ตอนที่ 103
ทำลายค่ายกลไหมหยก
"จ่านจือ ท่านทำสำเร็จแล้ว ในแต่ละช่องจำนวนหนึ่งถึงเก้ามิซ้ำกันแม้แต่ช่องเดียว เมื่อสามช่องไม่ว่าจากทิศทางไหนก็เท่ากับสิบห้าพอดี ท่านยอดเยี่ยมยิ่งนัก"
จ่านจือโปรยยิ้มแก่เยี่ยนผิงแล้วกล่าวขึ้นว่า
"ท่านยกย่องข้าพเจ้าไปแล้ว ความจริงหากเป็นท่านก็คงคำนวณได้ไม่เป็น
"จ่านจือ เมื่อท่านคำนวณเก้าช่องแรกได้แล้ว ต่อไปท่านก็ใส่จำนวนในช่องที่เหลือได้แล้ว" เอี้ยวเซียวส่งเสียงกล่าวขึ้น
"ตกลง ข้าพเจ้าจะลงมือเดี๋ยวนี้" จ่านจือส่งเสียงรับคำ จากนั้นใช้ก้อนหินที่เยี่ยนผิงและเอี้ยวเซียวเก็บมาเพิ่มให้ ดีดใส่ช่องตารางที่เหลือ รวมทั้งหมดแปดสิบเอ็ดช่องใช้ก้อนหินไปทั้งหมดสี่ร้อยกับอีกห้าก้อน
"แม่นางเอี้ยว เยี่ยนผิง ข้าพเจ้าใส่ก้อนหินลงในช่องครบถ้วนแล้ว เชิญทั้งสองตรวจสอบดูว่ามีตรงไหนไม่ถูกต้องหรือไม่?"
เยี่ยนผิงกับเอี้ยวเซียวสอดส่ายสายตาสำรวจดู แล้วพากันปรบมือชื่นชมแก่จ่านจือ จากนั้นเอี้ยวเซียวส่งเสียงกล่าวว่า
"อย่ามัวชักช้าเสียเวลา หากบิดากับอาเอี้ยวติดตามมาทันจะสร้างความยุ่งยากให้แก่พวกเราได้"
"เช่นนั้นเชิญแม่นางเอี้ยวนำหน้าไปก่อน เราสองคนจะก้าวตามที่แม่นางก้าวก็แล้วกัน" เยี่ยนผิงส่งเสียงเชื้อเชิญให้เอี้ยวเซียวก้าวนำหน้าไปก่อน ส่วนนางกับจ่านจือจะติดตามอยู่ด้านหลัง
"เช่นนั้นติดตามข้าพเจ้ามา เริ่มแรกเดินสี่ก้าวแล้วหยุด จดจำไว้ว่าต้องเดินตามเคล็ดจำนวนอย่าได้หลงลืม ต่อมาอีกห้าก้าวแล้วหยุด แล้วอีกหกก้าวย่างเป็นอันครบสิบห้าก้าวย่าง หากนึกถึงช่องที่ท่านทำเมื่อครู่ เรากำลังก้าวเป็นเส้นทแยงมุมจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ จุดหมายเป็นทิศตะวันออกเฉียงเหนือ สิบห้าก้าวแรกจบที่จำนวนหก ดังนั้นก้าวต่อไปจะต้องเริ่มที่จำนวนหก รีบติดตามข้าพเจ้ามาเร็วเข้า พวกท่านได้ยินเสียงชายเสื้อเคลื่อนไหวใกล้เข้ามาแล้วหรือไม่? นั่นต้องเป็นบิดากับอาเอี้ยวอย่างแน่นอน"
เอี้ยวเซียวกล่าวกระตุ้นต่อจ่านจือกับเยียนผิง แล้วรีบก้าวย่างตามเคล็ดลับ เก้าตาข่ายฟ้าสี่สิบห้าก้าวย่างในทันที เหลืออีกเพียงสิบห้าก้าวทั้งสามก็จะพ้นบริเวณค่ายกลไหมหยกจำศีลแล้ว พอดีกับที่ร่างสองร่างพุ่งทะยานมาถึงพอดี
"พวกท่านสามคนอยู่นี่เอง ร้ายกาจสามารถตีความเคล็ดลับเก้าตาข่ายฟ้าสี่สิบห้าก้าวย่างได้ นับถือนับถือ เหลืออีกสิบห้าก้าวสินะ? เช่นนั้นข้าพเจ้าจะร่วมสนุกกับพวกท่านดูสักครา"
สิ้นเสียงเอี้ยวค้วงทะยานร่างก้าวข้ามตามเคล็ดลับด้วยความชำนาญ จ่านจือรีบส่งเสียงบอกแก่เยี่ยนผิงและเอี้ยวเซียวให้ล้ำหน้าไปก่อน
"พี่ใหญ่ น้องเล็ก ท่านทั้งสองรีบล่วงหน้าข้าพเจ้าไป อาวุโสเอี้ยวตามมาแล้ว หากไม่ขัดขวางไว้พวกเราอาจไปไม่พ้นค่ายกลนี้"
เอี้ยวเซียวไม่มัวชักช้ารีบนำหน้าเยี่ยนผิงไปทันที เยี่ยนผิงรีบก้าวเท้าติดตามเอี้ยวเซียวไป พร้อมส่งเสียงห้าวกระด้างดั่งบุรุษกล่าวกับจ่านจือว่า
"พี่ใหญ่ ท่านระมัดระวังตัวด้วย เฒ่าโสโครกผู้นี้คิดเล่นลวดลายสกปรกต่ำช้าอีกแล้ว"
นอกจากกล่าวเตือนจ่านจือด้วยความเป็นห่วง นางยังใช้วาจากล่าวเสียดสีเอี้ยวค้วงด้วย ส่วนเอี้ยวเคี้ยกยังคงยืนชมดูมิได้ติดตามข้ามมา
ในที่สุดเอี้ยวค้วงก็ติดตามมาทัน เป็นเวลาเดียวกันที่เอี้ยวเซียวกับเยี่ยนผิงก้าวพ้นค่ายกลพอดี เอี้ยวค้วงเบือนสายตามองดูทั้งสองวูบหนึ่ง หาสะกิดความสงสัยว่าไป่ชิงนั่นคือบุตรีของตนเอง พอเหยียบยื่นมือทั้งสองจู่โจมใส่จ่านจือทันที จ่านจือมิกล้าประมาทเพราะเท้าทั้งสองยังไม่พ้นบริเวณค่ายกล ยังคงเหลืออยู่อีกสิบห้าก้าว
"อาวุโสเอี้ยว ข้าพเจ้ามู่เหอขอน้อมรับคำสั่งสอนจากท่าน" จ่านจือส่งเสียงบอกกล่าวว่าตนคือมู่เหอ
"มูเหอ เจ้าเป็นศิษย์คนรองของผาแห่งสายลม ข้าพเจ้าเอี้ยวค้วงขอชื่นชมฝีมือของท่านดูสักครา"
ฝ่ามือเอี้ยวค้วงดุดันเกรี้ยวกราด ฟาดใส่จ่านจือดั่งระลอกคลื่นพายุกระหน่ำ สิบกว่าฝ่ามือจ่านจือเป็นฝ่ายตั้งรับ เท้าทั้งสองมั่นคงมิกล้าเคลื่อนไหวขยับ เอี้ยวค้วงย่อมทราบความนัยที่เขาไม่กล้าขยับเท้า ดังนั้นจึงใช้กระบวนท่าบีบบังคับ ซึ่งจ่านจือจะต้องถอยกลับหลังโดยไม่มีทางเลือก
จ่านจือมีสติแจ่มใสไม่วอกแวก จดจำได้ว่าก่อนหยุดเท้าลงนั้นตนได้ก้าวย่างสี่ก้าว ดังนั้นแม้ถอยร่นกลับหลัง ก็ก้าวย่างสี่ก้าวโดยแม่นยำ เอี้ยวค้วงเห็นเช่นนั้นเหนือความคาดหมาย รีบก้าวเท้าตามติดลงมือใส่จ่านจือหมายพิชิตชัย
กระบวนท่านี้จ่านจือมิอาจหลบหลีก จึงใช้กระบวนท่าวิชาเก้ากระเรียนเบิกฟ้าออกต้านรับ หากใช้วิชาดาวดึงส์เกรงว่าเอี้ยวค้วงจะจับได้ว่าตนคือจ่านจือ กรงเล็บเกรี้ยวกราดฟาดรับแล้วตะปบใส่ เอี้ยวค้วงตระหนกตกใจ รีบชักรั้งฝ่ามือกลับ แล้วตวาดร้องถามว่า
"กรงเล็บเจ้าเป็นวิชาอันใด?"
"ข้าพเจ้ามิจำเป็นต้องเรียนบอกต่อท่าน หากต้องการทราบว่าเป็นกรงเล็บอันใด? ท่านก็ทดลองจู่โจมข้าพเจ้าอีกครา เผื่อท่านอาจจะนึกออกว่าเป็นกรงเล็บใดก็เป็นได้" จ่านจือส่งเสียงกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงยั่วโทสะ
"บังอาจนัก มีฝีมือท่าสองท่า คิดว่าข้าพเจ้าเอี้ยวค้วงจะหลงกลท่านเช่นนั้นรึ?" เอี้ยวค้วงตวาดกลับ พร้อมกับใช้วิชาประจำตัวจู่โจมใสจ่านจืออีกครา
จ่านจือไม่ต้องการทำร้ายมัน ด้วยเห็นแก่หน้าเอี้ยวเซียว ดังนั้นจึงลอบกำหนดแผนการขึ้นในใจ
"อาวุโสเอี้ยว ฝ่ามือท่านร้ายกาจ ข้าพเจ้ามู่เหอยอมรับนับถือ แต่มิใช่ว่าตระกูลเอี้ยวจะกล้าหาญทุกคน เท่าที่ข้าพเจ้าเห็นแม้จะพักอาศัยอยู่กับท่านไม่นาน จะมีท่านกับแม่นางเอี้ยวที่พอนับได้ ส่วนน้องรองของท่านกลับขี้ขลาดไม่เอาไหน พี่ใหญ่กับน้องเล็กของข้าพเจ้าหลบหนีไปไกลแล้ว ท่านเห็นหรือไม่? น้องรองของท่านยังคงยืนชมดู มิกล้าติดตามไปหรือลงมือช่วยเหลือท่าน"
เอี้ยวเคี้ยกได้ยินจ่านจือกล่าววาจาดูหมิ่นเช่นนั้น แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา ไม่รอช้ารีบก้าวย่างเข้ามาอย่างรวดเร็ว
เอี้ยวค้วงนับว่ายังเฉลียวฉลาด ดูออกว่าจ่านจือจงใจยั่วยุเอี้ยวเคี้ยกให้ลงมือ ดังนั้นรีบส่งเสียงร้องเตือนว่า
"เอี้ยวเคี้ยก ท่านอย่าได้ใจร้อนหลงกลเด็กน้อยผู้นี้ ท่านยังไม่ค่อยชำนาญค่ายกลนี้เท่าใดนัก ดังนั้นระวังตัวอย่าให้ผิดพลาด ด้านนี้พี่ใหญ่รับมือได้ ท่านรีบติดตามสองคนนั้นไป"
"มิได้ดอกพี่ใหญ่ เด็กน้อยปากกล้าผู้นี้ดูหมิ่นข้าพเจ้า หากข้าพเจ้าเอี้ยวเคี้ยกไม่สั่งสอนมัน จะมีหน้าให้ผู้คนเรียกหาได้เช่นไร?"
เอี้ยวเคี้ยกไม่ยอมเชื่อฟังคำเตือนของเอี้ยวค้วงพี่ใหญ่ เมื่อติดตามมาใกล้ด้านหลังจ่านจือ ดาบหนาในมือฟาดฟันใส่ร่างจ่านจือโดยไร้ปรานี จ่านจือหมุนร่างโดยมิยกเท้า กรงเล็บตะปบเข้าใส่สันดาบ แล้วแผ่พุ่งพลังเข้าใส่โดยเอี้ยวเคี้ยกไม่คาดคิดและระวังตัว
"เอี้ยวเคี้ยกท่านหลงกลแล้ว!" เอี้ยวค้วงส่งเสียงร้องเตือนอีกครา
แต่ไม่ทันการณ์แล้ว เมื่อจ่านจือกระแทกพลังเข้าใส่ เอี้ยวเคี้ยกยามรีบร้อนตกใจ เท้าทั้งสองสับสนซวนเซเสียหลัก จนลืมไปว่าตนเองยืนอยู่ท่ามกลางค่ายกลไหมหยกจำศีล
"อาวุโสเอี้ยว ข้าพเจ้าต้องไปแล้ว เชิญท่านช่วยเหลือน้องรองท่านตามสบาย หรือจะปล่อยให้น้องรองท่านโดนดินโคลนเหล่านั้นดูดกลืนกินก็ตามสบาย" กล่าวจบจ่านจือพุ่งร่างก้าวย่างตามเคล็ดลับค่ายกลไปทันที
ส่วนเอี้ยวเคี้ยกบัดนี้ร่างท่อนล่างถูกดินโคลนดูดจมลงไปรวดเร็ว พริบตาเดียวเหลือร่างท่อนบนตั้งแต่บริเวณเอวขึ้นมา มันยามนี้ปล่อยดาบหน้าหลุดมือ สองมือไขว่คว้าหาที่ยึดเหนี่ยว แต่ยิ่งดิ้นรนยิ่งถูกดึงดูดรวดเร็วยิ่งขึ้น
"พี่ใหญ่ช่วยข้าพเจ้าด้วย ข้าพเจ้ายังไม่อยากตายภายใต้ดินโคลนพวกนี้" เอี้ยวเคี้ยกส่งเสียงเรียกพี่ใหญ่ของมันให้มาช่วยเหลือ
เอี้ยวค้วงไม่อาจเห็นน้องชายของมันถูกโคลนดูดไปต่อหน้าต่อตา รีบก้าวย่างตามเคล็ดค่ายกลเข้ามาช่วยเหลือ แต่แรงดึงดูดอันมหาศาลของดินโคลนมิอาจดึงร่างมันขึ้นมาได้ง่ายดาย อีกทั้งยังต้องระวังเท้าจะเหยียบผิดตำแหน่งคลาดเคลื่อน สร้างความคับแค้นให้แก่เอี้ยวค้วงเป็นที่สุด
จ่านจือเมื่อก้าวพ้นบริเวณค่ายกลแล้ว เห็นว่าเอี้ยวค้วงไม่อาจดึงร่างน้องชายมันขึ้นมาได้ง่ายดาย ความจริงเป็นมันที่สร้างค่ายกลนี้ขึ้นมา หากถูกดินโคลนที่มันสร้างเอาชีวิตน้องชายมันไปก็สาสมแล้ว แต่เห็นแก่คุณธรรมจ่านจือไม่อาจปล่อยให้มันตาย ดังนั้นรั้งดึงเถาวัลย์ขนาดใหญ่เส้นหนึ่งขึ้นมา จากนั้นโยนปลายเถาวัลย์ด้านหนึ่งให้แก่มันทั้งสอง ส่วนปลายอีกด้านผูกติดไว้กับต้นไม้ต้นหนึ่ง จากนั้นส่งเสียงกล่าวว่า
"ครั้งนี้ถือว่าข้าพเจ้าช่วยเหลือพวกท่านครั้งหนึ่ง โอกาสหน้าไม่แน่นักว่าข้าพเจ้าจะยึดถือคุณธรรมอีก" กล่าวจบจ่านจือทะยานร่างติดตามเยี่ยนผิง กับเอี้ยวเซียวไปทันที
อีกด้านหนึ่ง ศิษย์ทั้งสามของผาแห่งสายลมตัวจริง พวกเขาชำนาญเรื่องค่ายกล ดังนั้นจึงสามารถทำลายค่ายกลฝ่าออกไปได้ไม่ยากเย็น แต่ทั้งสามต่างยอมรับถือที่เอี้ยวค้วงสามารถคิดค้นค่ายกลร้ายกาจเช่นนี้ได้ ทั้งสามเมื่อก้าวพ้นเขตป่าเก้าหยก มุ่งหน้ากลับผาแห่งสายลมทันที ด้วยความเป็นห่วงอาจารย์ว่าจะเป็นเช่นไรบ้าง? หากอาจารย์เดินทางกลับถึงผาแล้ว ท่านเองต้องเป็นห่วงศิษย์เช่นกัน แม้ว่าจะยังห่วงความปลอดภัยของจ่านจือ กับเยี่ยนผิงก็ตาม แต่ทั้งหมดเชื่อมั่นว่าจ่านจือ กับเยี่ยนผิงจะต้องเอาตัวรอด อีกทั้งยังมีเอี้ยวเซียวให้ความช่วยเหลืออีกแรงหนึ่ง
ที่พวกเขาคาดคิดย่อมไม่ผิด บัดนี้จ่านจือ เยี่ยนผิง และเอี้ยวเซียวบรรลุถึงค่ายกลไหมหยกชั้นที่เก้าแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นชั้นสุดท้ายเมื่อพ้นชั้นนี้แล้ว ทั้งหมดก็จะก้าวพ้นบริเวณป่าเก้าหยก
"ชั้นที่เก้าเรียกว่า "ผีเสื้อเก้าหยกโบยบิน" เอี้ยวเซียวส่งเสียงกล่าวบอก
"ผีเสื้อเก้าหยกโบยบิน ชั้นนี้จะต้องทำลายเยี่ยงไร?" เยี่ยนผิงส่งเสียงกล่าวถาม
"ชั้นสุดท้ายเป็นทางออกจากป่าเก้าหยก มีเส้นทางนับร้อยแต่มีทางเดียวที่ออกจากป่าเก้าหยกได้ นอกนั้นล้วนแล้วแต่เป็นเส้นทางคล้ายเขาวงกต ต่อให้เดินทั้งวันก็ไม่สามารถหาทางออกได้" เอี้ยวเซียวกล่าวบอกแก่จ่านจือ กับเยี่ยนผิง
"แล้วต้องทำเช่นไร? จึงจะทราบว่าเส้นทางไหนสามารถออกจากป่าเก้าหยกได้?" จ่านจือส่งเสียงกล่าวถามขึ้นบ้าง
"ท่านทั้งสองมาทางด้านนี้" เอี้ยวส่งเสียงกล่าวพร้อมกับเดินนำหน้าทั้งสองไป จ่านจือ กับเยี่ยนผิงก้าวติดตามไป ถึงเนินหินขนาดใหญ่ที่หนึ่ง บนแผ่นหินสลักอักษรหนึ่งแถวใจความว่า
"พี่สอง น้องสอง แพรสามผืนแบ่งปันเท่ากัน"
"ข้อความบนหินนี้เกี่ยวข้องอันใดกับทางออกจากป่าเก้าหยก?" เยี่ยนผิงส่งเสียงกล่าวถามขึ้น
"นอกจากอักษรบนแผ่นหินแล้ว ท่านทั้งสองยังพบเห็นสิ่งใดอีกหรือไม่?" เอี้ยวเซียวส่งเสียงกล่าวถาม
จ่านจือกับเยี่ยนผิงจึงสำรวจตรวจสอบดู เห็นเบื้องล่างอักษรแถวนั้นวางไว้ด้วยก้อนหินกลม ๆ หลายก้อน ข้าง ๆ ก้อนหินเหล่านั้นมีช่องเล็ก ๆ ขนาดโตกว่าก้อนหินเล็กน้อย
"เป็นก้อนหินกลม ๆ พวกนั้น กับช่องไม่ทราบว่าตื้นลึกเท่าใด?" จ่านจือส่งเสียงกล่าวตอบขึ้น เยี่ยนผิงนางเองก็เห็นเช่นเดียวกันกับจ่านจือ
"ถูกต้อง เป็นสองสิ่งนี้ บนแผ่นหินสลักอักษรปริศนาเอาไว้ ส่วนช่องนั้นมีไว้สำหรับใช้ก้อนหินกลม ๆ หย่อนลงไป ก้อนหินที่หย่อนลงไปหากว่าถูกต้องก็จะไปดันสลักเปิดทางลับออกจากป่าเก้าหยกได้" เอี้ยวเซียวกล่าวตอบ
"พี่สอง น้องสอง แพรสามผืนแบ่งปันเท่ากัน แสดงว่าอักษรปริศนาที่สลักไว้ให้หาคำตอบ เมื่อได้คำตอบแล้วใช้ก่อนหินกลม ๆ ตามจำนวนคำตอบหย่อนลงไปตามช่องนั้นถูกต้องหรือไม่? เยี่ยนผิงส่งเสียงกล่าวถามขึ้น
"ถูกต้อง ท่านกล่าวมาทั้งหมดล้วนมิผิด แต่คำตอบสามารถตอบได้เพียงครั้งเดียว หากตอบผิดต้องรออีกสิบสองชั่วยาม จึงจะสามารถตอบได้อีกครั้ง หากตอบผิดสามครั้งติดต่อภายในสามสิบหกชั่วยาม ประตูกลไกก็จะปิดตายไม่สามารถเปิดได้อีก แต่หากตอบถูกประตูจะเปิดออกเพียงนับหนึ่งถึงสิบเท่านั้น หากไม่รีบออกไปประตูจะปิดลงเช่นเดิม และต้องรออีกสิบสองชั่วยามจึงจะเปิดใหม่ได้เช่นกัน"
"เช่นนั้นก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร แม่นางเอี้ยวย่อมทราบคำตอบดีอยู่แล้ว" จ่านจือส่งเสียงกล่าวขึ้น
"ถูกต้อง คำตอบนั้นข้าพเจ้าย่อมทราบดี แต่ข้าพเจ้าไม่อาจจะบอกกล่าวหรือตอบเองได้ คนของป่าเก้าหยกสาบานต่อผีป่า ว่าจะไม่แพร่งพรายคำตอบของอักษรปริศนา ซึ่งผู้ที่ทราบคำตอบมีเพียงข้าพเจ้า บิดาและอาเอี้ยว"
"หากแม่นางแพร่งพรายคำตอบจะเป็นเช่นไร?" เยี่ยนผิงส่งเสียงกล่าวถาม
"หากผู้ใดแพร่งพรายคำตอบจะต้องออกจากป่าเก้าหยกไป ดังนั้นบิดาจึงไม่บอกคำตอบนี้แก่คนอื่น ๆ นอกจากข้าพเจ้ากับอาเอี้ยว"
"เช่นนั้นหากตอบผิด ต้องรออีกสิบสองชั่วยามจึงจะตอบใหม่ได้อีกครั้ง หากเป็นเช่นนั้นบิดาท่านกับอาเอี้ยวท่านคงตามมาทัน นึกไม่ถึงฝ่าผ่านมาแปดค่ายชั้น สุดท้ายจะต้องมาจนมุมยังชั้นที่เก้าได้" จ่านจือส่งเสียงกล่าว
"ถูกต้อง คำถามคล้ายไม่ยาก แพรสามผืนหากนำมาตัดแบ่งก็น่าจะได้เท่ากัน พี่สอง น้องสอง แต่ถ้าง่ายป่านนั้นคงไม่นำมาตั้งเป็นคำถาม เช่นนั้นเราควรทำเช่นไร?" เยี่ยนผิงส่งเสียงกล่าวถามต่อจ่านจือ กับเอี้ยวเซียว
จ่านจือก็เห็นด้วยกับเยี่ยนผิง หากตอบแบบกำปั้นทุบดิน นำแพรสามผืนมาตัดแบ่งก็น่าจะได้เท่ากันพอดี แต่คงไม่ง่ายเช่นนั้น และผู้ที่ทราบคำตอบในตอนนี้มีเพียงเอี้ยวเซียว แต่นางได้สาบานต่อป่าเก้าหยกว่าจะไม่แพร่งพรายคำตอบออกไป ดังนั้นจ่านจือจึงคิดว่าจะทำเช่นไรดี
หากตนกับเยี่ยนผิงรอดออกไปได้ เท่ากับเอี้ยวค้วงทำงานไม่สำเร็จ คนชุดดำปริศนาต้องการให้ศิษย์ทั้งสามของผาแห่งสายลมตายในป่าเก้าหยก หากไม่ตายจะต้องมาเล่นงานคนของป่าเก้าหยกอย่างแน่นอน ต่อให้ป่าเก้าหยกมีค่ายกลแน่นหนาก็ตาม ที่เป็นห่วงคือเอี้ยวเซียว ยิ่งทราบว่าคนชุดดำทราบแล้วว่า หยกที่นางพกติดตัวซ่อนความลับเกี่ยวกับกระบี่คู่วิเศษเอาไว้ ตนกับเยี่ยนผิงแม้ออกไปแต่นางต้องตกอยู่ในอันตรายแน่นอน ดังนั้นจ่านจือจึงมีความคิดว่า จะนำพาเอี้ยวเซียวไปเขาหมื่นเซียนกับตน และเยี่ยนผิงด้วย
จ่านจือเมื่อสรุป แต่นึกคำพูดที่จะกล่าวกับเอี้ยวเซียวมิได้ นอกจากห่วงความปลอดภัยของนางแล้ว เขายังต้องการทราบว่านางกับตนมีส่วนเกี่ยวข้องใดกัน? มิเช่นนั้นคงไม่มีหยกเหินลมติดกายคนละครึ่งอย่างแน่นอน
ขณะที่กำลังนึกหาคำพูดที่จะกล่าวกับเอี้ยวเซียวอยู่นั่นเอง เอี้ยวค้วง และเอี้ยวเคี้ยกก็ติดตามมาทัน เมื่อเห็นเช่นนั้นเอี้ยวเซียวตัดสินใจเด็ดขาด ส่งเสียงร้องบอกต่อจ่านจือว่า
"จ่านจือท่านรีบสกัดขัดขวางบิดากับอาเอี้ยวไว้ ข้าพเจ้าจะเปิดเส้นทางลับให้ พอประตูเปิดท่านรีบติดตามมาโดยเร็ว มีเวลาเพียงนับหนึ่งถึงสิบเท่านั้น"
"แล้วท่านละจะทำเช่นไร?" จ่านจือส่งเสียงกล่าวถาม
"ข้าพเจ้าจะต้องปฏิบัติตามคำสาบาน ออกจากป่าเก้าหยก เร็วเข้าบิดาตามมาทันแล้ว" เอี้ยวเซียวร้องบอกจ่านจือ
แล้วนางรับก้มลงหยิบก้อนหินกลม ๆ ขึ้นมา จากนั้นหย่อนลงไปยังช่องกลไกโดยไม่รอช้า เมื่อหย่อนก้อนหินกลม ๆ ครบแล้ว เสียงประตูหินเลื่อนออก ในขณะที่จ่านจือกำลังร่ายรำกระบวนท่าในวิชาดาวดึงส์ท่าที่เก้านาม ย้ายเดือนดับตะวันผันจักรวาล เคลื่อนย้ายก้อนหินน้อยใหญ่บริเวณนั้นเข้าสกัดขัดขวางเอี้ยวค้วง กับเอี้ยวเคี้ยกไว้
"จ่านจือ รีบมาเร็วเข้า" เสียงเยี่ยนผิงส่งเสียงร้องบอกต่อจ่านจือ
จ่านจือไม่กล้าชักช้า รั้งฝ่ามือกลับแล้วพุ่งร่างติดตามออกไปทันที พอร่างพ้นประตูหิน ประตูนั้นก็เลื่อนปิดอย่างรวดเร็ว หากมัวชักช้าอีกนิดเดียวคงไม่มีโอกาสออกจากประตูนั้น
จ่านจือยังคงมีคำถามในใจ ในขณะก้าวเท้าติดตามออกมาเพื่อให้พ้นเขตป่าเก้าหยก เอี้ยวเซียวนางมีส่วนเกี่ยวข้องใดกับตน แล้วนางตอบคำถามปริศนาไปว่าเช่นไร? ตอนที่นางหยิบก้อนหินหย่อนลงไปเขาเองไม่ทันได้มอง มีเพียงเยี่ยนผิงที่เห็นเอี้ยวเซียวหย่อนก้อนหินลงไปกี่ก้อน ทั้งสามรีบรุดเดินทางโดยไม่ส่งเสียง จนในที่สุดออกพ้นเขตป่าเก้าหยกสู่เส้นทางหลัก ก็เป็นเวลาใกล้มืดค่ำพอดี
หยกเหินลม/ชล ชโลทร
17 เมษายน 2564