บทที่ 13
ตอน ภาพลวงตา
บนยอดเขาสูง มีวังตั้งสง่าอยู่กลางหุบเขา เมื่อถึงยอดเขา แม้ทางจะลาดชัน แต่สำหรับเทพแล้วแค่ลอยตัวก็เท่านั้น พวกเขาลอยตัวมายืนหน้าประตู ซันเคาะประตู 3 ครั้ง ก็ได้มีชายชราเดินมาเปิดประตู
ซันถาม “ท่านลุง ท่านผู้อาวุโสอยู่หรือไม่”
ท่านลุงตอบ “อยู่ เข้ามาซิ พวกเจ้าหายหน้าไปนานเลยนะ”
ฟางเดินเข้ามาพร้อมกับอุ้มร่างของวิวไว้
ซันตอบ “ช่วงนี้มีเรื่องมากมาย เลยไม่ได้มาเยี่ยมเยือนพวกท่านเลย”
ท่านลุงพูด “ไม่เป็นไร มาเถอะ ทางนี้”
ห้องยาเก่าแก่ กลิ่นอบอวลไปด้วยสมุนไพรมากมาย
ท่านผู้อาวุโสพูดขึ้น “ใครมาละตาแก่”
ท่านลุงพูด “ดูเอาเองซิ ข้าจะไปจัดห้องให้พวกเขา”
ซันพูดพร้อมโค้งคำนับ “คารวะท่านผู้อาวุโส”
ท่านผู้อาวุโสพูด “พวกเจ้าเองเหรอ หลานข้ามีอะไรให้ข้าช่วยอีกละรอบนี้” ฟางเดินเข้ามาพร้อมกับร่างของวิวที่หมดสติ
“ท่านต้องรักษาเขานะ ไม่อย่างนั้น องค์ชายเอาพวกเราตายแน่”
ท่านผู้อาวุโสเดินเข้ามาดู จับชีพจรของวิว
“เจ้าพาเขาไปวางไว้บนเตียง”
ฟางพูด “ท่านต้องช่วยเขานะ”
ท่านผู้อาวุโสพูด “พวกเจ้าไปพักผ่อนก่อน เดี๋ยวเจ้าเด็กนี้ข้าจะดูแลเขาเอง” ทั้งคู่รับคำสั่ง แล้วเดินออกไป
ท่านผู้อาวุโส ตรวจดูวิวอย่างละเอียด เขาได้หยิบยาเม็ดสีชมพูแดงป้อนให้เขากิน เขาคิด ร่างกายเป็นเพียงมนุษย์เหตุใดแข็งแกร่งทนต่อพลังดวงตาสีเพลิงได้นะ หรือว่านางจะอยู่ในร่างของเจ้า
อีกด้านของซันกับฟาง
ท่านลุงพูด “พวกเจ้าพักอยู่เรือนรับรองนี้นะ มี 2 ห้อง เลือกกันเอาเองแล้วกัน”
ทั้งคู่โค้งคำนับ “ขอบคุณครับท่านลุง”
ท่านลุงพูด “ไม่เป็นไร หลายปีแล้วที่ไม่มีใครมาที่นี่เลย พวกเจ้ามาข้าจะได้ไม่เบื่อ ออ.เดี๋ยวข้าทำอาหารเลี้ยงพวกเจ้าดีกว่า”
ซันพูด “รบกวนท่านแล้ว”
ท่านลุงพูด “ไม่รบกวน ข้าชอบ” แล้วเขาก็เดินจากไป
ฟางพูด “เขาจะรอดมั้ย”
ซันพูด “ถึงมือท่านผู้อาวุโสแล้วคงไม่เป็นไรหรอกมั่ง”
ฟางเดินเข้ามาใกล้ซัน “เจ้าไม่ชอบเด็กนั้น เพราะอะไร”
ซันเบี่ยงตัวหนี “ไม่ใช่เรื่องของเจ้า”
ฟางจับแขนซัน “เหตุใดข้าจะมองเจ้าไม่ออกว่าเจ้าคิดยังไงกับองค์ชาย” ฟางดันตัวซันติดกำแพงประตูห้อง หน้าเขาใกล้หน้าของซันมากจนแทบได้ยินเสียงหายใจ
“ข้ารู้มาตลอดว่าเจ้าคิดยังไง แต่เจ้าเองก็รู้ว่าองค์ชายคิดยังไงกับเจ้า”
ซันดันตัวฟางออก “เจ้าจะไปรู้อะไร”
ฟางพูด “เจ้าที่ไม่รู้อะไรเลย”
ซันพูด “เจ้าหยุดล้อเล่นกับความรู้สึกข้าได้แล้ว”
ฟางพูดด้วยสีหน้าเศร้า “ข้าไม่เคยล้อเล่นกับความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเจ้า มีแต่เจ้าที่ไม่เคยมองเห็นมัน”
แล้วฟางก็เดินไปอีกห้องหนึ่ง ซันยื่นนิ่งอยู่ที่หน้าห้อง เขาตกใจหัวใจเต้นเร็ว จะโกรธหรือจะยังไงที่ฟางคิดกับเขามากกว่าคำว่าเพื่อน
รุ่งเช้าวันใหม่
เสียงนกร้องในหมู่ไพร สายลมอ่อน ๆ พัดผ่าน ฟางเดินออกจากห้องมองไปยังห้องของซันเขารู้ดีว่าซันได้ไปยังห้องปรุงยาแล้วแน่นอน
ซันพูด “เขายังไม่พื้นอีกเหรอ”
ท่านผู้อาวุโสพูด “ต้องใช้เวลา”
ฟางเดินเข้ามาโค้งคำนับท่านผู้อาวุโส “เขาเป็นอะไรครับ”
ตาของฟางมองมาที่ซัน แต่กิริยาของซันนิ่งไม่ได้มองกลับมา
ซันถาม “ภาพลวงตาของท่านมีพิษมั้ย”
ท่านผู้อาวุโสพูด “จะบ้าเหรอ ภาพลวงตาของข้าสร้างมาจากแก่นส่วนลึกของจิตใจของผู้ถูกทดสอบเท่านั้น หมอนี้เป็นมนุษย์ แถมยังมีผนึกดวงตาสีเพลิงหลอมอยู่ในกายเขาอีก สิ่งที่จะฆ่าเขาก็คือผนึกนี้แหละ เขาไม่สามารถแยกได้ว่าเป็นภาพจริงหรือภาพลวงตา เพราะคิดเพียงแต่จะช่วยพวกเจ้า”
ซันพูด “เป็นอย่างที่องค์ชายคิด ผนึกดวงตาสีเพลิงอยู่ในร่างเขา”
ท่านผู้อาวุโสพูด “ใช่ ข้าคงเสียหลานข้าไปแล้ว ข้าไม่เข้าใจเลยเหตุใดหลานข้าเลือกมนุษย์ผู้นี้ พวกเจ้าออกไปก่อนช่วงนี้อย่าได้เข้ามารบกวนข้า”
ซันโค้งคำนับแล้วเดินออกไปโดยไม่มองหน้าฟาง เช่นเดียวกันฟางก็โค้งคำนับแล้วรีบเดินตามซันไปทันที
ฟางเรียก “นี้เจ้าจะหนีหน้าข้าเหรอ”
ซันพูด “เปล่านี่”
ฟางพูด “แล้วทำไมไม่มองหน้าข้าละ” ฟางจับแขนซันทันที เขาคว้าเอวของซันแล้วพาลอยตัวไปที่แห่งหนึ่ง
ซันพูด “นี่เจ้าปล่อยข้านะ”
ฟางพูด “อย่าดิ้น” เขาลอยตัวมาจนถึง ยอดภูเขา ที่มีน้ำตกที่ไม่เคยมีน้ำลงสู้พื้นล่างเลย นั้นเป็นเพราะน้ำได้กลายเป็นละออง จับตัวเป็นก้อนเมฆแทน พวกเขายืนอยู่กลางหทะเลสาบที่มีก้อนหินขนาดใหญ่อยู่
ฟางพูด “เจ้าเห็นอะไรหรือไม่”
ซันดันตัวเองออกจากฟาง “เห็นแต่ก้อนเมฆ ไม่เห็นมีอะไร”
ฟางยิ้มสีหน้าเขาเศร้า “นั้นเป็นเพราะใจของเจ้ามองเห็นแต่องค์ชาย แต่ข้ากลับมองเห็นมากกว่านั้น ที่แห่งนี้สวยงาม ยิ่งมีเจ้าอยู่ด้วย ก็ยิ่งมีคุณค่ามากกว่าเดิมอีก”
ซันพูด “เจ้าพูดอะไร”
ฟางเงียบ เขาจับเอวของซันแนบกับตัวเอง ใบหน้าซันใกล้เขามาก
ซันพยายามขยับตัวหนี “ปล่อยข้านะ” แต่แรงของฟางก็กอดเอวไว้แน่น
ซันพูด “เจ้าอยากตายหรือไง”
ซันไม่ทันพูดจบ ฟางก็ก้มลงจูบที่ริมฝีปากเบาๆ ดวงตาของซันเบิกกว้าง ริมฝีปากที่อ่อนนุ่ม เร่าร้อน ทำให้ซันถึงกับตกใจยืนนิ่งไปชั่วขณะ เมื่อได้สติ เขาก็ผลักร่างของฟางออก ถือกระบี่ ชี้มาตรงหน้าอกของฟางทันที
“เจ้าอยากตายมากใช่ไม่” ฟางไม่สนใจที่ซันพูด เขาเดินเข้าหาคมกระบี่นั้นอย่างไม่ลังเล แต่ซันกลับชักกระบี่หลบ
ฟางพูด “สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือเวลาที่เสียไป ข้ารักเจ้ามาตลอดและวันนี้ข้าก็ได้ทำที่ใจต้องการแล้ว เจ้าจะรับไมตรีหรือไม่นั้น สุดแล้วแต่เจ้า” ซันเก็บกระบี่ เขาเดินเข้ามาต่อยฟาง แล้วลอยตัวจากไป
ฟางพูด “จบแล้วซินะ”
ซันเดินกลับห้อง ด้วยอารมณ์ที่โกรธ “ทำไมเจ้าต้องจูบข้าด้วย เราเป็นเพื่อนกันนะ”
ฟางกับซันเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก พวกเขาเป็นเทพที่ถูกเลือกให้เป็นองครักษ์ตั้งแต่เด็ก ฟางหลงรักซันมานานหลายปีโดยที่ซันเองไม่ได้สนใจในการกระทำใด ๆ ของฟางที่มีต่อเขาเลย