เผด็จการ ตรงไปตรงมาและประธานบริษัทหญิงผู้บ้างาน VS พ่อครัว สามี และบอสหมาป่า
เผด็จการ ตรงไปตรงมาและประธานบริษัทหญิงผู้บ้างาน VS พ่อครัว สามี และบอสหมาป่า
“กำลังคิดอะไรอยู่หรือครับ?”
ซู่จินกำลังยิ้มแย้มในขณะที่ดูพิธีเปิดที่น่าเบื่อ แต่คนที่รู้จักเธอจะรู้ดีว่าจิตใจของเธอไม่อยู่กับตัว
คนที่นั่งถัดจากซู่จินเป็นชายวัยกลางคนที่มีออร่าแข็งแกร่งในชุดสูทธุรกิจสีน้ำเงินเข้มแบบลำลอง
พวกเขาทั้งสองได้ทำธุรกิจร่วมกันมาหลายครั้ง ดังนั้นพวกเขาจึงคุ้นเคยกันดี
ซู่จินกระแอม เธอยังคงมองตรงไปข้างหน้าและพูดด้วยเสียงต่ำว่า “มองไปข้างหน้าทางด้านซ้ายของฉัน คนที่นั่งอยู่กับประธานพ่าน”
สวีเทียนฉิงมองไปยังทิศทางตามที่เธอบอกอย่างรวดเร็ว แล้วมองย้อนกลับมาในทันที
ดวงตาของเขาฉายความสนใจ เขากล่าวว่า “คนนั้นดูเหมือนจะเป็นนักลงทุน แต่ความสัมพันธ์เฉพาะของเขาไม่ชัดเจน ทำไม? คุณกำลังจะทำอะไร?"
ซู่จินค่อยๆ หายใจเข้าลึก ๆ
ไม่จำเป็นต้องพูดมากเกี่ยวกับความสามารถในการทำธุรกิจของซู่จิน ในความเป็นจริง เธอฉลาดมากเมื่อต้องลงทุน
เพียงแต่ว่าในฐานะประธานของฉีหยูคอร์เปอร์เรชั่น เงินเดือนประจำปีและเงินปันผลของผู้ถือหุ้นไม่ได้มีค่ามหาศาลอย่างที่โลกภายนอกคิด
ดังนั้น เมื่อใดก็ตามที่เธอสนใจโครงการลงทุนที่มีอนาคตสดใสตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอจะโทรหาสวีเทียนฉิง เพื่อนำเงินมาลงทุนด้วยกัน เขาเป็นบิ๊กบอสที่มีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ดีกับเธอ
หลังจากลงทุนไปไม่กี่ครั้ง พวกเขาก็ไม่ลังเลเลยที่จะลงทุนร่วมกันทุกครั้งที่เธอพบการลงทุนใหม่
เพราะผลตอบแทนการลงทุนนั้นสูงมากๆ!
ในสายตาของผู้ชายอย่างสวีเทียนฉิง ซู่จินไม่มีความเกี่ยวพันกับลม ดอกไม้ หิมะ และดวงจันทร์ (2)
"ไม่มีอะไร แค่มองเฉยๆ” ซู่จินพูดคลุมเครือ
สวีเทียนฉิงเอนตัวเข้าไปใกล้เธอและกระซิบว่า “สมมุติว่าเขาทุ่มเงินจำนวนมากเพื่อมาที่นี่และสร้างเครือข่าย ถ้ามีเงินอยู่ในกระเป๋าของไข่แตงดิบ เขาก็ไม่รู้ว่าท้องฟ้าสูงแค่ไหน หรือโลกหนาแค่ไหน(3)”
ในฐานะ 'ไข่แตงดิบ' ที่เพิ่งได้รับคุณสมบัติให้เข้าสู่งานเลี้ยงเพื่อหาคอนเนคชั่น ซู่จินรู้สึกว่าตัวเธอเองก็ไม่แตกต่าง
เธอเขยิบตัวออกห่าง ครั้งนี้เธอไม่อยากพูดกับสวีเทียนฉิง
งานเลี้ยงการกุศลดำเนินไปจนเช้าตรู่ ในที่สุดก็จบลงเมื่อมีคนซื้อภาพวาดของจิตรกรที่เสียชีวิตไปแล้วในราคากว่าสิบล้านหยวน
ซู่จินไม่พบนักลงทุนในโครงการที่เธอคิด ดังนั้นเธอจึงลดความสูญเสียและทุ่มเงิน 300,000 หยวนเข้าการกุศล
เธอซื้อภาพขวดไวน์ที่ผลิตโดยผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีในไร่องุ่นในต่างประเทศ
แม้ว่าเธอจะซื้อมันภายใต้ชื่อการกุศล แน่นอนซู่จินต้องการซื้อความโปรดปรานของผู้ประกอบการด้วย
หากพวกเขาได้ข้องแวะกันทางธุรกิจบางอย่างในภายหลัง ทั้งสองฝ่ายก็อาจมีความสัมพันธ์ต่อกันเช่นกัน
หลังจากออกจากห้องจัดเลี้ยง ซู่จินก็ตัวสั่นจากความหนาวเย็นในทันที อุณหภูมิในตอนเช้าค่อนข้างต่ำและอากาศก็ค่อนข้างชื้น
หลังจากบอกลาผู้นำของหอการค้าและสวีเทียนฉิง และคนรู้จักของเขาหลายคนแล้ว ซู่จินก็เดินไปยังที่จอดรถ
เซี๊ยะถงเห็นเธอแต่ไกลและวิ่งเหยาะเข้ามาหา
เธอหยิบไวน์จากบริกรที่อยู่ข้างหลังซู่จิน และอีกมือก็ประคองซู่จินทันที
โดยไม่รอให้เซี๊ยะถงพูดอะไร ซู่จินชี้ไปที่ไวน์ที่เธอเพิ่งได้มา เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรง “อย่าลืมชดใช้ให้ฉันด้วย!”
เซี๊ยะถงร้องไห้ออกมา “เบาเสียงหน่อยค่ะ เดี๋ยวคนอื่นได้ยิน!”
ด้านนอกห้องจัดเลี้ยง มีถนนเส้นเดียวเท่านั้นที่จะออกจากพื้นที่นี้ ขณะนี้มีแขกออกไปมากเกินไป การจราจรจึงคับคั่งอยู่พักหนึ่ง
รถของพวกเขาติดอยู่ที่ด้านหลัง คนขับรถไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องขับตามรถคันหน้าอย่างช้าๆ
แต่ซู่จินเริ่มกระสับกระส่าย เธอใช้มือปิดหน้าท้องส่วนล่าง และเธอมีสีหน้าเจ็บปวดนิดๆ จากนั้นเธอก็มองรถที่อยู่ข้างหน้าเป็นระยะๆ
คนขับรถถามด้วยความสงสัย “ประธานจิ่น เป็นอะไรไปครับ?
ซู่จินยิ้มฝืนๆ “ดื่มแชมเปญมากไปหน่อย แย่แล้ว”
“ให้ผมออกไปก่อนไหมครับแล้วคุณค่อย....”
คนขับรถคนนี้ทำงานให้ซู่จินมาหลายปีแล้ว นอกจากจะพาเธอไปและกลับจากที่ทำงาน พวกเขามักจะเดินทางไปทำธุรกิจด้วยกัน ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงหัวข้อต้องห้ามมากเกินไปในส่วนนี้
ซู่จินมองออกไปนอกหน้าต่างรถและกัดริมฝีปาก เธอกำลังคิดคำพูดเช่นคนไม่ควรกลั้นปัสสาวะจนกว่าจะปัสสาวะออกเป็นต้น แต่เธอกังวลว่าข้างนอกจะมีรถมากมายขนาดไหน หากมีใครเห็นเธอเข้า เธอก็จะไม่สามารถรวมกลุ่มกับสังคมชั้นสูงได้อีกต่อไป
ทันใดนั้นเซี๊ยะถงก็คว้าแขนของเธอไว้ “จินเจี่ย(4) ดูนี่สิ คืนนี้ฉันไม่ได้ถ่ายรูปพี่เลย!”
เซี๊ยะถงเป็นคนดูแลเวยป๋อของซู่จินเสมอ สำหรับงานเลี้ยงสำคัญในคืนนี้ เป็นเรื่องปกติที่จะถ่ายรูปสองสามรูปแล้วอัปโหลดลงเวยป๋อ
เธอยิ้มปลอมๆและมองไปที่กล้องมือถือของเซี๊ยะถง เธอพยายามให้ความร่วมมือ แต่ในวินาทีต่อมา ความสนใจของเธอก็เปลี่ยนไปที่ผู้ชายที่อยู่นอกหน้าต่างรถด้านหลังเซี๊ยะถงทันที
มันคือผู้ชายที่ 'กวนใจ' เธอทั้งวัน ในขณะนี้ เขาบังเอิญเดินคนเดียวบนทางเท้า 'อีกครั้ง'
ค่ำคืนที่หนาวเย็น ผู้ชายคนนั้นจึงสวมเสื้อสูทขณะเดิน
ในงานเลี้ยง เธอไม่สามารถมองเขาใกล้ๆได้ ตอนนี้ เธอสามารถจ้องมองเขาเป็นเวลาสองสามวินาที ซู่จินค้นพบว่ารูปลักษณ์ของเขาดูคมชัดและกล้ามแน่นมากกว่าที่เธอจินตนาการไว้เล็กน้อย
เขาดูไม่เหมือนเนื้อสดนุ่มๆ (5) ทว่ารูปลักษณ์ ท่าทาง และรูปร่างของเขาได้รับการดูแลอย่างดีจนสามารถพูดได้ว่าเขาเป็นเนื้อที่หายากและมีคุณภาพสูง
สิ่งนี้สอดคล้องกับรสนิยมของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ
ซู่จินจมกับความคิดตัวเองจนลืมความเร่งด่วนของเธอไป
เธอถึงกับส่งเสียงซี๊ด
เซี๊ยะถงรู้สึกตกใจนิดหน่อยกับเสียงแปลกๆ ที่ซู่จินสร้างขึ้น เธอถามอย่างระมัดระวังว่า “ท่านประธาน เป็นอะไรไหมคะ?”
หลังจากดึงสติกลับมา ซู่จินก็พูดอย่างฉับพลันด้วยใบหน้าที่จริงจังว่า “ฉันไม่เป็นไร พอดีฉันเห็นคนรู้จัก จะติดรถเขากลับ ไม่ต้องห่วงฉัน”
พูดจบ เธอก็ลงจากรถไป
1 *ไข่แตงดิบ* ใช้เพื่ออธิบายคนที่ยังเด็กและไม่มีประสบการณ์
2 *เฟิง ฮัว เซว อี้เยว่*ลม ดอกไม้ หิมะ และดวงจันทร์* สำนวนสำหรับเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ
3 *ไม่รู้ว่าฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ* บุคคลที่ไม่รู้ความซับซ้อนของสิ่งต่าง ๆ หยิ่งผยองและโง่เขลา
4 *เนื้อสดตัวน้อย* คำศัพท์สำหรับชายหนุ่มรูปงาม มักจะเป็นไอดอลวัยรุ่น