จุมพิตที่ริมฝีปาก มีบางสิ่งที่หลินเค่อสงไม่เคยเชื่อว่าจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเอาค้อนทุบหัวเธอมากแค่ไหนก็ตาม ยกตัวอย่างเช่น การไหลย้อนกลับของแม่น้ำแยงซี หรือดาวหางฮัลเลย์พุ่งชนโลก…… แต่สิ่งเหล่านี้เทียบไม่ได้กับ ‘เจียงเฉียนฟ่าน’ ที่อยู่ตรงหน้าเธอ
จุมพิตที่ริมฝีปาก มีบางสิ่งที่หลินเค่อสงไม่เคยเชื่อว่าจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเอาค้อนทุบหัวเธอมากแค่ไหนก็ตาม ยกตัวอย่างเช่น การไหลย้อนกลับของแม่น้ำแยงซี หรือดาวหางฮัลเลย์พุ่งชนโลก…… แต่สิ่งเหล่านี้เทียบไม่ได้กับ ‘เจียงเฉียนฟ่าน’ ที่อยู่ตรงหน้าเธอ
หลินเค่อสงถือถุงอาหารใบใหญ่กลับบ้าน
ระหว่างทางกลับบ้าน อารมณ์ความรู้สึกของเธอตอนนี้ยากจะบอกได้ มันผสมปนเปกันไปหมด
เธอจำไม่ได้ว่าเธอไปพัวพันกับคนอย่างซ่งอี้หรานได้อย่างไร ตามตรรกะแล้วเธอและซ่งอี้หลานไม่น่าจะวนเวียนอยู่ด้วยกันได้ พวกเขามาจากโลกคนละโลกเลยก็ว่าได้
น่าจะเริ่มตั้งแต่ตอนนั้นที่เธอขี่รถสามล้อเพื่อไปส่งเขาที่โรงพยาบาล นับแต่นั้นเขาก็จะพาเธอไปด้วยทุกครั้งที่มีอาหารดีๆให้กิน หรือเครื่องดื่มดีๆให้ดื่ม
แน่นอนว่าในขณะเดียวกันเขาก็ทวีความรุนแรงขึ้นในเรื่อง "การเป็นทาส" ของเธอ อย่างเช่น เขาไม่ชอบอาหารในโรงอาหาร แต่ก็ยังให้เธอไปต่อแถวซื้ออาหาร และมักจะยัดกระดาษเช็ดปากไว้ในกระเป๋าของเธอ เอาเวลาเรียนช่วงกลางคืนส่งข้อความหาสาว แต่ก็ยังอยากให้เธอใช้ขวดน้ำวางจองที่นั่งให้ ทำให้นักเรียนคนอื่นๆที่ต้องการเรียนจริงๆ ไม่มีที่จะนั่ง
หลายปีผ่านไป แต่หลินเค่อสงก็เพิ่งตระหนักว่าความลุ่มหลงของเธอที่มีต่อเขาไม่เคยลดน้อยถอยลงเลย
“ไอ้.....ไอ้......นายหมายความว่าฉันเป็นคนดื้อด้านไม่ยอมไปไหนเองใช่ไหม ฮะ?”
หลินเค่อสงอดไม่ได้ที่จะยกย่องตัวเอง
หลินเค่อสงเรียนในโรงเรียนชั้นนำของเมืองตั้งแต่มัธยมต้นถึงมัธยมปลาย การเรียนมีความตึงเครียดสูง ต้องบอกว่าการปรากฏตัวของซ่งอี้หรานไม่เพียงแต่ดีต่อดวงตาเท่านั้น แต่ยังทำให้วิญญาณของหลินเค่อสงได้รับการปลดปล่อยอีกด้วย อย่างน้อยเขาก็ทำให้ชีวิตในโรงเรียนของเธอมีสีสันขึ้นมาบ้าง
แต่คนส่วนใหญ่มักจะตายด้วยวิธีธรรมชาติใช่ไหม?...อย่างน้อยเธอเองก็เป็นหนึ่งในคนส่วนใหญ่
คิดได้แบบนั้น หลินเค่อสงก็ไม่รู้สึกหดหู่ใจอีกต่อไป
เมื่อหลินเค่อสงกลับมาถึงบ้าน เธอเห็นพ่อกับแม่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาโดยที่ไม่เปิดดูทีวี ราวกับว่ากำลังรอเธออยู่
“พ่อ? แม่? มีอะไรรึเปล่าคะ?”
หัวใจของหลินเค่อสงเริ่มรู้สึกไม่สบายใจอย่างประหลาด
เป็นไปได้ไหมว่าหลังจากบอกแม่เกี่ยวกับการลาออกจากงานที่สามเมื่อวานนี้ พวกเขาได้ตัดสินใจที่จะจัดประชุมครอบครัวเพื่อตำหนิเธอ?
“เค่อสง......พ่อของลูกมีเรื่องสำคัญจะพูดด้วย”
“โอ้.....เรื่องอะไรหรอคะ?” หลินเค่อสงวางถุงอาหารลงบนโต๊ะ ในขณะเดียวกันก็คิดว่า ถ้าพ่อพูดถึงเรื่องการลาออกจากงานของเธอ เธอจะรับปากหางานใหม่ภายในหนึ่งเดือนได้มั้ยนะ?
“อาของลูกเป็นเชฟที่นิวยอร์ก ลูกก็รู้อยู่แล้วใช่ไหม?”
“เอ่อ..ค่ะ” หลินเค่อสงพยักหน้า
น้องชายของพ่อ ‘หลินเฟิง’ และเพื่อนของเขาร่วมหุ้นกันเปิดร้านอาหารจีนเล็กๆในนิวยอร์ก ธุรกิจไปได้ดี และทุกปีอาก็จะกลับมาเยี่ยม อาดูภูมิใจกับร้านอาหารของอามาก
“ร้านอาหารของอายุ่งขึ้นเรื่อยๆและเขาต้องการคนช่วย ไม่ใช่ลูกเพิ่งลาออกจากงานไม่ใช่เหรอ? อาของลูกต้องการให้ลูกไปช่วยเขา”
“ช่วยอะไรคะ ยังไง?” หลินเค่อสงยังตามไม่ทัน
“ที่ร้านมีพนักงานล้างจาน คนเสิร์ฟหลายคน แต่พวกเขาไม่มีใครที่มีครอบครัวเลยสักคน อาของลูกเป็นเชฟ เขาไม่มีเวลามาดูแลทุกอย่างเอง อาสะใภ้ของลูกก็เพิ่งเสีย ลูกพี่ลูกน้องของลูกก็ยังเรียนหนังสืออยู่ ไม่มีเวลามาช่วยงานที่ร้าน ลูกไปเป็นหัวหน้าพนักงาน จับตาดูพวกเขาและตรวจสอบว่าพวกเขาทำงานดีไหม ง่ายๆแค่นี้ แล้วก็รับเงินเดือน อาของลูกจ่ายเงินหนักนะ แถมค่าอาหารที่พักฟรี” จากวิธีที่พ่อของเธอพูด เห็นได้ชัดว่าเขาอยากให้เธอไปมาก
“ใช่ๆ เค่อสง ลูกเรียนการจัดการโรงแรมมาไม่ใช่เหรอ ไปทำงานกับอาของลูก ไปเปิดหูเปิดตาแถมยังได้ประสบการณ์อีกด้วย ลูกจะได้ไปเห็นอเมริกาเชียวนะ พ่อของลูกกับแม่คิดว่านี่เป็นโอกาสที่ดี ถ้าลูกไปอยู่ที่นั่นแล้วชอบ ลูกก็ลองหาที่เรียนต่อปริญญาโทที่นั่น เผื่อว่ากลับมาแล้ว บางทีลูกจะได้ไม่ต้องเปลี่ยนงานบ่อย”
นิวยอร์ก....นิวยอร์กจริงๆเหรอ?
แม้ว่าการเป็น "หัวหน้าพนักงาน" ในร้านอาหารเล็กๆ จะไม่ค่อยเกี่ยวกับวิชาที่เธอเรียนมาสักเท่าไหร่ แต่มีเงินเดือนให้และเธออาจจะได้เรียนต่อ ข้อเสนอนี้สำหรับหลินเค่อสงแล้วน่าดึงดูดใจไม่น้อย
ไม่ใช่ว่าเธอไม่เข้าใจความคาดหวังของพ่อแม่ ความตั้งใจจริงของพวกเขาไม่ได้ต้องการให้เธอทำงานที่ร้านของอา แต่ใช้โอกาสนี้ให้เธอได้ใบปริญญา
ครอบครัวของเธอเพิ่งจ่ายหนี้เงินกู้จำนองหมด จึงพอได้ลืมตาอ้าปากได้บ้าง พ่อกับแม่สามารถจ่ายค่าเทอมให้เธอได้ แต่การทำแบบนั้นยิ่งทำให้พ่อกับแม่ของเธอเครียดหนักไปอีก ความตั้งใจของพวกท่านคือจ่ายส่วนหนึ่ง และส่วนที่เหลือจ่ายด้วยเงินเดือนที่เธอได้รับจากการทำงานที่ร้านอาหารของอา
นิวยอร์ก…..เมืองที่ซ่งอี้หรานกำลังจะไป
ซ่งอี้หรานไม่ได้บอกว่าเขาจะไปนานแค่ไหน อาจเป็นปีหรือสองปี บางทีเขาอาจอยู่ที่นั่นถาวรเลยก็ได้
หลินเค่อสงที่เตรียมใจถอนตัวเองออกมาจากชีวิตของซ่งอี้หรานแล้ว แต่ตอนนี้มีโอกาสเข้ามาให้เธอได้ไปอยู่ใกล้เขาอีกครั้ง?
นี่เป็นลอตเตอรี่จากสวรรค์ หรือสวรรค์ต้องการให้เธอดำเนินชีวิตในรูปแบบ ‘อย่ากังวลจงมีความสุขต่อไป’ กับซ่งอี้หราน?
“เค่อสง ลูกยังไม่ต้องรีบตัดสินใจ คิดให้ดี ถ้าลูกตกลง อาของลูกจะเป็นคนจัดการทุกอย่าง รวมทั้งวีซ่าของลูกด้วย”
“ค่ะ หนูจะเก็บเอาไปคิด”
เธอนอนไม่หลับ พลิกตัวไปมาบนเตียงตลอดทั้งคืน สิ่งที่อยู่ในความคิดของเธอคือเธอกับซ่งอี้หรานใช้ชีวิตที่นิวยอร์ก
ในความฝันของเธอ ซ่งอี้หรานสวมกางเกงยีนส์เสื้อเชิ้ต เดินอยู่ข้างเธอ เคียงบ่าเคียงไหล่ไปตามถนนบรอดเวย์ เดินช้าๆ ผ่านไทม์สแควร์ มองเห็นรูปปั้นแห่งเสรีภาพ ทุกอย่างสมบูรณ์แบบมากจนดู…ไม่สมจริง
ท้องของเธอป่องแทบตาย หลินเค่อสงที่กินมากเกินไปจนต้องลุกไปห้องน้ำเพื่ออ้วก ตามที่คาดไว้ ความฝันอันแสนหวานก็เหมือนกับการกินมากเกินไป คุณสามารถยัดมันลงไปได้ แต่แน่นอนว่ามันจะไม่จบลงด้วยดี
วันที่สอง ในขณะที่หลินเค่อสงกำลังค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับนิวยอร์กในคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น
มองดูชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ หัวใจที่เต้นสงบราบเรียบก็เต้นผิดจังหวะ
“สวัสดี ว่าไง?”
“เช้าๆอย่างนี้ คนว่างงานตื่นแล้วเหรอ?”
น้ำเสียงเกียจคร้านของซ่งอี้หรานเหมือนแสงแดดอันอบอุ่นดังอยู่ข้างหูหลินเค่อสง พลอยให้สมองของเธอทำงานช้าลงครึ่งวินาที
“รู้ว่าฉันตกงานและอยากนอนต่อ ทำไมนายถึงโทรมารบกวนคนว่างงานเช้าขนาดนี้?”
“ฉันแค่ห่วงว่าเธอจะกินข้าวเช้าเยอะเกินไปจนไม่เหลือท้องไว้กินข้าวเที่ยงกับฉัน เจอกันตอนเที่ยงที่โรงแรมหลางฮั้ว ฉันจะเลี้ยงข้าวเที่ยงเธอ”
ดูเหมือนว่าซ่งอี้หรานวางแผนจะเลี้ยงข้าวเธอ
ถ้าหากเธอบอกเขาว่าเธอก็จะไปนิวยอร์กเหมือนกัน เขาจะทำหน้ายังไงนะ?
“โอเค เจอกัน ถ้านายสาย ฉันจะเตะสมองนายให้เละ”
“ฉันตรงเวลาเสมอ”
“ฮิฮิ” หลินเค่อสงหัวเราะคิกคัก จากนั้นก็กดวางสาย
ความจริงแล้วซ่งอี้หรานเป็นคนตรงเวลามาก เขาไม่เคยไปเดทกับสาวๆสายเลยสักครั้ง
แต่ไม่ใช่กับหลินเค่อสง มีครั้งหนึ่งตอนที่หนังเรื่องอวตารเข้าฉาย หลินเค่อสงซื้อตั๋วหนังสองใบ และนัดดูหนังกับซ่งอี้หราน ทั้งสองสัญญิงสัญญากันอย่างดิบดี ทว่าในที่สุดเขาก็มาถึงตอนที่ฝูงชนกำลังแยกย้ายออกจากโรงหนัง ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยุ่งเหยิงของเขาที่ทำให้เห็นว่าเขารีบวิ่งมาที่นี่ในตอนที่เขาตื่น หลินเค่อสงก็คงจะชกเข้าที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาอย่างเต็มแรง
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ไม่ว่าพวกเขาจะนัดกันทำอะไร กิน นอน เล่นเกม รอ……กิน เรียน เล่นเกมหลินเค่อสงก็จะพูดกับเขาว่าอย่ามาสาย
เธอกังวลว่ารถจะติด จึงออกจากบ้านก่อนชั่วโมงครึ่ง
เมื่อเธอมาถึงโรงแรมหลางฮั้ว เธอก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เงยหน้าขึ้นมาทางเข้าที่ทั้งสูงและใหญ่
โรงแรมตกแต่งแบบโบราณดั้งเดิมทว่าเต็มไปด้วยความหรูหรา อาหารของโรงแรมนี้ถูกบรรดานักวิจารณ์อาหารยกย่องให้เป็นอาหารระดับสามดาวมิชลินสตาร์ แขกของโรงแรมมีแต่คนมีหน้ามีตาในสังคม
ก่อนที่หลินเค่อสงจะก้าวเหยียบขั้นบันไดหน้าโรงแรม รถเบนท์ลีย์สีดำมันปราดก็ขับมาจอดหน้าโรงแรม
ประตูหมุนของโรงแรมหมุนเปิดออก ผู้ชายวัยกลางคนในชุทสูดสองสามคนเดินออกมาต้อนรับ รอยยิ้มลึกโบ๋ทำให้หน้าดูยับยู่ยี่
ผู้จัดการล็อบบี้โรงแรมและพนักงานออกมาต้อนรับเช่นกัน ทุกคนดูหวาดกลัวและวิตกกังวล
“ไอหยา! คุณเจียง ยินดีต้อนรับครับ ยินดีต้อนรับ!”
“ประธานโรงแรมหลางฮั้วของเรา ประธานจ้าวรอคุณตั้งแต่เช้าเพื่อรอแสดงความยินดีกับคุณครับ”
หลินเค่อสงอดมองไม่ได้ ใครกันนะถึงกับต้องมีขบวนแห่มาต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ขนาดนี้
ประธานจ้าวหัวล้านเดินไปด้านหน้าเพื่อเปิดประตูรถ เขาโค้งตัวจนก้นกระดก ในขณะที่ใช้มือป้องกันขอบหลังคารถ ราวกับกลัวว่าคนที่อยู่ข้างในจะกระแทกตัวเองกับหลังคา
ขาที่สวมกางเกงสีเข้มข้างหนึ่งก็ก้าวออกจากรถ
เพียงแค่มองไปที่ขาข้างหนึ่ง หลินเค่อสงก็ลูบคางของเธอ ไม่เลว ตัวอย่างที่มีคุณภาพของสายพันธุ์ตัวผู้! สงสัยว่าหน้าตาของเขาจะเป็นยังไง!
คนที่ถูกเรียกว่า คุณเจียง ค้อมศีรษะเบี่ยงตัวออกจากรถ ยืนขึ้น ศีรษะของเขาสูงกว่าประธานจ้าว จากภาพที่เห็น เขาน่าจะสูงซักประมาณ 185 เซนติเมตร เขายืดคอตรง การกระทำของเขาไม่ได้เหมือนในละคร แต่ดูเจ้าระเบียบพอสมควร
หลังของเขาเหยียดตรง รูปร่างของเขาสง่างาม
ใครที่เห็นเขา เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่สรรเสริญ
สิ่งที่หลินเค่อเห็นเป็นเพียงรูปลักษณ์ของอีกฝ่าย แต่สิ่งที่คมชัดราวกับมีดที่แกะสลักโครงร่างของเขา และดวงตาที่ลึกล้ำ ลึกล้ำจนทำให้หลินเค่อสงได้รับผลกระทบทางสายตา
แต่อีกฝ่ายไม่มีการแสดงออกทางสีหน้าใดๆ และทำสีหน้าเฉยเมย
ไม้ที่อยู่ในมือเขาต้องแสง ทำให้เกิดแสงสีเงินสว่างวาบ
“ขอบคุณ”
เสียงของเขาเย็นชาและเยือกเย็น หลินเค่อสงฟังแล้วพาลให้เลือดในกายหยุดไหลเวียน
คำว่า ‘ขอบคุณ’ ของเขา ปราศจากความจริงใจที่สุด!
เมื่อไม้ค้ำสีเงินคลำทางไปกับพื้น หลินเค่อสงก็ตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายตาบอด
เมื่อประธานจ้าวต้องการจับอีกฝ่าย ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ลงจากรถคันเดียวกันก็ร้องห้าม
“ประธานจ้าว คุณเจียงดูแลตัวเองได้ครับ”
คุณเจียงไม่ได้พูดอะไร ขบวนแห่ต้อนรับทั้งสองข้างถอยออกไปหลังจากไม้เท้าในมือเขาเคาะที่พื้นสองสามที เขายืนรอเงียบๆสองวินาที และเมื่อประตูหมุนมาทางเขา เขาก็ก้าวเท้าเดินเข้าไปข้างในอย่างมั่นใจ