ความรักหลากอารมณ์ที่ดอมดมอยู่กลางดงโรคระบาดโควิด-19 เพื่อนที่ไม่ใช่เพื่อน แฟนที่ไม่ใช่แฟน งานนี้ไม่มี "กามเทพ" มีแต่ "กามรมณ์" ในกมลสันดาน
ความรักหลากอารมณ์ที่ดอมดมอยู่กลางดงโรคระบาดโควิด-19 เพื่อนที่ไม่ใช่เพื่อน แฟนที่ไม่ใช่แฟน งานนี้ไม่มี "กามเทพ" มีแต่ "กามรมณ์" ในกมลสันดาน
/พี…มีเจ้าหน้าที่บุกขึ้นไปบนตึก/
แพรวส่งข้อความแชทมาทางโทรศัพท์
.
/เออ..กูเห็นล่ะ/
ปลายนิ้วบิ๊กเบิ้ม แต่พิมพ์ตอบได้เร็วเป็นจรวด กระเทยหนุ่มเครียดจัด
.
/มึงอยู่ไหน? /
.
/หลังห้อง.. ตรงระเบียง/
.
/รีบหนีด่วน ด้านล่างมีกระเทยกับทอมโดนจับเข้ารถผู้ต้องขังเพียบ พวกเขาจะเอาไปขังต่อที่ไหนไม่รู้ น่ากลัวมาก! /
.
สิ้นสุดข้อความนี้แพรวก็ยืนก้มหน้าจ้องจอสมาร์ทโฟนอยู่นาน สลับกับการแหงนหน้าขึ้นไปข้างบนมองไปยังห้องของพีที่อยู่บนชั้นสูงสุด แน่นอนว่าเธอมองเห็นระเบียงก็จริง! แต่ด้วยความที่มันสูงลิบตามากๆ ร่างหนาของเพื่อนจึงมิอาจสังเกตเห็น
.
ประกอบกับเมื่ออยู่นานเข้าเจ้าหล่อนเองก็ถูกมองเป็นผู้ต้องสงสัยไปด้วย! กล่าวคือมีเจ้าหน้าที่ในชุด PPE เข้ามาสอบถามว่าเหตุใดเธอถึงมายืนด่อมๆ มองๆ อยู่ตรงนี้ ประชาชนคนอื่นเขาอยู่ในเคหะสถานล็อคดาวน์หนีการติดเชื้อกันหมด!? ซึ่งด้วยความที่แพรวมีไหวพริบปฏิภาณดีเลิศ บวกกับถือโทรศัพท์ไว้ในมือ สัญชาตญาณจึงบอกทันทีว่าจะให้เจ้าหน้าที่เห็นบทสนทนาในแชทไม่ได้เป็นอันขาด ทางออกของเธอจึงเป็น..
.
“ฮัลโหล..แม่เหรอคะ..? ใช่ค่ะ..! ใช่แม่..แป๊บนะเดี๋ยวหนูรีบเข้าไป!”
.
“ค่ะแม่! … เดี๋ยวนี้แหละ… ตอนนี้เลยอีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว!”
.
แสร้งทำเป็นรับสายมันซะดื้อๆ! ด้วยท่าทางที่ต้องยกโทรศัพท์แนบหูไว้ตลอดเวลา บวกกับอาการลุกลี้ลุกลนทำเป็นชะแง่นสายตาคล้ายกำลังรีบ เจ้าหน้าที่ก็เลยชะงักงันไปช่วงหนึ่ง สบช่องให้เธอรีบเดินเลี่ยงไปทางอื่น ตั้งใจว่าให้ไกลจากที่นี่ได้เท่าไหร่ก็ยิ่งดี เพราะมือถือของเธออาจจะเป็นเบาะแสนำไปสู่ความชิบหายของพีได้…
.
กระทั่งผ่านไป 3 นาทีให้หลัง ในซอกตึกเปล่าเปลี่ยวรกร้างผู้คน ที่นี่ถือเป็นสถานที่ๆ เหมาะมากที่จะใช่ติดต่อสื่อสารกันแบบลับๆ แพรวตัดสินใจเช็คข้อความที่คุยค้างกันเอาไว้ ก่อนที่เธอจะได้พบกับความจริงที่ว่า.. พีไม่ได้อ่านข้อความที่เธอส่งไปหลังจากนั้นเลย! เผินๆ เขาอาจจะปิดเครื่องไปแล้วด้วยซ้ำ!
.
“เวรล่ะ!!!”
“อย่าบอกนะว่ามึงโดนจับ! ไม่นะ! อีพี! ขออย่าให้เป็นแบบนั้นเลย!”
.
ไม่มีใครหาคำตอบให้นิสิตสาวได้สักคน ทุกอย่างรอบตัวทึบตันดุจดั่งผนังตะไคร่ขึ้นที่ล้อมกรอบเธอเอาไว้ แพรวเป็นห่วงเพื่อนจับใจ หรืออาจจะเป็นเพราะลึกๆ แล้วเป็นเพราะพีปล่อยใน ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในผัวนอกคอลเล็กชั่นของเธอก็มิอาจทราบ!?
.
.
ตัดภาพมาที่อพาร์ทเมนต์ ณ ห้องชั้น 5 ที่ประตูถูกวางพิงไว้เฉยๆ
.
บรรดาคณะแพทย์ยังคงขมักเขม่นในการค้นหาสัญญาณชีพ ของสิ่งมีชีวิตผิดเพศที่เซ็นเซอร์แจ้งเตือน ทั่วทั้งพื้นที่ 45 ตรม. ของห้องแห่งนี้มีประตูอยู่ 4 บานด้วยกัน หนึ่งคือประตูหน้าที่พัง , สองประตูห้องน้ำ , สามประตูห้องนั่งเล่น , แล้วก็สี่ประตูที่ระเบียง ซึ่งถ้าไม่นับประตูตู้เสื้อผ้าแล้วล่ะก็! 3 บานแรกเรียกได้ว่าถูกรื้อค้นจนหมดสิ้นแล้ว! ทีมงานคนสุดท้ายเพิ่งก้าวเท้าออกมาจากห้องน้ำหยกๆ พร้อมกับคำรายงานที่แสนจะผิดหวัง
.
“ไม่มีครับหัวหน้า ในอ่างอาบน้ำก็ไม่มี!”
.
“งั้นเปิดเซ็นเซอร์ตรวจจับความร้อนเลย สวมแว่นซะแล้วแสกนหาเป้าหมายให้เจอ ไม่เห็นให้มันรู้ไปสิวะ! อุปกรณ์ของเราไม่เคยผิดพลาดเลยสักครั้ง”
เจ้าหน้าที่หนุ่มออกคำสั่งเข้ม เขายังคงรู้สึกอับอายทุกครั้งเวลาที่หันไปเห็นโซฟาบุ๋มๆ อันเป็นสังเวียนสังวาสที่บังเอิญไปนั่งทับเข้า มันยังไม่ชิน! แต่ก็นับว่ามากพอที่จะทำให้เขาฉุดคิดถึงบางสิ่งบางอย่างที่เชื่อมโยงกันอยู่
.
“เดี๋ยวนะ! แล้วประตูเลื่อนตรงนั้นล่ะเช็คกันรึยัง?”
ปลายนิ้วชี้หันไปทางทิศที่มีประตูระเบียงอยู่ ขณะเดียวกันมือก็ตวัดเอาแว่นจับความร้อนสวมทับลงใบหน้าไปด้วย
.
“เช็คแล้วครับ.. แต่มันเป็นกำแพงที่ถูกฉาบทับด้วยกระดาษลังเก่าๆ ที่เห็นก็แค่ของหลอกๆ เป็นวอเปเปอร์รูปประตูที่ใช้ติดเพื่ออำพรางสายตาให้ห้องดูกว้างเท่านั้นครับ”
.
“หืม..แบบกระจกเงาตามร้านฟิตเนสน่ะเหรอ”
.
“คิดว่าใช่ครับ.. ผู้รับเหมากับเซลล์มักจะหลอกขายคอนโดด้วยวิธีนี้ สมัยนี้แค่ถ่ายรูปสวย ไม่ต้องมาเห็นของจริงคนก็ตัดสินใจซื้อกันแล้ว”
.
“คลิก!!!”
(เสียงหัวหน้าหน่วยสวมใส่แว่นตรวจจับความร้อน)
.
“คลิก!” , “คลิก!” , “คลิก!” , “คลิก!”
(ตามหลังมาติดๆ จากการสวมใส่ของทีมสืบสวนโรคเชิงรุกคนอื่นๆ)
.
อุปกรณ์ดังกล่าวมีคุณสมบัติในการทำให้พวกเขา มองเห็นวัตถุที่มีความร้อนสูงกว่าหรือเท่ากับ 37 องศาได้ มองเห็นเป็นรูปร่างพลังงาน ซูมเข้าซูมออก รวมไปถึงสามารถมองทะลุผ่านกำแพงได้เช่นกัน การจะยืนยันว่ามีคนอยู่ในห้องนี้ไหมจึงเป็นอะไรที่ง่ายยิ่งกว่าปลอกกล้วยเข้าปาก
.
ท่านหัวหน้าสวมมันและเริ่มมองไปรอบๆ แน่นอนว่าเขาเห็นคลื่นความร้อนเป็นเปลวออร่าของลูกน้องตัวเอง แล้วก็เห็นอีกด้วยว่ามีอีกกลุ่มก้อนพลังงานหนึ่ง ที่อยู่หลังกำแพงลังกระดาษ! ตอกย้ำว่าวอเปเปอร์ปลอมๆ คงจะไม่ใช่อย่างที่ลูกน้องรายงานไว้ในตอนแรกซะแล้ว!
.
“เฮ้! มีคนอยู่หลังกำแพงนั่น ฉันเจอเขาแล้ว!!!”
.
“แต่ช้าก่อน! อย่าเพิ่งโถมเข้าไปนะ ฉันว่ามันแปลกๆ”
.
จริงอย่างที่เขาพูด เพราะแม้แต่ลูกทีมเองก็เห็นพ้องต้องกันว่าออร่าความร้อนที่อยู่ด้านหลังกำแพงมีความไม่เสถียรอย่างสูง! ทุกคนต่างค่อยๆ ย่องเข้าไปใกล้ด้วยเสียงอันแผ่วเบา พวกเขาไม่ต้องการให้เหยื่อรู้ตัว แต่ทว่ายิ่งใกล้ในแว่นตาก็ยิ่งแปลก กล่าวคือมันไม่เห็นเป็นรูปเป็นร่างของคนเหมือนตอนมองกันและกัน ด้านหลังนั่นทุกคนเห็นแต่มวลคลื่นสีแดงเถือกที่แผ่กระจายฟูฟ่องเป็นวงกว้างเต็มพื้นที่่!!!
.
“แล้วคนอยู่ตรงไหนวะ? , มันใช่คนรึเปล่าเหอะ?”
หนึ่งในลูกน้องกระซิบบ่น
.
เขาสัมผัสได้ถึงความไม่ปลอดภัย อุปกรณ์ไม่เคยพลาดสักครั้งก็จริง แต่ก็ไม่ได้แปลว่ามันจะไม่มีโอกาสผิดสักหน่อย เขาถึงกับขึ้นไกปืนยิงลูกดอกอาบยาสลบรอเอาไว้
.
“เอิ่ม…มันอาจจะเป็นกำแพงที่ตันจริงๆ ก็ได้นะครับหัวหน้า?”
.
“หุบปาก! …อย่าพูดให้คนอื่นเค้ากลัวไปด้วยสิ”
.
.
เปลี่ยนมุมกล้องข้ามฝั่งไปหากระเทยควายผู้หัวหมอ ดูเหมือนศึกระหว่างเภสัชหนุ่มกับแก๊งค์แพทย์วัยรุ่นจะหมดยกแรกลงด้วยชัยชนะของฝั่งยา พีอยู่ในสถาพที่ชุ่มโชก เนื้อตัวเขาเปียกปอนและเหม็นคลุ้งไปด้วยสสารเหลวที่บรรจงหยิบยกมาใช้ได้อย่างทันท่วงที
.
ว่าแต่มันคืออะไรกันล่ะ…? คงต้องมาตามหาคำตอบกันในตอนต่อไป..