ลูกไก่ ที่กำลังเดินข้ามถนนอยู่ดีๆก็โดนรถชนจนได้ไปเกิดใหม่ในร่างเด็กน้อย อายุสิบขวบปีแถมยังมีครอบครัวที่น่ารักอีก ใครจะไปคิดว่าจะได้ย้อนยุค
ลูกไก่ ที่กำลังเดินข้ามถนนอยู่ดีๆก็โดนรถชนจนได้ไปเกิดใหม่ในร่างเด็กน้อย อายุสิบขวบปีแถมยังมีครอบครัวที่น่ารักอีก ใครจะไปคิดว่าจะได้ย้อนยุค
หลังจากที่มู่เหยียนชิงนั้นได้บังคับเกวียนเพื่อพาบุตรสาวกลับบ้านในระหว่างทางนั้นเขาเริ่มรู้สึกได้ว่ามีคนประมาณยี่สิบคนแอบตามมาห่างๆ แต่ละคนนั้นล้วนมีวรยุทธขั้นสูง มู่เหยียนชิงจะไม่กังวลเลยหากมือสังหารพวกนั้นมีระดับจักรพรรดิและระดับเทวะ แต่นี่ดันมีคนระดับมหาเทวะเช่นเดียวกับเขาถึงสามคน แย่แน่ๆ คราวนี้
“หลันเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกหรือไม่ อย่าได้ประมาทเป็นอันขาด”
“รู้สึกได้เจ้าค่ะท่านพ่อ แต่มีอยู่สามคนที่ลูกรู้สึกได้ว่าพลังปราณอยู่ที่ระดับมหาเทวะเช่นเดียวกันกับท่านพ่อ” มู่เหยียนชิงได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกกังวลเป็นห่วงบุตรสาวยิ่งนัก มู่หลันฮวาเหมือนจะเดาความรู้สึกของมู่เหยียนชิงได้
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านพ่อข้าดูแลตัวเองได้ท่านไม่ต้องกังวล” มู่หลันฮวาบอกบิดาเพื่อให้คลายความกังวลที่มีอยู่ในใจ
“หลันเอ๋อร์ ระวัง..!!” มู่เหยียนชิงร้องบอกนางเสียงดังลั่น
ตู้มมมมม!! เสียงเกวียนแตกกระจาย
“อ่า..!! เกือบไปแล้วสินะเรา” พูดจบมู่หลันเอ๋อร์ก็ตวัดสายตาที่พร้อมกับจะฆ่าคนพวกนั้นให้ตายตกไปทันที ที่กล้ามารบกวนความสุขของนาง
“ท่านพ่อ ท่านเป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่”
“พ่อไม่เป็นไร แล้วเจ้าเล่าหลันเอ๋อร์”
“ไม่บาดเจ็บที่ใดเลยเจ้าค่ะ”
ฉวัะ!! ในขณะที่นางบอกกล่าวแก่บิดาอยู่นั้นก็ได้มีมือสังหารคนนึงโผล่เข้ามาหานางจากทางด้านหลังพร้อมกับเสียงของดาบที่ฟาดลงมากลางหลังนาง อ่าาา!! เจ็บชะมัดเลย นางหันกลับไปมองก็ได้เจอกับมือสังหารคนนั้นพร้อมกับซัดเข็มอาบยาพิษออกไปทำให้มือสังหารสิ้นใจพร้อมกับถอยออกมา
“หลันเอ๋อร์”
“แค่นี้ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”
มู่เหยียนชิงที่ตะโกนเรียกมู่หลันฮวาด้วยความตกใจที่เห็นนางโดนฟัน จึงได้บันดาลโทสะซัดพลังใส่มือสังหารทั้งหมดกระเด็นออกไปพร้อมกับกระอักเลือดออกมา มู่เหยียนชิงพยุงตัวลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหามู่หลันฮวาโดยไม่ทันมองว่ายังมีมือสังหารที่มีพลังระดับเทวะอยู่ การต่อสู้นั้นได้ดำเนินไปราวๆ 2 ชั่วยาม มู่เหยียนชิงและมู่หลันฮวาต่างก็ได้รับบาดเจ็บกันไม่น้อย
ฟิ้ววววว!!
ไม่นานก็มีอาวุธลอยเด่นหรามาหานางซะแล้ว คนพวกนี้กะจะฆ่าให้ตายในทันทีเลยหรือไง เมื่อเห็นดังนั้นมู่หลันฮวาจึงหยิบมีดสั้นที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อออกมาปัดทิ้ง พร้อมกับกระโจนเข้าไปแต่มือสังหารผู้นั้นรวดเร็วกว่านางมากนัก ได้ซัดพลังมาใส่นางถึงกับกระเด็นกลิ้งไปกองกับพื้น นางพยายามที่จะลุกขึ้นแต่ก็เหมือนไม่มีแรงพละกำลังนางก็เริ่มหมดจากการต่อสู้มาเป็นเวลานาน ดวงตาเริ่มพร่ามัว รู้สึกปวดแสบปวดร้อนบริเวณกลางหลังเหมือนจะมีอะไรอุ่นๆ ไหลออกมา กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วบริเวณนั้นชวนให้สะอิดสะเอียน ในขณะที่สติของนางใกล้จะดับรู้สึกได้ว่ามีอะไรมาบีบที่คอของนางจนเจ็บแทบจะหายใจไม่ออก ร่างกายของนางโดนกระชากให้ลอยขึ้นจากพื้นพร้อมกับเหวี่ยงนางกระเด็นไปโดนต้นไม้ จึงทำให้นางกระอักเลือดและลมปราณปั่นป่วน
“ตายซะเถอะ งานของข้าจะได้จบเสียที” มือสังหารพูดเสียงเย็นพร้อมปล่อยแรงกดดันออกมาทำให้นางที่บาดเจ็บหนักอยู่แล้วถึงกับหมดสติ แต่ก่อนที่มือสังหารจะตวัดดาบใส่นาง
“อ้ากกกกกกก!! ไม่นะปล่อยลูกข้า”
“หลังจากข้าจัดการนังเด็กนี่จบ เจ้าจะเป็นรายต่อไป” มู่เหยียนชิงได้ยินดังนั้นเขาก็ได้รวบรวมพลังปราณเพื่อที่จะฆ่ามือสังหารผู้นั้น ก็ได้มีบุรุษลึกลับผู้นึงซัดพลังไปที่มือสังหารพร้อมกับไปรับร่างที่หมดสติของมู่หลันฮวา
“คุณชายท่านเป็นใครกัน” มู่เหยียนชิงเมื่อเห็นบุรุษผู้นั้นก็ทั้งตกใจสงสัยและโล่งอกในคราเดียวกัน
หานซือเยว่ไม่ตอบเขานั้นแค่บังเอิญผ่านมาทางนี้ ก็รู้สึกได้ถึงการต่อสู้จึงได้รีบรุดมาดูทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น พอได้เห็นสภาพของนางร่างกายของเขานั้นได้ขยับไปเองกว่าจะรู้ตัวอีกทีนางก็เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขาแล้ว แต่ถ้าว่าภายในใจของเขานั้นกระตุกวูบเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ความรู้สึกที่ไม่อยากให้นางตาย ไม่นานหานซือเยว่ก็สลัดความคิดนั้นทิ้งไป ก่อนจะหันไปจัดการมือสังหารที่ยังเหลือรอดอยู่เพียงแค่หานซือเยว่สะบัดมือครั้งเดียวพวกมือสังหารก็แตกสลายเหลือทิ้งไว้เพียงแค่เศษชิ้นเนื้อและกลิ่นเลือด มู่เหยียนชิงก็ต้องตกตะลึงอีกครั้งพร้อมกับร่างบุรุษผู้นั้นได้หายไปแล้ว ได้แค่เพียงสงสัยว่าบุรุษลึกลับผู้นี้เป็นใครกันแน่
ไม่นานหลังจากบุรุษลึกลับคนนั้นจากไปมู่เหยียนชิงจึงได้อุ้มร่างของบุตรสาวพร้อมกับใช้วิชาตัวเบาเหาะเหินกลับบ้านโดยไม่หยุดพักแม้ว่าร่างกายของเขาเองนั้นแทบจะไม่ไหวก็ตามที ใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วยามมู่เหยียนชิงก็ได้มาถึงบ้านพร้อมกับอุ้มร่างบุตรสาวที่เต็มไปด้วยเลือดเข้าไปวางที่ห้องนอนของนาง
มู่หลันจิงเห็นสามีอุ้มบุตรสาวตัวน้อยที่เต็มไปด้วยเลือดเข้ามาก็ได้หันไปหาบุตรชาย
“เฟยเอ๋อร์เร็วเข้า เจ้ารีบไปตามท่านหมอเถามาเร็ว” นางบอกอย่างร้อนใจ นางกลัวเหลือเกินว่าครานี้บุตรสาวของนางจะไม่รอดเช่นคราก่อน มู่เฟยชิงไม่รอให้มารดาพูดจบก็ได้รีบร้อนออกไปทันทีตัวเขาเองนั้นก็กลัวว่าจะสูญเสียน้องสาวไปดั่งเช่นมารดารู้สึก
ลมหายใจของมู่หลันฮวาเริ่มแผ่วเบาเข้าไปทุกทีราวกับว่านางหยุดหายใจเมื่อไหร่ก็ได้ เมื่อท่านหมอเถามาถึงก็ไม่ทันการเสียแล้วจึงได้แต่ถอนใจอย่างคนหมดปัญญา
“ข้าเสียใจกับพวกท่านด้วยบุตรสาวของพวกท่านคงจะอยู่ได้อีกไม่นานชีพจรของนางแผ่วเบาลงทุกที นางบาดเจ็บสาหัสจนเกินไปเสียเลือดไปมากจนลมปราณปั่นป่วน” แม้เขาเองจะเอ็นดูมู่หลันฮวาอยู่ไม่น้อยแต่เขาก็จนปัญญาจะรักษาได้
“ทะ..ท่านหมอเถา ท่านต้องล้อพวกข้าเล่นแน่ๆ เลยหลันเอ๋อร์ยังมีชีวิตอยู่นางจะตายได้เช่นไร” มู่หลันจิงพูดและร้องไห้คล้ายกับคนเสียสติหลังจากที่ได้ยินท่านหมอเถากล่าว สวรรค์ทำไมพวกท่านถึงอยากจะพรากบุตรสาวไปจากนางนัก ทำไมไม่เอาข้าแทน ทำไม ฮือ ฮือ ฮือ มู่เฟยชิงก็ไม่ต่างกับมารดาได้เพียงแต่สะอื้นกดความรู้สึกเจ็บปวดนี้เอาไว้ให้ลึกสุดใจเขาจะอ่อนแอให้บิดาและมารดาเห็นไม่ได้
“น้องหญิงพี่ขอโทษ ฮือ ฮือ ฮือ พี่ขอโทษ ขอโทษที่ปกป้องหลันเอ๋อร์เอาไว้ไม่ได้” มู่เหยียนชิงคุกเข่าลงร้องไห้ราวกับว่าหัวใจเขานั้นโดนมือที่มองไม่เห็นฉีกกระชากครั้งแล้วครั้งเล่าความเจ็บปวดทางกายที่เขาได้รับนั้นเทียบไม่ติดกับความเจ็บปวดทางใจที่ตัวเขาได้รับในตอนนี้เลย ทำไม ทำไมคนพวกนั้นถึงไม่ยอมเลิกรากับครอบครัวของเขาเสียที ทั้งที่เขาก็พาครอบครัวหลีกหนีมาไกลขนาดนี้แล้ว
“ตัวข้ามู่เหยียนชิงผู้นี้ขอสาบานและให้ฟ้าดินเป็นพยาน ตราบใดที่ข้ามู่เหยียนชิงคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ข้าจะฆ่าคนพวกนั้นให้ตายตกตามกันไปให้สมกับที่พวกมันทำกับครอบครัวข้า”
เปรี้ยงงง!! เปรี้ยงงงง!!
ราวกับว่าฟ้าดินเป็นพยานพร้อมกับสายฝนที่กระหน่ำตกลงมาอย่างหนักหน่วง คล้ายกับว่าต้องการช่วยชำระล้างความเจ็บปวดในตอนนี้ของพวกเขาไปให้หมด