่างจังหวัด

 รวมทั้งพ่อค้าและชาวบ้านที่สนิทสนมนับถือท่านไปร่วมด้วยเป็นอันมาก

 

ในงานครั้งนี้นอกจากคุณแม่และครอบครัวเป็นเจ้าภาพแล้ว

 ยังมีท่านผู้ใหญ่ทางกรุงเทพฯผู้หนึ่ง มีบรรดาศักดิ์เป็น

 

 

 

"คุณพระ"ร่วมเป็นเจ้าภาพด้วย

 ซึ่งเห็นคุณแม่บอกว่าคุณพระเป็นเพื่อนสนิทของคุณพ่อ

 ตั้งแต่มหาสงครามโลกครั้งที่ ๑

 

หลังเสร็จงานศพคุณพ่อแล้ว

 คุณพระยังพักอยู่ที่บ้านยอดชายหลายวัน

 จำได้ว่าตอนนั้นคุณพระได้ออกปากขอยอดชาย

ไปเลี้ยงเป็นบุตรบุณธรรมที่กรุงเทพฯ

 

ทั้งนี้เพราะคุณพระเองมีลูกเพียง ๒ คน

 เป็นชายคนหนึ่งแต่ก็ได้ส่งไปเรียนที่อเมริกา

 คนเล็กเป็นหญิงอายุยังน้อยมาก ตอนนั้นอายุสัก ๗-๘ ขวบเห็นจะได้

 และอีกทั้งคุณพระก็กำพร้าเมียเหมือนกัน

 

ตอนนั้นคุณแม่บอกว่ายอดชายยังเล็กนัก

 ขอให้โตเรียนจบชั้นประถมเสียก่อนแล้วจึงจะส่งไปให้อยู่

กับคุณพระที่กรุงเทพฯ ทั้งนี้เพราะยอดชายเป็นลูกคนสุดท้อง

ในจำนวน ๔ คนที่คุณแม่มี

 พวกพี่ๆของยอดชายก็มีเหย้ามีเรือนไปหมดแล้ว

 ถ้ายอดชายจากไปเสียอีกคนคุณแม่ก็จะเหงามาก

 

พอสงครามเอเซียเกิดขึ้นก็พอดีกับยอดชายสำเร็จชั้นประถม ๔

 แต่คุณแม่ก็ยังไม่ยอมส่งตัวยอดชายไป

 เพราะเกรงจะเป็นอันตรายจากภัยสงครามทางกรุงเทพฯ

 

 เมื่อสงครามเกิดได้สักปีกว่า กรุงเทพฯก็ถูกระเบิดลงเรื่อยๆ

 คุณแม่มีความเป็นห่วงคุณพระผู้เพื่อนของคุณพ่อทางกรุงเทพฯ

 จึงส่งพี่ชายของยอดชายไปเยี่ยมท่าน

 และขอร้องให้ท่านอพยพครอบครัวมาอยู่ที่บ้านด้วย

 

ตอนเย็นวันหนึ่ง เมื่อยอดชายกลับจาก ร.ร.

 จึงได้พบครอบครัวของคุณพระที่อพยพมาอยู่ที่บ้านแน่นขนัดไปหมด

 อาศัยที่บ้านใหญ่โตและมีเรือนหลังเล็กๆอีกหลายหลัง

 จึงพออาศัยอยู่กันสบาย

 

คุณแม่กับยอดชายย้ายจากเรือนใหญ่ไปอยู่ที่บ้านหลังเล็ก

 เพราะคุณแม่ต้องการยกเรือนหลังใหญ่ให้คุณพระและครอบครัวได้อยู่

 

คณะคุณพระที่มาอยู่ที่บ้านก็มีตัวคุณพระ

 ลูกสาวหรือคุณ"ศิริสม"หรือคุณ"แดง" ซึ่งเป็นชื่อเรียกกันเล่นๆ คุณ

"นิตยา" ซึ่งเป็นภรรยาใหม่ของคุณพระ

 

 อายุอ่อนกว่าคุณพระมาก

 เห็นคุณแม่บอกว่าว่าอ่อนกว่าลูกชายคนโตของคุณพระอีก

 ตอนนั้นคงอายุสัก ๒๐ ปีได้

 

นอกจากนี้ก็มีพี่เลี้ยงคุณแดง แม่ครัว และคนรับใช้ทั่วไป

 รวมแล้วครอบครัวคุณพระมีด้วยกัน ๖ คน 

 

เป็นชายคือตัวคุณพระคนเดียว นอกนั้นเป็นหญิงทั้งนั้น

 มีเด็กๆและสาวๆทั้งสิ้น แม้แต่แม่ครัวของคุณพระอายุก็ไม่เกิน ๓๐ ปี

 

ทั้งนี้เพราะคุณพระไม่ต้องการให้มีคนแก่ในบ้านของท่าน

 ท่านเกลียดความแก่มาก ตัวท่านเองแม้จะอายุร่วม ๕๐ แล้วก็ยังดูเป็นหนุ่ม 

 

ผมไม่มีหงอกเลย ซึ่งท่านย้อมของท่านเสมอ

 ฟันยังเต็มปากซึ่งก็ล้วนแต่ฟันปลอม

 ท่าทางท่านก็ยังดูกระฉับกระเฉงมากอยู่เหมือนกัน

 

ในตอนนี้ยอดชายรู้สึกว่าเวลาอยู่บ้านสนุกพอใช้

 เพราะได้รับความกรุณาเรื่องขนมนมเนย

จากครอบครัวของคุณพระเป็นอย่างดี

 

 และซ้ำยังมีเพื่อนเล่นคือคุณแดง แม้จะเป็นหญิงก็ยังดี

 แต่ในไม่ช้าคุณพระก็นำคุณแดงไปฝากโรงเรียนสตรีในจังหวัด

 เพื่อจะไม่เสียเวลาในการเล่าเรียน

 

โดยต่อจากนั้นมายอดชายก็ต้องเป็นผู้ทำหน้าที่รับส่งคุณแดง

ไปกลับโรงเรียน จึงทำให้มีความสนิทสนมกันยิ่งขึ้น

 ยอดชายเองได้ทำหน้าที่สุภาพบุรุษอย่างดี

 

 เช่นป้องกันมิให้เด็กอื่นมาเกเรรังแกคุณแดงได้

 หรือช่วยเหลือในการถือของเล่นหรือหนังสือ

 

 

ยอดชายปฏิบัติกับคุณแดงเช่นน้องในไส้

 ทำให้คุณพระให้ความเอ็นดูยอดชายมากขึ้น

 ถึงกับออกปากกับคุณแม่ของยอดชายว่า

 

 ถ้าสงครามสงบเมื่อใดจะส่งยอดชายไปเรียนเมืองนอก

และจะอุปการะจนสำเร็จการศึกษา

 และยังพูดเป็นเชิงหมั้นหมายให้ยอดชายแต่งกับลูกสาวท่าน

เมื่ออายุสมควร ซึ่งคุณแม่ของยอดชายก็พอใจ

 

ในไม่ช้าคุณพระก็ซื้อเรือแท็กซี่เล็กๆไว้ใช้ ๑ ลำ

 เพราะท่านจำเป็นต้องเดินทางขึ้นล่องไปมาระหว่างกรุงเทพฯกับแปดริ้วอยู่

เสมอ ด้วยท่านเป็นสมาชิกสภาสูง บางเวลาต้องเข้าไปประชุมสภา

 เมื่อท่านเดินทางเข้ากรุงเทพฯก็ไปกับคุณนิตยาและคนเรือเท่านั้น

 

เหตุการณ์ในตอนสงครามไม่มีอะไรมาก

 และอีกทั้งยอดชายก็ยังเด็กมากเกินกว่าที่จะเข้าใจในโลกีย์วิสัย

 นอกจากสนุกสนานไปวันๆ

 

.จนกระทั่งเมื่อมหาสงครามเอเซียสงบลง

 คุณพระและครอบครัวก็อพยพกลับ และได้ชวนยอดชายไปอยู่ด้วย

 แต่คุณแม่ของยอดชายขอร้องให้สอบห้อง ๖ เสร็จก่อน

 แล้วจึงจะส่งไปเรียน ม.๗-๘ ที่กรุงเทพฯ

 และจะให้พักอยู่ที่บ้านคุณพระด้วย

 

 

พอสอบห้อง ๖ เสร็จแล้ว คุณแม่ก็พายอดชายเข้ากรุงเทพฯ

 เพื่อจะฝากฝังกับคุณพระดังที่สัญญาไว้

 คุณพระได้ให้ความปราณียอดชาย

 จนคุณแม่ของยอดชายถึงกับน้ำตาคลอ

 

เพราะท่านได้ลงทุนปลูกเรือนไว้ในบริเวณบ้านของท่าน

สำหรับยอดชายหลัง ๑ เป็นเรือนขั้นเดียว มีห้องนอน ๑ ห้อง

 ห้องน้ำและห้องนั่งเล่นพร้อมทั้งเครื่องแต่งบ้านทุกประการ

 

 และท่านยังออกปากขอยอดชายมาเป็นบุตรบุญธรรมด้วยเลย

 เพื่อท่านจะได้อุปการะให้เต็มที่

 สมกับความดีของพ่อแม่ของยอดชายที่เคยมีต่อท่าน

 ซึ่งคุณแม่ของยอดชายก็จำต้องรับปาก

 

บริเวณบ้านคุณพระกว้างขวางมาก

 เนื้อที่ในอาณาเขตไม่ต่ำกว่า ๒ ไร่ มีตึกปลูกอย่างทันสมัย

 ซ้ำยังมีเรือนกล้วยไม้กว้างขวาง

 

คุณพระเป็นนักเล่นกล้วยไม้มือหนึ่งของกรุงเทพฯทีเดียว

 เวลาหน้าออกดอกจะดูสะพรั่งไปทั้งเรือน มีกลิ่นหอมตลบไปหมด

 เรือนกล้วยไม้ติดกับตัวตึกเลยทีเดียว

 มีโรงรถแยกอยู่ต่างหากทางรั้วด้านหนึ่ง

 

 

คนขับรถเป็นแขกอิสลามชื่อลุงหวัง ลูกเมียไม่มี

 อาศัยอยู่กับคุณพระแต่กินอยู่แยกต่างหากที่เรือนคนใช้

 นอกจากคนทำสวนอีกคนแล้วก็ไม่มีใครในบ้านที่เป็นผู้ชายอีกเลย

 

พอคุณแม่ลาคุณพระกลับบ้าน

 คุณพระก็จัดแจงพายอดชายไปเข้าโรงเรียนกวดวิชา

เพื่อการสอบเข้า ร.ร.เตรียมอุดมฯต่อไป

 

 คุณพระได้ถามความประสงค์ว่ายอดชายจะเรียนอะไร

 ยอดชายตอบว่าจะเรียนบัญชีและธรรมศาสตร์(นิติศาสตร์?)

 

 ซึ่งตรงกับประสงค์ของคุณพระอย่างยิ่ง เพราะลูกชายที่ไปเรียนนอก

 ปรากฏว่าไปเรียนวิศวกรรม ไม่ได้เรียนวิชาซึ่งคุณพระต้องการ

 

ขอรวบรัดตัดความเพื่อให้ย่นย่อเข้า

 เป็นอันว่ายอดชายได้อยู่อย่างสุขสบายในบ้านของ

คุณพระพ่อบุญธรรม และได้เรียน ร.ร.เตรียมฯ

แผนกอักษรศาสตร์ตามความปรารถนาของคุณพระ

 

จนกระทั่งสำเร็จเตรียมเข้ามหาวิทยาลัย

 ได้เรียนวิชาบัญชีตามความประสงค์

 โดยไปสมัครเข้าเรียนธรรมศาสตร์อีกด้วย

 พอยอดชายเข้าเป็นนิสิตปีที่ ๑ 

 

 

คุณพระก็ซื้อรถยนต์ให้ใช้ส่วนตัวคัน ๑

 แต่ให้ช่วยทำหน้าที่ขับรับส่งคุณแดงด้วย

 เพราะเธอยังเรียนย ม.๖อยู่ ร.ร.ฝรั่งแห่งหนึ่ง

 

ปกติ คุณพระมักจะชอบให้มีการฉายหนังเล่นในบ้านเสมอ

 ท่านมีเครื่องฉายหนังขนาดเล็กของท่านเอง

 ส่วนฟิล์มหนังขอยืมเขามาบ้าง เช่ามาบ้าง

 

 และท่านยังได้ซื้อกล้องถ่ายหนังขนาด ๘ ม.

ม.ขนาดเล็กให้ยอดชายหัดถ่ายแล้วเอามาฉายเล่นเสมอๆเหมือนกัน

 

นับว่ายอดชายมีโชคอย่างยิ่ง

 ในอันที่จะได้พ่อตาในอนาคตผู้ใจดีต่อเขายิ่งกว่าลูกในไส้

 ยอดชายก็ให้ความเคารพนับถือท่านมาก เป็นการตอบแทนกัน

 

แต่เกณฑ์ชะตาของยอดชายยังจะมีความสุขยิ่งขึ้นไปอีก

 โดยที่กามเทพได้หมายหัวเอาไว้แล้ว

 จึงทำให้เขาต้องพัวพันกับผู้หญิงอีกมากมาย

 

เพียงแค่เข้าเรียนไม่ถึงครึ่งปี

 ยอดชายก็เป็นดาราอยู่ในกลุ่มเพื่อนหญิงชายเสียแล้ว

 ทั้งนี้เขาไม่ได้มีความลืมตัวแต่ประการใด

 

 

 

เขาวางตัวอย่างเหมาะสม

 ทำให้เพื่อนหญิงจำนวนไม่น้อย

เปิดประตูใจให้เขาเป็นแฟนอย่างเห็นชัด

 

ทุกคนในครบครัวคุณพระเองก็ให้ความรักเอ็นดูเขาเหมือนกับ

ลูกชายคุณพระจริงๆ

 ยิ่งคุณแดงทราบว่ายอดชายเป็นคู่ของเธอในอนาคตด้วย

 ทำให้เธอภูมิใจจนอดจะอวดกับเพื่อนๆ

ไม่ได้ว่าเธอมีคู่หมั้นหมายที่ถูกใจเธออย่างยิ่ง

กลับหน้าหลัก ตอนถัดไป