ความรักหลากอารมณ์ที่ดอมดมอยู่กลางดงโรคระบาดโควิด-19 เพื่อนที่ไม่ใช่เพื่อน แฟนที่ไม่ใช่แฟน งานนี้ไม่มี "กามเทพ" มีแต่ "กามรมณ์" ในกมลสันดาน
ความรักหลากอารมณ์ที่ดอมดมอยู่กลางดงโรคระบาดโควิด-19 เพื่อนที่ไม่ใช่เพื่อน แฟนที่ไม่ใช่แฟน งานนี้ไม่มี "กามเทพ" มีแต่ "กามรมณ์" ในกมลสันดาน
หน้ากากผ้าถูกสวมคลุมกระชับ บางคนถึงกับควักเอาหน้ากากกันแก็สขึ้นมาครอบทั้งหน้าเอาไว้! สถานการณ์ดูโกลาหลหนัก! ทุกส่วนสัดวุ่นวายจัดจนจับต้นชนปลายไม่ถูก! เหล่ารปภ.ต่างกรูกันเข้ามารุมทึ้งร่างอันไร้วิญาณของลุงคนสวน พวกเขาเปลี่ยนคฤหาสน์ส่วนหน้าให้เป็นดั่งตลาดสดที่คนออกันเต็มพื้นที่
.
บางทีพวกเขาอาจจะไม่อยากเสี่ยงก็เป็นได้! การสิ้นชีพของลุงเป็นดั่งหลักฐานสำคัญว่าต่อให้เคหะสถานหรูแค่ไหนเชื้อมันก็ไม่เว้น! ทุกคนในบ้าน AP กำลังไม่ปลอดภัย! และทางที่ดีก็ควรจะรีบย้ายศพออกไปทำลายทิ้งแล้วก็ปิดข่าวให้เงียบที่สุด
.
พีวิเคราะห์..
.
เขายังคงนั่งยองกุมมือแพรวเอาไว้แน่น ความตื่นเต้นทำเอาเจ้าตัวสั่นไปหมด แม้จะอยู่ในร่างชายแต่จิตใจหาได้กล้าหาญสมดั่งสรีระไม่! เหงื่อเปียกชุ่มมือ มีจังหวะหนึ่งแพรวคิดจะชะเง้อคอส่องเข้าไปดูข้างใน เขาก็ยังรั้งเธอเอาไว้!
.
"อีพี! มึงเป็นบ้าอะไร..?! กูแค่จะชะเง้อดูเฉยๆ นิดเดียวเอง?! "
ไม่แปลกที่แพรวจะโกรธเพราะเธอโดนเบรคมาหลายทีแล้ว!
.
"ชู่วววววว..."
.
ร่างหนารีบจี่ปากสั่งให้เงียบ เนื่องด้วยเสี้ยววินาทีต่อมานั้นบรรดารปภ.ที่รายล้อมศพอยู่ก็เริ่มออกอาการชักเกร็ง!!! พวกเขาทยอยคุกเข่าลงกับพื้นทีละคนสองคน! บางคนกุมมือไว้ที่หน้าอกแล้วก็เริ่มไอค๊อกๆ แค๊กๆ ณ ตอนนี้หน้ากากผ้าดูจะเอาไม่อยู่เสียแล้ว! พีกับแพรวเห็นเต็มตาว่าสายรัดมันเริ่มละลาย! บริเวณที่เป็นแผ่นกรองนี่ถึงกับย้วยหยดลงมาเป็นเมือก...!!
.
"แหมะ..! "
.
หน้ากากกันแก๊สเองก็เช่นกัน! แผ่นกระจกกั้นขึ้นฝ้ามองไม่เห็นอะไร อุณหภูมิภายในน่าจะสูงสุด มันถึงได้ร้าวแล้วก็ปริแตกแยกออกจากกันเป็นเสี่ยงเสียงดังเพล๊งงงง!!! ยามแต่ละคนดิ้นพล่านราวกับตกนรก! ลำตัวพวกเขาหงิกงอคอเข่าย่นยู่ แล้วก็สิ้นใจลงด้วยทุกขเวทนาสังขาร จำนวน 10 ศพแน่นิ่งอิงชิดติดกับศพลุง!
.
"อ๊ะ! "
"อะ....อะไรกันเนี่ยะ! "
แพรวปิดปากแผดเสียงกรี๊ดในลำคอ ก่อนจะหลุบสายตาหันมามองใบหน้าพีที่นั่งอยู่ข้างๆ
.
"มันชัดยิ่งกว่าชัดอีกมึง... มิวท์ติดเชื้อ! .. และพวกเราไม่ควรอยู่ที่นี่.."
"ต้องรีบไปจากคฤหาสน์แห่งนี้ให้เร็วที่สุด! , ไป!!! , ไปเดี๋ยวนี้เลย!!! "
.
กระเทยควายตะคอกใส่! หมดความจำเป็นที่ทั้งสองจะกระซิบกระซาบกันอีกต่อไป เพราะต่อให้ดังยังไงก็ไม่เหลือยามหน้าไหนมาล็อคตัวพวกเขาอยู่ดี แพรวเห็นด้วยกับสิ่งที่พีพูดทุกอย่าง เธอประเมินสถานการณ์เข้ากับข่าวที่เพิ่งดูมา เลยพอจะอนุมานได้ว่ามิวท์น่าจะติดเชื้อจากอสุจิ! ดูจากพฤติกรรมการคุกเข่าอมนกเขาให้คนสวนแล้ว แค่นี้เพื่อนลุคคุณหนูรายนี้ก็ไม่ใช่คนเดิมที่แพรวเคยรู้จักอีกต่อไป..
.
เธอวาดขาขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซต์ ภาพสุดท้ายก่อนยวดยานพาหนะจะลับทิวรั้วไป เธอมองเห็นภาพมิวท์ตอนกำลังคุกเข่าถ่างปากอ่าซ่าโม้คดุ้นให้พี่เปรม..
.
แล้วน้ำตามันก็ไหลออกมาเอง...
.
"หืม..? "
"ใจเย็นแพรว.. มึงรอดแน่มึงไม่ต้องร้องหรอก กูเปียกหลัง! "
.
"ฮึ...ฮือ...ฮือ...ฮือ.."
"ใครบอกกูร้อง.. กูไม่ได้ร้องสักหน่อย...ฮือ..ฮือ..ฮือ..."
.
---------------------------------------------------
.
การตายรายวันยังคงมีต่อเนื่อง เชื้อไวรัสร้ายแพร่กระจายขึ้นสู่อากาศต้านทานแรงโน้มถ่วงทำให้ลอยค้างอยู่ได้นานถึง 3 วัน 3 คืนโดยไม่ตกกระทบสิ่งใด ทำให้มันแพร่ระบาดไปได้ไกลโดยไม่ต้องใช้วีซ่า มันกระจายลงสู่แหล่งน้ำแทรกซึมลงไปทุกหนทุกแห่งไม่ว่าจะเป็นน้ำประปา , แม้น้ำลำคลอง , ท่อระบายน้ำอันโสโครก , หรือแม้กระทั่งท้องทะเลมันก็แพร่ลงไปได้ ไวรัสไม่ได้มีเหงือกไว้หายใจ แต่มันก็ไม่ตายแม้จะอยู่ในน้ำที่มีออกซิเจนน้อยเต็มที..
.
ผลพวงจากการระบาดนี้ทำให้หน้ากากครอบแก้วติดใบพัดของบริษัท AP ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า! รูปลักษณ์ลักษณะของเจ้านี่คงไม่ต้องอธิบายซ้ำ หากใครอ่านข้ามมากรุณาย้อนกลับไปอ่านอีกครั้งในตอนที่หนึ่งใหม่ แพรวใช้มันจนคล่อง และคนอื่นๆ ก็ขาดมันไม่ได้เช่นกัน บริษัท AP ตักตวงจากนวัตกรรมชนิดนี้จนได้รับเม็ดเงินไปมหาศาล พวกเขาขายหน้ากากรุ่นใหม่ตัดราคาหน้ากากอนามัยของรัฐบาลโดยไม่แคร์โควต้า แถมยังส่งออกไปต่างประเทศอีกตั้งหลายคันรถ
.
ยังมีเรื่องของน้ำดื่ม! ด้วยความที่ตัวเชื้อแพร่กระจายลงสู่แหล่งน้ำอุปโภคบริโภค ประชาชนจึงจำเป็นต้องกดน้ำจากตู้กรองของบริษัท AP เพียงอย่างเดียว! มันถูกเรียกว่าตู้อัลตร้า! เพราะใช้ระบบแสงอัลตร้าไวโอเลตในการทรานซิสชั่นน้ำให้กลายเป็นไอ แต่ทว่ารูปลักษณ์ภายนอกนั้นบอกเลยว่าไม่ต่างจากตู้กดธรรมดาทั่วไป! มันถูกติดตั้งกระจายไปตามแหล่งชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ แล้วก็มีช่องหยอดเหรียญที่รองรับแค่เหรียญ 10 เพียงอย่างเดียว! มิหนำซ้ำยังต้องหยอดถึง 8 เหรียญต่อน้ำเพียง 1 ขวด! โอ้แม้เจ้าโว๊ย! โปรดจินตนาการเอาเถอะว่าบริษัท AP จะร่ำรวยขนาดไหน!?
.
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าท่ามกลางความวิกฤตชิบหายวายป่วงเช่นนี้! คนเดียวในประเทศที่ยังคงเชิดหน้าชูตาอยู่ได้ ก็คือมหาเศรษฐีจากบริษัท AP นี่เอง! มิวท์กับครอบครัวกำลังมั่งคั่งขึ้นเป็นเท่าทวี ซึ่งนี่แหละ! คือความจริงที่มิอาจปฏิเสธ!!!
.
----------------------------------------------------------
.
"วี้หว่อ...วี้หว่อ....วี้หว่อ....วี้หว่อ...."
.
เสียงหวอรถตำรวจดังแข่งกับรถพยาบาล สถานการณ์อันตึงเครียดทำให้บุคลากรต้องทำงานกันหามรุ่งหามค่ำ แต่ทว่าระยะหลังมานี้ปริมาณเกินกว่าครึ่ง ดันกลายเป็นเสียงหวอสัญญาณของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองแทน!
.
นั่นก็เพราะชาวต่างชาติทุกคนที่ลงเครื่องมาล้วนต้องถูกกักตัวทั้งหมด! พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศได้หากไม่ได้รับการกักกันโรคจนครบระยะเวลาฟักตัวที่ 14 วัน.. "state quarantine" คือชื่อที่ทางภาครัฐสั่งให้เรียกเจ้าสิ่งนี้ โดยจะทำการคัดสรรโรงแรมต่างๆ ที่สะอาดสะอ้านและมีศักยภาพพอเพื่อนำมาใช้เป็นที่กักกัน ซึ่งแน่นอนว่า! ไม่มีโรงแรมไหนเข้าเกณฑ์เลยสักแห่ง! นอกเสียจากโรงแรมในเครือ AP ที่มีนวัตกรรมฆ่าเชื้อแบบอัลตร้า ลักษณะเดียวกับที่ใช้ในตู้กดน้ำ!
.
ความชาญฉลาดของพวกเขากลายเป็นการผูกขาดแบบกลายๆ เหมือนเป็นการมัดมือชกให้ภาครัฐไม่มีทางเลือกจนต้องยอมจ่ายแพงเพื่อให้มาตรการนี้ดำเนินต่อไป นี่แหละคือธุรกิจ! เพราะถ้าลองนับดูแล้วตั้งแต่เหนือจรดใต้โรงแรมของบริษัท AP แม่งมีมากถึงพันกว่าแห่ง! ชนิดที่ต่อให้ไม่มีโรคระบาดเฮงซวยนี่.. แค่ค่าเปิดห้องให้คนเข้าไปขี้ AP ก็นับเงินแต่ละปีไม่หวาดไม่ไหวแล้ว!!
.
ก็เลยไม่แปลกใจที่พอเวลาผ่านไปสักพัก กระแสความไม่พอใจของสังคมจะปะทุขึ้นมา!!!
.
รถตำรวจตม.วิ่งจับฝรั่งต่างชาติ! , รถพยาบาลวิ่งขนส่งผู้ป่วยที่ติดเชื้อ! , แล้วรถตำรวจล่ะคิดว่าวิ่งกันทำไม? คำถามนี้คนที่น่าจะตอบเราดีที่สุดเห็นจะเป็นแพรว.. เพราะตอนนี้เธอแทบจะอยู่ในใจกลางกลุ่มผู้ชุมนุมเลย!
.
"ออกไป! , ออกไป! , ออกไป! , ออกไป! , ออกไป! , ออกไป! "
"APจงพินาศ.. ประชาราษฎร์จงเพลิดเพลิน! "
เป็นสโลแกนที่แกนนำตะโกนใส่โทรโข่ง เพื่อเชื้อเชิญให้ม็อบพูดตามจะได้ปลุกพลังให้ฮึกเหิม!
.
แน่นอนว่าแพรวเองก็ใส่สุดเสียง! เธอชูกำปั้นขึ้นฟ้าเขย่าโครมๆ ไปตามจังหวะ เห็นด้วยอย่างยิ่งว่าสิ่งที่บริษัท AP ทำนั้นมันไม่ถูกต้อง! พวกเขาควรจะอยู่ข้างประชาชนที่ลำบาก ไม่ใช่มาขูดเลือดขูดเนื้อกันในยามวิกฤตแบบนี้!
.
"ไอ้ขี้ตู่! , ไอ้ขี้ตู่! , ไอ้ขี้ตู่! "
เธอตะโกนเสริม ด้วยความหมั่นไส้ AP ที่ตอแหลมานานแสนนาน ผนวกรวมเข้ากับการโกรธมิวท์ด้วยก็ส่วนหนึ่ง
.
บ้านเมืองกำลังเกิดกลียุค! สถานการณ์บานปลายจนถ่างขยายมาถึงด้ามจับ ทุกอย่างกำลังจะเอาไม่อยู่! กระแสธารแห่งความไม่พอใจถาโถมหนักมาก รัฐบาลต้องเผชิญกับแรงกดดันในทุกๆ ด้าน เพราะถ้าไม่ง้อนวัตกรรมของบริษัทหน้าเลือดนี่ชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์ก็จะเป็นอันตราย! บุคลากรที่เก่งที่สุดในประเทศล้วนสังกัดอยู่ใน AP พวกเขามีโรงพยาบาลเอกชนที่เจ๋งที่สุดในโลก พวกเขามีโรงแรมที่ฆ่าเชื้อด้วยรังสีอัลตร้าเทคโนโลยีระดับสูง หนำซ้ำยังมีทีมวิศวกรที่ควบคุมอุปกรณ์ไฮเทคทุกชนิดในประเทศนี้ได้ โดยใช้เพียงคอมพิวเตอร์แลปท็อบเพียงเครื่องเดียว!
.
เรียกได้ว่าภาครัฐไม่มีแต้มต่อใดๆ เลย มีแต่ตายกับตาย! แต่ก็ถือว่ายังพอมีโชคอยู่บ้าง เพราะท้ายที่สุดแล้วประเทศนี้ก็หลุดพ้นจากวิกฤตม็อบมาได้ ด้วยการใช้วิกฤตโรคภัยที่มีอยู่เดิมให้เป็นประโยชน์
.
นั่นก็คือ..
.
จู่ๆ พื้นถนนก็แตกระแหง!! รอยแยกฉีกตัวเป็นแนวยาวราวกับสายฟ้าฟาดฉีกลึกปักลงไปในเนื้อดิน! ท่อแก๊สรั่วพ่นละอองฟูฟ่อง! ฟู่ๆ! กลุ่มคนแตกกระเจิง.. ต่างคนต่างไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดอะไรขึ้น? ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าว่าพลานุภาพของเชื้อไวรัสมรณะสายพันธุ์นรกจะรุนแรงถึงเพียงนี้ คำเตือนที่ว่าให้รักษาระยะห่างจึงไม่ใช่เรื่องตลก เพราะพวกเขาแออัดยัดเยียดกันเกินไปก็เลยกลายเป็นเหยื่ออันโอชะของมัน!
.
กลุ่มผู้ประท้วงหลอมละลายดุจไอติมแท่ง! เสื้อผ้าพวกเขากลืนหายกลายเป็นน้ำ กลั้วไปกับกระดูกที่โดนเชื้อร้ายย่อยสลายจนเละเทะ! นับร้อยชีวิตไหลลงไปในซอกถนนที่แตกระแหง ไม่เหลือแม้แต่ศพ ไม่มีแม้แต่เศษชิ้นส่วนเนื้อ covidสายพันธุ์ใหม่ (New hell) ทรงพลังยิ่งกว่าอาวุธเคมีใดๆ ดีแค่ไหนแล้วที่แพรวหนีรอดออกมาได้อย่างหวุดหวิด..
.
ภาพการตายหมู่กับเสียงโหยหวนยังคงก้องอยู่ในหูเธอ หมดกันความเกรี้ยวกราดอยากเรียกร้องที่เตรียมมา แม้แต่ป้ายผ้าป้ายไฟก็ยังไม่ได้ใช้ งานนี้ม็อบเป็นฝ่ายแพ้อย่างราบคราบ! พวกเขาแพ้ตั้งแต่อีกฝั่งยังไม่ได้ชูการ์ดขึ้นสู้เลยด้วยซ้ำ! "อย่าเก๋ากับธรรมชาติ" น่าจะเป็นคำคมที่เหมาะที่สุด เพราะศัตรูตัวจริงหาใช่บริษัท AP หรือรัฐบาลไม่! หากแต่เป็นเชื้อไวรัสขนาดจิ๋วที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าต่างหาก!
.
บทเรียนจากเหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้มาตรการต่างๆ ถูกยกระดับขึ้นอีกขั้น! เสียงไซเรนดังระงมไปทั่ว! จากแต่ก่อนที่เป็นเสียงหวอของรถตำรวจ , รถพยาบาล , แล้วก็รถตม. ตอนนี้ได้เพิ่มหวอของรถตรวจเชื้อเคลื่อนที่เข้ามาด้วย! พวกมันได้รับคำสั่งให้วิ่งพร่านไปทั่วทั้งเมืองเพื่อสุ่มตรวจผู้คนซึ่งเป็นการตรวจแบบเชิงรุก กล่าวคือ.. หากพบผู้ติดเชื้อเมื่อไหร่ก็จะทำการจับกุมและนำตัวมากักกันในทันที ไม่มีข้อยกเว้น!
.
--------------------------------------------------
.
ณ โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึี่ง ในสังกัดของ AP
.
ในห้องประชุมปลอดเชื้อ ต่อหน้าฟิล์ม TC แสกนของผู้ป่วย covid รายหนึ่ง คณะแพทย์กำลังถกเถียงกันเกี่ยวกับประเด็นการรักษาอย่างเข้มข้น!
.
"ตัวอย่างเลือดหมายเลข 001 ให้ผลออกมาเป็นบวก มีความเป็นไปได้ที่เราจะทำการผลิตแอนติบอดี้จากเลือดของเขาครับ"
นายแพทย์คนหนึ่งบอก เขาเดินไปดูใกล้ๆ ฟิล์มแสกนพลางทอดสายตาลงต่ำมองดูผู้ป่วยที่สลบอยู่บนเตียงผ่านจอมอนิเตอร์ไปด้วย
.
"แต่มันจะเป็นการทรมานผู้ป่วยนะ... พวกเขาไม่ใช่ศพ! ยังเป็นคนที่มีลมหายใจ ผมไม่เห็นด้วย! เราควรทดลองกับสัตว์ทดลองก่อน อย่างน้อยก็ไม่ผิดจรรณยาบรรณ"
หมออีกคนค้าน
.
"แล้วมันมีเวลาขนาดนั้นไหมล่ะ... คุณก็เห็นว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น.. ถ้าไม่ใช่หมออย่างเราประเทศนี้ก็ไม่มีทางรอด! "
.
"แต่..? "
.
"ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น... เราได้ข้อสรุปมาแล้ว เชื้อไวรัสนี้จะทำลายตัวเองถ้าใช้แอนติบอดี้ของผู้ป่วยเก่า ถ้าคุณกลัวทำคนตายนัก คุณก็แค่ไปหาผู้ป่วยมาสะสมไว้เยอะๆ แค่นี้ก็พอแล้ว! "
.
คำพูดจากปากหมอช่างเหมือนหมาซะยิ่งกะไร หลังการถกเถียงอันเผ็ดร้อนระหว่างคณะแพทย์ ก็ได้มีการเซ็นคำสั่งอนุมัติโดยท่านประธานใหญ่ของ AP ข้อมูลผู้ป่วย covid มากมายใน state quarantine ของบริษัท AP ก็เลยถูกเปิดเผยออกมาหมด! นั่นเท่ากับว่าบรรดาผู้ป่วยล้วนต้องถูกเกณฑ์ไปเป็นหนูทดลองให้พวกหมอๆ โดยที่ไม่รู้เนื้อรู้ตัวมาก่อนนั่นเอง!
.
แต่ก็ยังไม่พอ!
.
เมื่อความรุนแรงของเชื้อถูกนำมาเป็นข้ออ้างอันชอบทำ กระดาษคำสั่งแผ่นนั้นจึงเป็นดั่งอาญาสิทธิ์ที่เปิดทางให้รถหวอตรวจเชื้อวิ่งไปที่ไหนก็ได้ เพื่อควานหาคนติดเชื้อเพิ่มเติม มันเข้ามาจอดหยุดนิ่งในซอกตึกแห่งหนึ่ง เจ้าหน้าที่ในชุดเกราะถือไม้กระบองกระโดดลงจากท้ายรถ พลันกระหน่ำฟาดใส่คนทุกคนที่เดินผ่านมาจนช้ำ! พวกเขาพิพากษาคนผ่านปืนวัดอุณหภูมิ ใครมีไข้สูงถือว่ามีความเสี่ยงจะต้องโดนจับ ก่อนจะใช้เครื่องตรวจอย่างละเอียดบนรถอีกครั้ง หากพบว่าเป็นบวกก็คือเรียบร้อย! ต้องถูกส่งเข้าสถานกักกันทันที!
.
ปากก็อ้างว่ารักษา.. แต่ความจริงคือการเอาคนไปสกัดเป็นยาเสียมากกว่า.. นี่เหรอหมอ? นี่เหรอบุคลากรทางการแพทย์ที่ใครต่างก็คาดหวัง..?