บทที่ 51
ตอน ผู้ร่วมรบ
ลมพายุหมุนแผ่วงกว้างขึ้น ล้อมตัววิวและองค์หญิงไว้ เขาอ่านศิลาจารึกนั้นโดยที่เขาเองไม่เคยอ่านคำพวกนี้ออก แต่ครั้งนี้เขาอ่านมันออกได้ง่ายดาย เมื่อเขาแปล่งคำของศิลาออกมา ลำแสงสีฟ้าแดงก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ ทุกคนมองไปยังจุดที่ศิลาอยู่
องค์ชายและเหล่าเทพเซียนต่างพากันจับอาวุธเพราะรู้ดีว่า สงครามกำลังจะเกิด และทันใดนั้น ท่านการุณและเหล่าทหารก็มาถึง เขายืนข้างเวนและท่านหญิง
ท่านการุณพูด “พลังเด็กนั้นเหตุใดมีดวงแก้วของเจ้าอยู่” เขามองมาทางเวน ท่านหญิง องครักษ์และท่านอา ต่างตกใจ เวนไม่พูดอะไร
ท่านอา “นี่เจ้า รักเด็กนั่น จนยอมเสี่ยงมอบชีวิตดับสูญไปพร้อมกับเขาเหรอ”
ซันพูด “องค์ชาย ท่าน....”
ฟางพูด “เด็กนั่นไม่รู้ใช่ไม่ ถ้าเขารู้เขาไม่มีทางรับมัน”
ท่านการุณพูด “ทำไปแล้ว อย่าได้ตำหนิเลย หวังว่าเจ้าคงทำถูกต้อง”
เวนไม่ตอบอะไรเลยเขาได้แต่ยืนเงียบไม่พูดอะไรเลย สีหน้าเย็นชาไร้ชีวิตเข้ามาแทนที่ แผ่นดินเริ่มไหว ควันดำกำลังลอยออกจากปล่องภูเขาไฟ พร้อมกับลาวา ผนึกที่จองจำกำลังจะแตก พวกเหล่าปีศาจลอดตัวผ่านออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุดรอยแยกก็แตก ราชาจอมมารร่างสูงใหญ่ราวกับยักษ์ได้ปรากฏตัวขึ้นในรูปลักษณ์ที่หล่อเหล่า ผมยาว แต่ร่างกายมีแต่เปลวเพลิง โยคียิ้ม
“ท่านพ่อ ข้าทำได้แล้ว”
จอมมารพูด “ทำได้ดีลูกข้า”
โยคีพูด “เชิญท่านสั่งการได้เลย”
จอมมารพูด “ฆ่าพวกมันให้หมด”
แล้วโยคีก็สั่งการ ให้เหล่าปีศาจทำสงครามทำลายล้าง พวกที่บินได้ก็จัดการบินขึ้นสู่ท้องฟ้า ทหารมารต่างวิ่งเข้าจู่โจมพวกเซียนและเทพ แต่ทันใดนั้น ได้มีเหล่าเครื่องบินจำนวนมากบินผ่านเข้ามาก ใช้อาวุธที่หนักที่สุดที่พวกเขามี เข้าจู่โจมพวกปีศาจที่บินอยู่ ต่างพากันล่วงสู่พื้น ด้านหลังของเทพและเซียนก็มีผู้คนพากันเดินออกจากป่ามาร่วมรบกับพวกเขา มีทั้งมนุษย์ ปีศาจที่บำเพ็ญตน ทั้งสัตว์ที่แขวงตัวอยู่ ต้นไม้ที่มีชีวิต จำนวนมากมาย ต่างพากันเดินออกมาจากป่า
ชายหนุ่มคนหนึ่งมายืนข้างฟาง เขาพูด “ไม่อยากเชื่อว่าโลกเราจะมีสิ่งแปลก ๆ มากมาย”
เขาหันมองฟาง “ท่านเป็นอะไร”
ฟางมองหน้าเขา “เจ้าถามข้าเหรอ”
เขาตอบ “อืม”
ฟางพูด “องครักษ์เทพ”
ชายหนุ่มหันไปทางเพื่อน “นี่นายดูซิ เขาเป็นเทพ”
ฟางพูด “พวกเจ้ากลับไปเถอะ ที่นี่อันตรายสำหรับเด็กมาก”
ชายหนุ่มพูด “พวกเราไม่ใช่ด็ก อายุ 25 กันแล้ว”
ฟางพยักหน้า
ชายหนุ่มพูดต่อ “พวกเราทุกคนสู้เป็น”
ฟางยิ้ม “อย่างนั้นสู้ ๆ นะ”
แล้วยีนกับลุค ก็เดินมาหาองค์ชาย พวกเขาโค้งคำนับ
ซันพูด “พวกเจ้าทิ้งวังมา”
ยีนพูด “องค์ชาย โปรดอภัยด้วย ข้ากับองครักษ์ลุคไม่อาจนิ่งนอนใจได้ที่จะปล่อยให้พวกท่านต้องเผชิญหน้ากับทัพปีศาจ แต่องค์ชายอย่าได้ห่วง พวกข้าปล่อยผนึกภูติให้ปกป้องประสาทแล้ว”
องค์ชายพูด “ช่างเถอะ ข้าเชื่อว่าวังไม่เป็นอะไรหรอก เหล่าภูติและเทพธิดา จัดการได้แน่นอน”
ท่านการุณ ได้ใช้พลังของเทพ สร้างเกาะปกป้องมนุษย์ไม่ให้ตายเพราะควันพิษที่ออกมาจากภูเขาไฟ โดยเป็นกำไลข้อมือสีทอง ทุกคนถูกใส่ไว้ที่มือของตนโดยไม่ทันรู้ตัว พวกเขามองที่มือของตัวเอง
ชายคนหนึ่งพูดขึ้น “นี่มันอะไร”
เทพเซียนทุกคนที่อยู่ใกล้มนุษย์ ต่างบอกพวกเขาว่า นี้คือสายรัดกำไลต้านหมอกพิษจากอเวจี พวกเจ้าไม่สามารถหายใจได้ถ้าเข้าสู้สมรภูมินี้ มนุษย์ยิ้มให้กับเหล่าเทพและเซียนแสดงถึงการขอบคุณ
แล้วสงครามก็เริ่มขึ้น ทุกคนเข้าสู้รบฆ่าฟันกัน พลังของความสามัคคีนี้ช่างหน้าอัศจรรย์ มนุษย์ที่ต่ำต้อยด้วยแรงศรัทธาและเชื่อมั่น พวกเขาสู้ได้อย่างไม่กลัวความตาย ท่านการุณเอ่ยกับท่านหญิงก่อนจะออกตัวไปต่อสู้
ส่วนองค์ชายและเหล่าองค์รักษ์กำลังฝ่าพวกทหารจอมมารไปยังจุดที่วิวอยู่