ตอนที่ 204
ซุกซ่อนความตายในรอยยิ้ม
ท่านว่าจิตใจคนมักหน้าอย่างหลังอย่าง สับปลี้สับปลับตลบตะแลง ต่อหน้าเสแสร้ง หลับหลังยุแยงใส่ไคล้ เปรียบได้คล้ายดั่งน้ำกลิ้งบนใบบอน มิตรสหายกลับกลายเป็นศัตรู ศิษย์คิดล้างครูอาจารย์ ลูกหลานล้มล้างบรรพชน ยุทธจักรเฉกเช่นเดียวกัน ฆ่าฟัน ห้ำหั่น แก่งแย่ง ช่วงชิง ประหัตประหาร กระทั่งโลหิตแดงฉานฉาบทาบพสุธา เนื่องด้วยต้องการความเป็นใหญ่ในบู๊ลิ้ม จึงต้องซุกซ่อนรอยยิ้มในกระบี่ ที่กล่าวมามากมายทั้งหลายนี้ มีความหมายให้ระลึกระแวดระวัง ท่านว่ามีสติจึงก่อเกิดปัญญา ดังนั้นท่านจึงพึงสังวรจดจำขึ้นใจ
หลวงจีนชั่วถู่ฝูผู้นี้เช่นกัน ฉากหน้าฉาบฉวยด้วยธัมมะ เบื้องหลังคือจิ้งจอกกักขฬะในร่างสงฆ์ ในชีวิตของมันมีบุคคลเพียงสองคนที่ห่วงใย ยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้ว ตาเฒ่าเข็มวิเศษฝ่านอี้เฉิน มันบัดนี้ก้าวเท้าเดินด้วยสีหน้ากระวนกระวาย ปฏิกิริยาคล้ายดั่งพยัคฆ์ติดจั่นปานฉะนั้น
เยี่ยนผิงกลับปลอดโปร่งโล่งใจ ในหัวสมองขบคิดแผนการอันแยบยล ความจริงอยากจะสังหารมันผู้นี้ทิ้งไปให้สิ้นเรื่องราว เพียงติดอยู่ที่ชนักปักหลังจ่านจือยังมิทันชักออก ปลอกคอที่ยังรัดแน่นแม้นยังมิทันกำจัดทิ้ง จ่านจือบอกกับนางว่า
“ไปเส้าหลินคราวนี้ ผู้ที่ข้าพเจ้าจะคิดบัญชีหนี้แค้นเป็นคนแรก หลวงจีนชั่วถู่ฝูผู้นี้คล้ายได้รับเกียรติ จดบันทึกชื่อมันเอาไว้ในหน้าแรกของบัญชี เยี่ยนผิงท่านอย่าได้แหวกหญ้าให้งูตื่นเป็นอันขาด มันทำกับข้าพเจ้าไว้เช่นไร? ข้าพเจ้าจะเอาคืนกับมันเช่นนั้น”
เยี่ยนผิงนางลอบอมยิ้มอย่างสมใจมิได้ ทางหนึ่งวิ่งนำหน้านำพามันไปในจุดหมาย ทางหนึ่งหวนระลึกนึกถึงจ่านจือในคราบของทารกน้อยหยางปู้ชุยชิว มิทราบว่าป่านนี้มันคิดก่อกวนเรื่องราวใด ให้สองเฒ่าพิษปั่นป่วนวุ่นวายใจบ้าง
ทางด้านทารกน้อยหยางปู้ชุยชิว มันบัดนี้ทำมารยาสาไถยให้สมบทบาท ส่วนสองเฒ่าพิษต่างยืนวางมาดคุมเชิง หยางปู้ชุยชิวขมวดคิ้วนิ่วหน้า ส่งสายตาอันทรมานสุดทานทน สองมือเกาะกุมท้องน้อยย่อตัวงอดั่งกุ้งทิ้งร่างลงเกลือกกลิ้งพื้นดิน ปากส่งเสียงโอดโอยคร่ำครวญดังว่า
“ผู้เฒ่าทั้งสองช่วยข้าพเจ้าเร็วเข้า ลำไส้ภายในคล้ายถูกบิดจนแทบขาด กระเพาะ ม้าม ตับ ไตคล้ายไม่ทำงานอยู่รอมร่อ สายตาพร่ามัว สองหูอื้ออึงอลม่านฟั่นเฟือน เสมือนพสุธาแผ่นฟ้าอากาศ พลันจะแยกขาดออกจากกันปานฉะนั้น หากทว่าหัวใจพลันหยุดเต้นตอนนี้ เห็นทีข้าพเจ้าคงมิอาจอยู่ดูหน้าท่านปู่แล้ว”
สองเฒ่าพิษหันมองหน้าส่งสายตาแก่กัน พวกมันทั้งสองรู้สึกสบอารมณ์สาสมใจยิ่ง ยาเม็ดเจ็ดหนอนพิษเริ่มทำหน้าที่อยู่ในกายของทารกผู้นี้แล้ว มันทั้งสองส่งเสียงหัวร่อฮา ๆ คล้ายดั่งเบิกบานใจยิ่ง ยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้วส่งเสียงกล่าวว่า
“นี่เพียงเริ่มต้นเท่านั้น อาการที่เจ้าพรรณนาออกมาทั้งหมด ยังเทียบมิได้หนึ่งในสิบส่วนของฤทธิ์พิษเจ็ดหนอน ทารกอันประเสริฐของเล่าฮู(ผู้เฒ่า) เจ้ารู้หรือไม่? โดยปกติเล่าฮูทั้งสองมิได้ใจดีมีน้ำใจเพียงนี้ แต่นี่เรายังเห็นว่าเจ้าอาจยังมีวาจาเอื้อนเอ่ยเฉลยถ้อยวจีที่น่าฟังอยู่บ้าง ขอบอกตามตรงโดยไม่ปิดบัง ทั้งนี้ด้วยเวทนาทารกเจ้า หากยังมิอยากตายกลายเป็นผีเฝ้าสถานที่นี่ รีบกล่าวคำอันเบิกบานใจให้แก่สองเราได้สดับรับฟัง”
ยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้ว กล่าวเขื่องโขโอ่อ่าวาจาประโคมตน พอหยุดวาจาเว้นจังหวะจะกล่าวต่อ พอดีตาเฒ่าเข็มวิเศษฝ่านอี้เฉิน ส่งเสียงกล่าวสอดขึ้นบ้างว่า
“เล่าฮูทั้งสองล้างรูหูรอฟังอยู่เนิ่นนานแล้ว สถานที่ซุกซ่อนกระบี่คู่วิเศษอยู่แห่งหนใด? อย่าได้เสแสร้งแกล้งทำแชเชือนเสมือนมิได้ยิน หากทารกเจ้ายังทำเล่นลิ้น เราเกรงกลัวว่าจมูกของเจ้าจะมิได้กลิ่น สองรูหูจะไม่ได้ยินสำเนียงเสียงภาษา ริมฝีปากจะแห้งผากดั่งผืนทราย ขากรรไกรเจ้าจะเริ่มแข็งปานศิลา ลำคอบวมเป่งหลอดลมตีบตัน อวัยวะภายในไม่อาจอยู่รับใช้เจ้าของร่างได้ สุดท้ายโลหิตแห้งเหือดเลือดแข็งตัว มีแต่ต้องตายอย่างสุดทรมานสถานเดียว”
หยางปู้ชุยชิวสองมือเกาะกุมท้องน้อย ค่อย ๆ บิดขดตัวงอหงิกกลิ้งไป ๆ มา ๆ อยู่บนพื้นหญ้า แสร้งเป็นขยับริมฝีปากกล่าววาจาอย่างยากเย็น ทำเป็นจะหมดสิ้นเรี่ยวแรงในบัดดล คนส่งเสียงแผ่วเบาราวกระซิบเอ่ยกล่าวว่า
“อาวุโสทั้งสอง ข้าพเจ้าคล้ายได้ยินพวกท่านกล่าวอันใด? ฟังได้ไม่ถนัดชัดเจนนัก สองรูหูอื้ออึงหึ่ง ๆ ราวผึ้งต่อแมลงภู่บินชอนไชอยู่ในรูหูเสียงอู้อี้ มิทราบว่าเมื่อครู่นี้ ผู้เฒ่าทั้งสองกล่าววาจาว่าเช่นไร?”
ยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้ว ขยับเท้าเข้ามาใกล้อีกสองก้าว ส่งเสียงกล่าวดังกว่าเก่าเค้นถามว่า
“ทารกอันประเสริฐ รีบบอกกล่าวออกมาเถิด สถานที่เก็บซ่อนกระบี่สุริยันจันทราอยู่ที่ใด? แล้วเราจะมอบยาขจัดพิษเจ็ดหนอนประทานให้กับเจ้า เรารับรองว่าเจ้าจะไม่ตายเด็ดขาด หากฉลาดทราบสถานการณ์ ดังนั้นรีบบอกกล่าวที่ซ่อนกระบี่วิเศษแก่เรา เจ้าจะได้มีชีวิตปลอดภัยไปอีกหลายปี”
หยางปู้ชุยชิวบิดร่างเร่า ๆ ไปมาราวกิ้งกือหรือไส้เดือนโดนราดด้วยน้ำเดือด อาการเสมือนไก่เถื่อนถูกเชือดลูกกระเดือกดิ้นพล่านกระเสือกกระสน คนคล้ายใกล้ตายในอีกไม่กี่อึดใจ ยกมือข้างหนึ่งขึ้นป้องหู ส่งเสียงกล่าวถามอย่างลำบากยากเย็นออกไปว่า
“อาวุโสทั้งสอง พวกท่านกล่าววาจาลวดลายอันใด? ไฉนข้าพเจ้าคล้ายได้ยินเสียงพวกท่านปานอยู่แสนไกลสุดกู่ มิทราบว่าพวกท่านทั้งคู่กล่าววาจาว่ากระไร?”
ตาเฒ่าเข็มวิเศษฝ่านอี้เฉิน พลันก้าวเดินเข้ามายืนหยุดอยู่ใกล้ ๆ ภรรยา ถลึงตาส่งเสียงกล่าววาจาดังขึ้นกว่าเดิมว่า
“พวกเราทั้งสองถามต่อทารกเจ้าว่า สถานที่เก็บซ่อนกระบี่ล้ำค่าทั้งสองเล่มนั้นอยู่แห่งหนใด? ทารกเจ้าได้ยินวาจาของเราเข้าใจหรือไม่? จะมัวชักช้าเสียเวลาอยู่ไย ไฉนจึงไม่รีบบอกกล่าวเรื่องราวแท้จริงออกมา”
หยางปู้ชุยชิว ขมวดคิ้วหลิ่วตาแสดงสีหน้างมงาย คล้ายยังไม่เข้าใจในคำถามดุจเดิม ภายนอกแสดงออกคล้ายอยากร้องไห้ ภายในส่งเสียงหัวร่อวุ่นวายแทบเก็บอาการไว้ไม่อยู่ หรี่ตาชำเลืองมองเหลือบกลิ้งกลอกลูกตาไปมาเที่ยวหนึ่ง จึงส่งเสียงกล่าวในใจกับตนเองว่า
‘เฒ่าพิษทั้งสอง พวกท่านคล้ายดั่งชราหรือว่าเด็กทารก อีกทั้งยังงมงายเลอะเลือนเกินไปแล้ว หากทว่าเรายังเป็นจ้าวจ่านจือคนเก่าก่อนตอนนั้น อาจจะไม่รู้เท่าทันพวกท่านได้ แต่บัดนี้ข้าพเจ้าคล้ายกลายเป็นจ้าวจ่านจืออีกผู้หนึ่ง ซึ่งมีมันสมองอันปราดเปรียวเฉลียวฉลาด ดังนั้นอุบายลูกไม้ต่ำเตี้ยของพวกท่าน เพียงฟังผ่านมองปราดหนึ่งจึงทราบได้ พวกท่านลองชื่นชมลวดลายอันร้ายกาจของเราดูบ้างเป็นไร?’
ครุ่นคิดได้เช่นนั้น หยางปู้ชุยชิวส่งเสียงร้องโอดโอยออกมาคำหนึ่ง แสร้งไอแค่ก ๆ แห้ง ๆ อยู่ในลำคอ ส่งเสียงแหบพร่ากระด้างเลือนรางดังว่า
“อาวุโสทั้งสอง ข้าพเจ้าคล้ายจะตายแล้ว ข้าพเจ้าจะหมดสิ้นเรี่ยวแรงเคลื่อนไหวส่วนใดมิได้อีก โอข้าพเจ้าคงต้องตายลงไปแล้วจริง ๆ ความลับ...ความลับเกี่ยวกับกระบี่คู่วิเศษ อยู่...อยู่บนภาพวาดผืนนั้น พวกท่าน...พวกท่านรีบนำออกมาให้ข้าพเจ้าชมดู...ทบทวนอีกเที่ยวเร็วเข้า”
สองเฒ่าพิษแห่งสำนักอสรพิษดำ ความจริงวาจาที่กล่าวไว้ในตอนแรก ซึ่งตกลงเอาไว้จะมอบยาถอนพิษให้หลังได้คำตอบที่ต้องการ แต่กระนั้นสันดานจิ้งจอกอันกลอกกลิ้ง ลิ้นไม่มีกระดูกจึงพลิกไปมาได้ ไม่คิดจะมอบให้ไว้แต่แรกแล้ว มันทั้งสองพอได้ยินว่าความลับที่ซ่อนกระบี่คู่วิเศษอยู่บนภาพวาด ปรากฏรอยยิ้มลิงโลดขึ้นบนใบหน้า โดยที่มิทันรู้ตัวมัวแต่ละโมบ ดังนั้นท่านว่าคนโฉดกระโดดลงในหลุมพรางคนดี เช่นนี้ต่อให้มีเก้าชีวิตสิบลมหายใจ ยังไม่เพียงพอให้ชดใช้แก้ไขกลับคืน
มันทั้งสองพลันคาดคิดเอาเองว่า ทารกหยางปู้ชุยชิวคล้ายจะต้องตายไปแล้ว ห้วงเวลาสุดท้ายคล้ายปลงตก ตัดสินใจในเสี้ยวลมหายใจสุดท้าย ถ่ายทอดบ่งบอกความลับบนภาพวาด ทารกเช่นไรยังเป็นทารก พอความตายมาใกล้เยือนตรงหน้า ค่อยรู้จักรักษาต่อลมหายใจ ใช้วิธีการบ่งบอกที่ซ่อนกระบี่แลกกับยาถอนพิษ ยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้วครุ่นคิดขึ้นในใจว่า
‘อนิจจาทารกอันน่าเวทนาเอ๋ย เจ้ามาเฉลยความนัยตอนที่ใกล้จะหมดลมหายใจสุดท้าย จึงคิดต่อลมหายใจรักตัวกลัวตายขึ้นมา ยอมไขความลับแลกกับยาถอนพิษเม็ดหนึ่ง เราความจริงสมควรมอบให้จึงไม่เอาเปรียบ แต่ทว่าทารกเจ้าอาจเป็นภัยใหญ่หลวงในภายหน้า ตัดไม้ไม่ขุดรากถอนโคน พอลมฝนมาก็งอกงาม ปล่อยเสือเข้าป่ามีแต่สร้างภาระภายหลัง ดังนั้นทารกเจ้าอย่าได้กล่าวโกรธโทษเราเลย’
ส่งเสียงหัวร่อฮิฮะในลำคอคราหนึ่ง ครุ่นคิดคำนึงต่อว่า
‘ยาเม็ดไฉนจึงมอบให้แก่เจ้าได้? หากเป็นความตายคล้ายยายเฒ่ายินยอมมอบให้โดยเต็มใจยิ่ง’
ยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้ว คิดพลางล้วงหยิบผืนภาพวาดในอกเสื้อ คลี่กางก้าวเท้าฉับ ๆ ตาเฒ่าเข็มวิเศษฝ่านอี้เฉินก้าวเท้าตามติด หยุดเท้าอยู่สองข้างร่างของหยางปู้ชุยชิว คนทั้งสองย่อตัวลงนั่งยอง ๆ ช่วยกันประคองร่างทารกให้ลุกขึ้นนั่งอย่างยากเย็น ยายเฒ่าจิ้งจอกกลองกลิ้ง ผู้อื่นซุกซ่อนรอยยิ้มในกระบี่ตน แต่สำหรับคนอย่างนางจิ้งจอกเฒ่า กลับซุกซ่อนความตายในรอยยิ้ม มันทั้งสองปรากฏรอยยิ้มกริ่มบนใบหน้า หยิบยื่นภาพวาดใส่มือให้แก่หยางปู้ชุยชิว ยายเฒ่าพิษส่งเสียงกล่าวเร่งเร้าว่า
“ทารกอันประเสริฐเลิศเลอ เร็วเข้ารีบบอกกล่าวต่อเราทั้งสอง บนภาพวาดผืนนี้มีความลับซุกซ่อนอยู่ที่ใด? แล้วเราจะมอบยาถอนพิษให้เจ้ากลืนกินโดยทันที”
หยางปู้ชุยชิวส่งเสียงหัวร่อฮึ ๆ อยู่ในลำคอเบา ๆ กล่าวกับตนเองว่า
‘เราก็ศิษย์มีอาจารย์ พวกท่านทั้งสองดูแคลนเราเช่นนี้ มีแต่จะต้องเสียใจในภายหลัง ความจริงหากจะปลิดชีวิตพวกท่านนั้น แสนง่ายดายปานพลิกฝ่ามือ แต่ทว่าระหว่างพวกเราชาวยุทธจักร ยังมีเรื่องราวต้องสะสางชำระหนี้ค้าง ล้างหนี้แค้นคลี่คลายให้หมดจด ชุมนุมเส้าหลินนอกจากเรา ยังมีผู้อื่นที่รอคิดบัญชีหนี้แค้นกับท่าน’
หยางปู้ชุยชิวครุ่นคิดได้เช่นนั้น พลันสาดสายตาไปข้างหน้า ปากส่งเสียงร้องเรียกดังว่า
“ท่านปู่ ผู้หลานอยู่ที่นี่”
สองเฒ่าพิษสะดุ้งโหยง ส่งเสียงร้องอุทานอย่างตระหนก เหลียวหน้ามองตามสายตาของทารกหยางปู้ชุยชิว ส่งเสียงร้องกล่าวพร้อมเพรียงกันว่า
“ท่านปู่ของเจ้า!?”
ทันใดนั้นเอง จิ้งจอกเฒ่าทั้งสองพลันรู้สึกถูกนิ้วจี้ที่จุดเชินจู้บนสะบักขวา ยังมิทันหันหน้ากลับมามอง คนทั้งสองร่างแข็งทื่อราวกับเสาศิลาสองต้น ได้แต่กลอกกลิ้งลูกตาไปมาเท่านั้น พลันด้านหลังมองไม่เห็นได้ยินเสียงแหบพร่าดังว่า
“หยางปู้ ผู้หลานอันน่ารักของท่านปู่ ผู้ใดใจดำอำมหิตคิดเข่นฆ่าเจ้า ไหน ๆ มาให้ท่านปู่ตรวจดูชีพจรของเจ้าก่อน ใช่มันสองคนตรงหน้านี้หรือไม่?”
จากนั้น เป็นน้ำเสียงของหยางปู้ชุยชิวร้องบอกว่า
“เป็นพวกมันสองคนจริง ๆ มิแปลกปลอมเป็นผู้อื่นได้เด็ดขาด ท่านปู่ต้องช่วยผู้หลานทันที ในร่างกายของหลานปู่ผู้นี้มีพิษเจ็ดหนอน ตอนนี้คล้ายภายในร่างกายถูกชอนไชทรมานสุดทนทาน ท่านปู่ขับพิษออกให้กับผู้หลานก่อนเร็วเข้า”
ทางด้านหลังเงียบเสียงลงชั่วขณะ คล้ายกับผู้ที่เป็นปู่ของทารกหยางปู้ชุยชิวกำลังขับพิษให้ ใช้เวลาเพียงชั่วหม้อน้ำเดือด เสียงแหบพร่าของผู้เป็นปู่ส่งเสียงดังว่า
“หลานเรา เจ้าลองโคจรพลังเดินลมปราณดู ปู่ขับพิษเจ็ดหนอนกระจอกนี้ให้แก่เจ้าหมดสิ้นแล้ว มันทั้งสองตัวชั่วช้านี้มีประวัติไม่เลว เพียงมองจากเบื้องหลังยังทราบได้ว่าเป็นสองเฒ่าพิษโฉดชั่ว พิษชนิดนี้แม้จะกระจอกสำหรับปู่ แต่สำหรับกับเจ้าหากปู่มาไม่ทันเวลา ป่านนี้ปู่คงมิได้สนทนากับเจ้าเหมือนเช่นตอนนี้แล้ว”
หยางปู้ชุยชิวส่งเสียงกล่าวตอบว่า
“ท่านปู่ ผู้หลานเกือบจะต้องไปรอท่านปู่อยู่ในนรกแล้ว โชคดีที่ท่านปู่มาทัน พวกมันสองคนเป็นสองเฒ่าพิษแห่งสำนักอสรพิษดำจริง ๆ”
หยุดกล่าววาจาเล็กน้อย จากนั้นได้ยินเสียงหยางปู้ชุยชิวกล่าวต่อว่า
“บิดามารดาบุญธรรม เจ้เจ๊ของข้าพเจ้ากับสหายแซ่เอียวอยู่ที่ใด? ไฉนพวกเขาจึงมิเดินทางมาพร้อมกับท่านปู่ หรือว่าสร้างกุศลขุดหลุมฝังร่างหลวงจีนชั่วถูฝู่กันอยู่แน่?”
จ้าวจ่านจือ สลัดทิ้งเค้าเก่าเดิมหมดสิ้น บัดนี้ใช้เคล็ดวิชาในคัมภีร์เทพอสูร เปลี่ยนน้ำเสียงไปมาระหว่างปู่หลานแซ่หยางปู้ เฒ่าพิษทั้งสองเพียงได้ฟังน้ำเสียงแต่มองมิเห็นร่าง พวกมันพอได้ยินหยางปู้ชุยชิวกล่าวว่าขุดหลุมฝังร่างหลวงจีนชั่วถู่ฝู ถึงกับสั่นสะท้านขึ้นมาคราหนึ่ง ร่างกายแม้ขยับเขยื้อนมิได้ แต่ปากยังใช้งานได้ดีอยู่ ยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้วกระชากเสียงกล่าวถามว่า
“พวกมันฆ่าถู่ฝูแล้วจริง ๆ? รีบคลี่คลายจุดให้แก่พวกเรา หากบุตรเราตายจริงเราต้องได้กระดูกคืนกลับมา”
หยางปู้ชุยชิวก้าวเท้าเดินอ้อมไปด้านหน้า ยกผืนภาพวาดในมือชูขึ้น ชี้นิ้วไปที่ผืนภาพวาด ส่งเสียงกล่าวว่า
“ข้าพเจ้ายังมิทันบอกที่ซ่อนกระบี่คู่วิเศษบนภาพวาดต่อพวกท่าน ความจริงข้าพเจ้ากำลังจะกล่าวบอกกับพวกท่าน พอดีท่านปู่ของข้าพเจ้าท่านมาถึงเสียก่อน พิษเจ็ดหนอนของพวกท่านเป็นท่านปู่ขจัดให้ มิได้กลืนกินยาขจัดพิษของพวกท่าน ดังนั้นข้าพเจ้าตอนนี้จึงมิต้องบอกที่ซ่อนกระบี่แก่พวกท่าน ภาพวาดผืนนี้ข้าพเจ้าจึงขอคืนกลับแก่เจ้าของเดิมก็แล้วกัน”
หยางปู้ชุยชิวกล่าวจบ ม้วนเก็บภาพวาดไว้ในอกเสื้อ เดินวนเป็นวงกลมอ้อมไปด้านหลัง ส่งเสียงกล่าวว่า
“ท่านปู่ ท่านยังมิได้บอกกับผู้หลาน ถู่ฝูผู้นั้นมันตายแล้วหรือไม่?”
เฒ่าพิษทั้งสองได้ยินผู้เป็นปู่ของหยางปู้ชุยชิวกล่าวตอบว่า
“คาดคิดว่ามันคงยังไม่ตาย เจ้เจ๊ของเจ้าใช้อุบายหลอกมันจนงมงาย มันคล้ายติดเบ็ดหลงเสน่ห์เจ้เจ๊เจ้าจนโงหัวมิขึ้น เวลานี้จะจูงจมูกมันไปทางซ้ายมันก็ไป จะบอกให้มันเดินไปทางขวายังมิกล้าปฏิเสธ ส่วนบิดามารดาบุญธรรมเจ้ากับสหายแซ่เอียว พวกเขาพาชาวบ้านเหล่านั้นไปในที่ปลอดภัย อีกสักครู่คิดว่าเจ้เจ๊ของเจ้าคงชักจูงหลวงจีนชั่วผู้นั้นมาที่นี่”
หยางปู้ชุยชิวส่งเสียงหัวร่อชอบอกชอบใจปรบมือไม่หยุดยั้ง จากนั้นส่งเสียงกล่าวว่า
“เช่นนั้นท่านปู่อยู่ที่นี่รอเจ้เจ๊ ผู้หลานจะล่วงหน้าไปก่อน เพื่อเสาะหาที่ซ่อนกระบี่วิเศษทั้งสองเล่มบนภาพวาด ท่านปู่เมื่อจัดการกับมันสองคนนี้รวมทั้งอลัชชีชั่วผู้นั้นแล้ว พวกท่านรีบติดตามผู้หลานไปอย่าได้ชักช้าเด็ดขาด”
สิ้นเสียงกล่าววาจา ได้ยินเสียงชายเสื้อปะทะลมดังพึบพับห่างออกไป สองเฒ่าพิษครุ่นคิดขึ้นในใจว่า
“ทารกหยางปู้มันไปแล้ว มันได้ภาพวาดไปด้วย แถมมันยังรู้จักสถานที่ซุกซ่อนกระบี่อีก น่าเจ็บใจยิ่งสุกรกำลังจะหาม กลับมีคนนำคานเข้ามาสอด เราสองคนกลับถูกจี้สกัดจุดสุดพิสดาร มิอาจใช้ลมปราณคลายจุดให้กับตนเองได้ แต่ค่อยโล่งใจถู่ฝูบุตรเรายังไม่ตาย ผู้เป็นปู่ของทารกหยางปู้มีสารรูปอย่างไรกันแน่?”
หยางปู้ชุยชิวคล้ายคาดเดาความคิดของสองเฒ่าพิษได้ รีบใช้ลมปราณบังคับร่างกาย กระทั่งกลายเป็นเฒ่าชราผอมซูบเซียวราวอมโรคผู้หนึ่ง ส่งเสียงแหบพร่าเจรจาส่งเสียงว่า
“พวกท่านทั้งสอง คงเป็นเจ้าสำนักอสรพิษดำสินะ? ท่านนี้คือตาเฒ่าเข็มวิเศษฝ่านอี้เฉิน ส่วนท่านนี้ย่อมเป็นยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้ว เราฉายาเฒ่าอมโรคนามหยางปู้ตงชิว ได้ยินกิตติศัพท์ความชั่วร้ายของพวกท่านมานาน คิดมิถึงกลับอำมหิตคิดใช้เม็ดยาเจ็ดหนอนพิษ บีบบังคับเอาที่ซ่อนกระบี่คู่วิเศษจากหลานเรา รอให้บุตรชั่วหลวงจีนของพวกเจ้าเดินทางมาถึง เราค่อยคิดจัดการพวกท่านทั้งสามในคราวเดียว”
หยกเหินลม/ชล ชโลทร
17 เมษายน 2564