หลังจากผ่านไปมากกว่า 10 ครั้ง เฉียวเหม่ยก็เด็ดพริกอีกครั้ง
ทุกครั้งที่การแลกเปลี่ยนพลังงานสิ้นสุดลง พริกบนกิ่งจะแห้งตามธรรมชาติ และจะมีกลิ่นหอมของพริกในอากาศ
เฉียวเหม่ยยัดพริกเข้าปากแล้วเคี้ยว มันกรอบและมีกลิ่นหอมของพริกเต็มปากของเธอ แต่ปากของเธอไม่แสบเลย
“นี่แหละ!”
นี่คือชนิดของพริกที่เธอต้องการ
เฉียวเหม่ยเด็ดพริกทั้งหมดออกจากต้นทันทีและดึงเมล็ดออกมาครึ่งหนึ่ง
เมล็ดพันธุ์เหล่านี้จะนำไปปลูกในแปลงนาที่บ้าน ด้วยวิธีนี้ เธอสามารถเปิดเผยเกี่ยวกับพริกเหล่านี้ได้ในอนาคต
หลังจากเก็บเมล็ดเหล่านี้แล้ว เธอก็ปลูกพริกอีกเมล็ดหนึ่ง เธอมองดูพริกที่ห้อยอยู่บนต้นพริกที่ปลูกแล้วถามว่า “พูด! คุณคนไหนเผ็ดที่สุด?”
หลังจากผ่านไปกว่า 10 รอบ เธอรู้สึกว่าระดับความเผ็ดยังไม่เพียงพอและกินไปอีก 30 รอบ
ในที่สุด หลังจากกินพริกผ่านไป 60 เม็ด ความเผ็ดของพริกก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า นี่อาวุธพริกที่เธอต้องการ
กลิ่นของมันหอมไกลทำให้ผู้คนสำลักและหายใจไม่ออก เฉียวเหม่ยปิดปากและบดพริกด้วยมือ นิ้วของเธอพองขึ้นทันทีและแสบมากจนเจ็บ
ความรู้สึกเย็นๆก็ปรากฎขึ้นจากจี้หยกและกระจายไปที่นิ้วของเธอและอาการบวมก็ลดลงทันที
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า เยี่ยมไปเลย!” เฉียวเหม่ยดึงพริกแห้งทั้งหมดอย่างมีความสุขและห่อด้วยผ้าก่อนจะบดเป็นผง
“พริกนี่เผ็ดแรงไปหรือเปล่าวะ?” เฉียวเหม่ยพูดขณะจาม
พริกป่นนี้หยดหนึ่งจะทำให้คนตาบอดไหม?
ลืมมันซะ ลืมมันซะ เธอทำมันออกมาแล้ว
ถ้าเธอต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เธอคงจะทำงานไปโดยเปล่าประโยชน์ นอกจากนี้ เวลามีไม่พอแล้ว
เธอเงยหน้าขึ้นมองดวงอาทิตย์ ใกล้เที่ยงแล้ว เธอต้องลงจากภูเขาพร้อมฟืน แต่เมื่อเธอกลับถึงบ้านและเปิดประตูเข้าไป เธอเห็นคนที่เธอไม่คาดคิดว่าจะเห็น
“ทำไมคุณมาที่บ้านฉันอีกแล้ว?” เฉียวเหม่ยคว้าจอบที่ถืออยู่ในมือแล้วถามด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด
หวังหยงมองเธอและปิดจมูกด้วยความขยะแขยง คิดว่าเธอเป็นเหมือนข่าวลือที่พูดๆกัน เฉียวเหม่ยมีกลิ่นเหม็นอีกแล้ว
“ฉันเห็นว่าที่ดินของครอบครัวเธอยังว่างเปล่าและรู้สึกสงสาร ฉันเลยมาช่วยเธอพรวนดินและปลูกอะไรสักอย่าง” เขาไม่ได้มองไปที่เฉียวเหม่ยและยังคงพูดต่อไป
“งั้นคุณก็มาที่นี่เพื่อใช้ประโยชน์จากเราเช่นกัน คุณไม่ได้รับการต้อนรับที่นี่ รีบออกไปซะ!” เฉียวเหม่ยต้องการขับไล่เขาออกไป
คิ้วของหวังหยงขมวดเป็นปมทันทีขณะที่เขาหายใจหนัก เขาไม่เคยเจอคนที่หลงผิดขนาดนี้มาก่อน? ไม่มีอะไรที่เขาทำได้ถ้าเธอหน้าตาดี แต่ความจริงก็คือเธอโคตรน่าเกลียด ดำและอ้วน แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังหยิ่งยโส
เธอต้องบ้าแน่ๆ!
มันเป็นความผิดของปู่เธอทั้งหมดที่ทำให้เธอเสียนิสัย เธอไม่รู้สถานะตัวเองและคุณค่าในชีวิตของเธอ เมื่อเธอแต่งงานกับครอบครัวของเขา เขาจะสอนเธออย่างถูกต้องและให้เธอเห็นตัวตนที่แท้จริงของเธออย่างชัดเจน
“ฉันไม่ได้มีเจตนาอื่นใด ฉันแค่อยากจะช่วยเธอคลายดินและทำงานให้เสร็จ” หวังหยงไม่ได้จากไป ถ้าเขาต้องการอบรมเฉียวเหม่ย เขาต้องแต่งงานกับเธอก่อน
เฉียวเหม่ยมองหวังหยงขึ้นและลง อ่านความคิดของเขา
“อย่ายึดติดกับเงินเดือนของปู่มากนัก เงินเดือนเขาไม่พอเลี้ยงฉันด้วยซ้ำ ไม่ว่าฉันจะแต่งงานกับใครในอนาคต ไม่มีใครสามารถคิดเกี่ยวกับเงินจำนวนนี้ได้” เธอพูดกับเขาตรงๆ
หวังหยงไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่มุมปากของเขาโค้งเป็นรอยยิ้มเย็นชา? มีเพียงผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานเท่านั้นที่จะไร้เดียงสา เมื่อเธอแต่งงานกับครอบครัวของเขา เขาจะสอนเธอถึงความหมายของการมีคุณธรรมและกตัญญู
เฉียวเหม่ยมองเขาออกว่านี่เป็นคนดื้อรั้น เธอเกลียดคนที่คอยรังควานเธอ
“ให้ไวเลยออกไปซะ! ถ้าคุณไม่ออกไป ฉันจะร้องให้คนมาช่วย!”
ตอนที่ 34: วีรบุรุษชรา!
เฉียวเหม่ยหยิบจอบข้างเธอแล้วขว้างลงพื้น จอบหมุนไปรอบๆและทำให้ดินแตกกระจายไปทั่ว
เดินลอยขึ้นและกระเด็ดไปที่ขาของหวังหยง ทำให้เขาเจ็บปวดมาก
เขากระโดดด้วยความตกใจและถอยไปตามทิศทางจอบ และถูกเฉียวเหม่ยไล่ออกจากลานบ้านโดยไม่รู้ตัว
“ฉัน เฉียวเหม่ย รู้ตัวเองดี ฉันไม่สามารถยั่วผู้ชายที่ดีอย่างคุณได้หรอก คนที่ทำให้ภรรยาสาปแช่งจนตาย อย่ามาบ้านฉันอีก อย่าเข้ามาในบ้านของฉัน ไม่งั้นฉันจะหักขาคุณซะ”
เฉียวเหม่ยเหวี่ยงจอบและทุบประตูไม้ข้างๆเธอ
ประตูนี้ค่อนข้างเก่าจะพังแหล่ไม่พังแหล่ เฉียวเหม่ยหยิบไม้แผ่นใหม่มาแล้วในวันนี้และกำลังจะเปลี่ยนมัน ตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะใช้ประตูเก่าให้เกิดประโยชน์
เศษไม้กระจายไปทุกทิศทางและชิ้นหนึ่งก็บินตรงไปที่ใบหน้าของหวังหยงทิ้งรอยเลือดไว้
เขาเช็ดใบหน้าของเขาและจ้องมองไปที่เฉียวเหม่ยชั่วครู่ ก่อนจะหันหลังเดินจากไป
ณ ตอนนี้ เฉียวเฉียงเดินมายืนข้างๆเฉียวเหม่ย เมื่อมองไปที่ร่างของหวังหยงที่กำลังเดินจากไป เขากล่าวว่า “ในอนาคต พยายามหลีกเลี่ยงการรุกรานคนที่น่ารังเกียจเช่นนี้ ถ้าทำได้ มิฉะนั้นหลานอาจประสบปัญหาได้”
เฉียวเหม่ยส่ายหัวและพูดอย่างใจเย็นว่า “ตอนนี้เขาจับจ้องที่เราแล้ว เรามีสิ่งที่เขาต้องการที่นี่ ไม่ใช่ว่าเราสามารถซ่อนตัวจากมันเพียงเพราะเราไม่ทำให้เขาขุ่นเคือง”
“ไม่มีทางที่จะซ่อนจากเขา ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องซ่อน เผชิญหน้ากันแบบตัวต่อตัวและล้มเขา แค่นั้น เอาเขาลงให้จม มันก็จบแล้ว”
ทันทีที่เฉียวเหม่ยพูดคำเหล่านั้น ดวงตาของเฉียวเฉียงเป็นประกาย เขามองไปที่เฉียวเหม่ยตรงหน้าเขาและรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าหลานสาวของเขาคล้ายกับเขา เต็มไปด้วยพลัง
เธอไม่ใช่แค่เลือดร้อน แต่เธอยังสงบและฉลาด มีความสามารถในการมองผู้คนในสิ่งที่พวกเขาเป็นออก มันทำให้เขารู้สึกซาบซึ้งจนอยากจะร้องไห้
แม้ว่าเขาจะตายไปและหลานสาวของเขาเฉียวเหม่ยจะไม่ได้แต่งงานกับเซี่ยเจ๋อก็ตาม เขาจากไปได้อย่างสบายใจ หลานสาวของเขาสามารถที่จะอยู่ด้วยตัวเองได้แล้ว
เฉียวเหม่ยไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอรีบหยิบจอบขึ้นมาและรีบปลูกพืชในนาของเธออย่างรวดเร็ว เพื่อให้ทุกคนหยุดมองมัน
คนสองคนในลานบ้านไม่รู้ว่ามีคนจากนอกหมู่บ้านมาหาพวกเขาเป็นกรณีพิเศษ
ชายสองคนที่ดูจริงจังในเครื่องแบบทหารเข้ามาในหมู่บ้านและไปที่บ้านของผู้ใหญ่บ้าน จ้าว
เมื่อมองไปที่ชายทั้งสอง คนทั้งหมู่บ้านก็เริ่มพูดถึงเรื่องนี้ ทุกคนยืนอยู่ในลานบ้านของตัวเองและมองไปทางบ้านของผู้ใหญ่บ้านจ้าว
เกิดอะไรขึ้น?
จะมีการประชุมวิพากษ์อีกหรือไม่? คราวนี้พวกเขาจะวิจารณ์ใคร?
ผู้ใหญ่บ้านจ้าวก็ประหม่าเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อชายสองคนนี้เปิดปากพูด พวกเขาถามเกี่ยวกับเฉียวเหม่ย ผู้ใหญ่บ้านจ้าวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและคิดว่า อาจมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเฉียวเฉียง?
เขาจะถูกองค์กรสอบปากคำทั้งที่อายุเหลือน้อยนิดอย่างนั้นหรือ? เขาพิการและป่วยด้วย ช่างน่าสงสาร
“เด็กคนนั้น เฉียวเหม่ย ไม่เคยทำอะไรผิดเลย”
นอกจากจะขี้เกียจนิดหน่อยและกินเยอะแล้ว เธอไม่ได้ทำอะไรผิด ถูกไหม? สำหรับพ่อแม่ของเธอ พ่อของเธอเสียไปแล้ว และแม่ของเธอก็แต่งงานใหม่ อย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรเลวร้ายที่เป็นของเธอ
มันเป็นเรื่องปกติที่เอจะขี้เกียจ ด้วยขนาดตัวของเฉียวเหม่ย เดินสองก้าวมันก็ยากสำหรับเธอแล้ว นับประสาอะไรกับทำงาน
นอกจากนี้ หัวใจของเขายังอ่อนลงเมื่อนึกถึงวิธีที่เฉียวเหม่ยเรียกเขาว่าลุงจ้าวเมื่อสองสามวันก่อน นอกจากนี้ จ้าวเหลียงยังเห็นอกเห็นใจเฉียวเฉียงและไม่ได้พูดอะไรที่ไม่ดีเกี่ยวกับเธอ
ทั้งสองคนถามเกี่ยวกับเฉียวเหม่ยและตามด้วยคำถามเกี่ยวกับเฉียวเฉียงเช่นกัน ส่วนใหญ่ถามเกี่ยวกับชีวิตของเขาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ก่อนที่ทั้งสองจะมา พวกเขาได้ตรวจสอบประวัติครอบครัวของเฉียวเหม่ยแล้ว พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะพบวีรบุรุษชราเช่นนี้ในหมู่บ้านบนภูเขาแห่งนี้และรู้สึกสะเทือนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้
วีรบุรุษชราอย่างเขาควรเกษียณในบ้านหลังใหญ่ในเมืองหลวงไม่ใช่หรือ? อย่างน้อยที่สุด เขาควรจะอาศัยอยู่ในบ้านพักคนชราเฉพาะทางในจังหวัดและได้รับการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญ!
ทำไมเขาถึงได้มาอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆแบบนี้?