Your Wishlist

The Last Of Hero : ผู้กล้าผู้มัวหมอง (#3 ความอ่อนแอของการอยู่คนเดียว)

Author: Karasu_Romani

"ถ้าถูกส่งไปต่างโลกก็คงจะดี" ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัวของผมทุกครั้งที่เกิดความอิจฉาตัวละครต่างโลกต่างๆในเรื่องที่เคยอ่านแต่แล้ว ในตอนที่ผมถูกส่งไปยังต่างโลก ก็ทำให้รู้ว่า "โลกไหนก็โหดร้ายไม่ต่างกัน"

จำนวนตอน :

#3 ความอ่อนแอของการอยู่คนเดียว

  • 02/08/2565

เวลาล่วงเลยมาสี่วันแล้ว... นอกจากเนื้อกระต่ายที่ได้ล่ามาในวันแรก ผมก็ได้พวกจิ้งเหลนที่หาได้ตามแถวต้นไม้ช่วยประทังชีวิตเอาไว้ รสชาติของมันไม่น่าปลื้มเท่าไหร่นัก รสขมและรสเปรี้ยวบาดลิ้นที่ผสมกันทำให้รู้สึกผมอยากอาเจียนออกมา ทุกครั้งที่ผมกัดลงไปทำให้รู้สึกอยากคายออกมาเสมอ แต่ผมไม่มีทางเลือก ผมยังไม่อยากอดตายตอนนี้

อย่างน้อยก็ในตอนนี้...

ผมเหม่อมองกองไฟที่กำลังลุกโชนอยู่ข้างหน้าผม พลางนึกถึงชีวิตก่อนที่จะมายังโลกแห่งนี้ อาจจะเพราะความแตกต่างของยุคสมัย แต่ผมก็ต้องยอมรับว่าตัวผมในตอนนี้กลับมีความพยายามในการเอาชีวิตรอดมากกว่าแต่ก่อนอย่างน่าตกใจ บางทีแล้วผมอาจจะยังพยายามไม่มากพอก็ได้ หากตั้งใจเอาตัวรอดมากกว่านี้ ตัวผมในตอนนั้นจะมีชีวิตที่ดีขึ้นไหมนะ...

ผมที่กำลังนั่งคิดทบทวนกับตนเองอยู่นั้น จู่ๆก็ได้ยินเสียงของบางสิ่งจากที่ไกลๆ

บรู๊ว...

มันเป็นเสียงหอนของสุนัขไม่ก็หมาป่าอย่างแน่นอน เสียงนั้นดังก้องกังวานไปทั่วทุ่งกว้างที่ผมนั่งอยู่

"ขอล่ะ อย่าเป็นแบบที่คิดเลย" ผมรีบลุกขึ้นมาคว้าดาบมาถือไว้แน่น ในขณะที่เสียงนั้นยังดังออกมาเป็นระยะๆ

แม้จะมีกองไฟเล็กๆตรงหน้าและแสงจันทร์อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้สว่างมากพอที่จะทำให้ผมมองเห็นได้ชัดในระยะกว้าง ผมพยายามมองอย่างระวังตัว เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอยู่ใกล้ๆนี้

แต่แล้วคำขอของผมก็ไม่เป็นผล ผมสังเกตเห็นสิ่งมีชีวิตคล้ายหมาป่าอยู่ตรงพงหญ้าจากไกลๆ ทำให้ผมต้องรีบวิ่งไปหลบหลังต้นไม้ที่ผมอยู่ทันที

มันเริ่มเดินเข้ามาใกล้ๆกองไฟของผมอย่างไม่เกรงกลัว ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้กลัวไฟเลยสักนิด สักพักมันก็ยื่นจมูกขึ้นไปเหนือหัว และทำท่าทางเหมือนกำลังดมหาอะไรบางอย่าง

ผมขนลุกไปทั่วทั้งตัว ถ้าหากผมเข้าใจถูกล่ะก็ ผมไม่สามารถหลีกเลี่ยงจากการปะทะในครั้งนี้ได้แน่ๆ เพราะสิ่งที่มันกำลังดมหา คือกลิ่นเลือดที่ออกมาจากแผลของผมนั่นเอง แม้จะผ่านมาสี่วันแล้ว แต่ดูเหมือนว่าแผลจะยังไม่ปิดสนิทดี มันคงไม่แปลกที่จะมีกลิ่นคาวเลือดหลุดลอดออกมานอกผ้าพันแผลของผม

ผมกลับไปมองที่มันจากหลังต้นไม้อีกครั้ง ลักษณะของมันถึงจะดูคล้ายหมาป่า แต่กลับไม่มีใบหู และผิวหนังยังไม่มีขนอีก ผิวหนังของมันเป็นสีน้ำเงินดูสวยงามมากสำหรับผม แม้ตัวของมันจะไม่มีขน แต่หางของมันกลับมีขนที่ดูยาวเหมือนหางม้าและดูนุ่มฟูเหมือนขนแกะ

ผมในตอนนี้กำลังคิดว่าควรจะจัดการมันตอนที่มันกำลังเข้ามาใกล้ดีไหม แต่ความคิดหนึ่งของผมก็ผุดขึ้นมาเตือนตัวผมเอาไว้ หากเป็นสิ่งมีชีวิตคล้ายหมาป่าจริงๆ มันจะต้องมีฝูงอยู่แน่ๆ และถ้าหากโชคร้ายที่สุด ผมก็คงอาจจะอยู่ท่ามกลางหมาป่าไร้ขนจำนวนมาก และโอกาสรอดชีวิตคงเกือบเท่ากับศูนย์

มันเริ่มเข้าใกล้กองไฟมาเรื่อยๆจนผมเห็นมันได้ชัดเจน หากผมฆ่ามันตอนนี้ มันจะจบไหมนะ แต่ถ้าหากผมจะทำแบบนั้น ผมจะต้องมั่นใจว่าผมสามารถจัดการมันได้ภายในการโจมตีครั้งเดียว เพราะหากไม่เป็นไปตามนั้น มันคงจะเรียกฝูงของมันมาช่วยแน่ๆ

มันเริ่มเข้ามาใกล้ต้นไม้เรื่อยๆ และค่อยๆเดินมายังหลังต้นไม้ ผมคิดว่ามันตามกลิ่นเลือดของผมอยู่ เพราะเสื้อผ้าของผมตอนนี้เต็มไปด้วยคราบเลือดเก่าที่ติดอยู่

ผมสังเกตมันว่าขนาดตัวของมันน่าจะใหญ่ไม่ต่ำกว่าหนึ่งเมตร ถ้าหากสู้กันตรงๆ ผมก็ไม่รู้เลยว่าจะสู้แรงมันไหวไหม

ในขณะที่มันกำลังเดินอ้อมมาและกำลังจะเจอผมอยู่นั้น ผมได้ตัดสินใจกระโจนออกไปฟันที่คอของมัน และดูเหมือนว่าผมจะไม่พลาด หัวของมันหลุดออกจากร่าง เลือดที่พุ่งออกมากระจายไปทั่วพื้นทำให้ผมรู้สึกแย่อีกครั้ง ตั้งแต่ที่มายังโลกนี้ แม้ว่าผมจะฆ่าไปแล้วหลายชีวิตก็ตาม แต่ผมไม่เคยชินกับความรู้สึกนี้เลย ทุกครั้งมือของผมก็มักจะสั่นเวลาเห็นเลือดเสมอ

ผมมองไปที่หัวของมันและอาเจียนออก ดูเหมือนว่าการฝืนกินจิ้งเหลนในวันนี้ของผมมันจะสูญเปล่า เพราะสิ่งที่ตกไปถึงท้องก่อนหน้านี้ได้มากองรวมอยู่ตรงหน้าผม และในขณะที่ผมกำลังรู้สึกเสียดายความพยายามที่เคยฝืนกินจิ้งเหลนอยู่นั้น เสียงหอนแบบเดิมที่ผมได้ยินก็ดังขึ้นอีกครั้ง

.

.

.

ดูเหมือนสถานการณ์ตอนนี้จะแย่กว่าที่ผมคิดเอาไว้ ผมกำลังอยู่ท่ามกลางหมาป่าพวกนั้นทั้งหมดสี่ตัว

ขาของผมเริ่มสั่นโดยที่ผมไม่ได้ตั้งใจ ส่วนมือของผมที่สั่นอยู่แล้วก็แทบจะกำดาบไว้ไม่ไหว

ภาพของผมที่โดนรุมกินทั้งเป็นขึ้นมาในหัวอย่างไม่หยุด ในช่วงเวลานั้นเหมือนกับมีแสงของดวงจันทร์กำลังเฉลิมฉลองการตายของผม

ผมจ้องพวกมันตาไม่กะพริบ ในขณะที่พวกมันค่อยๆย่างฝีเท้าเข้ามาอย่างช้าๆ ทำท่าทีระมัดระวังเหมือนกำลังสังเกตว่าผมจะเข้าไปโจมตีแบบไหน

ผมเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด หากผมเป็นฝ่ายเริ่มก่อน พวกมันสี่ตัวที่เหลือจะพุ่งเข้ามากัดผมอย่างแน่นอน และต่อให้ผมจะคอยตั้งรับเอาไว้ ผมก็คงโดนพวกมันกัดตายก่อนแน่ๆ

ถ้าหากหนีดูล่ะ ด้วยความเร็วของผมจะสามารถวิ่งหลุดจากพวกนี้ได้ไหมนะ นั่นคงเป็นไปไม่ได้เลย ยังไงความเร็วของพวกมันก็ต้องไวกว่าอยู่แล้ว

สิ้นหวังแล้ว สถานการณ์ตอนนี้ สิ้นหวังแล้วจริงๆ

บ้าที่สุด!

บ้าที่สุด!

บ้าที่สุด!

มันต้องมีสักทาง สักทางที่ผมจะรอดไปจากตรงนี้ ขอร้องเถอะ ใครก็ได้ ใครก็ได้ ได้โปรดช่วยผมด้วย ขอร้องล่ะ น้ำตาของผมไหลออกมาด้วยความหวาดกลัว แต่ในที่แบบนี้ ใครหน้าไหนจะออกมาช่วยผมได้กันล่ะ ตอนกลางวันผมยังไม่เจอใครเลยด้วยซ้ำ แล้วตอนกลางคืนแบบนี้จะมีใครได้ยังไงกัน

ผมได้แต่ถอนหายใจออกมา นั่นเป็นความรู้สึกเดียวกับตอนที่ผมตัดสินใจโดดลงมาจากห้องพัก

ความรู้สึกยอมรับในชะตากรรม

ผมวิ่งเข้าไปหาหมาป่าตัวหนึ่งโดยไม่สนใจอีกสามตัวที่เหลือ ผมจับดาบไว้แน่นและพยายามแทงเข้าไปที่ตัวของมัน แต่มันกลับวิ่งหลบการโจมตีของผมเหมือนกับเป็นการละเล่น

ทันใดนั้นความรู้สึกเจ็บเจียนตายก็เข้ามาโจมตีผม สะโพกด้านขวาของผม ขาข้างซ้าย และขาข้างขวาของผมถูกกัดอย่างแรง เลือดที่ไหลออกมาซึมไปกับเสื้อผ้าที่ผมสวมไว้ เสื้อสีขาวของผมถูกย้อมไปเป็นสีแดงด้วยเวลาไม่กี่วินาที มันไม่ได้โง่ มันตั้งใจโจมตีขาของผมเพื่อให้ผมเสียสมดุลในการทรงตัว

ผมจับดาบไว้แน่น และปักดาบนั้นลงที่ตัวของหมาป่าที่กัดขาขวาของผมอยู่ มันกระตุกอยู่สักครู่หนึ่งก่อนจะแน่นิ่งไป

หมาป่าอีกตัวที่อยู่ตรงหน้าผมก็ได้พุ่งเข้ามาพยายามที่จะกัดที่คอของผม แต่ผมก็ใช้มือซ้ายกันเอาไว้ เขี้ยวของมันแทงซ้ำที่ไปแผลเก่าของผมจนผมรู้สึกได้ถึงเนื้อหนังที่ฉีกออกมา หมาป่าทั้งสองที่กัดขาและสะโพกของผมก็ยังใส่แรงกัดไม่หยุด ผมรีบดึงดาบออกมาด้วยแรงที่มี

แต่ดูเหมือนขาของผมจะรับน้ำหนักตัวไม่ไหวแล้ว ผมเสียหลักล้มไปกับพื้น พวกมันไม่ได้เมตตาผมเลยแม้แต่นิด หมาป่าตัวที่กำลังกัดขาอยู่นั้น เมื่อมันเห็นผมเสียหลัก มันก็พยายามเข้ามากัดที่คอของผม

ผมพยายามเอาดาบฟันคอของมันด้วยแรงอันน้อยนิดที่มี แม้จะตัดคอของมันออกสำเร็จ แต่ดูเหมือนว่าแขนซ้ายของผมก็เละไปแล้ว หมาป่าที่กัดสะโพกของผมอย่างเอร็ดอร่อยมันได้กัดเข้าไปลึกจนผมรู้สึกได้

ผมในตอนนี้เสียเลือดมากจนภาพที่ผมมองเห็นเริ่มกลายเป็นสีดำอย่างช้าๆ ผมรีบเอาดาบของผมแทงไปที่ตัวที่กัดมือของผมอยู่ แต่แม้ว่าผมจะสามารถตัดหัวของมันออกได้ แต่ว่าผมในตอนนี้ไม่มีแรงพอจะขยับตัวแล้ว

ภาพที่ผมเห็นค่อยๆกลายเป็นสีดำ พร้อมกับความรู้สึกของเขี้ยวที่กัดเข้ามาในสะโพกของผม เลือดที่ไหลออกจากทั่วร่าง ทั้งแขนซ้าย ขาทั้งสองข้าง สะโพก และคอ มันกำลังไหลออกมาและซึมผ่านชั้นดินลงไป

ผมเสียเลือดไปมากจนไม่รู้สึกถึงอะไรเลย แม้แต่ความเจ็บที่ก่อนหน้านี้ถาโถมเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง

มันคงจะจบลงตอนนี้แล้วจริงๆ ผมยังไม่อยากตาย ผมยังอยากมีชีวิตอยู่ น่าตลกดีจริงๆที่ผมมีความคิดแบบนี้ขึ้นมาได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ผมตัดสินใจจบชีวิตตัวเองแท้ๆ

อยากมีชีวิต...

อยากมีชีวิต...

อยากมีชีวิต...

อยากมีชีวิต...

อยากมีชีวิต...

อยากมีชีวิต...

อยากมีชีวิต...

อยากมีชีวิต...

อยากมีชีวิต...

อยากมีชีวิต...

.

.

.

.

.

ผมยังอยากมีชีวิต!

แม้ว่าผมจะมองอะไรไม่เห็นแล้ว แต่ผมก็ยังรู้สึกได้ถึงสัตว์เดรัจฉานที่กำลังกินร่างกายของผมอย่างตะกละตะกลาม ความแค้นในจิตใจของผมพวยพุ่งออกมา ผมกำดาบในมือไว้แน่นแม้จะสั่นแค่ไหนก็ตาม และแทงเข้าไปตรงจุดที่คิดว่าหัวของมันจะอยู่ตรงนั้น

แรงกัดที่ส่งเข้ามาในตัวผมหยุดชะงักลงไปพร้อมกับเสียงบางสิ่งแตกหัก ผมฆ่ามันได้แล้วงั้นเหรอ? ผมทำสำเร็จแล้วใช่ไหม? ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงไม่แย่เท่าไหร่ อย่างน้อยผมก็แก้แค้นได้สำเร็จ

เปล่าหรอก... ที่จริงผมกำลังโกหกตัวเองอยู่

ผมแค่ยอมรับไม่ได้ว่าตัวผมที่ครั้งหนึ่งเคยคิดฆ่าตัวตาย ตอนนี้กลับมีความคิดที่ว่า

ผมยังไม่อยากตาย

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป